ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 636 สุนัขบ้าอำนาจ หวงหรง

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ตอนที่ 636 สุนัขบ้าอำนาจ หวงหรง

เป็นอย่างไรก็พูดอย่างนั้น กระบวนท่านี้ของเยี่ยเว่ยหมิงไม่นับว่าใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงขั้นกล่าวได้ว่าไม่ได้ใช้การเล่นอะไรเลยด้วยซ้ำ การโจมตีระดับนี้ไม่มีทางสร้างภัยคุกคามต่อยอดฝีมือระดับโอวหยางเฟิงได้

แต่การโจมตีที่ไร้ซึ่งภัยคุกคามครั้งนี้ กลับทำให้โอวหยางเฟิงโมโหจนแก้มพองลม

ทำเช่นนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!

ถึงอย่างไรข้าก็เป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือ ก่อนโจมตีเจ้ายังขยิบตาข้างเดียวให้ข้าอีกหรือ!

ทำอะไรของเจ้า

จะดีดหนังยางใส่คางคกหรือ

ภายใต้อารมณ์ที่สุดแสนจะหงุดหงิด โอวหยางเฟิงใช้ฝ่ามือตบออกมากลางอากาศหนึ่งที ทำให้ลูกดีดเหล็กกลายเป็นผุยผงกลางอากาศ

จากนั้นก็หันไปบอกหวงหรงว่า “หลานสาวตระกูลหวง เจ้า…”

แกร๊ง! ไม่ทันรอให้โอวหยางเฟิงพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ดีดลูกดีดเหล็กออกมาอีกครั้ง ดีดไปทางหลังศีรษะของโอวหยางเฟิง

รู้สึกได้ว่ามีกระแสลมที่ไม่เป็นมิตรมาจากทางด้านหลัง โอวหยางเฟิงพูดได้ครึ่งประโยคก็หยุดทันที เขาก้าวหลบการโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิง จากนั้นถามต่อว่า “เจ้าจะไม่หยุดพฤติกรรมโกงของเจ้าเด็กนั่นสักหน่อยหรือ”

หวงหรงกะพริบตาปริบๆ หลังจากโอวหยางเฟิงพูดประโยคนี้จบได้สองวินาที นางถึงได้กล่าวด้วยท่าทางไม่จริงจัง “เยี่ยเว่ยหมิง เนื่องจากติกาประลอง ตอนนี้เจ้ากำลังทำผิดกติกา…

…ดังนั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะลงมาจากนกยักษ์ แล้วสู้กับลุงโอวหยางซึ่งๆ หน้า อย่าคิดจะใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องเพื่อเอาชนะนะ”

เพียงประโยคสั้นๆ ประโยคเดียว หวงหรงกลับใช้เวลาพูดไปเกือบสองนาที ระหว่างนี้เยี่ยเว่ยหมิงยังใช้วิธีการหลับตาเล็งดีดลูกดีดเหล็กโจมตีโอวหยางเฟิงต่อเนื่องเป็นสิบลูก ทำให้พลังของเขาลดลงทีละน้อย

อะไรนะ เจ้าบอกว่าโอวหยางเฟิงหลบได้ แก้การโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงได้โดยไม่สิ้นเปลืองพลังอย่างนั้นหรือ

ไม่! ไม่! ไม่!

หลังจากอีกฝ่ายหลบลูกดีดเหล็กลูกที่สองได้ เยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนมุมในการขี่เจ้าแดงแล้ว ทำให้ตอนที่ให้โอวหยางเฟิงเผชิญหน้ากับลูกดีดเหล็กจาก ‘วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเขา ทำได้เพียงฝืนรับไว้ ไม่มีทางหลบหลีกได้

เพราะหากเขาเลือกหลบหลีก ลูกดีดเหล็กที่เยี่ยเว่ยหมิงยิงออกมาก็จะตกข้างหลังเขา ไปลงบนตัวโอวหยางเค่อที่กำลังได้รับบาดเจ็บภายใน!

