ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 73 ความขัดแย้งกับเทรีย ① เนินเขาแห่งความเศร้าโศก

ถนนสู่อาณาจักร

73 ความขัดแย้งกับเทรีย ① เนินเขาแห่งความเศร้าโศก

 

—————————————————————

【–มุมมอง เอเกอร์–】

 

「มันดูเหมือนทหารเทรียหลายพันได้ถูกวางไว้ใกล้กับชายแดน ชาวนากลุ่มเล็กๆถูกขยี้ทั้งหมด」

 

อดอล์ฟมีหน้าที่หม่นหมอง ระหว่างที่ลีโอโพลต์ยังไร้สีหน้า แต่ความจริงนั้นไม่เปลี่ยนไป อาณาจักรเทรียก็ได้สังหารหมู่ชาวนาที่หนีด้วย ที่ทำเพื่อจะยับยั้งคนอื่น

 

「ตอนนี้เราทำสิ่งตรงกันข้ามกับที่เราบอกไม่ให้มาโดลานทำ ไม่ใช่ว่าเราคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศของเค้าเหรอ?」

 

「แล้วก็ ผมได้พรางตัวทหารม้าเบาเพื่อข้ามชายแดน เพื่อทำการสอดแนมและเก็บข้อมูลที่ละเอียด」

 

อย่างที่คาด ลีโอโพลต์ฉลาด ในโอกาสน้อยที่พวกเขาถูกจับ เขาน่าจะปฏิเสธว่าเขารู้อะไรบางอย่าง

 

「ทำให้มั่นใจว่ามันพอดีๆนะ โอเคมั้ย? งั้น นายเจออะไรที่นอกเหนือจากที่ข่าวลือมาบอกเรามั้ย?」

 

ข้อมูลของอดอล์ฟมาจากพ่อค้าเร่และผู้คน วิเคราะห์และรวบร่วมมันเข้าด้วยกัน มันแม่นยำอย่างน่าตกใจ แต่เขาไม่รู้มากเกี่ยวกับกองทัพ

 

「จำนวนของพวกเค้าประมาณ 5000 พวกเข้ามีรูปแบบที่สมดุลย์ของทหารม้าและนักธนู มันเป็นกองทัพของอาณาจักรอย่างไม่ต้องสงสัย」

 

「งั้นเข้าส่งกำลัง 5000 คนของทหารอาณาจักรเหรอ? เค้าไม่คิดว่าเค้าจะปะทะกับชั้นถ้าเค้าไม่ระวังเหรอไง?」

 

「ยังไงซะ นั่นเป็นเพราะลอร์ดฮาร์ดเลตต์จบการสนทนาด้วยการวิวาท……และคุณก็ล่วงเกินเค้าด้วย」

 

คนพวกนี้มันพวกเหี้ยตัวเล็กๆจริงๆ

 

「มีอย่างอื่นอีกมั้ย?」

 

「ครับ จนถึงตอนนี้ ทหารได้กระจายกว้างและบาง รอชาวนาให้เดินทางไปยังทิศตะวันออก แต่ประมาณมะรืนวาน กลุ่มเล็กๆเริ่มรวมตัวกันจุดที่ใกล้กับชายแดน」

 

「รวมกันเหรอ? พวกเค้าจะข้ามชายแดนมา?」

 

「ไม่มีจุดประสงค์ที่พวกเค้าจะทำอย่างนั้น ตั้งแต่จุดนี้ไป ผมอยู่ในระหว่างที่จะยืนยันมัน และสิ่งต่างๆจะขึ้นอยู่กับการคาดคะเน แต่…..」

 

ผมคะยั้นคะยอให้เขาคายมันออกมา

 

「ผมได้รับรายงานจากทหารม้าสอดแนมว่า กลุ่มของชาวนารวมตัวกันทีละน้อย พวกเค้าน่าจะคอยดูการเพิ่มจำนวนถึงจุดที่ว่าจัดการไม่ได้เมื่อพวกเค้ากระจายออกไป」

 

ระหว่างสงครามในอดีต ทหารอาสาโตขึ้นเป็นขนาดหลายหมื่น ด้วยการที่ประเทศแตกแยก ขนาดนั้นเป็นไปไม่ได้ตอนนี้ แต่แม้อย่างนั้น ถ้าทีมของ 5000 คนไม่อยู่ในความแข็งแกร่งที่สุดเมื่อพวกเขาปะทะกัน พวกเขาจะไม่สามารถจัดการกับกลุ่มคนหลายพันได้

 

「เข้าใจแล้ว……แม้ว่ามันไม่เหมือนว่าเราเมินมันได้ ทหารที่เราใช้ได้มีจำนวนเท่าไหร่?」

 

「มี 2000 คนจากกองทัพทิศตะวันออก 300 จากกองทัพส่วนตัว และจากชาติภูเขา……มีทหารม้าธนู 1000 คน」

 

เขาเรียกว่าชาติภูเขาต่อไม่ได้เมื่อเขารวมพวกเขาไปกับกองทัพ แต่งตั้งพวกเขาให้เป็นทีมทหารม้าธนู สามัญสำนึกของพวกเขาต่างจากทีมอื่น และไม่สามารถจะให้ความร่วมมือกับการดำเนินการได้ ดังนั้น ผมต้องออกคำสั่งพวกเขาโดยตรง

 

「ถ้าเรามี 3300 แม้ว่าพวกเขารุกรานเรา เรามีพอที่จะจัดการกับมัน」

 

พิจารณาว่ามีดินแดนที่กว้าง อัตราของทหารม้าในกองทัพทิศตะวันออกและกองทัพส่วนตัวนั้นเยอะ; ทีมทหารม้าธนูก็มีหลักเป็นม้าเหมือนที่ชื่อบ่งบอก การมอบธนูและลูกธนูที่ผลิตในโกลโดเนียก็ทำให้พวกเขามีส่วนช่วยได้มากกว่าค่าของตัวพวกเขา

 

「งั้น เราควรจะทำอะไรดี? ในสถานการณ์ปัจจุบันของเรา ไม่มีภัยพิเศษภายในดินแดนของเรา แต่ทหารทั้งหมดเคลื่อนไหวไปทั่วได้อย่างอิสระนะ」

 

「มันเป็นครั้งแรกที่เราเคลื่อนไหวด้วยกัน? มันจะเป็นการฝึกที่ดี มาอยู่รอบๆเขตชายแดนเถอะ」

 

อย่างที่คาด อดอล์ฟมีคำคัดค้าน

 

「ตอนนี้ เทรียเฝ้าระวังการกบฏ ถ้าพวกเขาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรา จากการสนทนาก่อนหน้า ถ้าท่านทิ้งทหารไว้ 3000 คนใกล้กับชายแดน ท่านจะยั่วยุพวกเขา และถ้าสิ่งต่างๆไปได้ไม่ดี สงครามที่ไม่ได้ตั้งใจจะ……」

 

หลังจากที่ลีโอโพลต์และผมมองหน้ากัน ผมหันหน้าไปหาอดอ์ฟ

 

「มีปัญหาอะไรเหรอ?」

 

「ผมคิดว่าท่านจะพูดอย่างนั้น」

 

เสียงถอนหายใจของอดอล์ฟถูกกลบด้วยเสียงที่กำลังจะเอะอะในคฤหาสน์

—————————————————————

ไม่กี่วันหลังจากนั้น บริเวณตะวันตก รอบๆชายแดน

 

กองทัพอาณาจัรเทรียที่รวมกันที่ได้เดินทัพมาจากทิศตะวันตกของเขตชายแดน เผชิญหน้ากัน ไปทางทิศตะวันตก มีเนินเขาที่อ่อนโยนอยู่บนชายแดน มันไม่ใช่เส้นที่ชัดเจน มีเส้นที่คลุมเครืออยู่ฝั่งหนึ่งของเนินเขา และโกลโดเนียอยู่อีกฝั่ง นอกจากนั้น ไม่มีหมู่บ้านหรือนาอยู่ใกล้ๆ ดังนั้นไม่มีทางที่จะสร้างมาตรฐานนอกจากจะใช้ภูมิประเทศ

 

「บอกทุกคนอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะทหารม้าธนู อย่าข้ามเนินเขา」

 

ทั้งสองประเทศไม่ได้เป็นศัตรูกัน และการแลกเปลี่ยนไม่ได้ถูกห้าม และเกิดขึ้นได้อย่างอิสระ ดังนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องระวังรอบๆเส้นชายแดน และแม้ว่าคนหนึ่งคิดผิดอยู่บนทางหลวง ไม่มีใครจะโทษกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อทีมติดอาวุธข้ามชายแดน มีความหมายที่ต่างออกไป ผมจะให้เขาข่มขู่มากเท่าที่ต้องการ แต่คนแรกที่ข้ามขีดจำกัดจะเป็นคนแรกที่สร้างสงคราม

 

「มันโอเค! เราจะไม่เคลื่อนไหวจนกว่าหัวหน้าจะออกคำสั่ง!」

 

ทหารม้าธนู ที่ไม่ฟังคำสั่งใครนอกจากผม จะต้องให้ความร่วมมืดในแบบที่เร็วและมีประสิทธิภาพกับคนอื่น ดังนั้นนั่นทำไมผมนำปีปี้มากับผมด้วย ระหว่างที่เราเคลื่อนไหว พวกเขาก็เมินทุกอย่างระหว่างที่เดินหน้า นี่จำเป็นต้องทำอะไรซักอย่างในอนาคต

 

「และอย่างน้อยเรียกชั้นว่ากัปตัน ถ้าเธอเรียกชั้นว่าหัวหน้า มันจะสร้างปัญหาเล็กน้อยที่นี่ที่นั่น」

 

ถ้าลูกน้องเรียกผมว่าหัวหน้า งั้นมันจะรู้สึกเหมือนผมได้เป็นราชาของคนป่าเถื่อนหรืออะไรบางอย่าง

「หนูเข้าใจ หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่」

 

「…………งั้น มันเป็นยังไงบ้างลีโอโพลต์?」

 

「เพราะเราไต่ขึ้นเนินเขาตรงหน้าพวกเขาไม่ได้ ผมตั้งหอสังเกตุการณ์และวางกำลังคนเฝ้าระวัง แต่สถานการณ์เป็นเหมือนกันกับรายงานจากหน่วยสอดแนม ทหารประมาณ 5000 คนได้ถูกวางกำลังในแบบที่พวกเค้าป้องกันชายแดน ยังไงก็ตาม รูปแบบนั้นหันหน้าเข้าหาฝั่งเทรียและไม่ได้ป้องกันการโจมตีของเรา แทนที่นั่น พวกเขาน่าจะเตรียมตัวที่จะจับกบฏที่หนี」

 

「เข้าใจแล้ว มันอาจจะเร็วเกินไปสำหรับชั้นที่จะพาทั้งกองทัพมาที่นี่ แต่มันช่วยไม่ได้ที่เรามาถึงที่นี่แล้ว ดังนั้นชั้นเดาว่าเราจะยังอยู่ที่นี่จนกว่าพวกเค้าจะเคลื่อนไหว?」

 

ผมมอบคำสั่งที่เข้มงวดเพื่อเคลื่อนไหวอีกครั้ง และเราตั้งแถวให้เราไม่ข้ามเนินเขา มันดูเหมือนฝั่งเทรียได้สังเกตหอสังเกตุการณ์ตั้งข้างกัน ขึ้นมาจากฐานของเนินเขา

 

「ทหารม้าเบาหนึ่งคนข้ามภูเขามา เค้าถือธงขาวและดูเหมือนจะเป็นคนส่งสาส์น」

 

ซีเลียเรียกออกมา นี่ก็ทำงานเป็นการฝึกดังนั้นซีเลีย อิริจิน่าและพื้นฐานแล้วทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการทหารมา แม้อย่างนั้น พวกเธอมาค่อนข้างเร็วเพื่อบ่น ไม่ใช่เหรอ

 

「ผมเป็นกองกำลังที่สองที่ถูกวางไว้ของอาณาจักรเทรีย…………」

 

พวกเขาแค่ต้องบอกชื่อตัวเองทุกครั้งและมันแค่ทำให้ผมไม่อยากจะฟัง

 

「……และมีเหตุผลอะไรมั้ยที่ลอร์ดฮาร์ดเลตต์นำทัพที่นี่เอง!?」

 

「ชั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการล่าชาวนาหรืออะไรก็ตาม แต่มีทหาร 5000 คนเคลื่อนไหวรอบๆบริเวณที่ต่อจากดินแดนของชั้น มันหายากสำหรับลอร์ดศักดินาที่จะแค่ดูอย่างเหม่อลอย」

 

「มันทั้งหมดอยู่ในดินแดนของเรา ดังนั้นลอร์ดฮาร์ดเลตต์ไม่เกี่ยวข้อง…..」

 

「แน่นอนว่ามันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับชั้น และชั้นไม่ได้มาเพื่อจะหาเรื่อง เราแค่เคลื่อนไหวเตรียมการในดินแดนของเราด้วย」

 

ผู้ส่งสาส์นน่าจะระวังความจริงที่มีความเป็นไปได้ว่าเราจะทำงานร่วมกับชาวนา และล้อมพวกเขาในการโจมตีสองทาฃ แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้น เราคงจะโจมตีนายทันทีที่เราเจอนาย

 

「ถ้ากองทัพของนายไม่ข้ามเส้นชายแดนและพยายามจะโจมตีเรา งั้นเราจะไม่ทำอะไร」

 

「……คำเหล่านั้นไม่ใช่คำโกหก ใช่มั้ย?」

 

「อยากลองวัดดวงแล้วข้ามเส้นชายแดนมามั้ยล่ะ?」

 

หลังจากที่เราจ้องกันในความเงียบซักพัก เขาบอกผมว่าเขาไม่มีเจตนาจะข้ามเส้น เพราะเป้าหมายเดียวของเขาคือระงับชาวนากบฏ ดังนั้นเขาจากไป

 

「ที่คุณบอกกับผู้ส่งสาส์นเป็นความจริงมั้ย?」

 

สำหรับลีโอโพลต์ ผู้ส่งสาส์นน่าจะอยู่ที่นั่นเพื่อหลอกเรา แต่มันไม่เหมือนอย่างนั้นกับผม

 

「แน่นอนมันเป็นอย่างนั้น ไม่ว่าชาวนามากแค่ไหนที่เค้าล่าในดินแดนของเค้าเอง ชั้นจะไม่ทำอะไรซักอย่าง」

 

ในกรณีของโยกุริ เราเคลื่อนไหวออกไปเนื่องจากสัญญาส่วนตัว แต่ผมไม่มีความผูกพันธ์กับพลเมืองคนอื่นนอกดินแดน

 

「แม้ว่าพวกเค้าจะมาเพื่อโจมตีเรา เราจะแค่ทำลายพวกเค้า」

 

「อย่างที่คาด พวกเค้าไม่โง่ ในเวลาที่สำคัญเมื่อพวกเค้าต้องจัดการกับกบฏ พวกเค้าน่าจะไม่ทำอะไรที่โง่เขลา ประสบการณ์จริงที่เดินทัพ เพราะทั้งหมดการสร้างแค้มป์และรู้สึกถึงบรรยากาศของสนามรบก็สำคัญดัวย ดังนั้นมันจะไม่เป็นการเสียเปล่า」

 

ทหารม้าธนู ก่อนหน้านี้เรียกว่าชาติภูเขา จำเป็นต้องถูกเอาให้ดูว่ากองทัพเคลื่อนไหวอย่างไรและเข้าใจมันเป็นพิเศษ เมื่อผมจะไปลูบหัวปีปี้ ซีเลีย ตัวแทนคนที่ราบ ต่อต้านและมาเกาะผม ด้วยทั้งสองมือลูบหัวสาวๆ คุณจะไม่คิดว่ามันเป็นสนามรบ

 

「มีทีมใหม่อยู่ข้างหน้า! จำนวนคือ……พวกเค้าอยู่ในรูปแบบที่ไม่เป็นระเบียบ ดังนั้นรายละเอียดยังไม่ทราบ ขนาดอยู่ที่หนึ่งพัน! พวกเขามุ่งหน้ามาหาเราเป็นเส้นตรงที่ชายแดน」

 

โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมผิวปาก มันดูเหมือนเรามาเวลาที่สมบูรณ์แบบ

 

「มันเป็นกลุ่มของชาวนา ไม่ใช่เหรอ?」

 

「ผมจะยืนยัน เผื่อไว้」

 

ผมปีนขึ้นหอสังเกตุการณ์ด้วยตัวเอง มันเป็นสิ่งที่เรียบง่าย ดังนั้นไม่มีหลายคนที่ไต่ขึ้นในเวลาเดียวกัน แต่ถ้ามันแค่ซีเลียและผม มันไม่ควรจะเป็นปัญหา ลีโอโพลต์ไต่ขึ้นหอสังเกตุการข้างๆ อิริจิน่าก็อยากจะดูด้วย แต่น้ำหนักของเธอเกินขีดจำกัด ดังนั้นเธอถูกปฏิเสธไม่ให้ขึ้นมา

 

「สำหรับชาวนาที่รวมกัน พวกเค้าทำการเดินทัพได้อย่างดี」

 

「มันเป็นเพราะกองทัพของอาร์คแลนด์ถูกรื้อ และพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน พวกเค้าน่าจะมีคนนั้นที่อยู่ในทหารนำพวกเค้า」

 

นั่นใช่แล้ว ตอนนี้มีคนที่อยู่ในทหารในดินแดนของอาร์คแลนด์อย่างเยอะ ชาวนากลับบ้าน หลังจากที่ได้สู้กับทหารอาสา ดังนั้นมันหมายถึงมีที่อุดมสมบูรณ์สำหรับกบฏขนาดใหญ่จะเกิดขึ้น

 

「แต่แม้อย่างนั้น มันจะยากที่จะทำลายผ่านรูปแบบนั้น」

 

แม้ว่ามีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับความมีระเบียบ รูปแบบนั้นกระจัดกระจาย เพราะการหนีเป็นวัตถุประสงค์ ผู้หญิงและเด็กก็รวมอยู่ตรงกลาง และถูกปกป้อง ซึ่งหมายถึงพวกเขาเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนรูปแบบเร็วๆไม่ได้

 

「จำนวนของพวกเค้าดูไม่เหมือนว่าจะไปถึงหมื่น พวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะ 5000 คนของกองทัพอาณาจักรเทรียได้แบบนี้」

 

ลีโอโพลต์มอบความคิดเห็นแง่ลบ งั้นโอกาสเดียวที่พวกเขามีคือปะทะตรงๆ และพยายามจะแอบเข้าไปในดินแดนของผมระหว่างความวุ่นวายของสงคราม เพราะทั้งหมดเป้าหมายของชาวนาไม่ใช่เอาชนะ และแค่หนี มันไม่เหมือนกับว่าเราโจมตีได้ ถ้าพวกเขาพยายามจะวิ่งไปข้างหน้ากองทัพอาณาจักรเทรีย และกองทัพของผม

 

「เราทำอะไรได้มั้ยนอกจากดู?」

 

「ยังไงซะ มาดูกัน ไม่ว่ายังไง เมื่อพลเมืองตายหรืออะไรก็ตาม กองทัพหลวงของเทรียจะได้รับความเสียหาย พลังของชาติจะได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเรื่องที่น่าพอใจที่ประเทศเพื่อนบ้านอ่อนแอลง และมันจะเป็นสถานการณ์ในอุดมคติถ้าพลเมืองถูกกวาดล้าง และกองทัพหลวงได้รับผู้เสียชีวิตเยอะ」

 

ถ้าโยกุริอยู่ที่นี่ เธอจะตีลีโอโพลต์แน่ ซีเลียพยักหน้ารับรู้ด้วย การศึกษากลยุทธ์ มันก็ดี แต่อย่าเข้าหาลีโอโพลต์ ผมกังวลเล็กน้อย ดังนั้นมาแกล้งเธอนิดนึงเถอะ

 

「ฮย้าาน!」

 

ผมแทรกมือเขาไประหว่างช่องว่างในชุดเกราะและถูที่พิเศษของเธอ ได้ยินเสียงที่น่ารักกระทันหัน หนึ่งในคนเฝ้าระวังบนหอหันมาดู แต่เขาไม่เห็นมันจากข้างหน้า ซีเลียพยายามจะได้ความสงบของเธอคืนมาอย่างสิ้นหวัง ขณะที่ทหารกลับไปดูฝั่งตรงข้ามของเนินเขา

 

(เอเกอร์-ซามะ! ได้โปรดหยุด ทหารจะรู้!)

 

ผมเมินซีเลีย ที่ร้องขอในเสียงที่อ่อนหวาน และนิ้วของผมเข้าไปส่วนที่ส่วนตัวของเธอ เธอบิดเอวและพยายามจะต่อต้าน แต่ไม่มีอะไรที่เธอทำได้เกี่ยวกับนิ้วที่มันแทงเธอแล้ว ข้างในนั้นบีบรัดผมอย่าอ่อนโยน ดังนั้นมันบอกผมว่าเธอไม่ได้เกลียดมัน ใช้นิ้วที่รู้จักถ้าที่ยังไม่โตอย่างดี คุ้ยข้างในเธอ ผมขูดที่ที่เธอชอบมันที่สุด

 

「ฮ่าออุ!」

 

เมื่อที่นั่นถูกถู ซีเลียจะครางและมีอารมณ์ แต่ตอนนี้เธออยู่หน้าทหาร เมื่อผมเห็นเธอพยายามที่จะทนมันอย่างสิ้นหวังโดยการกัดแขนเสื้อของเธอ มันทำให้ผมอยากจะแหย่เธอมากกว่านี้ แต่มันก็น่าสมเพชที่จะแสดงภาพที่น่าอายแบบนี้ให้ทหารดู ดังนั้นผมอยากจะสรุปมันอย่างรวดเร็ว

 

ผมนำปากผมไปใกล้และกระซิบใส่หูซีเลีย

 

(ลูกน่ารัก ซีเลย เอาเลยแล้วแตก)

 

ระหว่างที่กระซิบ ผมถูที่ที่เธอโปรดปราน

 

「งื้งงง!!!! —!!」

 

เธอพยายามจะเก็บเสียงของเธอจากการถึงจุดสุดยอดโดยการกัดแขนเสื้อ แต่ตัวเธองอมาข้างหน้าและเธอเอียงพิงผม ยื่นตูดที่สั่นของเธอออกไป หลังจากเวลาซักพัก น้ำจำนวนมากเล็ดออกมา หยดลงต้นขาของเธอ

 

「ฮ่าา ฮ่าา……」

 

เธอหายใจแรง แต่ดูแล้วเหมือนไม่มีใครจะรู้ สีหน้าของเธอผ่อนคลายในความโล่งใจ

 

「ลอร์ดฮาร์ดเลตต์ คุณเสร็จรึยัง? มันดูเหมือนสิ่งต่างๆเริ่มในไม่นานนี้แล้ว」

 

การรู้ว่าลีโอโพลต์ที่ดูตั้งแต่แรกอย่างโหดเหี้ยมทำให้ซีเลียเปลี่ยนเป็นสีแดง พยายามจะแก้มันอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เมื่อเห็นว่าเธอทำอะไรไม่ได้ เธอฝังหน้าเข้ามาที่หน้าอกของผม

 

「ชั้นเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆจะเป็นยังไง แต่ชั้นต้องหาว่ากี่คนที่จะโยนตัวเค้าเข้ามา」

 

「ผมเชื่อว่าประมาณ 100 คนมากที่สุด ซึ่งเป็นอุดมคติ ถ้ากลุ่มใหญ่หนีสำเร็จ คุณคิดถึงความสับสนได้ด้วย」

 

เรามองดูการต่อสู้ระหว่างชาวนากบฏกับกองทัพของเทรีย ยังไงซะ มาดูกันว่าผลที่จะออกมามันเป็นแบบไหน และดูมันจนจบ ทั้งสองกองทัพปะทะกันข้างหน้าตาเรา ระหว่างที่ตะโกน

—————————————————————

【–มุมมอง บุคคลที่สาม/ชาวนา–】

 

ภายในกลุ่มของชาวนา

 

「ไปกันเถอะ เอนดิโก้! เราต้องให้ผู้หญิงและเด็กผ่านไปไม่ว่ายังไง!」

 

ชาวนา ที่ทั้งหมดใส่อุปกรณ์ที่ไม่เข้ากัน ตะโกนระหว่างที่พุ่งเข้าตีกองทัพของเทรีย คนที่ตะโกน เป็นเพื่อนสนิทของผมจากอดึตกองทัพของอาร์คแลนด์ เขามีความรู้สึกถึงความยุติธรรมที่มากเกินไป และเป็นคนที่ดึงผมเข้ามามีส่วนร่วมกับการกบฏนี้

 

「ทุกคน ฟัง! นายไม่ต้องสู้พวกเค้าตรงๆ ถ้าเราชนะ เราข้ามเนินเขานั้นไปได้!」

 

คำพูดที่หวานสร้างทางที่หวาน แม้ว่าในฐานะพลทหาร ผมได้อยู่ในกองทัพมาหลายปี และคนเหล่านั้นที่วิ่งผ่านสนามรบหลายครั้งก็เข้าใจด้วย เพื่อที่จะสู้กับกองทัพด้วยคนที่ผสมปนเปกันของเรา เราต้องการจำนวนมากกว่าสามเท่า จากที่ผมเห็นได้ เรามี 8000 คน สู้กับศัตรูที่มี 5000 คน ดังนั้นเราเอาชนะไม่ได้อย่างแน่นอน มางเดียวที่จะไปข้างหน้าต่อ คือพุ่งเข้าตีอย่างไม่คิดและพยายามจะใช้ความได้เปรียบจากความสับสนเพื่อข้ามเนินเขา

 

แนวหน้าของทั้งสองทีมปะทะกันและการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ในการต่อสู้ครั้งนี้ มีบางคนในกลุ่มที่ได้แข็งแกร่งจากการต่อสู้จากประสบการณ์ที่ได้ออกภารกิจ และยังมีพวกนั้นที่มีเกราะและหอก และอุปกรณ์อื่น ดังนั้นพวกเขาควรจะสามารถสู้อย่างเท่าเทียม แต่ถ้าคุณมองกลับไปก้าวหนึ่ง มีพวกนั้นที่มีแค่หอกและดาบและไม่มีเกราะ มากกว่านั้น มีชาวนาที่แค่ถือจอบและเคียวอยู่ข้างหลัง

 

「ทหารม้ามาจากด้านข้าง!」

 

ปรกติแล้ว หอกยาวจะถูกตั้งเพื่อที่จะป้องกันพวกเขา แต่ไม่มีอุปกรณ์หรือทักษะมากพอที่จะทำอย่างนั้น เราทำได้แค่เมินพวกเขา และเดินหน้าต่อ

 

ธนูตกลงมาเป็นห่าฝน และทหารม้าฟันผู้หญิงและคนแก่ตายได้ตามใจ ผมกวาดเท้าของม้าของทหารม้าสองคนที่เข้ามาใกล้ และทำให้พวกเขาล้ม แต่ผมไม่มีทางเลือกนอกจากจะเมินคนอื่น การต่อสู้แบบป้องกันก็ไร้ความหมายด้วย ความต้องการเดียวของเราคือเดินหน้าไปข้างหน้า

 

「กุว้าาา!!」

 

พวกพ้องของผม ที่กำจัดทหารศัตรูไปห้าคนแล้ว โดนแทงที่ท้องโดยคนที่หก คนที่หยุดเคลื่อนไหว จะถูกแทงซ้ำๆทันที

 

「เอนดิโก้ ไป!! อย่าหยุด!」

 

ผมไม่มีแผนที่จะทำอย่างนั้นตั้งแต่แรกเริ่ม ผมวิ่งผ่านพวกเขาก่อนที่การโจมตีสุดท้ายจะตัดเสียงของเพื่อนซี้ของผมขาด ผมกำจัดศัตรูที่ปรากฏตรงหน้าผมและวิ่งอย่างจริงจัง จำนวนของผู้หญิงและเด็กที่เราสมควรจะปกป้องก็ได้ลงจำนวนไปด้วย และคนนั้นที่เหลือตอนนี้สามารถนับได้แล้ว

 

「พวกคนต่ำช้าพื้นเมืองทรยศ! ตาย!」

 

「หุบปาก!」

 

ผมหลบหอกของขุนนางที่ขี่บนหลังม้า และแทงเขาที่ต้นขาด้วยหอกแทน มันเป็นสิ่งทื่อๆ ที่ปกคลุมไปด้วยสนิม ดังนั้นมันต้องเจ็บแน่ ทหารห่วยๆอย่างนายจะเป็นผู้คุ้มกันทีมเสบียงที่ดีในกองทัพอาร์คแลนด์ที่ผมอยู่มาก่อน ระหว่างที่ล้อเลียนขุนนางที่กรีดร้องในความเจ็บปวด ผมนำคนอื่นไปข้างหน้า วิ่งผ่านทีละคน

 

「แค่อีกนิดเดียว! เมื่อเราผ่านเนินเขาพวกเค้าจะไม่ตามเรามาอีกแล้ว」

 

บางทีเพราะการล้อมของพวกพ้องที่รวมกันข้างหลัง พวกเขาไม่ไล่ตามพวกเรามา ถ้าเป็นอย่างนั้น เราหนีได้สำเร็จ

 

คนที่อยู่ข้างหน้าส่งเสียงเชียร์ขณะที่พวกเขาไต่เนินเขาและเริ่มวิ่งลงมัน กองทัพของเทรียยอมแพ้กับกลุ่มที่ไต่เนินเขา และไม่ไล่ตามพวกเขา และใช้กำลังทั้งหมดในการทำลายล้างกลุ่มข้างหลังแทน ผมรู้สึกเสียใจกับพวกนั้นที่อยู่ข้างหลัง แต่พวกเขาน่าจะรู้ว่ามันจะเปลี่ยนไปเป็นอะไรบางอย่างแบบนี้ แม้อย่างนั้น มันน่าขัน ที่ผมได้ยืดชีวิตของผมต่อ ผมที่ไม่มีความสนใจในการใช้ชีวิตอยู่ ระหว่างที่เพื่อนซี้ผมที่บอกผมเกี่ยวกับฝันของเขาตาย

 

เมื่อเราอยู่ตรงกลางเนินเขา เราหันกลับไปดู แม้ว่าเรารู้ว่ามันไร้จุดหมาย มันอยู่ที่นั่น ที่เราเห็นฉากฉากหนึ่ง

 

มีคู่แต่งงานคู่หนึ่งวิ่งหนีระหว่างที่ปกป้องเด็กตัวเล็กๆ แต่เนื่องจากความเหนื่อยล้า ความเร็วของพวกเธอช้า ทหารเทรียได้ตามพวกเขาทัน พอที่ต่อต้านอย่างสิ้นหวังถูกฆ่าทันที และแม่ก็ถูกแทงทะลุหน้าอก ด้วยการตายที่กระทันหันของทั้งพ่อและแม่ เด็กเริ่มร้องให้ และหลังจากทหารเหวี่ยงดาบลง พวกเขาจากไปเพื่อหาเป้าหมายต่อไป สิ่งนี่น่าจะเกิดขึ้นรอบเราทั่วไปหมดด้วยเหมือนกัน แต่บางอย่างเป็นประกายในใจของผม

 

แค่เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ผมก็มีเมียและลูก เนื่องจากภาษีที่หนัก มันยากสำหรับเราที่จะหากิน และผมสามารถได้เงินรายวันโดยการทำงานที่น่าเบื่อ แต่เด็กที่ยังเล็กจะไม่รอดจากวิถีชีวิตที่จนแบบนี้

 

และมันเป็นตอนนั้น ที่เมียผมเริ่มร้องขอเจ้าหน้าที่ตัวแทน ให้มีความเห็นอกเห็นใจเธอ แต่เจ้าหน้าที่ตัวแทน อยากได้บางอย่างตอบแทนกับการมาหาเมีย เรียกร้องกายของเธอ ซึ่งเธอตอบ เพื่อลูกของเธอ และแน่นอนว่า หลังจากที่เขาเล่นไปทั่วกับตัวเธอตามที่เขาพอใจ เขาโยนเธอทิ้งเหมือนชิ้นขยะ

 

การดิ้นรนเรื่องอาหารดำเนินต่อไป และเด็กอ่อนแอลงและตาย หลังจากที่เสียลูกของเราไป และเมียของผม ที่แม้ว่าตัวเธอถูกเล่นเป็นของเล่น แม้เธอจะเสียทุกอย่างไป ผมออกไปเพื่อฝังลูกของผม และเมื่อผมกลับมาที่บ้าน เมียของผมได้ฆ่าตัวตาย

 

ตั้งแต่นั้นมา เวลาหยุดอยู่กับที่ และผมเสียความหมายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ความแค้นและความเศร้าหายไป และผมใช้ชีวิตอยู่ในความงุนงง นั่นทำไมผมถูกดึงมาโดยเพื่อนซี้ของผม และเข้าร่วมการกบฏนี้โดยไม่ลังเล ซึ่งมันชัดเจนว่ามีโอกาสน้อยที่จะสำเร็จ

 

อีกครอบครัวหนึ่งถูกปลิดชีวิตต่อหน้าต่อตาผม เมื่อถึงจุดนี้ พ่อแม่และลูกน่าจะหลายร้อยได้สิ้นชีวิตไป

 

ผมต้องหยุดสิ่งนี้ อารมณ์ที่ตื่นขึ้นในหัวใจผมคือความโกรธ ถ้าผมไม่ขยี้พวกเขา ความเศร้าโศกที่ผมได้ลิ้มรสจะเล่นซ้ำๆอย่างไม่จบไม่สิ้น

 

「แต่แม้ว่าชั้นจะกลับไปที่นั่น ไม่มีอะไรที่ชั้นทำได้……」

 

ถ้าผมทิ้งทุกอย่างไว้กับความโกรธ วิ่งลงเขาและโจมตีคนพวกนั้น ผมจะเจอชะตากรรมเดียวกันกับเพื่อนซี้ของผม การฟันทหารไม่กี่คนตายไม่ได้สร้างความต่างอะไร

 

ในเวลานั้น คนพวกนั้นที่ไต่ผู้เขาได้ชี้อะไรบางอย่างและตะโกน มีแถวของหอสังเกตุการณ์และทหารหลายพันเรียงกันอยู่ ผมคิดว่ามันเป็นศัตรูที่ซุ่มโจมตี แต่มันไม่ได้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาเพื่อโจมตี ส่งสายตาไปไกลข้างหลังอีก ธงของพวกเขาคือ……

 

「กองทัพของโกลโดเนีย! พวกเค้ามาเพื่อช่วยพวกเราเหรอ!?」

 

ด้วยทหารจำนวนมากเท่านี้ พวกเขาน่าจะต่อต้านเทรียได้

มากกว่านั้น มีจำนวนของทหารม้าจำนวนมาก ทหารม้าควรจะเป็นศัตรูที่แย่กับกองทัพเทรีย ที่เตรียมตัวมาเพื่อจัดการกับชาวนา

 

「เฮฮฮฮฮฮฮฮฮ้!! ได้โปรดช่วยเรา! ทุกคนถูกฆ่าอยู่นั่น!」

 

ผมเรียกออกไปอย่างดังแต่ไม่มีการตอบ ถ้าผมคิดมันอย่างระวังแล้ว เพราะพวกเขาสร้างหอสังเกตุการณ์แล้ว พวกเขาน่าจะสามารถเห็นสถานการณ์ที่เชิงเนินเขา และถ้าพวกเขาจะช่วยเรา พวกเขาคงจะมานานแล้ว

 

「พวกเค้าแค่ดู……. ไม่ มันเป็นเพราะพวกเค้าข้ามชายแดนไม่ได้เหรอ?」

 

ทุกคนรู้ว่าเทรียและโกลโดเนียทำงานร่วมกันเพื่อขยี้อาร์คแลนด์ พวกเขาคงไม่อยากจะแทรกแซงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนของเรา

 

「มันไร้จุดหมาย?! …..แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมพวกเขามีกองทัพที่ใหญ่ขนาดนี้ในเขตชายแดน」

 

คนที่อยู่ข้างผมผู้วิ่งวิ่งเขามาอยู่ในเขตปลอดภัยอย่างสิ้นหวังน่าจะไม่ได้ยินเสียงของผมเป็นธรรมชาติ มันไม่ใช่คำตอบ แต่ผมรู้สึกถึงสายตาที่กล้าแข็งจากข้างบนหอสังเกตุการณ์ เมื่อผมมองขึ้นไป สายตามาจากชายที่ใส่ผ้าคลุมสีดำ ที่ดูเหมือนขุนนาง และมันผิดปรกติที่จะมีผู้หญิงสวยห่อหุ้มอยู่ในชุดเกราะบนสนามรบข้างเขา

 

「ปีศาจสงครามฮาร์ดเลตต์!!」

 

ผมจำว่าผมเห็นหน้านั้นได้ ในการต่อสู้ของดาโทรห์นที่ผมรับใช้กองทัพ เขาเป่าพวกผมไปเหมือนตุ๊กตาต่อหน้าต่อตาของผม และเขาเป็นอัศวินที่ตรงมาจากฝันร้าย ผมรู้ว่าผมมีเป้าหมายมาที่ดินแดนของเขา แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะโผล่มาตัวเป็นๆ

 

ตานั้นจ้องผมโดยไม่มีความรู้สึกของความเขินอายผมพยายามจะบอกเขา ‘ได้โปรดช่วยผมด้วย ตอนนี้เพื่อนของผมถูกฆ่าอยู่ที่นั่น ถ้ามันเป็นท่าน ท่านควรจะสามารถช่วยได้’

 

แต่เขาไม่ขยับ แม้อย่างนั้น ตาของเขาไม่เลี่ยงไปจากผม ผมรู้สึกว่าเขายิ้มเล็กน้อย มันไม่ใช่รอยยิ้มที่แสยะยิ้มที่คิดว่าผมเป็นคนโง่ แต่เขาหาบางอย่างที่เป็นละคร มันดูเหมือนมันจะเป็นรอยยิ้มแบบนั้นกับผม

 

ไม่มีใครพูดอะไร แต่อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมรู้สึก

 

「ได้ ชีวิตของชั้นโยนทิ้งไปแล้วด้วย ทำไมชั้นไม่แสดงละครที่ดีที่สุดให้นายดูล่ะ!」

 

ผมหันกลับไปฝั่งที่กองทัพของเทรียยังยืนอยู่บนเชิงเนินเขา

 

「ฟังทางนี้! ข้าจะสอนพวกโง่ไร้ความสามารถของเทรีย ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากฆ่าผู้หญิงและเด็ก! ว้าข้าในความเป็นจริงแล้วเป็นผู้นำของกบฏครั้งนี้ คนที่รับผิดชอบกับการกบฏกับพวกโง่อย่างแก!!」

 

เสียงที่ออกมาทำให้แม้แต่ตัวผมเองก็ตกใจ ทหารที่อยู่ใกล้ๆหันหลังมาเพื่อเผชิญหน้ากับผม การที่เป็นคนเดียวที่ยืนอยู่บนเวทีไม่ใช่ความรู้สึกที่แย่

 

「แม้ว่าแกฆ่าคนอื่น ผลมันจะออกมาเหมือนเดิม; ข้าจะลุกขึ้นมาอีกครั้งและทำการกบฏในที่อื่น!」

 

ทหารของเทรียเริ่มรวมตัวกัน อย่างสะดวก นักธนูยืนอยู่ข้างหน้า

 

「มีอะไรล่ะ? ถ้าแกไม่ฆ่าข้า สิ่งต่างๆจะวนซ้ำอีกครั้งและอีกครั้ง! แม้ว่าพวกแกเป็นพวกมือสมัครเล่นที่แม้แต่บางคนยืนอยู่หน้าพวกแก ลูกธนูก็จะไม่โดน ยิงข้าถ้าแกทำได้」

 

ส่วนหนึ่งของนักธนูโกรธและขึ้นลำ แต่ผู้บัญชาการรีบหยุดพวกเขา อย่างที่คาด พวกเขาจะไม่ติดกับที่เรียบง่ายอย่างนี้ เมื่อผมมองดู ทหารใกล้ๆก็ได้รวมกันที่เชิงของเนินเขา ล้อมมันด้วยจำนวนคนทั้งหมด แต่ไม่มีพวกเขาเลยที่ไต่ขึ้นมาเพื่อพยายามจะจับผม ไม่มีใครมีความกล้าที่จะข้ามเส้นชายแดน

 

「มีอะไรล่ะ?! ไร้ความสามารถ! โง่! ขยะ! พวกแกมันขี้ขลาดขนาดว่ายิงศัตรูยังไม่ได้เลยหรือไงวะ?!」

 

ตอบเสียงที่ดังก้องอยู่ เสียงกัดฟันสามารถได้ยินได้

 

「บอกทั้งทีม อย่างยิงเด็ดขาด! มันจะยิงเข้าไปในดินแดนของโกลโดเนีย!」

 

ชายที่เหมือนขุนนายตะโกนระหว่างที่วิ่งอยู่ตรงหน้านักธนูบนหลังม้า ผมก็สาปแช่งขุนนางคนนั้น แต่นอกจากจะจ้องผม เขาไม่ทำอะไร ผมต้องรีบ หรือไม่การต่อสู้จะดำเนินต่อไป และผู้คนข้างหลังจะถูกกวาดล้าง เมื่อผมมองดูรอบๆหาทางที่จะทำลายการกินกันไม่ลงอย่างนี้ ผมเห็นธงที่คุ้นเคย ตั้งแต่ผมอยู่ในกองทัพ ผมจำธงของขุนนางบางคนได้

 

「ไม่ใช่ว่าแกคือวิสเคานต์เมเซลเหรอ?! ข้าเป็นพลเมืองของดินแดนแก น้องแกสบายดีมั้ยวะ?」

 

คนที่ยู่หน้าของเขาเป็นชายกล้ามโตตัวใหญ่; มันเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าของเขา แต่มันดูเหมือนเขาเป็นวิสเคานต์

 

「ข้าหยาบคายแค่ไหนกัน! ข้าได้ฆ่าน้องชายของแก! อยากจะยืนยันศพมั้ยล่ะ?」

 

แน่นอนว่ามันโกหก ผมแค่อยากจะให้เขาได้ยินเรื่องราวที่คนที่ไม่ทราบฆ่าน้องของวิสเคานต์เมเซลระหว่างพลเมืองกบฏ

 

「ทำร้ายขุนนาง ช่างเป็นพลเมืองต่ำช้าที่หยาบคาย!」

 

นี่มันดี พี่ชายน่าจะเหมือนที่เห็น เขามีอารมณ์ร้อน

 

「น้องชายของแกมีกายที่งามเหมือนหมูและหัวใจที่กล้าหาญเหมือนไก่ มันช่างน่าเสียดายจริงๆที่เค้าเสียไป」

 

「กล้าดียังไง กล้าดียังไง แกล้อเลียนคนตาย ใครก็ได้ปิดปากมัน!」

 

พี่ชายของพี่น้องเมเซลเปลี่ยนเป็นสีแดงและตะคอกใส่ลูกน้องให้พร้อมหอก แล้วก็ดึงสายธนูกับคำสั่งของเขา

 

「ลอร์ดเมเซล ใจเย็นๆครับ! นี่เป็นกับดักของศัตรู」

 

คนล้อมรอบขุนนางพยายามจะให้เขาใจเย็น แต่เมื่อโกรธขนาดนี้แล้ว พวกเขาทำไม่ได้

 

「ข้าจะบอกแกว่าน้องชายแกตายยังไง ข้าแทงแท่งเหล็กเข้าไปในรูตูดเค้า เปลี่ยนเค้าเป็นชิชกะบับเป็นๆ เค้าเหมือนหมูมันเลยดูน่าอร่อย แต่เสียงกรีดร้องที่ทนทุกข์ทรมานของเค้าเหมือนแพะเลยว่ะ」

 

「อุโออออ้! ยิงมัน! ไอ้คนป่าเถื่อนนั่น! ไอ้สัตว์ป่านั้น – ไอ้กบฏนั่น! ฆ่ามันนนน!!」

 

ทหารไม่สามารถขัดคำสั่งที่สร้างมาจากมาสเตอร์ของพวกเขาในความโกรธได้ ลูกธนูบินออกไปทีละลูก บินมาที่ผม

เกือบจะเหมือนการไหลของเวลาช้าลงไป ผมเห็นลูกธนูแต่ละลูกได้ ผมอ้าแขนเพื่อรับลูกธนูและปิดตา ดอกแรก ดอกต่อไป – ผมรู้สึกถึงความรู้สึกของแต่ละลูกแทงเข้ามาที่ผม

 

แต่วิธีที่พวกเขาไม่สามารถจะยิงมนุษย์คนเดียวได้อย่างแม่นยำด้วยลูกธนูเป็นโหล และลูกธนูบางลูกพลาดเป้าและหล่นอยู่ตรงหน้าผม………….

 

หลายลูกบินข้ามหัวผมไป บินไปตลอดทางถึงอีกฝั่งของเนินเขา

 

แม้ว่าผมจะถูกแทงด้วยลูกธนูมากกว่า 10 ผมไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ผมรู้สึกเพียงความรู้สึกที่พอใจ ผมบิดหัวเพื่อเผชิญหน้าหาลอร์ดฮาร์ดเลตต์ และยิ้ม

 

ไม่ใช่ว่านี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจหรือ? มันเป็นยังไงล่ะ?

 

วิสัยทัศน์ของผมพร่ามัว และผมบอกไม่ได้อีกแล้วว่าเขาทำหน้าแบบไหน แต่ผมทำทุกอย่างที่ผมทำได้แล้ว ผมไม่มีความเสียใจหลงเหลืออยู่ ผมจะพบกับเมียและลูกในยมโลกมั้ย? ขณะที่ภาพที่ผมเห็นมืดลงอย่างช้าๆ ผมยื่นมือออกไปเพื่อพยายามจะหาครอบครัวที่ผมสูญเสียไป ขณะที่สติของผมตกเข้าสู่ความมืดมน

—————————————————————

【–มุมมอง เอเกอร์–】

 

แค้มป์โกลโดเนีย

 

สถานการณ์นั้นอย่างที่คาด: ทหารของเทรียเริ่มสังหารหมู่ และมีแค่พลเมืองจำนวนน้อยที่สามารถคลานเข้ามาในดินแดนของผมโดยใช้ช่องว่างนั้นได้ อย่างไรก็ตาม ชายคนหนึ่งหยุดเคลื่อนไหวแล้หาความช่วยเหลือจากผม แน่นอนว่า ผมไม่มีหน้าที่อะไรที่ต้องฟังเขา แต่ชายคนนั้นไม่ได้สาปแช่งผม และหลังจากภาพที่ยิ้มเล็กน้อยเขายั่วยุทหารของเทรีย และทั้งตัวของเขาถูกธนูยิงเป็นห่าฝน เสียชีวิตไปไม่นานหลังจากนั้น

 

ถ้าคุณอยากพูดเกี่ยวกับผลลัพท์ นั่นคือทั้งหมดที่เขาทำ

 

「เอเกอร์-ซามะ!」

 

สิ่งสุดท้ายที่เขาอยู่บนโลกนี้เพื่อเห็นมัน เป็นลูกธนูไม่กี่ลูก ที่บินมาตลอดทางถึงดินแดนของเรา ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ธนูที่ยิงพลาดเป้าหมาย บินมาตลอดทางถึงที่นี่ และปักพื้นอย่างไม่มีพิษมีภัย

 

แต่หนึ่งในลูกธนูที่บินมา ปักเข้าสู่ขาของทหารในแถวของเรา ทหารราบที่โชคร้ายจับขาของเขาและล้มไป แต่แผลไม่ลึก และหลังจากที่ห้ามเลือดที่ออกมาเล็กน้อยแล้ว มันจะโอเค อย่างไรก็ตาม มันยังหมายถึง กองทัพของเทรียได้ยิงธนูข้ามมาจากเส้นเขตแดน และทำร้ายหนึ่งในทหารของผม

 

「ลีโอโพลต์ นี่เป็นเหตุผลให้เราโจมตีพวกเค้าได้มั้ย?」

 

「แน่นอน บางอย่างอย่างการปล่อยลูกธนูซึ่งละเมิดกฎหมายของชายแดน มันเหมือนกันกับการประกาศสงคราม ถ้ามันเป็นอบัติเหตุ ยังไงก็ตาม ยังมีที่ให้เจรจา」

 

ชายที่ยืนอยู่ยอดเนินเขาที่กลายเป็นเม่นก็่นาจะมีเป้าหมายถึงสิ่งนี้ เขาจงใจทำตัวน่าขัน แต่ความกล้าของเขานั้นของจริง มันจะเป็นการง่ายสำหรับเขาที่จะเลือกเสิ้นทางชีวิต แค่ไม่กี่ก้าวบนเนินเขามาที่ฝั่งเรา ไม่มีใครจะสามารถทำร้ายเขาได้อีกแล้ว

 

แม้แต่ตอนนี้ หน้าของชายที่อยู่บนเนินเขา แสดงถึงความพึงพอใจของเขา ที่เขาสำเร็จการทำสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำ และมันไม่แสดงความกลัวหรือความอาย ชายคนนั้นที่ค่อนข้างโง่เขลา แต่น่าสนใน อย่างน้อยที่สุด เขาก็มีค่ามากกว่ากองทัพของเทรียที่ฆ่าพลเมืองตรงหน้าผม

 

「ลีโอโพลต์ ซีเลีย สั่งทหารทั้งกองทัพให้โจมตี」

 

「ค่ะท่าน!」

 

「มันน่าจะกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ คุณโอเคกับเรื่องนั้นเหรอ?」

 

「เราชนะได้ ไม่ใช่เหรอ?」

 

ผมไม่ได้คิดเกี่ยวกับมัน แต่มันดูเหมือนเขามีบางอย่างอยู่ในใจ

 

「ผมไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นอนาคตที่แย่」

 

แต่เขาไม่ทรยศความขาดหวังของผม งั้นทำไมเราไม่เริ่มสงครามนี้กันล่ะ?

ผมลงจากหอสังเกตุการณ์ ซีเลียได้ออกคำสั่ง และทั่งทีมจัดทัพ ทุกอย่างที่เหลือคือคำสั่งเดียวจากผม

 

「บอกทั้งกองทัพ! เมื้อกี้นี้ มีการโจมตีฝั่งเราโดยกองทัพของเทรียอีกฝั่งของเนินเขา นี่เป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน ดังนั้น ตอนนี้เราจะกำจัดภัยและรุกรานเข้าไปในเทรีย!」

 

ไม่มีความวุ่นวาย ทุกคนเห็นลูกธนูบินมาที่นี่ และทุกคนฝึกถึงจุดที่ว่าพวกเขาจะไม่กลัวการต่อสู้

 

「แต่ก่อนที่เราจะเดินทัพไปข้างหน้า มาแก้แค้นก่อน ทีมนักธนู ทหารม้าธนู ยิงออกไปที่อีกฝั่งของเนินเขา เราจะตอบแทนพวกเค้าเป็น 100 เท่า!」

 

ตามฝนของเหล็กของกว่า 1000 ลูกธนู ทั้งกองทัพข้ามเนินเขาและไหลเข้าไปในเทรียเหมือนหิมะถล่ม โกลโดเนียและเทรียไม่ได้ไม่เป็นมิตรกัน สงครามครั้งนี้ถูกเริ่มโดยผมและผมจะเป็นคนที่สู้มัน

—————————————————————

เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์: 20 ปี – โหมดสงคราม

 

ทีม

กองทัพอิสระทิศตะวันออก: 2000

ทหารม้า: 500, นักธนู: 300, ทหารราบ: 1200

กองทัพส่วนตัวปรกติ: 300

ทหารม้า: 200, ทหารราบ: 100

ทหารม้าธนู: 1000

ทหารม้า: 1000

รวม: 3300

 

ลูกน้อง: ลีโอโพลต์ (รองผู้บัญชาการกองทัพส่วนตัว), ซีเลีย (ผู้ช่วย), อิริจิน่า (ผู้บัญชาการกองทัพส่วนตัวปรกติ), ปีปี้ (หน้าที่ติดต่อสื่อสาร)

ตำแหน่งปัจจุบัน: อาณาจักรเทรีย บริเวณเขตชายแดนทิศตะวันออก

ความสำเร็จ: —

—————————————————————

 

 

 

ขอบคุณสำหรับเงิน 200 บาท

ขอบคุณสำหรับเงิน 100.48 บาท

ขอบคุณสำหรับเงิน 100 บาท

เป้าหมายเดือน 5/66

ค่าเน็ต 200/200

กาแฟ 300/300

ค่าไฟ 100/1000

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

กสิกรไทย

 

แปลโดย: wayuwayu

ติดตามได้ที่ดิสคอทส่งข้อความมาขอได้ที่ facebook: “wayuwayu แปล”

pdfไว้อ่านตอนกลางคืน  สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ทั้ง facebook และ discord

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท