ตอนที่ 1153 การแต่งงาน
เมื่อเห็นแววตาร้อนรนของบุตรสาวเย่อิงน่านจึงรีบตบหลังมือของบุตรสาวเบาๆ อย่างปลอบโยน “เจ้าไม่ต้องห่วง แม่ของเจ้าไม่ใช่คนโง่ หากบุตรสาวของแม่ต้องแต่งงานย่อมต้องแต่งกับบุรุษที่โดดเด่นที่สุดในราชวงศ์ของพวกเขา ทว่า หากไม่ได้จริงๆ เจ้าก็อย่าโทษแม่เลยนะ แม่จำเป็นต้องทำเพื่อครอบครัวของพวกเรา!”
เมื่อเย่อิงน่านเห็นบุตรสาวกัดปากของตัวเองแน่นจึงรีบกล่าวเสริม “แม้ขาจะพิการก็มีข้อดีเช่นเดียวกัน หากเจ้ามีสามีเช่นนี้…วันหน้าเจ้าต้องควบคุมเขาได้อย่างง่ายดายแน่นอน”
“ท่านแม่…” บุตรสาวของเย่อิงน่านจับมือมารดาของตัวเองแน่น เมื่อเหลือบเห็นบิดาซึ่งยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าร้อนใจแต่ไม่กล้าเอ่ยกับมารดา บุตรสาวของเย่อิงน่านจึงเดินเข้าไปใกล้มารดาจากนั้นกล่าวเสียงเบา “ลูกมีวิธีเจ้าค่ะ…”
“เจ้าลองว่ามา…” เย่อิงน่านเอ่ยขึ้น
“ท่านแม่ ท่านมักกล่าวอยู่เสมอว่ายามสตรีตั้งครรภ์คือการยื่นเท้าข้างหนึ่งไปยังปรโลก ท่านว่าหากข้าได้แต่งงานกับน้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว หากจักรพรรดินีแห่งต้าโจวไม่สามารถคลอดลูกในท้องออกมาได้อย่างราบรื่น หากนางเสียชีวิตทั้งแม่และลูก ท่านแม่คิดว่าบัลลังก์ของต้าโจวจะตกอยู่ในมือของผู้ใดเป็นคนถัดไปเจ้าคะ”
บุตรสาวของเย่อิงน่านกล่าวกับเย่อิงน่านเสียงเบา นางรู้ดีว่าท่านยายของนางมีวิธีลับมากมาย มิเช่นนั้นตอนท่านยายของนางยังมีชีวิตอยู่คงไม่สามารถอยู่ในตระกูลเย่ได้อย่างมั่นคง ทำให้ท่านตาของนางหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นจนคิดว่าท่านยายเป็นสตรีอ่อนโยนและอ่อนหวานเช่นนี้หรอก
เย่อิงน่านตะลึง นางมองไปทางบุตรสาวของตัวเอง เมื่อเห็นนางมีสีหน้าเขินอายเหมือนสตรีสาวทั่วไปจึงกล่าวออกมายิ้มๆ “แม่นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน”
บุตรสาวของเย่อิงน่านรีบก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยท่าทีหวาดกลัว จากนั้นทำความเคารพมารดาของตัวเอง “ลูกแค่เอ่ยให้ท่านแม่ฟังเท่านั้นเจ้าค่ะ ลูกทำเพื่อความอยู่รอดและเกียรติยศของตระกูลเรา หากท่านแม่คิดว่าไม่เหมาะสมก็ถือเสียว่าลูกกล่าววาจาเลอะเลือนเถิดเจ้าค่ะ”
“ฮูหยิน คนที่มาเชิญพวกเรารออยู่ด้านนอกนานแล้ว!” เจ้าเมืองเอ่ยเร่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ
เย่อิงน่านตบมือของบุตรสาวเบาๆ นางจัดเครื่องแต่งกายของตัวเองให้เรียบร้อยอย่างวางมาดพลางเหลือบมองสามีของตัวเองด้วยหางตาแวบหนึ่ง “ไปเถิด!”