พอรู้ว่าหวงหรงจะพยายามช่วยตนถ่วงเวลาภายในขอบเขตที่ทำได้ เยี่ยเว่ยหมิงตอบรับอย่างไม่คิดมาก จากนั้นก็ขี่เจ้าแดงพุ่งขึ้นฟ้าอีกครั้ง บินมาอยู่ด้านบนของโอวหยางเฟิง แล้วจู่ๆ ก็เก็บเจ้าแดง

ตอนที่โอวหยางเฟิงนำไม้เท้างูออกมาอีกครั้ง และเตรียมจะโจมตีเขาอย่างโหดๆ สักครั้ง จู่ๆ กลับเห็นกระบี่ล้ำค่าสี่เล่มยิงออกมาจากมือของเยี่ยเว่ยหมิงอย่างต่อเนื่อง

กระบี่สี่เล่มนี้หมุนวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลายเป็นค่ายกลกระบี่ที่เคลื่อนย้ายไม่หยุดกลางอากาศ ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ขี่กระบี่บนฟ้า ใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ยิง “ปิ้ว! ปิ้ว! ปิ้ว!” อย่างต่อเนื่อง

โอวหยางเฟิงกลัดกลุ้มอยู่ในใจ

จะว่าไปแล้ว เจ้าเด็กนี่มีทักษะบินเยอะขนาดนั้นเชียวหรือ

แม้โอวหยางเฟิงแม้จะมีทักษะยุทธ์ที่แข็งแกร่ง แต่กลับไม่อาจคุกคามวิธีการโจมตีระยะไกลของเยี่ยเว่ยหมิงได้

ภายใต้ความจนใจ เขาจึงทำได้เพียงประท้วงต่อหวงหรงอีก

ส่วนหวงหรงก็บ่นเยี่ยเว่ยหมิงอย่างร่ำไรอีกนานมาก เสร็จแล้วถึงได้อธิบายว่า เขาต้องลงมือกับโอวหยางเฟิงที่อยู่บนต้นท้อ ไม่ใช่ใช้วิธีการอื่นเพื่อหนีออกจากต้นท้อแล้วค่อยโจมตี

ตอนนี้เอง เมฆเคลื่อนเดียวดายตัวแทนการประลองจากเขาอูฐขาวก็ถูกหงชีกงบีบให้จนมุมแล้ว จากนั้นก็ใช้ท่า ‘มังกรผยองได้สำนึก’ โจมตีจนตกลงจากต้นท้อ

“ผู้อาวุโสหงชีกงมีพลังฝ่ามือแข็งแกร่งจริงๆ ทรงพลังดุดัน!”

เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวชมหงชีกงก่อน จากนั้นก็หันตัวกลับมาอย่างไม่รีบร้อน แล้วบอกหวงหรงว่า “เอ่อคือ เจ้าดูสิเขาทำท่าเหมือนจะโจมตีอยู่ข้างล่าง ถ้าข้าลงไป จะต้องถูกเข้าโจมตีเข้าอย่างจังแน่…

…เอาอย่างนี้ไหม เจ้าให้เขาหลบไปก่อน ข้าจะได้ลงไปอย่างปลอดภัย”

ตอนนี้เมฆเคลื่อนเดียวดายที่ถูกโจมตีตกลงพื้นกล่าวประท้วงต่อหวงหรงอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าไม่เห็นหรือว่าเจ้าเด็กนั่นทำผิดกติกาต่อเนื่อง แต่เจ้ายังเข้าข้างเขาเช่นนี้ มีเจตนาไม่ซื่ออะไรกันแน่!”

หวงหรงได้ยินแล้วเบะปากอย่าดูถูก “โปรดระวังท่าทีในการพูดของเจ้าด้วย ก็ต้องรู้ไว้นะว่าตอนนี้ข้าคือพิธีกรและกรรมการของการประลองสนามนี้!”…

…เจ้ารู้ใช่ไหมว่าหมายความว่าอะไร” หวงหรงให้ความรู้ต่ออย่างภาคภูมิใจ “หมายความว่าหลังจากการประลองสนามนี้จบลงแล้ว แม้จะถูกท่านพ่อตำหนิเพราะจัดการประลองนี้อย่างไม่ยุติธรรม…

…แต่ก่อนที่การประลองนี้จะจบลง อำนาจในการตีความการประลองนี้เป็นของข้า!…

…ตอนนี้ข้าจะประกาศว่า เจ้าถูกโจมตีตกลงมาจากต้นไม้ ได้หนึ่งคะแนน เจ้าได้เพียงหนึ่งคะแนนเท่านั้น”

“นางตัวแสบ…” เมฆเคลื่อนเดียวดายเดือดดาล

ผลปรากฏว่าเขายังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นกัวจิ้งที่อยู่ข้างๆ นางก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง สองมือมีเสียงมังกรคำรามดังแว่วมา

ขณะเดียวกันนี้ กลิ่นอายสังหารที่ได้เปรียบกว่าสองกลุ่มตรึงเข้าไว้อย่างแน่นหนา พอหันหน้าไปดู การต่อสู้ก็จบลงแล้ว หงชีกงที่กำลังจ้องมองเขาอย่างดุร้ายอยู่บนต้นไม้ รวมทั้งหวงเย่าซือที่กำลังรับมือกับสะพานสวรรค์น้อยอยู่ข้างๆ

การค้นพบนี้ทำให้เมฆเคลื่อนเดียวดายรู้สึกเย็นวาบสันหลังทันที

ความรู้สึกตอนถูกสองในห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้าเพ่งเล็งเป็นอย่างไร ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับความรู้สึกนั้น!

“หุบปาก!”

คนที่ออกเสียงตำหนิก็คือโอวหยางเฟิง เขานับว่ามองออกแล้ว

หวงหรงอาศัยว่าตัวเองเป็นสตรีผู้อ่อนแอคนหนึ่ง ไม่สนใจเลยว่าคนอื่นจะมองนางอย่างไร นางจึงช่วยเยี่ยเว่ยหมิงถ่วงเวลา นางไม่สนใจชื่อเสียงของตัวเองอยู่แล้ว

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพูดมากกว่านี้ก็จะกลายเป็นข้ออ้างให้นางถ่วงเวลาทั้งนั้น

เขาจึงไม่รอให้หวงหรงเป็นฝ่ายพูดก่อน เป็นฝ่ายถอยไปอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของพุ่มต้นท้อแทน แล้วพูดกับเยี่ยเว่ยหมิงว่า “เจ้าหน้าเหม็น เจ้าคิดว่าข้าโอวหยางเฟิงเป็นคนอย่างไร คิดว่าจะฉวยโอกาสโจมตีตอนเจ้าทรงตัวไม่ได้อย่างนั้นหรือ เจ้าลงมาเถอะ!”

“ก็ได้!”

เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้จักบันยะบันยังเช่นกัน ถึงอย่างไรเขาก็รับปากหวงหรงแล้วว่าจะช่วยตัดกำลังโอวหยางเฟิง

เขาจึงรับปากอย่างสบายใจทันที พร้อมควบคุมให้ค่ายกลกระบี่ตกลงช้าๆ สุดท้ายก็เหยียบบนยอดไม้ แล้วเก็บกระบี่สี่เล่มเข้ากระเป๋าหมด

ทว่าครู่ต่อมา ร่างของเขากลับดีดไปหาโอวหยางเฟิง ใช้นิ้วของมือขวาที่สะสมพลังไว้นานแล้วจี้ไปที่หว่างคิ้วของโอวหยางเฟิงโดยตรง

ดรรชนีเอกสุริยัน…ชี้แนะแผ่นดิน!

โอวหยางเฟิงเห็นแล้วแสยะยิ้มดูถูก พร้อมตบฝ่ามือออกมาหนึ่งที แก้การโจมตีดรรชนีของเยี่ยเว่ยหมิง ทำให้เขาสะเทือนถอยหลังสองก้าว เกือบจะลื่นตกลงมาจากพุ่มของต้นไม้แล้ว

ขณะมองเยี่ยเว่ยหมิงทำหน้าเหวอ โอวหยางเฟิงก็รู้สึกสะใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ” ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ แม้จะข่มทักษะยุทธ์ของข้าได้ในระดับหนึ่ง แต่ต่อให้ต้วนจื้อซิงลงมือเอง ก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะข้าได้ แถม ‘ดัชนีเอกสุริยัน’ ของเจ้าก็แย่กว่านั้นตั้งหลายส่วน!”

ระหว่างที่พูด ร่างก็พุ่งไปข้างหน้า โจมตีเยี่ยเว่ยหมิงที่ยังยืนไม่มั่นคงแล้ว

เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วตกใจ ใช้ท่า ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ต้านการโจมตีของโอวหยางเฟิงทันที

ขณะเดียวกัน ‘คาถาอุบัติสุขาวดี’ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ใช้ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ กับ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ พัวพันต่อสู้กับโอวหยางเฟิงพร้อมกัน ทั้งยังกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า

“ฆ่าคนเพื่อปกป้องชีวิต ตัดกรรมมิใช้ตัดคน!”

ท่ามกลางเสียงกลอนที่มีเจตนาสังหารเข้ม กระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงพุ่งขึ้นฟ้าแล้ว จากนั้นก็เลี้ยวกลับมาเป็นแนวเส้นโค้งอันสมบูรณ์แบบท่ามกลางการควบคุมระยะไกลของเยี่ยเว่ยหมิง โจมตีตรงไปยังแผ่นหลังของโอวหยางเฟิง

ท่ากระบี่แยกจาก!

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท