ตอนที่ 594 มาเลย มาทำร้ายกันเลย
พูดตามจริงนะ โจวเจ๋อยังไม่เคยเจอยมทูตขาวดำมาก่อน และก่อนหน้านั้นตอนที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ในนรกกับอิ๋งโกวฆ่าทหารของยมโลกไปตั้งมากมาย ก็ยังไม่เห็นยมทูตขาวดำ ยมทูตหัววัวหน้าม้าอะไรแบบนี้
ในความเป็นจริง โจวเจ๋อเริ่มสงสัย สรุปแล้วยมทูตขาวดำมีจริงไหม อย่างไรก็ตาม ตอนที่ผู้พิพากษาลู่รับตัวเขาและคนอื่นไปฝึกอบรมครั้งที่แล้ว ผู้ตรวจสอบสองสามคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาถ้าไม่ใส่ชุดสีแดงเข้มก็ใส่ชุดสีม่วงเข้ม สีสันสวยงามจัดจ้านคล้ายขบวนการไดโนเสาร์จูเรนเจอร์
คาดว่าในยุคโบราณก็น่าจะมีผู้ตรวจสอบหรือไม่ก็ผู้พิพากษาสไตล์นี้ ตอนนั้นในนรกอาจจะฮิตใส่ชุดสีดำกับสีขาว แล้วจึงเริ่มมีตำนานของยมทูตขาวดำแพร่กระจายออกมาอย่างช้าๆ
ทว่ายังไม่ต้องพูดถึงสองคนนี้ว่าเป็น ‘ยมทูตขาวดำ’ หรือไม่ สองคนนี้ก่อนที่จะเข้าประตูมายังเป็นคนธรรมดา หลังจากเดินเข้ามาแล้วได้ปล่อยพลังหยินออกมาโดยตรง ไม่ได้มาเพื่อไปเกิดใหม่ให้เขาทำผลงานแน่นอน นี่คือการเปิดเผยตัวตนอย่างโจ่งแจ้ง
และก็เป็นเช่นนั้นจริง หลังจากทั้งสองคนเดินเข้ามาแล้ว มีผู้ชายใส่เสื้อกันหนาวขนเป็ดตัวหนาผลักประตูเข้ามาจากด้านนอก เสื้อกันหนาวตัวหนานี้คล้ายกับชุดของทีมปีนเขาบนภูเขาหิมะ
‘ฮัดเช้ย!’ หลังจากผู้ชายเดินเข้ามาแล้วได้จามหนึ่งที เขาเขกศีรษะของยมทูตขาวดำที่อยู่ข้างหน้าคนละหนึ่งที “ฉันตกใจหมด จะยืนโพสก็ยืนโพสเฉยๆ ทำไมต้องปล่อยไอเย็นออกมาด้วย!” ผู้ชายถือกระดาษเช็ดหน้าหนึ่งแผ่น เช็ดน้ำมูกและเป็นฝ่ายเดินเข้าหาโจวเจ๋อก่อน
เขามองเห็นไป๋อิงอิง ทันใดนั้นก็ตัวสั่นทันที “โอ้ว ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะมีเครื่องทำความเย็น!” ผู้ชายไม่ค่อยกล้าเดินเข้าไปใกล้ จึงนั่งลงบนที่นั่งฝังตรงข้ามกับโจวเจ๋อ
ยมทูตขาวดำยืนขนาบสองข้างของผู้ชาย ไม่พูดไม่จา โจวเจ๋อส่งสัญญาณให้อิงอิงไปเอากาแฟมาให้ตัวเองต่อ ขณะเดียวกันได้หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาโดยไม่สนใจอีกฝ่าย
ถึงแม้เมื่อครู่เถ้าแก่โจวยังหัวเราะเยาะตัวเองที่ไม่รู้ว่าเถ้าแก่ต้องทำตัวอย่างไร แต่การแสร้งทำกับการแสดงฐานะของตัวเองอย่างไร ไม่ต้องให้ใครสอน แม้แต่คนธรรมดาก็ทำเป็น ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ง่ายจะตาย
“ฮิๆ หยิ่งแบบนี้ ฉันชอบ” ผู้ชายถูมือ พ่นไออุ่นใส่กลางฝ่ามือ แล้วพูดเปิดประเด็นตามตรง “น้องชาย นายแซ่โจวใช่ไหม มาอยู่กับฉันเถอะ รับรองสบายแน่นอน!”
โจวเจ๋อขยับหนังสือพิมพ์ออก มองอีกฝ่ายเหมือนกำลังมองคนโง่ เถ้าแก่โจวไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นตัวเอกในหนังสือนิยายเหล่านั้นในร้านหนังสือของตัวเอง ที่แค่แสดงพลังแห่งการวางอำนาจบาตรใหญ่นิดหน่อย ผู้คนที่อยู่รอบตัวก็จะก้มหัวกราบไหว้บูชา แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวประกอบที่ก้มหัวกราบไหว้บูชาคนอื่นทันที
ไอ้หมอนี่บ้าหรือเปล่า มาถึงก็ไม่พูดห่าไรแล้วบอกว่าจะรับตัวเขาไปเป็นลูกน้อง
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฉันขอแนะนำตัวเองก่อน ฉันแซ่โกว ชื่อโกวซิน ตอนมีชีวิตอยู่เป็นคนไห่หนาน ตอนนี้ตั้งรกรากอยู่ที่ฝูเจี้ยน ฉันเป็นคนพูดตรงๆ ข้อดีอย่างอื่นไม่มี นอกจากดวงดี ดังนั้นนายมาอยู่กับฉัน ก็จะได้ผลบุญตอบแทน เรื่องผลบุญนายเข้าใจใช่ไหม” โกวซินมองโจวเจ๋อ โจวเจ๋อพยักหน้า
“เฮ้อ ปัญหาของฉันก็คือมีบุญเยอะเกินไป จริงๆ นะ เหมือนกับเงินถุงเงินถังของลูกหลานที่สืบทอดมารุ่นต่อรุ่น ถ้าเก็บไว้นานเกินไปไม่เอามาใช้ มันก็จะล้นออกมา อย่างนั้นจะไม่ฟุ่มเฟือยเปล่าหรือ”
โจวเจ๋อหรี่ตา เขาเพิ่งเคยได้ยินคนอวยตัวเองแบบนี้เป็นครั้งแรก ฉันมีบุญเยอะ มาอยู่กับฉันจะได้แบ่งบุญให้ใช้ด้วยกัน! แม่งขนาดโอรสสวรรค์จักรพรรดิฮั่นกวงอู่นามว่าหลิวซิ่วในยุคนั้นยังไม่กล้าเอ่ยชมตัวเองแบบนี้เลยใช่ไหม
‘ฮัดเช้ย!’ โกวซินจามอีกครั้ง ก่อนจะหัวเราะเหอะๆ พลางตบหน้าอกของตัวเอง แล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งไม่เชื่อ จริงๆ นะ ฉันไม่มีข้อดีอะไรเลย นอกจากดวงดี”
“อย่างนั้นผมมีเพื่อนคนหนึ่งไม่ต่างจากคุณ รอเขากลับมาแล้วผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก พวกคุณจะได้นั่งพูดคุยกัน” โจวเจ๋อหมายถึงนักพรตเฒ่า ‘ร้านหนังสือมองข้ามคำยั่วยุโจมตีของคุณ และจะส่งอาวุธแห่งเวรกรรมโจมตีกลับไปหาคุณ’
เถ้าแก่โจวเมินเฉยต่อคำยั่วยุของเขา และเตรียมจะส่งนักพรตเฒ่าผู้ริเริ่มความซวยและชอบเสี่ยงของฝั่งตัวเองออกไป
“ฮิๆ สิ่งที่หูได้ยินอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง มาเลย เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ โชว์ให้เขาเห็นหน่อย” คนที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวเฮยเสี่ยวไป๋ก็คือยมทูตขาวดำสองคนที่อยู่ด้านหลัง ทั้งสองคนเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ทำมือมุทรา พูดเสียงต่ำ
“ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี!”
“ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี!”
ชั่วเวลาเดียว คลื่นอากาศอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าใส่โจวเจ๋อโดยตรง
“โอหัง!” ไป๋อิงอิงโยนถ้วยกาแฟในมือทิ้งแล้วพุ่งเข้ามาทั้งตัว สะบัดแขนทั้งสองข้างปัดคลื่นอากาศทั้งสองกระจายออกไปโดยตรง!
‘เพล้ง!’ เสียงถ้วยกาแฟที่ร่วงลงไปบนพื้นแตกละเอียด เถ้าแก่โจวรู้สึกศร้าเล็กน้อย
ยมทูตขาวดำไม่ได้โจมตีต่อ อันที่จริงการโจมตีก่อนหน้านี้เป็นแค่การโชว์ฟอร์มเท่านั้น เป็นแค่การเปิดฉาก ดังนั้นอิงอิงเข้ามารับจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่พวกเขาใช้คาถาเหมือนที่ทนายอันใช้ในเวลาต่อสู้ ซึ่งหมายความว่า ไอ้หนุ่มที่ชื่อโกวซินกับยมทูตขาวดำที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา ก็เป็นผู้ตรวจสอบอย่างนั้นเหรอ
“น้องชายอย่าเข้าใจผิด พวกเขาไม่ใช่ผู้ตรวจสอบ จริงๆ แล้วแม้แต่ฉันยังห่างจากผู้จับกุมอีกนิดหน่อย ฮิๆ ฉันเหมือนนายเป็นยมทูตเหมือนกัน พวกเขาสองคนตอนที่ยังไม่เจอฉัน ก็ใช้ชีวิตตกต่ำที่สุดในหมู่ยมทูต หลังจากมาอยู่กับฉันกลับดวงดีตลอด ตอนนี้มีแต่ดวงขึ้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะมอบเลือดวิญญาณให้ฉัน ตอนนี้ยังไม่พูดถึงผู้ตรวจสอบ แต่ข้ามขั้นไปเป็นผู้จับกุมได้โดยไม่มีปัญหามากนักแน่นอน”
“คุณหมายความว่ายังไง” โจวเจ๋อวางหนังสือพิมพ์ แล้วเริ่มถามอย่างจริงจัง
“ไม่มีความหมายอะไร ฉันแค่ผ่านมาที่ทงเฉิง เมื่อก่อนได้ยินว่ายมทูตทงเฉิงก็ไม่เลว จึงรีบมาที่นี่ เดิมทีอยากเข้ามาดูเฉยๆ เผื่อจะได้เป็นเพื่อนกัน ใครจะคิดว่ายิ่งเข้าใกล้ร้านหนังสือของนายฉันก็ยิ่งตื่นเต้น โอ้วแม่เจ้า ฉันควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ไหวแล้ว! ฉันรู้สึกว่า น้องชาย นายเป็นคนของฉันแน่นอน!” ความหมายของเขาคือ เขาเชื่อสัมผัสที่หกของตัวเองเป็นอย่างมาก
โจวเจ๋อส่ายหน้า ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าไม่น่าเชื่อถือเหมือนคนบ้าไร้สติเล็กน้อย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้แสดงเจตนาร้ายอะไร เถ้าแก่โจวจึงไม่เกิดโทสะ แล้วพูดปฏิเสธโดยตรง “ขอโทษด้วย ผมไม่สนใจเป็นลูกน้องของคนอื่น” ตัวเองมีหนังสือรับรองยมทูตอันดับหนึ่งอยู่กับตัว เหตุใดต้องเป็นลูกน้องของคนอื่น เป็นลูกน้องกับเป็นเถ้าแก่ หากเป็นคนปกติจะต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว
อีกอย่างตอนนี้เจ้าโง่ยังนอนหลับอยู่ ถ้าไม่คำนึงถึงตัวเองก็ต้องนึกถึงเจ้าโง่ด้วย ถ้าหากวันหลังเขาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นสถานการณ์แบบนี้ คาดว่าเขาคงจะโมโหจนขาดใจตายเป็นแน่
“อย่างนั้นก็น่าเสียดาย เสียดายมาก” โกวซินห่อไหล่ รู้สึกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด “โอเค งั้นก็ตามนี้ สงสัยพวกเราจะไม่มีวาสนาต่อกัน”
ขณะที่พูด โกวซินได้ลุกขึ้น เรียกเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋แล้วเตรียมตัวเดินออกไป สายตาของเถ้าแก่โจวตกไปที่ตัวของอีกฝ่าย เขากำลังครุ่นคิด อีกฝ่ายแสดงตัวเช่นนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ใช่ไหม คนเรามีหลากหลายรูปแบบ หากรวมภูตผีปีศาจด้วย นั่นคือมีรูปแบบหลายหลากเป็นร้อยเป็นพัน เมื่อมีคนประหลาดโผล่มาแบบนี้จึงเป็นเรื่องปกติ
เพียงแต่ตอนที่ยมทูตขาวดำช่วยเปิดประตูให้โกวซิน โกวซินได้หยุดเดินอีกครั้ง หันหน้ามามองโจวเจ๋อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ พลางถามด้วยความสะอื้นไห้ “น้องชาย ไม่พิจารณาหน่อยจริงๆ เหรอ ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าบุญของตัวเองใกล้จะระเบิดออกมาแล้ว อึดอัดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!”
“เหอะๆ” โจวเจ๋อหัวเราะออกมา สไตล์ขี้อวดเช่นนี้ แม้แต่พ่อแจ็กหม่าที่เสียใจที่สร้างอาลีบาบาขึ้นมาก็ยังละอายใจเพราะสู้ไม่ได้
ฉันมีเงิน ฉันมีโชค ฉันมีบ้าน ฉันมีโชค! แต่โจวเจ๋อยังคงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ โกวซินเดาะปากเสียงดัง เงยหน้ามองเพดาน เหมือนมีความในใจแล้วพูดว่า “น้องชาย จริงๆ แล้ว ที่ฉันมาในวันนี้เป็นความโชคดีของนาย ดังคำกล่าวว่าในเคราะห์มีโชค ในโชคมีเคราะห์ วันนี้นายปฏิเสธฉัน ไม่รู้ว่า…ฮิๆ”
โจวเจ๋อหันหน้าเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณกำลังข่มขู่ผม”
“เปล่าๆๆ ไม่ใช่ๆ ฉันจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง แค่อยากเตือนเท่านั้นจริงๆ” โกวซินมองโจวเจ๋อด้วยใบหน้าที่จริงใจอย่างยิ่ง “คนอย่างฉัน เป็นคนทระนงตัว จะไม่ทำเรื่องไม่ดีแบบนั้นแน่”
โจวเจ๋อยื่นมือคลึงตรงกลางระหว่างคิ้ว สำหรับตัวตลกนี่ คุณยากที่จะแน่ใจว่าตัวเองควรจะยิ้มให้เขาต่อไปหรือโกรธใส่เขาถึงจะดี และเวลานี้รถของนักพรตเฒ่าขับเข้ามาพอดี จอดอยู่หน้าประตูร้านหนังสือ
นักพรตเฒ่ากับเด็กผู้ชายลงจากรถพร้อมกัน รถของทนายอันขับตามมาด้านหลัง ทนายอันกลับมาแล้วเช่นกัน
แต่ตอนที่เห็นทั้งสามคนยืนอยู่หน้าประตูร้าน สายตาของทนายอันจ้องนิ่งทันที เด็กผู้ชายยืนอยู่ข้างกายทนายอันโดยอัตโนมัติ เขาสัมผัสถึงบางสิ่งได้เหมือนกัน ชั่วเวลาเดียวตรงหน้าประตู เกิดบรรยากาศพร้อมที่จะชักดาบเข้าห้ำหั่นกันอย่างไม่น่าเชื่อ ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ยมทูตขาวดำยืนขวางอยู่ตรงหน้าโกวซิน เหมือนสุนัขที่ซื่อสัตย์สองตัว โจวเจ๋อเห็นนักพรตเฒ่ากลับมาแล้ว จึงลุกขึ้นเดินผ่านพวกโกวซินทั้งสามคน แล้วเดินเข้าไปทักทายนักพรตเฒ่าอย่างเป็นกันเอง “นักพรตเฒ่า กลับมาแล้วเหรอ สุดยอดมากๆ ดูคุณสิอายุมากแล้ว ยังต้องตะลอนอยู่นอกบ้านให้ลำบาก ส่วนลึกในใจของผมรู้สึกเสียใจมากจริงๆ”
“…” นักพรตเฒ่า เมื่อเห็นเถ้าแก่ของตัวเองปฏิบัติตัวเช่นนี้อย่างกะทันหัน ในใจของนักพรตเฒ่าไม่ได้เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกลนลาน! เทียนจวินผู้มีพลังไร้ที่สิ้นสุด เป็นอะไรกันแน่!
“มา ผมจะแนะนำให้พวกคุณ นี่คือเพื่อนใหม่ที่ผมเพิ่งรู้จัก ชื่อโกวซิน นี่คือสุนัขสองตัวของเขา…ลูกน้องของโกวซิน เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋”
ทนายอันเดินมาข้างๆ โจวเจ๋อแล้วพูดว่า “เจอเบาะแสแล้ว อีกสักพักสามารถถามได้” ทนายอันกำภาพวาดอยู่ในมือของเขา
“ได้ อีกสักพักค่อยว่ากัน มีเพื่อนมาจากแดนไกลจะไม่ดีใจได้ยังไง” ขณะที่พูด โจวเจ๋อหยิบเงินกระดาษออกมาหนึ่งปึก แล้วยื่นให้นักพรตเฒ่า นักพรตเฒ่าจึงรับมาใส่มือ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าเงินกระดาษร้อนนิดหน่อย
“นักพรตเฒ่า เขาเป็นแขก ส่วนผมมีธุระต่อ คุณช่วยผมดูแลเพื่อนสามคนนี้แทนผมด้วย พาพวกเขาออกไปเดินเล่น ทงเฉิงของพวกเราถึงแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมีอยู่ไม่น้อย พาพวกเขาไปเดินเที่ยวให้สนุกและจะต้องดูแลให้ดี ห้ามกลับมาถ้ายังไม่ถึงเที่ยงคืน”
ขณะที่พูด โจวเจ๋อผลักนักพรตเฒ่าไปอยู่ตรงหน้าพวกโกวซินทั้งสามคน พร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มเล็กน้อย จากนั้นกล่าวต่อว่า “วันนี้ผมมีธุระจริงๆ ถ้าหากคุณไม่รีบกลับ วันพรุ่งนี้พวกเรามาคุยเรื่องการร่วมงานกันใหม่นะครับ” ขณะที่โจวเจ๋อพูดเขาผลักนักพรตเฒ่าไปอยู่ในอ้อมอกของโกวซินด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มดีใจ เขาพลางคิดในใจว่า ‘มาเลย มาทำร้ายกันเองเลย’
………………………………………………………………………..