ตอนที่ 582 กลืน!
อันที่จริง คนที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เมื่อ ‘หูตาว่องไว’ ถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็จะสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เรียกว่ากลิ่นอาย และกลิ่นอายสังหารเป็นอย่างหนึ่งที่แจ่มแจ้งที่สุดและชัดเจนที่สุดในนั้น ต่อให้เป็นคนธรรมดา แค่อ่อนไหวนิดหน่อยก็สามารถสัมผัสถึงมันได้
ด้วยเหตุนี้ หลังจากโจวเจ๋อเผยกลิ่นอายสังหารออกมาโดยไม่ปิดบังสักนิด เด็กชาย ไป๋อิงอิง สวี่ชิงหล่าง และเจ้าลิงน้อย พวกเขาที่คอยเฝ้าดูสภาพแวดล้อมอยู่ในบริเวณใกล้เคียงตลอดเวลาเป็นธรรมดาที่จะรู้สึกได้ทันทีโดยธรรมชาติ ไม่มีเหตุผลมากนัก และไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า เพียงแค่กลิ่นอายสังหารนี้ก็เพียงพอแล้ว
เถ้าแก่อยากฆ่าคน พวกเขาก็ลงไปฆ่าคนอยู่แล้ว
ประตูเหล็กม้วนของคลับเพิ่งถูกเปิดจากด้านใน ยมทูตสองตนยังยืนอยู่หน้าประตู ราวกับกำลังพูดคำสุภาพเกรงอกเกรงใจอย่างเช่น ‘ภูเขาและแม่น้ำมาบรรจบกัน’ จากนั้นพวกเขาก็มองเห็นเด็กชายคนหนึ่งเดินมาทางนี้
ตอนแรกพวกเขาเพียงแค่ตกตะลึงค้างเล็กน้อยครู่หนึ่ง แต่ช่วงที่ตกตะลึงนี้กลับทำให้พวกเขาสูญเสียโอกาสต่อต้านครั้งสุดท้าย!
จู่ๆ ร่างของเด็กชายก็เร่งความเร็วขึ้นและพลันหายวับไปจากจุดนั้น แล้วไปปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขา เท้าลอยเหนือจากพื้น มือทั้งสองข้างคว้าศีรษะของทั้งสองคนไว้และกระแทกเข้าหากันอย่างแรง!
‘ปั้ก!’ ศีรษะทั้งสองชนเข้าหากันอย่างจัง จากนั้นก็ราวกับลูกแตงโมหล่นลงพื้น
ร่างกายของเด็กชายแน่นอนว่าแข็งแกร่ง เมื่อย้อนไปตอนนั้นเล็บของโจวเจ๋อฆ่าเขาไม่ตายด้วยซ้ำ บางทียมทูตสองตนนี้เป็นเพราะเพิ่งรอดชีวิต หรืออาจจะเป็นความประมาทเลินเล่อตั้งแต่ต้น เอาเป็นว่า เท่ากับพวกเขาละทิ้งโอกาสในการป้องกันของตัวเอง และเด็กชายก็คงไม่ให้โอกาสพวกเขาซ้ำอีก
เพียงแต่เมื่อเด็กชายอ้าปากแยกเขี้ยวออกมาหมายจะกักขังวิญญาณทั้งสองไว้ด้วยกัน กลับพบว่าวิญญาณของทั้งสองถูกแสงสีแดงสองดวงควบคุมเอาไว้โดยตรง แล้วโดนลากไปข้างหลังทันที!
