บทที่ 841 ภัยพิบัติในเมืองหลวง
บทที่ 841 ภัยพิบัติในเมืองหลวง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สิงเจียซือได้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วแดน อาศัยอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ และได้รู้จักสิ่งที่น่าสนใจมากมาย
มู่ซืออวี่เข้ากับนางได้ดีเพราะชื่นชมความคิดของนาง แน่นอนว่าย่อมสนใจสิ่งที่นางเล่าเกี่ยวกับชนเผ่าอวิ๋นอิงมากเช่นกัน
สิงเจียซือมาอาศัยอยู่ในจวนลู่
มู่ซืออวี่พานางไปโรงงานต่าง ๆ เพื่อให้ชมการผลิตอาวุธลับด้วยตนเอง
ดังนั้นสิงเจียซือจึงได้เข้าร่วมกระบวนการต่าง ๆ เกือบทั้งหมดและยังเรียนรู้วิธีการออกแบบอาวุธลับนี้เป็นอย่างดี เพื่อที่จะได้สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวเองในอนาคต
“พรุ่งนี้ชิงเอ๋อร์และฉาวจิ่งจะกลับมาแล้ว ในที่สุดบ้านก็จะมีชีวิตชีวา” มู่ซืออวี่กล่าว “เจียซือ เจ้าชอบหม้อไฟแบบไหน?”
สิงเจียซือกำลังนั่งดีดลูกคิดอยู่ข้าง ๆ หลังจากฟังคำพูดของมู่ซืออวี่แล้ว นางก็ตอบว่า “ฮูหยินลู่ไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร แบบไหนก็ได้เจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะทำหม้อไฟหลาย ๆ รสชาติ เจ้าสามารถเลือกรสชาติที่เจ้าชอบได้ นี่เจ้ากำลังคำนวณอะไรอยู่?” มู่ซืออวี่เข้ามา
“ช่วงนี้ข้านำของบางอย่างจากชนเผ่าอวิ๋นอิงมาขายในตลาด ตอนนี้ข้ากำลังตรวจสอบบัญชีอยู่เจ้าค่ะ” สิงเจียซือกล่าว “วันนั้นข้าเห็นสมุดบัญชีที่นักบัญชีของ ‘เรือนกรุ่นฝัน’ ทำขึ้น และบังเอิญค้นพบว่าวิธีการทำบัญชีของเขาค่อนข้างง่าย ข้าก็เลยเรียนรู้จากเขา ฮูหยินลู่ ท่านคงจะไม่โกรธหากข้าทำเช่นนี้ ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
“เหตุใดข้าต้องโกรธด้วยเล่า? วิธีการทำบัญชีที่ว่ามิได้ใช้ได้เฉพาะคนของข้าเท่านั้น แต่ควรทำให้แพร่หลายออกไปมากที่สุดเพื่อให้ผู้คนสามารถเรียนรู้วิธีการทำบัญชีง่าย ๆ นี้ได้มากขึ้น หากเจ้าต้องการเรียนรู้อะไรก็เพียงแค่ถามคนในร้านได้เลย เขาจะสอนเจ้าเอง ว่าแต่เจ้าเอาอะไรมาขายบ้าง? ขายดีหรือไม่?”
สิงเจียซือแนะนำของที่นางนำมา
“ขายไม่ค่อยดีใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่ถามด้วยรอยยิ้ม
“มันไม่ง่ายเลยที่จะขายเจ้าค่ะ” สิงเจียซือกล่าว “มีเพียงคนที่ชอบของใหม่เท่านั้นที่มาซื้อ บางคนไม่กล้าซื้อ เมื่อเห็นขนเส้นเล็ก ๆ บนเนื้อวัวเจ้าค่ะ”
“เมื่อก่อนเนื้อวัวไม่สามารถขายในตลาดได้ ตอนนี้ผ่อนคลายกฎลงแล้ว เนื้อวัวจึงขายได้ เนื้อแห้งที่เจ้านำมาจากเผ่าอวิ๋นอิงไม่ได้หายากนัก แน่นอนว่ามันคงจะขายได้ยาก”
สิงเจียซือพยักหน้า “อาหารพิเศษของชนเผ่าอวิ๋นอิงมีเพียงเนื้อวัวและเนื้อแกะเท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าในเมืองหลวงสามารถขายเนื้อวัวได้ ข้าจึงเลือกเนื้อวัวตากแห้งมาขายเจ้าค่ะ”
“เรือนพักผ่อนบนภูเขาของข้าต้องการวัตถุดิบเหล่านี้…”
“ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่อาจรบกวนท่านได้ตลอดเวลา…”
“ฟังสิ่งที่ข้าจะพูด” มู่ซืออวี่เอ่ย “เจ้าเอาเนื้อพวกนั้นมาให้ข้าลองชิมดูก่อน หากใช้ได้ ข้าก็จะซื้อ แต่หากใช้ไม่ได้ ข้าก็จะไม่รับไว้”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
สิงเจียซืออาศัยอยู่ที่ห้องฝั่งตะวันตก ส่วนเพื่อนจากเผ่าอวิ๋นอิงที่นางพามาด้วยนั้นอาศัยอยู่ที่ลานบ้านอีกแห่งหนึ่ง
หลังจากกินข้าวเสร็จ นางก็วางแผนจะไปหาอีกฝ่ายเพื่อดูว่าพวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับการอยู่ที่นี่แล้วหรือไม่ หลังจากข้ามสะพานไม้ไปก็เห็นลู่ฉาวอวี่และคนของเขาเดินมาจากอีกฟากหนึ่งของสะพาน
สิงเจียซือโค้งคำนับแล้วยืนเคียงข้าง
ลู่ฉาวอวี่หยุดเดินก่อนจะถามว่า “แม่นางสิงอยู่ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ขอบคุณใต้เท้าลู่น้อย ทุกอย่างเรียบร้อยดีสำหรับข้า”
“เรื่องอาวุธลับเป็นอย่างไร?”
“ฮูหยินเอาใจใส่และช่วยเหลือพวกข้ามากเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
ลู่ฉาวอวี่กำลังจะจากไป ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินสิงเจียซือเรียก
“ท่านใต้เท้า ผู้คุ้มกันคนนี้ป่วยหรือ?”
ลู่ฉาวอวี่มองไปทางที่สิงเจียซือชี้
นางกำลังพูดถึงลู่เยี่ย
ลู่เยี่ยสับสน “ข้าไม่ได้ป่วย!”
“แขนของเจ้า…”
ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ดึงแขนเสื้อขึ้นหน่อย”
ลู่เยี่ยพับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นแขนที่บวมแดงและเต็มไปด้วยฝี
“ข้าคงโดนแมลงกัดแน่ ๆ แค่คันนิดหน่อยเท่านั้น”
“ไม่ใช่ ข้าเคยเห็นอาการที่คล้ายกับเจ้ามาก่อน แขนเริ่มบวมแดง จากนั้นก็จะมีฝีขึ้นเต็มไปหมด” สิงเจียซือกล่าว “นี่เป็นโรคอย่างหนึ่ง มันร้ายแรงและติดต่อกันได้”
“เจ้าไปหาหมอมาหรือยัง?” อีเจี้ยนที่อยู่ข้าง ๆ ถามเขา “นี่ไม่ใช่เรื่องตลก เจ้าไม่อาจปกปิดอาการป่วยได้”
“ข้าไปหาหมอมาแล้ว หมอบอกว่าข้าถูกแมลงมีพิษกัดและให้ยาแก้พิษข้ามาด้วย” ลู่เยี่ยกล่าว
“ข้าไม่รู้ว่าอาการของผู้คุ้มกันคนนี้เหมือนกับที่ข้าเคยเห็นมาก่อนหรือไม่ แต่อาการที่ข้าเคยเห็นมาก่อน มีอาการระยะแรกเหมือนกับเขา”
“ขอบคุณ ข้าจะให้เขาไปตรวจดูอีกครั้ง” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “เช่นนั้น พวกเราขอตัวก่อน”
เดิมทีลู่ฉาวอวี่วางแผนจะกลับบ้าน แต่ตอนนี้เขาหันหลังเดินออกไปพร้อมกับคนสนิทสองคนของตนเอง
เสียงของลู่เยี่ยดังขึ้น “ท่านใต้เท้า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่หรือไม่? ข้ายังไม่ได้ออกจากเมือง ข้าจะติดโรคติดเชื้อเช่นนั้นมาได้อย่างไร?”
“เผื่อไว้ก่อน เจ้าไปรับการตรวจจากหมอหลวงจะดีกว่า” อีเจี้ยนกล่าว “หากเป็นโรคติดเชื้อจริง ๆ ท่านใต้เท้าอยู่กับเจ้าตลอดทั้งวันจะไม่เสี่ยงติดเชื้อไปด้วยหรือ?”
ลู่เยี่ยหยุดพูดทันที
แม้ว่าจะไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นโรคแบบนั้น แต่ความปลอดภัยของลู่ฉาวอวี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
คืนนั้นมู่ซืออวี่และสิงเจียซือรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน พูดคุยถึงเรื่องที่ลู่ฉาวอวี่กลับมาแล้วออกไปอีกครั้ง บอกว่าชายคนนี้มีงานยุ่งยิ่งกว่าพ่อของเขาเสียอีก ไม่รู้ว่าใครคือผู้สำเร็จราชการแทนตัวจริงกันแน่
“ใต้เท้าลู่น้อยยังไม่กลับมาอีกหรือเจ้าคะ?”
“ใช่ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังยุ่งอยู่กับอะไร”
สิงเจียซือกังวลเล็กน้อย
โรคติดเชื้อนั้นลำบากมาก ในเวลานั้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยเสียชีวิต หากไม่ใช่เพราะศิษย์จากหุบเขาเทพโอสถบังเอิญผ่านมาและรักษาคนเหล่านั้นด้วยทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม คงกลายเป็นสถานการณ์หายนะ
นางไม่ทราบเหตุการณ์ที่เฉพาะเจาะจง เป็นการยากที่จะบอกมู่ซืออวี่ เพราะเกรงว่าจะทำให้ต้องกังวลมากเกินไป
ในวันนั้นลู่ฉาวอวี่ไม่ได้กลับมา วันรุ่งขึ้นสิงเจียซือจึงไปที่สำนักตรวจการ นางยืนลังเลอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง เมื่อรวบรวมความกล้าได้แล้วก็บอกให้คนเฝ้าประตูไปส่งข้อความให้ลู่ฉาวอวี่ออกมาหา
“แม่นางสิง” ลู่ฉาวอวี่เรียกนาง
“ท่านใต้เท้าลู่น้อย พวกท่านเป็นอย่างไรกันบ้าง?” สิงเจียซือถามอย่างกังวล
“ขอบคุณแม่นางที่เป็นห่วง ข้าสบายดี แต่คนของข้ากำลังลำบากจริง ๆ” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “เจ้าพูดถูก เขาเป็นโรคติดต่อ”
“แล้วมีวิธีการวินิจฉัยและรักษาบ้างหรือไม่?”
“บังเอิญมีศิษย์สองคนจากหุบเขาเทพโอสถที่ทำงานที่โรงหมอหลวง โรคติดต่อถูกค้นพบทันเวลา จึงยังไม่แพร่ระบาดและอยู่ภายใต้การควบคุม ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณแม่นาง หากเจ้าเตือนข้าไม่ทัน แล้วเรื่องบานปลายขึ้นมาจริง ๆ ก็คงควบคุมได้ยาก เจ้าป้องกันไม่ให้ปัญหาใหญ่เกิดขึ้น”
“ก่อนจะหายขาด ความอันตรายก็ยังไม่คลี่คลาย ท่านต้องให้ความสนใจกับเรื่องนี้” สิงเจียซือกล่าว “ข้าเห็นด้วยตาของข้าเองว่าผู้คนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งเสียชีวิตทั้งหมด ไม่มีสักคนเดียวที่รอดชีวิต หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้คนในหมู่บ้านอื่นก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน”
“ข้าจะใส่ใจให้ดี ช่วงนี้ข้าจะอาศัยอยู่นอกจวน จะไม่กลับไปเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่โรคร้ายไปสู่ครอบครัว หากท่านแม่ถาม เจ้าก็ไม่ต้องพูดอะไร แค่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องก็พอ”