บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่ – ตอนที่ 178 Rencounter

บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

“ไปทางด้านนอกเมืองงั้นหรอ…”

ในขณะที่ทางด้านอาริสะกำลังไปจัดเตรียมทีมแพทย์อยู่นั้นเอง ทางด้านเซซิเรียที่รีบพุ่งตัวตามหญิงสาวผมแดงที่มือชุ่มไปด้วยเลือดเองก็ได้ไล่ตามร่องรอยที่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจงใจทิ้งเอาไว้ให้เธอเห็นเป็นระยะๆ ไปจนถึงด้านบนกำแพงเมืองแพนเทร่า

 

ซึ่งเซซิเรียที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งตัวออกจากตัวเมืองแพนเทร่าไปทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือผ่านป่าลึกทึบไปจนถึงทุ่งโล่งที่อยู่ติดกับตีนภูเขาสูงชันจนได้พบเข้ากับหญิงสาวผมสีแดงในชุดผ้าคลุมของพวกนักผจญภัยที่ดูเหมือนว่าจะกำลังยืนรอเธออยู่เข้า

 

“ว่าไงเซซิเรีย~ ตามฉันมาได้ถึงขนาดนี้แปลว่าเป็นตัวจริงจริงๆ ด้วยสินะ ฉันก็นึกว่าเป็นยัยหัวเขียวจากที่ไหนก็ไม่รู้ซะอีก~”

 

“ไคเลอร์!!”

 

ฟุ่บ—ฟุ่บ—!

 

คำพูดทักทายของหญิงสาวผมสีแดงหรือก็คือ ไคเลอร์ หญิงสาวคนที่เป็นผู้ฝึกฝนซัมเมอร์กับอิซานางิให้กับกลุ่มของเด็กสาวในชุดผ้าคลุมและเคยเข้ามาต่อสู้กับนากาในป่าทึบข้างหมู่บ้านโมริกะรวมถึงที่ด้านหลังคฤหาสน์ของเวก้าได้ทำให้เซซิเรียหลุดร้องเรียกชื่อของอีกฝ่ายขึ้นมาพร้อมๆ กับที่เธอได้สร้างหอกคริสตัลขึ้นมาถือเอาไว้และแทงปลายหอกแหลมคมเข้าใส่ที่กลางใบหน้าของอีกฝ่ายในทันทีราวกับว่าพวกเธอเป็นศัตรูคู่แค้นที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้เสียอย่างไรอย่างนั้น

 

ฉึบ!!

 

แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านไคเลอร์ที่ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีที่รวดเร็วจนแทบจะมองตามไม่ทันก็กลับทำเพียงแค่เอียงคอหลบเล็กน้อยทำให้ปลายหอกของเซซิเรียพุ่งเฉียดผ่านใบหน้าของเธอไปได้อย่างไม่ยากลำบากอะไรนักและเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ

 

“ช้าลงไปเยอะเลยนะเธอน่ะ คลุกคลีอยู่กับมนุษย์พวกนั้นมากเกินไปแล้วหรือเปล่าน่ะหะ?”

 

ฟวับ—ปึ๊ก!

 

“—!?”

 

ครืดดดดดด—

 

ยังไม่ทันที่จะสิ้นเสียงของไคเลอร์ดีนั้นเอง หญิงสาวผมสีแดงก็ได้สะบัดเท้าเตะเข้าใส่เซซิเรียอย่างรุนแรง ซึ่งถึงแม้ว่าเซซิเรียจะยังคงสามารถชักหอกคริสตัลของเธอกลับไปป้องกันตัวได้ทันแต่ทว่าแรงกระแทกที่เกิดขึ้นมันก็ยังคงทำให้ร่างกายของเธอปลิวกระเด็นถอยกลับไปไกลจนทำให้ไคเลอร์ที่เห็นแบบนั้นเริ่มที่จะยกมือขึ้นมาหักข้อนิ้วจนเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บและเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ต่อให้ตัดการเชื่อมต่อกับคุณแม่ไปแล้วแต่เธอก็ยังใช้ความสามารถต่างๆ ได้อยู่ดีงั้นสินะ ก็นับว่าโตขึ้นจากยัยเด็กขี้แยเมื่อตอนนั้นตั้งเยอะแล้วไม่ใช่หรอไง… แบบนี้ดูท่าทางว่าทางฝั่งฉันคงจะไม่ต้องสนใจเรื่องสัญญาที่ว่าห้ามใช้อาวุธแล้วล่ะมั้ง~”