ที่นี่คือจวนเจ้าเมือง คือบ้านของฮูหยินเจ้าเมือง ฮูหยินเจ้าเมืองเย่อิงน่านคิดว่าตัวเองคือตัวการสำคัญที่จะช่วยให้ไป๋ชิงเหยียนยึดด่านเย่เฉิงได้ เย่อิงน่านจึงนั่งลงบนเก้าอี้ประมุขโดยไม่รอให้ไป๋ชิงเหยียนมาถึงก่อนแม้แต่น้อย
เจ้าเมืองอยากฉุดฮูหยินของตัวเองให้ลุกขึ้น ทว่า เขาไม่กล้าพอจึงทำได้เพียงกระตุกชายเสื้อของฮูหยินอยู่ด้านข้างพลางเอ่ยเสียงเบา “เจ้ารีบลุกขึ้นเถิด! เดี๋ยวจักรพรรดินีจะเสด็จมาแล้ว แม้พวกเราจะมีเหตุผลก็อาจกลายเป็นคนไร้มารยาทได้ หากพวกเราถูกลากออกไปประหารจะทำเช่นไร”
เย่อิงน่านถลึงตาใส่สามีผู้ไม่ได้เรื่องของตัวเอง “ดูท่าทางของท่านสิ ที่นี่คือจวนของพวกเรา อีกอย่างนางก็ยังมาไม่ถึงเสียหน่อย…”
สิ้นเสียงของเย่อิงน่าน ไป๋ชิงเหยียนและเซียวรั่วไห่เดินมาถึงหน้าโถงรับรองพอดี ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เจ้าเมืองรีบกระชากร่างของภรรยาของตัวเองให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยลืมความหวาดกลัวไปหมดสิ้น เขารีบก้าวเข้าไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คารวะฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”
เย่อิงน่านย่อกายทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน “คารวะฝ่าบาท เชิญฝ่าบาทประทับก่อนเพคะ!”
ไป๋ชิงเหยียนมองไปยังร่างของเจ้าเมืองที่อยู่ในอาการสำรวมแล้วมองไปทางเย่อิงน่านแวบหนึ่ง จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ประมุข “ได้ยินว่าฮูหยินของเจ้าเมืองคือน้องสาวของแม่ทัพเย่โส่วกวนอย่างนั้นหรือ”
“เพคะ…” เย่อิงน่านเอ่ยตอบยิ้มๆ จากนั้นกล่าวต่อ “หม่อมฉันมีแผนที่สามารถช่วยให้ฝ่าบาทยึดครองด่านเย่เฉิงได้อย่างง่ายดายเพคะ”
เย่อิงน่านกล่าวจบจึงเม้มปากยิ้มๆ ราวกับกำลังรอให้ไป๋ชิงเหยียนถามต่อ
ทว่า ไป๋ชิงเหยียนทำเพียงปรายตามองมาทางนางแวบหนึ่ง จากนั้นรับถ้วยชาจากเว่ยจงมาเป่าไอร้อน โดยไม่มีท่าทีว่าจะเอ่ยถามเย่อิงน่านต่อแม้แต่น้อย เย่อิงน่านกำหมัดแน่น นางก้าวเข้าไปทำความเคารพอีกครั้ง จากนั้นเอ่ยต่อ “หม่อมฉันจะบอกวิธีการยึดด่านเย่เฉิงให้ฝ่าบาททราบ ทว่า หม่อมฉันอยากได้ความเมตตาจากฝ่าบาทเพคะ…”
“ดูเหมือนว่าความเมตตาที่ฮูหยินเจ้าเมืองต้องการจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนราบเรียบ
เย่อิงน่านมองไปทางสามีของตัวเองแวบหนึ่ง เจ้าเมืองก้าวไปด้านหน้า จากนั้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอย่างนอบน้อมแล้วกล่าวขึ้น “ฝ่าบาทอาจไม่ทราบว่าภรรยาของกระหม่อมคือน้องสาวแท้ๆ ของแม่ทัพผู้คุ้มกันด่านเย่เฉิง ความเมตตาที่ภรรยาของกระหม่อมอยากทูลขอจากฝ่าบาทคุ้มค่ากับสิ่งที่นางจะทูลให้ฝ่าบาททราบเกี่ยวกับด่านเย่เฉิงมากพ่ะย่ะค่ะ ด่านเย่เฉิงป้องกันง่าย ทว่า โจมตียาก ภายในด่านมีเสบียงอาหารมากเพียงพอ ถึงแม้พวกเขาไม่สามารถออกจากด่านได้ ทว่า พวกเขาสามารถทนอยู่ได้หลายเดือนพ่ะย่ะค่ะ”
“บุตรสาวของกระหม่อมเรียกแม่ทัพผู้คุ้มกันด่านเย่เฉิงว่าท่านลุง…” เจ้าเมืองเหลือบมองสีหน้าของไป๋ชิงเหยียนเล็กน้อยจากนั้นก้มหน้ากล่าวต่อ “หากฝ่าบาททรงพระราชทานอนุญาตให้บุตรสาวของกระหม่อมได้แต่งงานกับพระอนุชาของฝ่าบาท พวกเราสองตระกูลจะกลายเป็นดองกัน กระหม่อมจะให้ภรรยาของกระหม่อมพาบุตรสาวไปขอร้องให้ท่านแม่ทัพด่านเย่เฉิงยอมจำนนต่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเจ้าคิดว่าผู้ใดก็สามารถอาจเอื้อมแต่งงานกับน้องชายและน้องสาวของเราได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนมองใบชาที่ลอยอยู่เหนือน้ำในถ้วยชาของตัวเอง น้ำเสียงยังคงราบเรียบเหมือนเคย ทว่า เมื่อเงยหน้าขึ้น แววตาคู่นั้นคมกริบจนคนมองเสียวสันหลังวาบ
เจ้าเมืองรีบคุกเข่าลงด้วยความตกใจ
ไป๋ชิงเหยียนหรี่ตาแคบลง “ที่สำคัญเราได้ยินมาว่าแม่ทัพชราเย่หลงอนุจนภรรยาเอกตรอมใจตาย แม่ทัพคุ้มกันด่านเย่เฉิงน่าจะมีความแค้นกับฮูหยินของเจ้าเมืองมาก เจ้าบอกว่านางสามารถเกลี้ยกล่อมแม่ทัพเย่ได้อย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าเราโง่มากจนพวกเจ้าจะหลอกเช่นไรก็ได้อย่างนั้นหรือ!”
