บทที่ 1000 จำลองศึกระหว่างโลกมหามรรค
กวนปู้ไป้เอาชนะจ้าวซวงเฉวียนได้ กลายเป็นบุตรแห่งสวรรค์สิบยอดฟ้าคนแรก!
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้เหนือไปจากความคาดหมายเลย แทบไม่มีผู้ใดตั้งความหวังในตัวจ้าวซวงเฉวียน
ลี่เหยาก้าวออกมาเลือกท้าประลองกับบุตรแห่งสวรรค์คนหนึ่งที่ไม่ได้มาจากสำนักซ่อนเร้น นามว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุน
ลี่เหยาถูกศิษย์สำนักซ่อนเร้นจดจำในฐานะสตรีของหานเจวี๋ยมาตลอด เพียรบำเพ็ญมานานหลายล้านปี ตบะนับเป็นอันดับต้นๆ ในหมู่ศิษย์สืบทอด ย่อมไม่อ่อนด้อยเลย
มรรคกระบี่ของนางแตกฉานเชี่ยวชาญ บรรลุระดับของตนแล้ว แต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน มีตบะระดับอริยะมหามรรคระยะสมบูรณ์ การต่อสู้ของทั้งสองมีสีสันอย่างยิ่ง ขณะนี้ยากจะตัดสินแพ้ชนะได้
ณ คฤหาสน์ภายในเมืองทศพิธ
จ้าวซวงเฉวียนเดินเข้ามาหาซูฉี สีหน้าละอายใจ
ซูฉีเอ่ยอย่างผ่อนคลาย “ไม่เป็นไร เจ้าพยายามเต็มที่แล้ว ผลงานของเจ้าทำให้อาจารย์ปลาบปลื้มนัก”
ศิษย์สำนักซ่อนเร้นคนอื่นๆ ก็เข้ามาปลอบใจเช่นกัน ถึงอย่างไรจ้าวซวงเฉวียนก็นับเป็นชนรุ่นเยาว์ของพวกเขา
ไก่คุกรัตติกาลร้องขึ้นว่า “ท่านไก่อย่างข้าฝึกบำเพ็ญมานานกว่าเจ้ามาก ยังไม่ติดอันดับพันองอาจด้วยซ้ำ! เจ้าเด็กแสบ ได้เปรียบแล้วยังมาวางท่าใสซื่ออีกหรือ!”
ชิงเทียนเสวียนจีแค่นเสียงใส่ “ถูกต้อง ตัวเจ้าอย่างน้อยก็ได้แตะธรณีประตูสิบยอดฟ้าแล้ว โชคดีจริงๆ”
เขาก็ตกรอบเช่นกัน รู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง
จ้าวซวงเฉวียนกวาดตามองไปรอบๆ ในลานเรือนเต็มไปด้วยผู้ตกรอบ เขาจึงรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา
เสียงด่าของอี๋เทียนแว่วมา “เลิกซึมได้แล้ว ข้าต่างหากที่ต้องซึม อู๋เซียงเทียนเซี่ยที่สมควรตาย สกัดข้าไว้หน้าประตูสิบยอดฟ้า”
เมื่อเอ่ยถึงอู๋เซียงเทียนเซี่ย ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเงียบลง
สายตาของพวกเขามองไปที่ร่างหานทั่ว หานทั่วนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ มองฉากบนท้องนภาอย่างเงียบเชียบไม่พูดไม่จา
ไม่ใช่แค่อี๋เทียนที่พ่ายแพ้อู๋เซียงเทียนเซี่ย หานทั่วก็เช่นกัน
ไม่ทราบเช่นกันว่าใช่เรื่องบังเอิญหรือไม่ อู๋เซียงเทียนเซี่ยปะทะกับสามเทวทัณฑ์สามรอบติด บดขยี้เทวทัณฑ์ไปทีละคนจนโดดเด่นขึ้นมา เพราะเหตุนี้ถึงทำให้อัตราเดิมพันของอู๋เซียงเทียนเซี่ยเพิ่มสูงขึ้น
ทุกคนมองไปที่หานทั่ว เปี่ยมด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ
ด้วยตบะของหานทั่ว แม้จะเอื้อมไม่ถึงเลิศล้ำหมื่นยุค แต่ติดสิบยอดฟ้าได้แน่นอน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะพบอู๋เซียงเทียนเซี่ยเข้า
ติดอันดับสิบยอดฟ้าจะได้กลายเป็นดวงจิตมหามรรค แต่ห้าเทวทัณฑ์ที่สอดส่องดูแลดวงจิตมหามรรคทั้งหมดกลับพ่ายแพ้หลุดอันดับสิบยอดฟ้า ในฐานะหัวหน้ากลุ่มเทวทัณฑ์ หานทั่วกดดันขนาดไหนเพียงคิดดูก็รู้แล้ว
พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะปลอบหานทั่วอย่างไรดี ได้แต่ภาวนาให้ศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นๆ ช่วยล้างแค้นแทนหานทั่วสำเร็จ
หลายชั่วยามต่อมา
ลี่เหยายังคงพ่ายแพ้อยู่ดี จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนแข็งแกร่งจริงๆ หานเจวี๋ยมองออกว่าเขาริเริ่มสร้างโลกมหามรรคในชั้นแรกขึ้นแล้ว ใช้พลังของโลกมหามรรคมาข่มมรรคกระบี่ของลี่เหยา ได้รับชัยชนะไปอย่างงดงาม
อาจเป็นเพราะทราบถึงฐานะของลี่เหยา จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนจึงไม่ได้สร้างความลำบากใจให้ลี่เหยาจนเกินไป เพียงปราบปรามแล้วยั้งมือลง จบลงอย่างสุภาพ
การปรากฏตัวขึ้นของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนทำให้หานเจวี๋ยตระหนักได้ว่าในฟ้าบุพกาลมีอริยะมหามรรคที่มีแนวคิดสร้างโลกมหามรรคขึ้นไม่น้อยเลย เพียงแต่อยู่ในช่วงคลำหาหนทาง คาดว่าผู้ที่ทำสำเร็จล้วนถูกเจ้านวฟ้าบุพกาลสะกดไว้ทั้งสิ้น ดังนั้นวิถีบำเพ็ญของโลกมหามรรคจึงถูกปิดกั้นตัดขาด
หลังจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนได้เป็นสิบยอดฟ้า การต่อสู้รอบที่สามก็ดำเนินต่อ
ฉู่ซื่อเหรินเดินออกมา เลือกท้าสู้คนนอก ไม่ปะทะกับศิษย์ร่วมสำนัก คนที่เขาเลือกท้าทายคือบุตรแห่งสวรรค์นามมหามรรคอัมพรโจวซ่ง
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
ในฉากหน้าตบะของมหามรรคอัมพรโจวซ่งคืออริยะมหามรรคระยะสมบูรณ์ แต่ความจริงกลับเป็นยอดมหามรรค
สำหรับเรื่องนี้ หานเจวี๋ยก็ไม่สะดวกจะกล่าวเตือน ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงการประลอง หาใช่การตัดสินเป็นตายไม่
การต่อสู้เปิดฉากขึ้น พฤติกรรมของมหามรรคอัมพรโจวซ่งผิดแผกยิ่ง ไม่ได้ลองเชิงดูก่อนเหมือนการต่อสู้ที่ผ่านมา แต่ทุ่มพลังทั้งหมดออกไป
เห็นได้ชัดว่าฉู่ซื่อเหรินคาดไม่ถึงว่ามหามรรคอัมพรโจวซ่งจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
มหามรรคอัมพรโจวซ่งก็เริ่มดำเนินการบุกเบิกโลกมหามรรคแล้วเช่นกัน ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ในส่วนลึกของวิญญาณฉู่ซื่อเหรินก็บุกเบิกแดนพุทธแห่งหนึ่งขึ้นแล้ว
นี่คือการจำลองศึกระหว่างโลกมหามรรค!
หานเจวี๋นมองแล้วสะท้อนใจอย่างยิ่ง
สมกับเป็นบุตรแห่งสวรรค์ ล้วนเริ่มคลำพบหนทางแห่งการพิสูจน์มรรคในระดับที่สูงยิ่งขึ้นไปแล้ว
ยอดเยี่ยมเหลือเกิน
ยิ่งสู้ฉู่ซื่อเหรินก็ยิ่งตกใจ เขาอาศัยพลังโลกมหามรรคจากแดนพุทธะทำให้ยืนยงไร้พ่าย ฝ่าฟันมาถึงรอบนี้ได้ ไม่คิดเลยว่าจะได้พบผู้มีพลังเช่นนี้หน้าธรณีประตูสิบยอดฟ้า!
หลังการต่อสู้อันดุเดือดผ่านพ้นไป เนื่องจากความห่างชั้นด้านระดับตบะทำให้ฉู่ซื่อเหรินพ่ายแพ้ตกรอบไป
ตอนนี้ ตัดสินตำแหน่งสิบยอดฟ้าได้แล้ว!
ได้แก่หานฮวง เต้าจื้อจุน กวนปู้ไป้ มู่หรงฉี่ เทพมารขุนพลสวรรค์ หวงจุนเทียน อู๋เซียงเทียนเซี่ย ราชันเทวาฟ้าไพศาล จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุนและมหามรรคอัมพรโจวซ่ง
เทพมหาทัณฑ์ประกาศสิบรายชื่อนี้ด้วยตัวเอง เสียงดังก้องไปทั่วเมืองทศพิธ ก่อให้เกิดเสียงไชโยโห่ร้องดังไปทั่วเมือง
สิบคนนี้ล้วนจะกลายเป็นดวงจิตมหามรรค แม้สมญาจะเป็นบุตรแห่งสวรรค์ แต่สรรพสิ่งต่างรู้ว่าสิบคนนี้ได้กลายเป็นผู้ทรงพลังชั้นแนวหน้าของฟ้าบุพกาลแล้ว สั่นคลอนอดีตกาลและยุคปัจจุบันได้
“อีกหนึ่งเดือนให้หลังจะมีการประลองชิงตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุค ข้าได้ปรับแก้ศึกชิงตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคแล้ว เตรียมจะส่งสิบยอดฟ้าเข้าไปในอาณาเขตแห่งหนึ่งพร้อมกัน ผู้ใดอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายก็จะกลายเป็นเลิศล้ำหมื่นยุค!”
เสียงของเทพมหาทัณฑ์ดังก้องไปทั่วเมืองทศพิธ ทำให้ผู้คนฮือฮา
บรรดาผู้ทรงพลังภายในห้องโถงตะลึงงันไปเช่นกัน มิใช่ตกลงไว้ว่าจะเป็นการประลองตัวต่อตัวหรอกหรือ
หานเจวี๋ยเหลือบมองเทพมหาทัณฑ์ ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว
หากว่าในมุมของสำนักซ่อนเร้นแล้วกติกานี้เอื้อประโยชน์ให้เหลือเกิน
แต่ถ้าปรับเปลี่ยนกติกาเอาตอนนี้ ฟ้าบุพกาลจะมองสำนักซ่อนเร้นอย่างไรเล่า
เทพมหาทัณฑ์มีระดับความประทับใจเต็มขั้นดาวมิใช่หรือ เหตุใดถึงกระทำเรื่องผิดพลาดเช่นนี้
เทพมหาทัณฑ์เอ่ยขึ้นว่า “อันที่จริงกติกานี้ตั้งไว้แต่แรกแล้ว แต่ข้าไม่เคยกล่าวถึงก็เท่านั้น และนี่ก็คือเหตุผลที่ข้า จัดงานชุมนุมฟ้าบุพกาลขึ้น ข้าไม่ได้ต้องการให้บุตรแห่งสวรรค์มาประชันความแข็งแกร่งชิงชัยกัน แต่ต้องการให้มาทำความรู้จัก และกระตุ้นผลักดันกันและกัน ในอดีตที่ผ่านมาฟ้าบุพกาลกว้างไกลไร้ขอบเขต แต่ละอาณาเขตต่างไม่รบกวนซึ่งกันและกัน ห้วงอวกาศฟ้าบุพกาลเงียบวังเวง ฟ้าบุพกาลที่เป็นเช่นนี้พวกเจ้าคิดว่าจะมีอนาคตอยู่จริงๆ น่ะหรือ”
วาจานี้ดังก้องอยู่ในห้องโถงเท่านั้น ในเมืองทศพิธยังคงโต้แย้งเรื่องกติกาใหม่กันอยู่ วิพากษ์วิจารณ์สำนักซ่อนเร้นในทางลบยิ่ง
สิบยอดฟ้าก็อยู่ในห้องโถงเช่นกัน พวกเขาล้วนฟังอย่างตั้งใจ อยากฟังคำอธิบายของเทพมหาทัณฑ์
“ข้าจะขอเล่าถึงอดีตที่ผ่านมาของข้าก่อน ในอดีตกาลนานมาแล้ว ข้าก็เคยมีจิตใจองอาจทะเยอทะยานเช่นเดียวกับบุตรแห่งสวรรค์ในห้องโถงนี้ คิดว่าตัวตนยุคโบราณบางส่วนที่มาในงานนี้ก็น่าจะรู้ดี ต่อมาข้าถูกอดีตผู้นำดวงจิตมหามรรครุ่นก่อนสะกดไว้ เช่นเดียวกับที่ผานกู่และบรรพชนเต๋าเคยเผชิญเมื่อครั้งอดีต เพียงแต่สถานที่ที่ข้าถูกจองจำไว้ก็คือที่นี่ ก้นบึ้งฟ้าบุพกาลแห่งนี้
“ที่นี่มีวิญญาณพยาบาทมากมายสู้อย่างไรก็ไม่หมดไม่สิ้น จิตเคียดแค้นชิงชังท่วมท้น ข้าเองก็เคยเลอะเลือนหลงทางไปเช่นกัน ต้องการจะล้างแค้นฟ้าบุพกาล จนกระทั่งในภายหลังข้าได้สติตระหนักรู้ว่า สิ่งที่ข้าสมควรชิงชังมิใช่ฟ้าบุพกาล แต่เป็นกฎเกณฑ์ของฟ้าบุพกาล
“ช่วงเวลาที่ถูกสะกดไว้ ข้าค้นพบว่าก้นบึ้งฟ้าบุพกาลหาใช่ก้นบึ้งที่แท้จริงไม่”
เมื่อเทพมหาทัณฑ์กล่าวมาถึงตรงนี้ก็ชะงักไป
ผู้ทรงพลังทั้งหมดที่อยู่ภายในห้องโถงก็ถูกกระตุ้นความสนใจขึ้นมา ที่นี่ยังมิใช่ก้นบึ้งฟ้าบุพกาลที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ หมายความว่าอย่างไร
หานเจวี๋ยแปลกใจ เทพมหาทัณฑ์สังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของโลกอวิชชาฟ้าบุพกาลแล้วหรือ
เทพมหาทัณฑ์กวาดตามองไปทั่วห้องโถง เอ่ยต่อว่า “ข้าค้นพบว่าด้านล่างฟ้าบุพกาลในปัจจุบันนี้ซุกซ่อนโลกมหามรรคแห่งหนึ่งที่มีขนาดพอๆ กับฟ้าบุพกาลไว้ ข้าพบว่ามันเข้ากับฟ้าบุพกาลไม่ได้ พลังวิญญาณของสองโลกขัดแย้งกัน หากฟ้าบุพกาลไม่สะกดโลกนี้ไว้ เกรงว่าโลกนี้คงฮุบกลืนฟ้าบุพกาลเข้าไปแล้ว ทุกท่านน่าจะเคยได้ยินตำนานอนธการกระมัง
“เพราะอนธการล่มสลายถึงก่อกำเนิดฟ้าบุพกาล ข้าสันนิษฐานว่าหากฟ้าบุพกาลพังทลายลง โลกที่อยู่ด้านล่างก็คงจะได้โผล่พ้นเห็นตะวัน พวกเจ้าอาจจะคิดว่าเช่นนี้ก็ไม่เห็นเป็นไร แต่พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตอนธการหรือไม่ แม้แต่เทพมารอนธการนั้นก็กลายเป็นเทวตำนานที่เลื่อนลอยไร้หลักฐานเช่นกัน!”