 

“ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่!? วางแผนอะไรเอาไว้กันหะ!?”

 

“เฮ้ๆ ฉันก็แค่บังเอิญผ่านมาแถวนี้แล้วเห็นว่ามียัยหัวเขียวที่ไหนก็ไม่รู้กำลังโดนสไนเปอร์ส่องหัวอยู่โดยไม่รู้ตัวก็เลยแวะมาช่วยเลยนะเนี่ย ฝีมือตกเกินไปแล้วหรือเปล่าน่ะคุณสารวัตรเซซิเรีย~?”

 

ไคเลอร์พูดตอบเซซิเรียกลับไปด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนที่เธอจะสะบัดผ้าคลุมที่เธอสวมใส่อยู่ออกเผยให้เห็นชุดกระโปรงรัดรูปสีแดงที่เธอสวมใส่เอาไว้ภายในก่อนที่ทันใดนั้นเองไคเลอร์จะยื่นมือออกไปเบื้องหน้าและก่อให้เกิดแสงสว่างสีขาวทรงกระบอกที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนสภาพไปจนมีลักษณะคล้ายกับหอกคริสตัลที่เซซิเรียถือเอาไว้อย่างมาก

 

เพล๊ง—

 

ซึ่งไคเลอร์ที่คว้าจับเอาหอกแสงที่ปรากฏขึ้นมากลางอากาศมาถือเอาไว้นั้นก็ได้สะบัดมันชี้ตรงไปทางเซซิเรียอย่างรวดเร็วจนทำให้แสงสว่างที่เคยห่อหุ้มมันเอาไว้แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ เผยให้เห็นหอกที่ทำมาจากเหล็กธรรมดาๆ ที่อยู่ภายในพร้อมๆ กับที่ไคเลอร์ได้เอ่ยปากพูดท้าทายขึ้นมา

 

“ว่าไงล่ะ สนใจจะมาลับฝีมือกันสักหน่อยมั้ย มันก็อย่างที่รู้กันว่ามนุษย์ของที่นี่มันมีแต่พวกอ่อนแอเหมือนกับหนอนแมลงกินซากกันทั้งนั้น ถึงพวกที่หัวหน้าแนะนำมาจะพอมีฝีมืออยู่บ้างก็เถอะ แต่ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ แล้วพวกมันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากพวกลูกเจี๊ยบที่ยังไม่คู่ควรที่ต่อให้ฉันจะฆ่าพวกมันไปสักเท่าไหร่พวกมันก็ไม่ได้ทำให้มีอารมณ์ขึ้นมาเลยสักนิด… ในตอนนี้ถ้าจะมีใครที่ทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาได้ก็มีแค่เธอนั่นล่ะเซซิเรีย!!”

 

“หุบปาก!! คนอย่างแกไม่มีสิทธิที่จะไปทำแบบนั้น!! แกมันไม่เหมือนกับหัวหน้า… ที่แกทำลงไปทั้งหมดนั่นมันก็แค่เพื่อความสนุกของตัวเองเท่านั้น!!”