เจ้าเมืองรีบก้มศีรษะคำนับแนบพื้น จากนั้นกล่าวต่ออย่างร้อนใจ “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้หลอกลวงฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ หากแม่ทัพเย่ไม่ยอมจำนนจริงๆ ด้วยฐานะของฮูหยินของกระหม่อม นางมีเส้นสายอยู่ในกองทัพเย่พอสมควร นางต้องทำให้ทหารเหล่านั้นเปิดประตูเมืองให้กองทัพต้าโจวบุกเข้าไปได้แน่พ่ะย่ะค่ะ”
เย่อิงน่านได้ยินจึงรีบคลานเข่าไปด้านหน้าแล้วกล่าวเสริม “ฝ่าบาท ตระกูลเย่คุ้มกันด่านเย่เฉิงมาทุกรุ่น ตอนท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่หม่อมฉันคือบุตรสาวที่ท่านรักมากที่สุด ก่อนจากไปท่านพ่อกลัวว่าหม่อมฉันจะถูกผู้อื่นรังแกจึงมอบคนให้หม่อมฉันจำนวนหนึ่ง หากวันหน้าเมื่อท่านจากไปแล้วแม่ทัพเย่ต้องการแก้แค้นหม่อมฉันขึ้นมาหม่อมฉันจะได้ปกป้องชีวิตของตัวเองได้เพคะ! หม่อมฉันกล้าสาบานต่อเทพเจ้าว่าหากหม่อมฉันโกหกแม้แต่คำเดียวขอให้ครอบครัวของหม่อมฉันมีอันเป็นไปทั้งตระกูลเพคะ! ขอให้บุตรชายของหม่อมฉันไร้ทายาท บุตรสาวกลายเป็นโสเภณีต้อยต่ำ ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกเลยตลอดชีวิตเพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนขยับท่านั่งเล็กน้อยพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ นางมองไปยังสตรีที่กล้าสาบานต่อเทพเจ้าอย่างไม่เกรงกลัวตรงหน้า คนซีเหลียงศรัทธาในเทพเจ้า นางกล้าสาบานเช่นนี้ค่อยมีความน่าเชื่อถือขึ้นมาหน่อย ที่สำคัญนางใช้ชีวิตของบุตรชายและบุตรสาวของตัวเองในการสาบานอีกด้วย
ที่สำคัญเรื่องที่ฮูหยินเจ้าเมืองกล่าวว่าแม่ทัพชราเย่ทิ้งคนไว้ปกป้องนางน่าเชื่อถือมาก มารดาของนางเป็นอนุที่ได้รับความโปรดปรานมาก ตอนนางยังมีชีวิตอยู่ย่อมมีเส้นสายของตัวเองอยู่ในมือเป็นธรรมดา
ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ไป๋ชิงเหยียนก็ไม่จำเป็นต้องนำการแต่งงานของทายาทตระกูลไป๋มาเป็นข้อแลกเปลี่ยนอยู่ดี แต่การที่ฮูหยินเจ้าเมืองกล่าวเช่นนี้ทำให้ไป๋ชิงเหยียนเกิดความคิดใหม่ขึ้นมาทันที
“เจ้าเมืองและฮูหยินกล่าวออกมาลอยๆ เช่นนี้แล้วคิดว่าจะได้แต่งงานกับคนตระกูลไป๋อย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนลูบถ้วยชาในมือเบาๆ