สีหน้าและแววตาของเด็กชายฉายแววฉงน แต่ไม่ได้คิดมากอะไร และพุ่งเข้าใส่ยมทูตอีกกลุ่มที่เพิ่งออกมาอีกครั้ง
อิงอิงไม่ได้ผ่านเข้าประตูใหญ่ ในความเป็นจริง หน้าประตูฝั่งนั้นก็มีแค่เด็กชายคนเดียว ส่วนเจ้าลิงน้อย สวี่ชิงหล่าง และคนอื่นๆ รวมถึงอิงอิงด้วย ต่างแยกย้ายกันเข้าไปในคลับผ่านหน้าต่างชั้นสอง และภายในคลับก็เกิดความโกลาหลอยู่ครู่หนึ่ง
ย้อนกลับไปที่หรงเฉิงปีนั้น มีชายคนหนึ่งเคยฆ่ายมทูตหลายสิบตนในร้านขายของจิปาถะสำหรับคนตายเพียงลำพัง และวันนี้เถ้าแก่โจวกำลังซ้ำรอยในช่วงเวลานี้
แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหรงเฉิงตอนแรกเป็นแค่การบีบบังคับให้โต้กลับจนถึงที่สุดเท่านั้น แต่เถ้าแก่โจวตรงนี้เพียงแค่เขาลืมตาขึ้น ในนามอันโหดเหี้ยมของยมทูตทงเฉิง ไม่มีคนโลกแคบคนไหนกล้าปลุกปั่นและยั่วยุอีกแน่นอน แต่เขาหิวนี่ เป็นการหิวจัดอย่างแท้จริง ความรู้สึกหิวที่ควบคุมไม่ได้เกือบทำให้โจวเจ๋อเสียสติ โชคดีที่ที่นี่มียมทูต ‘ดีงาม’ มากมาย และมีวิญญาณที่ควรค่ามากมาย!
เมื่อเผชิญกับความหิวโหยอย่างแท้จริง ของอย่างเช่น จริยธรรม ศีลธรรม ความเป็นมิตรต่างๆ ล้วนไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง!
แม้แต่ในสังคมที่ศิวิไลซ์สมัยใหม่ก็ตาม เมื่อเผชิญกับสถานการณ์พิเศษและความยากลำบาก การกินเนื้อกินหนังของสหายก็เป็นเรื่องที่เห็นบ่อยจนชินตา ยังดีหน่อยถ้าเทียบกับ ‘ทารกแรกเกิด’ มากมายบนสะพานไน่เหอ ครั้งนี้เถ้าแก่โจวลงมือจัดการได้ง่ายกว่ามากนัก
รอบๆ สวี่ชิงหล่างมีหนวดสีเขียวเส้นแล้วเส้นเล่าตรงไปพันธนาการยมทูตสามตนเอาไว้ ไป๋อิงอิงพุ่งเข้ามากระแทกหมัดซัดร่างของพวกเขาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด เจ้าลิงน้อยตรงไปตรงมายิ่งกว่า ถึงอย่างไรก็เป็นแค่การอาละวาด โดยอาศัยความเร็วและความแข็งแกร่งของร่างกายตัวเอง ทั้งยังไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ กับคุณทั้งสิ้น พื้นที่ในคลับค่อนข้างแคบอยู่แล้ว ยิ่งเข้าทางให้เจ้าลิงแผลงฤทธิ์ มันไม่ได้โง่ ความจริงแล้วมันฉลาดมาก หลังจากมันเห็นวิญญาณทุกดวงออกจากร่างกายที่แหลกสลายและถูกลำแสงสีแดงจับไว้ ก็เข้าใจความหมายอย่างรวดเร็ว จึงทุ่มเทกับการทำลายกายหยาบของคนอื่น!
สาวน้อยโลลิ หลิวฉู่อวี่ และคนอื่นๆ รวมเป็นยมทูตสี่ตน เพียงแค่ตามหลังมาช้าไปหนึ่งก้าว และตามเด็กชายรุดเข้ามาฆ่าฟัน เดิมทีมันก็เป็นพลังอันน่ากลัวอย่างยิ่ง หากอยู่ในนรกอาจจะเป็นได้แค่ฟองคลื่น แต่หากอยู่บนโลกมนุษย์ในสระน้ำ ‘ยมทูต’ ระดับนี้จะต้องเป็นจระเข้ตัวใหญ่อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดขึ้นภายใต้ความไม่ทันระวังตัวป้องกัน ยมทูตที่เพิ่งออกมาจากนรกหมาดๆ จิตใจไม่มั่นคงจะคาดเดาถึงการโจมตีอันน่าพรั่นพรึงอย่างกะทันหันได้อย่างไร
เด็กชาย อิงอิง เจ้าลิงน้อย รวมถึงสวี่ชิงหล่างผู้อัญเชิญพลังของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลล้วนไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ยมทูตธรรมดาจะต่อกรได้ ท้ายที่สุดเมื่อโจวเจ๋อเอื้อมมือออกมาพร้อมตะโกนว่า “กาแฟ” และตามด้วยอีกหนึ่งประโยคว่า “หนังสือพิมพ์” สถานการณ์ที่นี่ก็ปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ในที่สุด!
ไม่ใช่ว่าพวกยมทูตไม่อยากต่อต้าน แต่ภายใต้การโจมตีที่รวดเร็วรุนแรงและทรงพลังประเภทนี้ การต้านทานของพวกเขาไม่สามารถพลิกโอกาสสร้างคลื่นลมอะไรได้เลย
เมื่อพูดแล้วก็น่าขัน ตอนแรกพาคนของร้านหนังสือมาตั้งมากมาย เดิมทีคิดว่าเผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นก็จะสามารถปกป้องกายเนื้อของตัวเองได้ ปรากฏว่าในตอนสุดท้ายดันสั่งให้ทุกคนลุยแหลกทันที อันที่จริงก็เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนรก แม้แต่ผู้ตรวจสอบที่ส่งทุกคนกลับออกมาก็จากไปอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้น เถ้าแก่โจวก็อาจจะยังไม่ลงมืออย่างเด็ดขาดถึงอย่างนี้
ภายในคลับถูกทำลายจนเละทะ อีกทั้งแขนขาขาดกระจุยกระจายไปทั่ว ถ้าหากไม่เก็บกวาดละก็อาจถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำของผู้กำกับหนังสยองขวัญยุโรปและอเมริกาได้เลย
“เถ้าแก่ เป็นอะไรไหมเจ้าคะ” ไป๋อิงอิงอยากเดินเข้ามาแต่จำต้องหยุดฝีเท้าเอาไว้ เพราะข้างกายเถ้าแก่ของเธอมีดวงวิญญาณยมทูตนับสิบถูกลำแสงสีแดงจับเอาไว้และหมุนวนล้อมรอบเถ้าแก่ของเธออยู่ ส่วนเจ้าลิงน้อยกลับสู่ขนาดปกติพลางกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของไป๋อิงอิง เกาหูเกาแก้มราวกับไม่รู้ว่าเถ้าแก่กำลังคิดจะทำอะไร ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
สวี่ชิงหล่างหรี่ตาลงเล็กน้อย ในความไม่ชัดเจนดูเหมือนจะเดาอะไรออก ด้านข้างนั้นมีเสียงแหบแก่หง่อมเอ่ยออกมาโดยตรง “กลืนวิญญาณหรือ กล้าหาญเสียเหลือเกิน แถมไม่กลัวว่าตัวเองจะเสียสติ” วินาทีต่อมา สวี่ชิงหล่างหลับตา เมื่อลืมตาอีกครั้งอักขระสีเขียวบนใบหน้าหายวับไป เขาก็กลับมาเป็นปกติแล้วเช่นกัน เสียงพูดก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลกล่าวจากบริเวณไหนของมหาสมุทร
ดวงวิญญาณเป็นของดี แต่ตลอดหลายยุคหลายสมัย น้อยคนนักจะอาศัยการกลืนวิญญาณเพื่อเพิ่มพูนการบำเพ็ญเพียรและการฟื้นฟูของตนเอง เพราะวิถีของวิญญาณนั้นลึกล้ำพิสดาร หากไม่ระวังก็จะเกิดปัญหาขึ้นกับจิตวิญญาณของตนเองได้ อย่างน้อยที่สุดก็จะทำให้จิตวิญญาณของตัวเองเสียการควบคุมหรือที่เรียกว่าสติฟั่นเฟือนและวิกลจริตนั่นเอง
สาวน้อยโลลิและยมทูตทุกตนภายใต้บังคับบัญชาของโจวเจ๋อเพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆ เท่านั้น สาวน้อยโลลิสบายดี แต่หลิวฉู่อวี่และคนอื่นๆ มองดูศพมากมายเกลื่อนพื้นและมอง ‘ลูกพี่’ ที่กักขังวิญญาณของพวกยมทูตไว้ข้างๆ ตัวเอง ให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง พวกเขาไม่เคยเห็นฉากใหญ่โตอลังการขนาดนี้มาก่อนจริงๆ จงรู้ไว้ว่าพวกเขาเองก็เป็นแค่ยมทูตธรรมดาเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อมองเห็นโจวเจ๋อยังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น สีหน้าท่าทางสงบนิ่ง ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจมาก และมักจะรู้สึกแปลกๆ
เด็กชายเม้มปาก เขามองออกแล้ว นิสัยใจคอของโจวเจ๋อแตกต่างจากเมื่อก่อน รูปร่างหน้าตาไม่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรเมื่อลงนรกกายหยาบก็ทิ้งไว้ที่นี่ แล้วจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร
แต่ทว่ากลับให้ความรู้สึกต่างกัน
ราวกับว่าในสายตาของโจวเจ๋อในเวลานี้ วิญญาณยมทูตที่เพิ่งถูกฆ่าเหล่านี้ เป็นเพียงสิ่งที่ไร้ประโยชน์กองหนึ่งไม่อยู่ในสายตาเลยสักนิด อันที่จริงมันก็เป็นอย่างนี้จริงๆ ความรู้สึกที่โจวเจ๋อเห็นวิญญาณยมทูตเหล่านี้ในตอนนี้ ถ้าหากสนใจไยดีจริงๆ ละก็ ก็จะให้ความรู้สึกเหมือนกับบิลเกตส์ที่กังวลว่าวันนี้ราคาไข่จะสูงขึ้นไหม จะซื้อน้อยลงดีหรือไม่
เขาถือได้ว่าเป็นผู้ประสบเหตุการณ์ด้วยตัวเองครึ่งหนึ่งในฉากที่พวกพญายมถูกระเบิดกระจุย ไม่เหมือนกันแล้วนี่นา ในที่สุดก็เคยได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
ดวงตาของโจวเจ๋อมองไปยังวิญญาณที่ถูกตัวเองกักขังไว้ ในดวงตาสีแดงฉานเต็มไปด้วยความปรารถนา ขณะเดียวกันปากก็ค่อยๆ อ้าออกอย่างช้าๆ
‘วืด!’ วิญญาณดวงหนึ่งถูกดูดลงไปและส่งเข้าไปในปากของโจวเจ๋อ ไม่จำเป็นต้องเคี้ยว แต่ก็เคี้ยวอย่างเคยชินไปสองสามครั้ง หลังจากกินลงไปแล้วในแววตาของโจวเจ๋อยิ่งแดงฉานมากขึ้น เพราะเขาหิวมากกว่าเดิมแล้ว!
ชั่วขณะหนึ่ง โจวเจ๋อกลืนดวงวิญญาณเข้าไปติดต่อกันนับสิบดวงแล้ว!
สวี่ชิงหล่างขมวดคิ้ว เขาอยากไปเตือนโจวเจ๋อ ถึงอย่างไรความรู้ความเข้าใจของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็แผ่หลาอยู่ตรงนั้น แต่เขาก็ลังเลอยู่เล็กน้อย เพราะนิสัยของโจวเจ๋อในเวลานี้ ทำให้เขาแยกไม่ออกเล็กน้อยว่าคนตรงหน้าเป็นโจวเจ๋อหรือว่าเป็นเจ้านั่นในร่างของโจวเจ๋อกันแน่
เด็กชายกลับรู้สึกได้ว่านั่นไม่ใช่ ‘บรรพบุรุษ’ จึงเอ่ยปาก “เถ้าแก่ กินให้น้อยๆ หน่อย”
กินมากไป คนจะฟุ้งซ่านและคลุ้มคลั่งเอาได้
แต่โจวเจ๋อไม่สนใจ เขาหิวโซจริงๆ ตอนนี้ยังกลืนอีกหลายคำติดต่อกัน จากนั้นถึงได้ลดความเร็วและจังหวะลงเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าไม่กินต่อแล้ว แต่เป็นแบบเดียวกับเด็กน้อยที่ถือขนมอร่อยๆ กินอย่างช้าๆ ค่อยๆ ละเมียดละไมชิมทีละคำ เอาวิญญาณมาเป็นขนมขบเคี้ยว กินเล่นๆ แถมยังค่อยๆ ลิ้มรสทีละคำ แม้ว่าฉากดังกล่าวจะไม่นองเลือดน่าสลดใจเท่าการกินเนื้อคนโดยตรง แต่ทว่าในความเป็นจริงมันโหดร้ายยิ่งกว่านั้นเสียอีก!
ไม่ใช่ว่าโจวเจ๋อไม่เข้าใจเหตุผลที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลกล่าวมา แต่เขาไม่สนใจแล้วต่างหาก อีกทั้งยังปล่อยมันไปอีก คนอื่นๆ อาจจะเป็นห่วงว่าถ้าทำอย่างนี้จะเกิดปัญหาขึ้นได้ แต่เขาไม่ต้องเป็นห่วงกังวลใจทั้งนั้น แม้ว่าเจ้าโง่จะจมอยู่ในการหลับใหลไม่รู้จบและปลุกไม่ตื่น แต่ตัวเองเป็นเพียงการดำรงอยู่ของจิตสำนึกภายนอกเท่านั้น หากจิตสำนึกและความคิดของวิญญาณที่ถูกตัวเองกลืนกินเข้ามาสร้างปัญหาและผลกระทบ ก็ให้พวกเขาไปตามหาเจ้าโง่สิ ถ้าสามารถช่วยตัวเองปลุกเขาตื่นได้ ตัวเองยังจะต้องขอบคุณพวกเขาด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นดวงวิญญาณรอบตัวโจวเจ๋อน้อยลงไปถนัดตา เวลานี้อิงอิงถึงสามารถก้าวไปข้างหน้าและนั่งยองๆ ลงข้างโจวเจ๋อ พลางล้วงทิชชู่เปียกออกมาจากกระเป๋าของตัวเองช่วยเช็ดปากให้โจวเจ๋อ
มุมปากไม่มีอะไรมันเยิ้มพรรค์นั้นหรอก วิญญาณเหล่านี้ไม่ได้ผ่านน้ำมันด้วยซ้ำ แต่อิงอิงก็ยังช่วยเช็ดปากให้โจวเจ๋อจนติดเป็นนิสัย จากมุมมองของอิงอิง วิญญาณยมทูตเหล่านี้สามารถถูกเถ้าแก่กินเข้าไป ก็ถือเป็นความโชคดีของพวกเขา เป็นความโชคดีที่สั่งสมมาแปดชั่วอายุคน!
นี่เป็นพิษร้ายที่หลงเหลืออยู่ของระบบศักดินาอย่างแท้จริง โหมดความคิดของอิงอิงค่อนข้างคล้ายกับของผู้ยิ่งใหญ่ในนรกและเจ้าโง่ โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับโจวเจ๋อ ไม่ว่าโจวเจ๋อต้องการทำสิ่งใด ปฏิกิริยาแรกของอิงอิงคือจะช่วยเถ้าแก่ของเธอได้อย่างไร ไม่ใช่เรื่องอื่น
การห้ามปรามไม่มีอยู่จริง!
ตอนแรกที่เถ้าแก่ไปคลับ อิงอิงยังหอบธนบัตรถุงใหญ่ไปช่วยเถ้าแก่จ่ายบิลเลยนะ!
นี่ไงเห็นไหม หลังจากช่วยโจวเจ๋อเช็ดมุมปากแล้ว อิงอิงยังชี้ยมทูตสาวตนหนึ่งที่ถูกควบคุมไว้และเอ่ยว่า “เถ้าแก่ กินนั่นสิ เนื้อนั่นน่ะทั้งนุ่มทั้งบาง มองแวบเดียวก็รู้ว่าอร่อยมาก นุ่มเชียว”
………………………………………………