 

คำพูดของไคเลอร์ได้ทำให้เซซิเรียขึ้นเสียงพูดตอบกลับไปก่อนที่เธอจะเรียกหอกคริสตัลสีเขียวออกมาเตรียมพร้อมเอาไว้อีกห้าเล่มที่กลางอากาศเบื้องหลัง และนั่นก็ทำให้ไคเลอร์ที่เห็นแบบนั้นส่งเสียงหัวเราะดังลั่นออกมาด้วยความตื่นเต้น

 

“ฮะฮะฮะ!! ต้องแบบนี้สิ!! โกรธฉันมากกว่านี้อีก!! รุนแรงมากกว่านี้อีก!! ให้การสังสรรค์ของเพื่อนเก่าอย่างพวกเรามันน่าตื่นเต้นกว่านี้อีก!!”

 

“ปีศาจอย่างแกไม่มีสิทธิจะมาเรียกฉันว่าเพื่อน!!”

 

เซซิเรียที่ได้ยินคำพูดของไคเลอร์นั้นได้ตวาดกลับไปใส่หญิงสาวผู้บ้าคลั่งเสียงดังพร้อมๆ กับที่หอกคริสตัลทั้งห้าเล่มของเธอได้พุ่งเข้าใส่ไคเลอร์พร้อมๆ กันด้วยความเร็วที่ทำให้ดูราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่เส้นแสงสีเขียวเส้นบางๆ เพียงเท่านั้น

 

ฟวับ—เคร๊ง!!!

 

“เรื่องนั้นมันก็แค่จากมุมมองของเธอเท่านั้นแหล่ะน่า!!”

 

แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ไคเลอร์ทำก็มีเพียงแค่ขยับขาเพื่อเอียงตัวเล็กน้อยพร้อมกับตวัดหอกเหล็กธรรมดาๆ ในมือของเธอไปเบื้องหน้าเพื่อกระแทกมันเข้าใส่หอกคริสตัลสองเล่มของเซซิเรียจนมันปลิวกระเด็นออกไปจากวิถีเดิมในขณะที่หอกคริสตัลอีกสามเล่มที่เหลือนั้นได้พุ่งพลาดเป้าไปอย่างฉิวเฉียดและทำได้เพียงแค่ทำให้ผ้าคลุมของไคเลอร์ที่ปลิวไสวไปตามสายลมขาดแหว่งเพิ่มเติมเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

 

“ถึงโครงสร้างและความแข็งแรงจะพัฒนาขึ้นก็เถอะ แต่ถ้าจะใช้มันในการโจมตีระยะไกลอย่างเดียวแบบนี้สู้ไปหาปืนมาสักกระบอกดีกว่ามั้ง!!”

 

ฟุ๊บ—

 

“…………”

 

เสียงพูดท้าทายของไคเลอร์นั้นกลับไร้ซึ่งเสียงตอบรับของเซซิเรียผู้เป็นคู่ต่อสู้ เมื่อหญิงสาวที่ถูกเรียกนำหน้าว่าสารวัตรได้หายตัวไปจากจุดเดิมเสียแล้วราวกับเธอรู้ว่าการโจมตีด้วยการยิงหอกห้าเล่มของเธอไปตรงๆ คงจะทำอะไรไคเลอร์ไม่ได้แน่ๆ เธอจึงใช้มันเป็นเพียงแค่การโจมตีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น

 

แต่ถึงแม้ว่าไคเลอร์จะเห็นคู่ต่อสู้ของเธอหายตัวไปเฉยๆ เสียอย่างนั้น หญิงสาวก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะแปลกใจอะไรเลยแม้แต่น้อยพร้อมกับเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนท้องฟ้าราวกับรู้อยู่แล้วว่าคู่ต่อสู้ของเธอกำลังพยายามที่จะทำอะไรพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

 

“โอ๊ะ— เริ่มมาก็จัดท่ายากเลยงั้นหรอ”

 

“ย๊ากกกกกก!!”

 

ฟ๊าววววววว—

 

“ฮ่า! การต่อสู้น่ะมันก็ต้องอย่างงี้สิ!!”

 

เสียงกู่ร้องของเซซิเรียที่ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเสียดแหลมราวกับว่ากำลังมีอะไรบางอย่างร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้านั้นได้ทำให้ไคเลอร์แสยะยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นก่อนที่เธอจะสะบัดมือออกไปเบื้องหน้าเพื่อคว้าเอาปลายหอกคริสตัลของเซซิเรียที่ร้อนจนกลายเป็นสีแดงจากความเร็วในการพุ่งลงมาจากฟากฟ้าเบื้องบนเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ

 

ตึ้ง!!

 

ซึ่งแรงกระแทกที่เกิดขึ้นจากการที่ไคเลอร์พุ่งมือไปคว้าปลายหอกของเซซิเรียเอาไว้หรือจะเรียกว่าเป็นการรับการโจมตีเข้าไปตรงๆ เลยก็ว่าได้แบบนั้นก็ได้ทำให้พื้นดินบริเวณรอบๆ จุดที่ไคเลอร์ยืนอยู่ทรุดตัวลงไปเป็นบริเวณกว้าง

 

แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านไคเลอร์ที่ใช้มือเปล่าๆ ของเธอคว้าจับปลายหอกของเซซิเรียเอาไว้ก็กลับไม่มีท่าทีว่าจะสะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อยและยังคงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ เช่นเดิม

 

“เกือบไปๆ นึกว่าจะคว้าเอาไว้ไม่ทันซะแล้วนะเนี่ย”

 

“ยังหรอกน่า!!”

 

ตึ้ง!!

 

“โอ๊ะ—”

 

ในทันทีที่สิ้นเสียงร้องตะโกนของเซซิเรียนั้นเองหอกคริสตัลของเซซิเรียก็ได้เพิ่มแรงกดลงไปมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดจนทำให้พื้นดินบริเวณรอบๆ ตัวไคเลอร์ยุบตัวลงไปอีกขั้นหนึ่งพร้อมๆ กับที่หอกคริสตัลทั้งห้าเล่มของเซซิเรียที่พุ่งพลาดเป้าไปเมื่อสักครู่จะพุ่งกลับมาลอยวนล้อมรอบตัวไคเลอร์เอาไว้

 

“ไคเลอร์ ซิกมอร์! ความบ้าคลั่งของแกฉันจะเป็นคนหยุดมันเอาไว้ตรงนี้เอง!!!”

 

“แล้วคิดว่าแค่คำพูดแบบนั้นมันจะหยุดฉันได้หรือไง!!”

 

เปรี๊ยะ—

 

ในขณะที่เซซิเรียกำลังเอ่ยปากพูดออกมาอยู่นั้นเอง ทางด้านไคเลอร์ที่ถูกกดทับเอาไว้ก็ได้เอ่ยปากพูดสวนกลับไปด้วยเช่นเดียวกันอีกทั้งเธอยังออกแรงบีบปลายหอกคริสตัลของเซซิเรียจนมันส่งเสียงแตกร้าวดังลั่นออกมา และนั่นก็ทำให้เซซิเรียตัดสินใจที่จะสั่งให้หอกคริสตัลทั้งห้าของเธอพุ่งเข้าโจมตีใส่ไคเลอร์ในทันที

 

ฟรุ๊มม—!! ฟุ๊บ– เพล๊ง!!

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็กลับดูเหมือนว่าการโจมตีของเซซิเรียที่สั่งให้หอกคริสตัลทั้งห้าของเธอพุ่งเข้าใส่ไคเลอร์อย่างรุนแรงจนมวลอากาศรอบๆ ระเบิดออกจนเกิดเสียงดังลั่นนั้นก็ยังคงไม่ทันการอยู่ดี เมื่อไคเลอร์ได้ออกแรงกระโดดสวนแรงกดทับของเธอกลับมาจนร่างของทั้งสองคนลอยกลับขึ้นไปข้างบนท้องฟ้าจนทำให้หอกคริสตัลทั้งห้าพลาดเป้าไปอย่างฉิวเฉียดอีกทั้งยังออกแรงบีบหอกคริสตัลที่เธอบีบจับเอาไว้จนแตกหักไปคามือเสียอีกต่างหาก

 

ซึ่งทางด้านไคเลอร์ที่เพิ่งจะทำเรื่องน่าเหลือเชื่อจนเซซิเรียต้องเบิ่งตากว้างด้วยความตกตะลึงนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและเริ่มต้นเหวี่ยงหอกเหล็กที่เธอถือเอาไว้ในมืออีกข้างเข้าโรมรันอย่างต่อเนื่องทั้งๆ ที่ทั้งคู่ยังคงลอยอยู่กลางอากาศในทันที

 

ปึ๊ก–ปึ๊ก–ปึ๊ก–ปึ๊ก–ปึ๊ก!!

 

ถึงแม้ว่าการโจมตีของไคเลอร์จะดุดันและรวดเร็วจนเซซิเรียแทบจะมองตามไม่ทันก็ตาม แต่ว่าหญิงสาวก็ยังคงสามารถที่จะใช้หอกคริสตัลที่เหลือแต่ด้ามในมือตั้งรับได้โดยไม่พลาดพลั้งไปเสียก่อนจนทำให้ไคเลอร์แสยะยิ้มออกมาอีกครั้งและร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

“ฮะฮะฮะ!! นั่นแหล่ะเซซิเรีย!! เร็วกว่านี้ เร็วกว่านี้เข้าไปอีก!!!”

 

ฉึบ–ฉึบ–

 

“ชิ—!!”

 

เสียงพูดของไคเลอร์และการโจมตีที่ดูเหมือนว่าจะเร่งความเร็วขึ้นไปตามความตื่นเต้นของหญิงสาวผมแดงนั้นได้ทำให้ทางด้านเซซิเรียเริ่มที่จะต้านรับเอาไว้ได้ไม่ทันและเริ่มที่จะเกิดบาดแผลขึ้นมาตามตัวบ้างเสียแล้ว

 

วิ๊ง…

 

“หื้ม—!?”

 

แต่แล้วในขณะที่หญิงสาวทั้งสองคนกำลังโรมรันฟาดฟันกันอยู่กลางอากาศนั้นเอง อยู่ๆ ไคเลอร์ก็ได้หยุดมือไปอย่างกะทันหันเมื่อเธอได้สังเกตเห็นประกายแสงจุดเล็กๆ ส่องสว่างขึ้นมาจากแนวต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปไกล และนั่นก็ทำให้ไคเลอร์ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดพึมพำออกมาด้วยความหัวเสีย

 

“พวกถ้ำมองเยอะซะจริง!!”

 

“หยุดนะไคเลอร์!!”

 

ฟุ๊บ–!! โคร๊ม!!!

 

ในทันทีที่ไคเลอร์ตวาดออกมาจนจบนั้นเอง หญิงสาวก็ได้สะบัดมือซัดเศษปลายหอกคริสตัลของเซซิเรียที่เธอยังคงถือเอาไว้ในมือให้พุ่งตรงไปยังจุดที่มีแสงสะท้อนจากเลนส์กล้องส่องทางไกลที่ส่องสว่างมาให้พวกเธอเห็นอย่างรุนแรงจนทำให้แนวต้นไม้ที่อยู่บริเวณนั้นหักโค่นลงมาระเนระนาดได้อย่างน่าอัศจรรย์ทั้งๆ ที่สิ่งที่เธอขว้างปาออกไปมันเป็นเพียงแค่เศษปลายหอกขนาดเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งท่อนแขนเท่านั้น

 

“ยัยปีศาจ!!”

 

และในขณะที่ไคเลอร์กำลังหัวเสียอยู่นั้นเอง ทางด้านเซซิเรียที่ขัดขวางการกระทำของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ได้ไม่ทันก็ได้ใช้จังหวะนี้ในการเหวี่ยงด้ามหอกของเธอเข้าใส่ไคเลอร์อย่างรุนแรงจนทำให้ไคเลอร์ต้องรีบสะบัดแขนเข้ามาตั้งรับในทันที

 

ผลัก!!

 

แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็กลับเป็นการที่เซซิเรียสู้แรงของไคเลอร์ไม่ได้และเป็นฝ่ายที่ต้องกระเด็นถอยออกไปตั้งหลักเสียเองเสียอย่างนั้น ซึ่งเซซิเรียก็ได้ใช้จังหวะที่ไคเลอร์ไม่ได้บุกตามมาโจมตีเธอต่อในการเรียกหอกคริสตัลชุดใหม่ออกมาเพิ่มและซ่อมแซมหอกคริสตัลสีเขียวที่เธอถือเอาไว้ในมือเสียแทน

 

“ให้ตายสิ คนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันก็ดันส่งคนมาขัดซะได้ ถ้าคิดจะตามตัวกันก็หาจังหวะที่มันดีๆ หน่อยเซ่…”

 

แต่ถึงแม้ว่าไคเลอร์จะสังเกตเห็นว่าเซซิเรียได้แอบใช้ช่วงเวลานี้ในการเตรียมพร้อมที่จะเข้ามาต่อสู้อีกครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม สิ่งที่หญิงสาวผมแดงทำก็เป็นเพียงแค่การพูดบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์เสียจนทำให้เซซิเรียที่ได้ยินแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดถามออกมา

 

“คนที่น่าจะกล้ามาตามตัวแกแบบนี้ก็น่าจะมีแค่พวกหัวหน้าไม่ใช่หรอไง? หรือว่าเดี๋ยวนี้แกบ้าถึงขั้นซัดใส่พวกเดียวกันเองแล้วกัน?”

 

“ห๋า…? ถึงฉันจะเคยไปสอนพิเศษให้พวกยัยหนูกระจอกๆ พวกนั้นตามที่หัวหน้าเขาขอมาก็เถอะแต่ฉันไม่ได้เข้าร่วมกับพวกหัวหน้าเขาด้วยสักหน่อย แถมพวกหัวหน้ามียัยนัวร์อยู่ด้วยแล้วแบบนั้นคงจะเหลืออะไรให้ฉันช่วยหรอก”

 

“แกไม่ได้เข้าร่วมกับพวกหัวหน้างั้นหรอ…? เพราะงั้นที่ผ่านมาแกถึงได้เที่ยวไปทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เรื่อยๆ แบบนั้นสินะ”

 

“เฮ้ๆ ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ฉันก็เป็นคนพูดคำไหนคำนั้นไม่เหมือนกับพวกเธอที่ยื่นมือเข้าไปช่วยมนุษย์พวกนี้หรอกนะ แล้วที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้เที่ยวไปไล่ฆ่าใครมั่วๆ ซั่วๆ ด้วยแต่มันเป็นเพราะว่ามนุษย์พวกนั้นมันดันเข้ามายุ่มย่ามกับฉันหรืองานที่ฉันรับมาฆ่าเวลาเล่นกันเองต่างหากล่ะ”

 

ไคเลอร์ที่ได้ยินคำพูดของเซซิเรียนั้นได้พูดตอบเธอกลับไปด้วยท่าทีสบายๆ และนั่นก็ทำให้เซซิเรียที่รู้จักกับไคเลอร์มาตั้งแต่สมัยก่อนพอจะดูออกอยู่บ้างว่าหญิงสาวบ้าดีเดือดเบื้องหน้าของเธอเหมือนจะเครื่องดับจนหมดอารมณ์อยากจะสู้ไปแล้ว เธอจึงได้ตัดสินใจที่จะสลายหอกคริสตัลที่เธอสร้างขึ้นมาทิ้งไปและยกมือขึ้นมากอดอกก่อนจะพูดถามขึ้นมา

 

“แล้วตกลงว่าแกมีธุระอะไรกับฉัน? ขอบอกตามตรงเลยนะว่าคนที่ฉันไม่อยากเจอมากกว่ายัยนัวร์ก็คือแกเนี่ยแหล่ะไคเลอร์”

 

“เฮ้ยๆ อย่ามาพูดเหมือนกับว่าฉันเป็นคนพยายามหาจังหวะมาเจอเธอแบบนี้ดิ น่าขนลุกจะตายชัก… ที่จริงแล้วฉันก็แค่มาตามหาพวกลูกหาบของฉันที่ดันมาซนไม่เข้าท่าที่แพนเทร่านี่แล้วบังเอิญไปเห็นคนกำลังเอาปืนสไนเล็งใส่เพื่อนเก่าของตัวเองอยู่ก็เลยถือโอกาสขยี้มันทิ้งให้ก็เท่านั้นล่ะ”

 

“ใครขอให้เธอทำแบบนั้นกัน! เรื่องพลซุ่มยิงนั่นฉันรู้ตัวอยู่แล้วแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเขาด้วย! พวกเขาก็แค่วางกำลังพลเอาไว้เพื่อความปลอดภัยเท่านั้นเอง!!”

 

“หึ… ในสายตาของเธอกับเจ้าอารอนแล้วก็ยัยนั่นก็คงจะเห็นมือสไนพวกนั้นไม่ได้ต่างอะไรไปจากเด็กเล่นขายของสักเท่าไหร่เพราะว่ายังไงพวกมันทำอะไรพวกเธอไม่ได้อยู่แล้วนี่นะ… แต่ขอบอกตามตรงเลยนะว่าการกระทำของไอ้เจ้าพวกนั้นมันน่าทุเรศสิ้นดี ลองคิดสภาพดูสิว่าถ้าเธอเป็นแค่ทหารธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีฝีมืออะไรดีเด่แบบนี้เธอจะยังทำใจเย็นต่อหน้ามือปืนที่พร้อมจะเป่ากบาลเธอได้ทุกเมื่อนั่นได้หรือเปล่าล่ะ… หรือถ้าเธอคิดไม่ออกก็ลองเปลี่ยนจากมือสไนเปอร์กระจอกๆ นั่นเป็นยัยนูลิสที่กำลังเล็งหัวเธออยู่แทนดูก็ได้”

 

“……..”

 

คำตอบของไคเลอร์ทำให้เซซิเรียได้แต่หันหน้าหนีและนิ่งเงียบไป เพราะว่าเธอเองก็รู้ตัวดีว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแก้ต่างยังไงเธอก็ยังคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการพยายามลอบสังหารคนคนหนึ่งเพียงเพราะว่าคนคนนั้นรู้จักกับคนที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นกบฏของเมืองแพนเทร่ามันไม่ใช่อะไรที่น่าชื่นชมเลยแม้แต่น้อย

 

ส่วนทางด้านไคเลอร์ที่เห็นว่าเซซิเรียไม่สามารถเอ่ยปากเถียงเธอกลับมาได้เช่นเดียวกันนั้นก็ได้หันไปมองทางด้านแนวต้นไม้ที่ล้มระเนระนาดอยู่พร้อมกับเอ่ยปากพูดบ่นออกมาเบาๆ

 

“แต่ว่านี่ยัยนัวร์ยังสั่งการพวกแฟรี่ได้อยู่อีกหรือไงเนี่ย ทั้งๆ ที่เคยก่อเรื่องไปตั้งขนาดนั้นแท้ๆ น่ะนะ…”

 

“ชิ… ตกลงว่ายัยนั่นรอดไปได้จริงๆ ด้วยงั้นสินะ…”

 

คำพูดบ่นเบาๆ ของไคเลอร์นั้นได้ทำให้เซซิเรียต้องเดาะลิ้นออกมาเบาๆ เพราะถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วสักพักหนึ่งนับตั้งแต่ที่เธอได้พบกับเด็กสาวผมยุ่งสีดำคนนั้นและยิงหอกเข้าใส่อีกฝ่ายจนตัวทะลุเป็นรู แต่ก็ดูเหมือนว่าเด็กสาวคนนั้นจะไม่ถือว่าสิ่งนั้นเป็นอาการบาดเจ็บซะด้วยซ้ำ ซึ่งคำพูดพึมพำของเซซิเรียนั้นก็ได้ทำให้ไคเลอร์แทบจะหลุดเสียงหัวเราะออกมา

 

“เหอะ ยัยนัวร์น่ะนะ รายนั้นตายยากยิ่งกว่าแมลงสาบอีกเธอก็รู้ เผลอๆ ต่อให้เหลือแต่หัวอีกสักวันสองวันก็กลับมาทำหน้าระรื่นได้แล้วล่ะมั้ง”

 

“ว่าแต่แกเองเถอะ! ไหนบอกว่ามาตามหาลูกน้องไม่ใช่หรอไง แล้วจะแวะมายุ่งกับฉันทำไมกันหะ!?”

 

คำพูดของไคเลอร์ที่แฝงเอาไว้ด้วยน้ำเสียงสนิทสนมนั้นได้ทำให้เซซิเรียต้องพูดขึ้นเสียงถามอีกฝ่ายกลับไป แต่ถึงอย่างนั้นทางด้านไคเลอร์ก็ทำเพียงแค่ยักไหล่เล็กน้อยแล้วจึงพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ

 

“ก็อุตส่าห์บังเอิญเจอกับเพื่อนเก่าทั้งทีก็ต้องแวะทักทายกันสักหน่อยไม่ใช่หรือไง ส่วนพวกลูกหาบของฉันน่ะช่างพวกมันไปเถอะ ฉันเคยเตือนพวกมันไปแล้วแต่ว่าพวกมันก็ยังจะมุดลงไปที่เมืองใต้ดินกันอีก เผลอๆ ป่านนี้น่าจะกลายเป็นซากไปกันหมดแล้วล่ะมั้ง”

 

“หะ—? แล้วแกไม่คิดจะลงไปช่วยเจ้าพวกนั้นสักหน่อยเลยหรือไง!? ไหนบอกว่าเจ้าพวกนั้นเป็นลูกน้องของแกไม่ใช่หรอ!?”

 

“ฉันไม่เคยรับพวกมันมาเป็นลูกน้องสักหน่อย พวกนั้นมันก็แค่พวกเด็กจากหมู่บ้านที่ฉันเคยผ่านไปแล้วก็โดนพวกมันกวนประสาทกลับมาต่างหากล่ะ กว่าจะรู้ตัวก็โดนพวกมันตามติดไปทุกที่แล้ว… ถึงหนึ่งในนั้นจะดูพอมีแววอยู่บ้างก็เถอะแต่ก็ไม่ได้มีค่าอะไรให้ฉันต้องใส่ใจขนาดนั้นสักหน่อย”

 

คำตอบของไคเลอร์ที่ฟังดูเหมือนว่าจะไม่ได้ใส่ใจอะไรในตัวกลุ่มคนที่มาทำตัวเป็นลูกน้องของเธอเลยแม้แต่น้อยนั้นแทบจะทำให้เซซิเรียต้องถอนหายใจออกมา

 

“เฮ้อ… คนอย่างแกนี่มัน…”

บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

บันทึกสัญญาแห่งการเริ่มต้นใหม่

Status: Ongoing
เมื่อคำสัญญาจากอดีตได้หวนคืนกลับมาเพื่อทวงคืนสิ่งที่ถูกหยิบยืมไป การเดินทางของคนถูกทิ้งกลุ่มหนึ่งเพื่อจะช่วยเหลือมนุษยชาติจึงได้เริ่มต้นขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท