สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1124 ไม้ตาย

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1124 ไม้ตาย

ซือหม่าผิงหยัดกายตรงปัดเศษฝุ่นที่ติดตามเครื่องแต่งกายออกพลางกลอกตาใส่หลู่หยวนผิงหนึ่งที จากนั้นเดินตามกองทัพใหญ่ไปด้านหน้า “เจ้าช่างมั่นใจในตัวเองเสียจริง”

หลู่หยวนผิงวิ่งตามซือหม่าผิงไปยิ้มๆ ทว่า ดวงตายังคงปวดแสบปวดร้อนอยู่เช่นเดิม “เจ้ามีผ้าเช็ดหน้าหรือไม่ ให้ข้ายืมใช้สักหน่อย ข้าแสบตาจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว ทว่า ข้าลืมพกผ้าเช็ดหน้ามาด้วย!”

ซือหม่าผิงอยากย้อนถามว่าหลู่หยวนผิงเป็นสตรีหรืออย่างไรถึงต้องผ้าเช็ดหน้าติดตัวตลอดเวลายามออกเดินทาง ทว่า เมื่อนึกได้ว่าตอนเขาเดินทางเข้าไปในเมืองผิงหยาง เมื่อเด็กสาวอายุราวๆ ห้าขวบคนหนึ่งรู้ว่าพวกเขาคือคนของกองทัพไป๋จึงใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อขนมแบ่งให้พวกเขาทาน พวกเขาจึงพกผ้าเช็ดหน้าติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อคืนให้เด็กน้อยคนนั้น

ซือหม่าผิงคลำหาผ้าเช็ดหน้าในเสื้อของตัวเองแล้วยื่นให้หลู่หยวนผิง “ข้าไปก่อนนะ!”

หลู่หยวนผิงใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อหิมะที่เก็บได้ตามทาง จากนั้นนำมาคลึงบริเวณดวงตาของตัวเอง เขาถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย “ดีกว่าเดิมเยอะเลย…”

หวังต้งขี่ม้าเร็วเข้ามา เหล่าทหารที่คุ้มกันท้ายขบวนเร่งม้ามาด้านหน้า เมื่อเห็นหลู่หยวนผิงกำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาหวังต้งจึงจำหลู่หยวนผิงได้ในทันที เขาตะโกนเสียงดังลั่น

“ชายอกสามศอกร้องไห้เช่นนี้ใช้ได้ที่ใดกัน!”

หลู่หยวนผิงขยับผ้าเช็ดหน้าที่คลึงรอบดวงตาออกพลางเงยหน้าขึ้น จากนั้นตะโกนเสียงขึ้นจมูก

“ข้าไม่ได้ร้องไห้ ข้าแสบตาจากควันพริกแห้งต่างหาก!”

ซือหม่าผิงที่เดินไปด้านหน้าหลุดขำกับคำกล่าวของหลู่หยวนผิง

หวังต้งเห็นหลู่หยวนผิงจึงตะลึงไปเล็กน้อย เขาแสร้งทำเป็นเชื่อคำกล่าวจากเสียงขึ้นจมูกของหลู่หยวนผิง จากนั้นพยักหน้าให้เล็กน้อย

“ทหารกองทัพไป๋จงถ่ายทอดคำสั่งให้ทุกคนยังไม่ต้องเก็บกวาดสถานที่ รีบเร่งเคลื่อนทัพก่อนเผื่อกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งจะย้อนกลับมา!”

เมื่อถ่ายทอดคำสั่งเสร็จหวังต้งจึงควบม้าไปยังหน้าขบวนทันที เขาได้แต่คิดอยู่ในใจว่าเมื่อสงครามครั้งนี้จบลงเขาคงต้องบอกเจ้านายของตัวเองว่าต่อไปนี้อย่าให้หลานชายของหลู่ไท่เว่ยไปออกรบที่ด่านหน้าอีก ให้ทำหน้าที่พ่อครัวในกองทัพก็พอ แค่ออกรบแค่นี้ยังหวาดกลัวจนร้องไห้ถึงเพยงนี้แล้ว…

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นที่พากองทัพช้างหนีศัตรูมาไกลสำลักควันพริกจนไอแห้งมาตลอดทาง เมื่อสัมผัสได้ว่ากลิ่นฉุนที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศหายไปแล้วเขาจึงรีบสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดอย่างเหนื่อยหอบ ช้างศึกลดความเร็วลงเช่นเดียวกัน

ช้างยักษ์บางตัวเดินต่อไปได้ไม่นานเท่าไรก็ล้มลงบนพื้นพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า ไม่ว่าเขาจะเป่าขลุ่ยออกคำสั่งเช่นไรมันก็ไม่ยอมลุกขึ้นจากพื้น

ทว่า ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่กล้าหยุดพักตอนนี้ หากพวกเขาหยุดลงกองทัพต้าโจวต้องไล่ตามมาทันอย่างแน่นอน

ใบหน้าของศิษย์คนโตของจอมเวทย์เต็มไปด้วยเขม่าควันและคราบน้ำตา เขาใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า จากนั้นหันไปนับความเสียหายของกองทัพช้าง

“เสียหายไปเกือบครึ่ง ช้างศึกของพวกเราเสียชีวิตตอนถูกโจมตีไปกว่าครึ่งพ่ะย่ะค่ะ ต้าเยี่ยนและต้าโจวช่างต่ำช้าจริงๆ! พวกมันไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกเราซึ่งๆ หน้าได้แต่ใช้วิธีลับๆ โจมตีพวกเราเช่นนี้!”

“สงครามไม่มีวิธีลับหรือโจ่งแจ้ง วิธีที่เอาชนะได้คือล้วนคือไม้ตายทั้งสิ้น!”

แววตาของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

“ฝ่าข้ามแม่น้ำตันสุ่ยไปให้ได้ รายงานอาเค่อเซี่ยให้รีบนำทัพหลักมารวมตัวกับพวกเรา!”

เทียนเฟิ่งเสียเปรียบทั้งเวลาและสถานที่ พวกเขามั่นใจในตัวเองมากเกินไป คิดว่าขอเพียงทำเสื้อเกราะกันหนาวให้กองทัพช้างเหล่านั้น กองทัพช้างก็คงแสดงศักยภาพของตัวเองได้เต็มที่ราวกับเป็นเจ้าของดินแดนเหมือนเดิม ทว่า พวกเขาไม่เคยย่ำบนหิมะมาก่อนจึงไม่เคยรู้ว่าพื้นหิมะจะลื่นถึงเพียงนี้

ช้างมีขนาดลำตัวใหญ่ อีกทั้งสวมเกราะเหล็กไว้บนตัว เมื่อพวกมันลื่นล้มลงบนพื้นน้ำแข็งจึงยากที่จะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

ต้าเยี่ยนและต้าโจวเป็นคนเจ้าเล่ห์ พวกเขาเลือกใช้ไฟโจมตีเทียนเฟิ่งจากบนที่สูง อีกทั้งใช้กลิ่นฉุนจากพริกไทยและพริกแห้งโจมตีกองทัพช้างเช่นนี้ กองทัพช้างไม่เพียงไม่สามารถแสดงศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ พวกมันยังกลายเป็นภาระของกองทัพเทียนเฟิ่งอีกด้วย

บัดนี้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นรู้สึกเสียใจมาก ตอนนั้นเทียนเฟิ่งไม่น่าสังหารทาสจากแคว้นอื่นมากถึงเพียงนั้น หากตอนนั้นพวกเขาไม่สังหารทาสเหล่านั้นทิ้งทั้งหมด ตอนนี้เทียนเฟิ่งคงไม่ได้มีเพียงกองทัพช้างพวกเขาคงมีจำนวนคนมากพอที่จะต่อสู้กับต้าเยี่ยนและต้าโจวด้วย

ตอนนี้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นรู้แล้วว่าเขาไม่สามารถก้มศีรษะทำตัวนอบน้อมต่อต้าเยี่ยนและต้าโจวได้อีก ต้าเยี่ยนและต้าโจวตั้งใจแน่วแน่ว่าจะกำจัดเทียนเฟิ่งออกไปจากดินแดนแห่งนี้ให้ได้…

เขาดูถูกจักรพรรดิต้าเยี่ยนและต้าโจวมากเกินไป อาจเพราะหลายร้อยปีมานี้ไม่เคยมีศัตรูคนใดเอาชนะกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งได้มาก่อน

ทว่า สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่สนว่าจะสูญเสียกองกำลังไปมากเท่าใด สิ่งสำคัญในตอนนี้คือหยกจักจั่น ขอเพียงเขาสามารถย้อนเวลากลับไปได้ กองทัพช้างของเขาก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

ขอเพียงย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่ใจร้อนเช่นนี้ เขาจะให้จอมเวทย์หาเจ้าของดินแดนแห่งนี้ให้พบเสียก่อนและสังหารเจ้าของดินแดนแห่งนี้ทิ้งเสีย จากนั้นให้ชาวบ้านซีเหลียงเพาะปลูกเสบียงให้เทียนเฟิ่ง เมื่อฤดูหนาวผ่านพ้นไป เมื่อผลผลิตของดินแดนแห่งนี้อุดมสมบูรณ์พร้อม เขาค่อยพากองทัพช้างมาทำลายล้างต้าเยี่ยนและต้าโจวให้ราบคาบ จากนั้นเขาจะทำให้ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งเสบียงที่อุดมสมบูรณ์ของพวกเขา

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นไม่เคยอยากหาหยกจักจั่นที่หายไปให้พบมากเท่าเวลานี้มาก่อน

เสิ่นคุนหยางซึ่งดักซุ่มอยู่ตรงหน้าผาทั้งสองข้างกลางหุบเขาหานเหวินรู้สึกว่าพื้นดินที่เขายืนอยู่กำลังสั่นสะเทือน นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่ากองทัพช้างกำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้

ไม่เพียงแต่เสิ่นคุนหยางเท่านั้นที่รู้สึก ทหารต้าโจวที่ดักซุ่มอยู่บริเวณหน้าผาทั้งสองข้างต่างรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเช่นเดียวกัน

ทหารหนึ่งหมื่นกว่านายดักซุ่มอยู่ตรงหน้าผาสองข้าง ทางออกของหุบเขาถูกม้าซึ่งถูกราดด้วยน้ำมันสนและหินก้อนใหญ่ปิดกั้นไว้แล้ว ทันทีที่กองทัพช้างมาถึงพวกเขาจะเริ่มลงมือทันที

พวกเขาขนน้ำมันสน น้ำมันเพลิงและวัตถุไวไฟทุกอย่างที่สามารถขนยายมาได้จากอำเภอใกล้เคียงมาที่นี่จนหมดเพื่อเตรียมรับมือกับกองทัพช้างอย่างเต็มที่

เสิ่นคุนหยางมีสีหน้าเคร่งเครียด เขารอเวลาออกคำสั่งให้ทหารไปล้อมโจมตีกองทัพช้างทันทีที่พวกมันเคลื่อนตัวมาถึง

“เร็วเข้า รีบเดินทางเร็ว!” ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นตะโกนสั่งเสียงดัง “รีบข้ามแม่น้ำตันสุ่ยไปเร็ว เร่งมือเข้า!”

ไม่รู้เป็นเพราะว่าถูกดักโจมตีที่หน้าทางเข้าหุบเขาหานเหวินมาก่อนหรือไม่ เมื่อศิษย์จอมเวทย์ได้กลิ่นน้ำมันสนที่ลอยมาตามลมจึงจับเสลี่ยงบนหลังช้างแน่นพลางหันไปทางซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นที่มีสีหน้าเคร่งขรึม

“ด้านหน้า…”

“หยุดก่อน!”

ปฏิกิริยาของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นรวดเร็วกว่าศิษย์ของจอมเวทย์ เขาตะโกนสั่งให้กองทัพหยุดลงก่อนที่ศิษย์ของจอมเวทย์จะกล่าวสิ่งใดออกมา ทหารรอบกายของซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นรีบเป่าขลุ่ยสัญญาณทันที

กองทัพช้างที่เร่งมุ่งเดินไปด้านหน้าค่อยหยุดฝีเท้าลง ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเงยหน้ามองไปบนหุบเขาสูง ต้าโจวดักซุ่มอยู่หน้าทางเขาหุบเขาแล้ว พวกเขาไม่น่าจะดักซุ่มอยู่ที่นี่อีกกระมัง…

เสิ่นคุนหยางพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เขามองดูกองทัพช้างที่ค่อยๆ หยุดเคลื่อนตัวลงอย่างใจเย็น บัดนี้กองทัพช้างกว่าครึ่งของเทียนเฟิ่งอยู่ในวงล้อมของพวกเขาแล้ว ทว่า อีกครึ่งยังอยู่นอกวงล้อม หากพวกเขาบุ่มบ่ามลงมือในตอนนี้พวกมันอาจย้อนกลับไปทางเดิมได้ หากคุณชายห้ากำลังสั่งให้คนเก็บกวาดสถานที่อยู่ หากช้างเหล่านี้ย้อนหนีกลับไป ทหารเหล่านั้นอาจเสียชีวิตได้

เสิ่นคุนหยางอยากกำจัดกองทัพช้างทั้งหมดของเทียนเฟิ่งให้จบชีวิตลงที่นี่ในคราวเดียว ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“บางที…” ศิษย์คนโตของจอมเวทย์ได้ยินเพียงเสียงลมพัด เสียงหายใจของกองทัพช้างและเสียงฝีเท้าของทหาร เขาคิดว่าตัวเองคงกังวลมากเกินไปจึงหันไปมองซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น

“กลิ่นเมื่อครู่อาจถูกลมพัดมาก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท! กองทัพต้าโจวไล่ตามมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ทหารที่สังเกตการณ์อยู่ท้ายสุดของขบวนขี่ช้างมาด้านหน้าพลางตะโกนบอกซ่าเอ่อร์เข่อฮั่น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท