ตอนที่ 616 แผนการ ดำเนินการให้ถึงที่สุด!
“ก่อนหน้านี้คุณไปไหนมา” ถามคำถามเดียวกันเป็นครั้งที่สอง
ทนายนอันลังเลเล็กน้อย แล้วจึงไม่ตอบว่าตัวเองไปอึมาอีก พูดเบาๆ ว่า “ไปทำของมานิดหน่อย แต่กำลังคิดอยู่ว่า ทำแบบนี้ดีไหม”
โจวเจ๋อเบิกตาโต คลานขึ้นมาจากพื้น ตบเศษหญ้าที่คิติดตามเนื้อตัว “ในเมื่อคุณทำแล้ว ก็ไปดูสิ”
ทนายอันพยักหน้า ตะโกนเรียกอิงอิงกับสวี่ชิงหล่างไปด้วยกัน มื่อเดินไปยังตำแหน่งที่อยู่ด้านหลังของดินทรุดที่อยู่ตรงหน้าซึ่งไม่ไกลมาก แค่เจ็ดแปดเมตรเท่านั้น
และที่นี่มี ‘หุ่นไล่กา’ สี่ตัวตั้งอยู่ โดยทำขึ้นมาอย่างลวกๆ ใช้กิ่งไม้เป็นราวแขวน แล้วแต่งเติมด้วยใบไม้ ทว่าชุดทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามต่อต้านสงครามญี่ปุ่นที่ห่อหุ้มอยู่บนตัวของหุ่นไล่กาสองตัวนั้น และชุดทหารจีนยังมีบนตัวหุ่นไล่กาอีกสองตัวที่อยู่ขนาบอยู่ทั้งสองข้างถูกห่อหุ้มด้วยชุดทหารของประเทศจีน ซึ่งล้วนจงใจทำให้มันดูเก่ามาก่อนแล้ว
“ผมเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อก่อนผมมีลูกค้าคนหนึ่งสนิทกับผมพอสมควร เขาทำธุรกิจเสื้อผ้าในโรงถ่ายภาพยนตร์ และชุดทหารญี่ปุ่นกับชุดทหารของกองทัพที่แปดอย่างนี้ เขามีเยอะมาก ผมจึงขอติดตัวมาสองสามสี่ชุด”
โจวเจ๋อชี้ไปที่ ‘หุ่นไล่กา’ สี่ตัวที่อยู่ตรงหน้า แล้วพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “นี่คือเห็นภาพก็ทำให้นึกถึงอดีตเลยใช่ไหม” ต่อให้เห็นภาพแล้วนึกถึงอดีตแบบนั้นก็ไม่น่าจะงานหยาบซอมซ่อขนาดนี้ไหม ช่วยตัวเองยังต้องมีหนังสือโป๊หรือหนังโป๊คอยช่วยเลย
“เถ้าแก่ ผมคิดแบบนี้ จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่ยังมีผมหรือไม่ก็คนอื่นที่ยืนอยู่ตรงนี้ ที่อยากทำเรื่องนี้ให้สำเร็จด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์นั้นยากมาก เมื่อเข้าไม่ถึงจึงไม่สามารถเกิดความรู้สึกร่วม และไม่สามารถปลุกพวกเขาให้ตื่นขึ้นมาได้ แต่พวกเราไม่ได้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่องแบบนั้น ไม่ได้ใจดีขี้วสงสารเหมือนพระสมณศักดิ์สูง สามารถแล่เนื้อตนเองป้อนเหยี่ยวได้ ดังนั้นพวกเราปล่อยวางความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาไปเลย แล้วดำเนินแผนการให้ถึงที่สุด”
โจวเจ๋อมองทนายอัน “พูดต่อสิ”
ทนายอันหยิบขวดน้ำออกมาจากในกระเป๋า ในนั้นมีของเหลวสีดำอยู่ “ผมหยิบมาจากนักพรตเฒ่าก่อนที่จะออกมา เห็นบอกว่ามันอยู่บนตัวของโกวซิน ผมจึงตรวจดู เจ้าสิ่งนี้เหมาะที่จะใช้ก่อนเชิญผีเข้าร่างมากที่สุด สามารถบังคับดวงวิญญาณได้ สร้างเงื่อนไขในการ ‘เชิญเทพเข้าสิงร่าง’ ได้ดีที่สุด เถ้าแก่คุณดื่มอันนี้ก่อน แล้วค่อยหยิบอันนี้…”
ทนายอันหยิบยันต์กระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง โจวเจ๋อรู้จักยันต์กระดาษนี้ เป็นยันต์อัญเชิญเทพเจ้าเข้าร่างที่วาดโดยสวี่ชิงหล่าง เมื่อก่อนนักพรตเฒ่าเคยใช้มันเชิญวิญญาณของนายพลเฉาติ่งที่ต่อต้านทหารญี่ปุ่นมาสิงร่างเมื่อครั้งที่อยู่บนภูเขาเจียงจวิน
“แปะอันนี้เข้าไป เชิญวิญญาณของทหารสิงร่างของคุณ” ทนายอันชี้ไปที่หุ่นไล่กาที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง “ผมจะใช้คาถาภาพลวงตา สร้างภาพมายาที่เสมือนจริงให้กับคุณ พขอแค่ตัวของเถ้าแก่ไม่คิดต่อต้านอยากจะทำลายภาพมายาของผม ก็น่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะเริ่มสับสน ว่า ตัวเองเป็นโจวเจ๋อหรือว่าวิญญาณทหารคนนั้น แบบนี้เถ้าแก่ก็จะเข้าถึงอารมณ์ จากนั้นวิญญาณทหารนับหมื่นของทหารออกจากบนภูเขาคะฉิ่นลูกนี้ก็จะเกิดความรู้สึกร่วมอ”
“นับว่าเป็นวิธีที่ดี” โจวเจ๋อครุ่นคิดพักหนึ่ง แล้วพูดต่อ “ผมไม่เป็นห่วงตัวเองเท่าไร แต่ผมเป็นห่วงคุณ”
ขอของเหลวสีดำลที่ขอมาจากนักพรตเฒ่า กับทั้งยังเตรียมเสื้อผ้าไว้ทำเป็นหุ่นไล่กาล่วงหน้า กระทั่ง ‘ยันต์อัญเชิญ’ ของสวี่ชิงหล่างก็ยังเตรียมไว้เรียบร้อย จึงมากพอที่จะแสดงให้เห็นว่า ทนายอันเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางครั้งนี้มากแค่ไหน! และวิธีนี้ก็เป็นแผนอย่างหนึ่งที่เกือบจะเข้าใกล้คำว่าแอบโกง มีความคล้ายกับเอายาหม่องถูตาตอนที่ขึ้นไปกล่าวความซาบซึ้งบนเวทีแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
โชคดีที่เจ้าโง่นอนหลับไปตลอดกาล ไม่อย่างนั้นถ้าหากเจ้าโง่อยู่ ทนายอันอยากจะใช้วิธีนี้เข้าไปในความคิดของโจวเจ๋อละก็ เจ้าโง่ที่นั่งอยู่ส่วนลึกสุดในวิญญาณของโจวเจ๋ออาจจะยื่นนิ้วออกมาโดยตรงแล้วดีดเบาๆ จากนั้นทนายอันก็แตกสลาย!
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่อยู่ แต่ภูเขาไท่ซานที่อยู่ในร่างของโจวเจ๋อตัวเองก็ไม่ใช่ตัวละครที่เข้ากันง่าย แม้แต่และหลี่ซิ่วเฉิงที่เป็นตัวแทนของแก๊้งสุนัขเหล่านั้น ก็ยังถูกกดทับแบนแต๊ดแต๋โดยตรง
“คุณไม่กลัวเหรอ”
“กลัวอะไร”
“ถึงแม้อิ๋งโกวจะหลับลึก แต่ในวิญญาณของผมยังมีภูเขาไท่ซาน ผมกลัวว่าแทนที่คุณจะได้แสดงฝีมือกลับกลายเป็นทำเรื่องโง่คุณจะทำตัวเงอะงะ รอผมตื่นลืมตาตื่นขึ้นมากลับพบว่าคุณกลายเป็นคนสมองเสื่อมไปแล้ว”
“…” ทนายอัน
ทนายอันสูดลมหายใจลึกๆ แล้วหัวเราะพูดว่า “ผมจะระวัง” ความหมายนอกเหนือจากนี้คือ เขาไม่กลัว และขอเดิมพันหนึ่งตา
เขานึกเชื่อมโยงไปถึงคืนนั้นที่ทนายอันพูดแบบเดียวกับเขาตัวเอง สำหรับลูกน้อง ควรใช้งานก็ใช้งาน ควรบีบให้ตายก็ต้องบีบให้ตาย ทนายอันใช้การกระทำของตัวเองพิสูจน์คำพูดของเขาให้เห็นอย่างแท้จริง
โจวเจ๋อไม่มีกะจิตกะใจจะเล่นละครปาหี่เลียนแบบหลิวเป้ย (เล่าปี่) ทิ้งลูกต่อหน้าของจ้าวหยุน (จูล่ง) เพียงแค่แต่การถามทนายอันแต่ก็เหมือนถามตัวเองด้วย “พาวิญญาณทหารพวกนี้กลับบ้าน เป็นเรื่องดีใช่ไหม”
“สร้างบุญใหญ่!” ทนายอันตอบเสียงดัง
โจวเจ๋อจึงไม่พูดอะไรอีก รับน้ำขวดเล็กมาจากมือของทนายอัน เปิดฝาแล้วใส่ปากดื่มลงไปโดยตรง อิงอิงที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่เธอไม่ได้พูดอะไร ไม่ว่าโจวเจ๋อจะทำอะไร เธอแค่คิดว่าจะช่วยเขาทำได้อย่างไรเท่านั้นพอ
นัยน์ตาซ้ายของสวี่ชิงหล่างเกิดเงาแสงสีเขียวขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกวาดตามองไปรอบๆ ครั้งนี้ทนายอันครั้งนี้ตั้งใจพาสวี่ชิงหล่างมาเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่อยากพาพ่อครัวมาด้วยแน่นอน แต่ในเขาลึกป่าเก่าแห่งนี้ การต้มบะหมี่กับทำน้ำซุปผักมีใครบ้างทำไม่เป็น
หลังจากดื่มลงไปแล้ว โจวเจ๋อรู้สึกเหมือนเท้าของตัวเองลอยขึ้น ทันใดนั้นจึงคุกเข่าลงมานั่งขัดสมาธิโดยตรง สมองเริ่มหนัก ความง่วงจู่โจมเข้ามา จิตสำนึกของเขาต่อต้านโดยสัญชาตญาณ แต่โจวเจ๋อรีบระงับจิตใจทันทีไม่เป็นฝ่ายตอบโต้
ทนายอันรออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นยาออกฤทธิ์กับโจวเจ๋อพอประมาณแล้ว เขาจึงตะโกนเรียกสวี่ชิงหล่าง “จับตาดูให้ดี อย่าให้สิ่งวุ่นวายอะไรเข้าใกล้!”
สวี่ชิงหล่างพยักหน้าเล็กน้อย
“อย่างนั้นก็เริ่มเลย!” ทนายอันแปะยันต์อัญเชิญไปที่ศีรษะด้านหลังของโจวเจ๋อ จากนั้นจึงรีบเดินไปตรงหน้าของโจวเจ๋อ นั่งขัดสมาธิต่อหน้ากันในระยะที่ใกล้มาก
อิงอิงคอยบมองอยู่ข้างๆ ด้วยความตื่นเต้น แต่เธอรู้ดีว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาออกโรงของเธอ เธอจึงไม่สามารถช่วยอะไรได้ชั่วคราว บริเวณรอบๆ เริ่มมีลมพัด ใบไม้ไม่ไหวติง น้ำในสระก็ไม่ขยับ แต่ลมหยินนั่นกลับปรากฏขึ้นมา
สวี่ชิงหล่างมองไปรอบๆ ไม่หยุด เงาสีดำทะมึนเงาหนึ่งแต่ละตัวกำลังใกล้เข้ามาทางนี้ ทนายอันหลับตาถามว่า “ใช่ไหม”
“ไม่ใช่” สวี่ชิงหล่างตอบ
‘“ปึ้ง!’”
ทนายอันยื่นมือ ปล่อยพลังฝ่ามือหนึ่งสาย เงาดำนั่นจึงแตกสลายโดยตรง ครั้งนี้ต้องการถ้าหากเชิญวิญญาณทหารเข้าร่างของเถ้าแก่ ถ้าหากมีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามา ทำให้เถ้าแก่ต้องปล่อยไก่ คาดว่าทนายอันคงจะถูกสั่งให้กวาดถนนจากภูเขาคะฉิ่นกลับไปเมืองทงเฉิงเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง ผ่านไปไม่นาน เงาดำทะมึนได้เข้ามาใกล้อีกแล้ว
“ใช่ไหม”
“ไม่ใช่!”
‘“ปึ้ง!’”
ทนายอันทำลายติดต่อกันเจ็ดตัว เขารู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง หรือว่าจะไม่เจอวิญญาณทหารในปีนั้นจริงๆ สุดท้ายตอนที่สัมผัสได้ถึงเงาดำเงาคนหนึ่งที่ใกล้เข้ามาอีกครั้ง ทนายอันถามว่า “ใช่ไหม”
“ใช่!”
ทนายอันรีบลืมตาทันที สายตาจ้องนิ่ง สองมือทำท่ามุทรา คำรามเสียงต่ำ “ขวัญเอยจงมา!” เงาดำนั่นเข้าไปอยู่ในร่างของโจวเจ๋อทันที
โจวเจ๋อรู้สึกตัวสั่น ราวกับมีบางสิ่งเบียดเข้าไปในสมองของตัวเอง เขารู้สึกทรมานมาก แต่เขาก็ยังควบคุมสัญชาตญาณของตัวเอง เขารู้ดี ถ้าหากตัวเองแสดงเจตนาต่อต้านหรืออารมณ์ใดๆ วิญญาณที่ถูกเลือกอย่างยากลำบากให้มาสิงร่างของตัวเองจะอยู่ไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!
เลือดเนื้อมือซ้ายของทนายอันร่นถอยไป เผยให้เห็นกระดูกขาวที่น่ากลัว เขาวางมือกระดูกขาวของตัวเองบนหน้าผากของโจวเจ๋อ แล้วพูดเบาๆ ว่า “เถ้าแก่ ผ่อนคลายๆ อย่าใช้แรงเด็ดขาด ควบคุมตัวคุณเอาไว้ ผมยังอยากดื่มกาแฟต่อนะ ไม่อยากถูกภูเขาไท่ซานกดทับอยู่ข้างล่างจนเป็นโรคอัลไซเมอร์”
หยาดเหงื่อไหลหยดลงมาจากใต้คางของทนายอัน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะความร้อนชื้น อีกครึ่งหนึ่งเป็นความหวาดกลัว เขารู้ว่ามีอะไรอยู่ในร่างของเถ้าแก่ ถึงแม้ตอนนี้คนนั้นจะไม่อยู่ แต่ภูเขาไท่ซานนั่นยังคงกดทับตัวเองอยู่เขาได้ทุกเวลาทุกนาที
เกิดภาพที่อยู่ในภาพยนตร์เรื่องหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของทนายอัน ในฐานะของผู้ออกแบบโลกมายา เขาต้องมีเค้าโครงเรื่องโดยประมาณสำหรับการออกแบบสภาพแวดล้อมที่ต้องการออกแบบอยู่ในใจของเขาเองคร่าวๆ ยังดีที่ครั้งนี้เขาเตรียมตัวมาพร้อม ปล่อยให้พลังของตัวเองค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของโจวเจ๋อ ดินแดนมายาจะถูกสร้างขึ้นมาอย่างช้าๆ
ต่อจากนั้นตัวเขาเองไม่ต้องทำอะไรเยอะแยะ และเขาก็ไม่กล้าทำอะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ในยุคต้นๆ ของประเทศจีนหรือว่าภาพยนตร์สงครามเหล่านี้ในยุคปัจจุบัน ละครสงครามต่อต้านฉากฉีกทึ้งญี่ปุ่นกับมือที่พวกนี้ยังโอเวอร์มากกว่าภาพยนตร์จักรวาลมาร์เวลพวกนี้มีค่อนข้างเยอะเสียอีก ทนายอันไม่กล้าพลิกแพลง ถ้าหากวาดเสือผิดกลายเป็นสุนัขพันธุ์ผสมคงยุ่งยากน่าดู
เขาแค่สร้างสภาพแวดล้อมที่คล้ายกันก็เพียงพอแล้ว ต่อจากนั้นก็ต้องอาศัยวิญญาณที่เพิ่งสิงร่างของเถ้าแก่เมื่อครู่ช่วยนำทางและช่วยส่งเสริมเพิ่มเติม
“เปิด!” มือกระดูกดขาวของทนายอันแทงเข้าไปที่หน้าผากของโจวเจ๋อ หน้าผากของโจวเจ๋อมีเลือดไหลออกมาเป็นสายทันที
…
ความอึดอัด ความหดหู่ ความชื้น ความทรมาน โจวเจ๋อรู้สึกว่าอารมณ์ต่างๆ กำลังพุ่งมาหาตัวเองไม่หยุด ความลังเล ความสิ้นหวัง ความเงียบเหงา แทบจะทำให้เขาเป็นบ้า! ความอัดอั้น ความเคียดแค้น ความไม่ยอม กำลังทำให้เขาดำดิ่ง! ถ้าหากจิตใต้สำนึกไม่ได้ยับยั้งตัวเองไม่ให้ต่อต้าน มีความเป็นไปได้ว่าทุกอย่างที่สร้างขึ้นในนี้จะพังทลายโดยตรง!
โจวเจ๋อค่อยๆ ลืมตา เขาเห็นหยดน้ำ เขาเห็นสายฝน เขาเห็นทางเดินที่เป็นดินโคลน มองเห็นทางข้างหน้ามีเงาร่างที่เหนื่อยล้าคนแล้วคนเล่า
“หัวหน้าๆๆๆ!!!!” มีคนกำลังเรียกเขา โจวเจ๋อหมุนตัวมองไปเห็นด้านหลังของตัวเอง ตรงนั้นเป็นซากปรักหักพังหลังจขากที่เพิ่งระเบิดเมื่อครู่ และยังพอมองเห็นซากอาวุธหนักที่เพิ่งโดนระเบิดบางส่วน และยังมีเศษรถบรรทุกกำลังถูกเผาเป็นชิ้นๆ นี่คือกำลังทำลายอาวุธและวัตถุเพื่อถอยทัพใช่ไหม
โจวเจ๋ออยากจะคิดอย่างจริงจัง แต่กลับพบว่ามึนหัวมาก ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเลือนรางไม่เหมือนจริงขึ้นมา โจวเจ๋อรีบหยุดใช้ความคิดทันที เขาจะใช้พลังมากเกินไปไม่ได้ ทำไม่ได้เลย
“หัวหน้า พวกคุณไปเถอะ พวกเราเดินไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องพาพวกเราไป พาพวกเราไป ทุกคนจะไปไหนไม่ได้สักคน”
โจวเจ๋อพบว่าในกระท่อมเรียบง่ายที่อยู่ตรงหน้าตัวเองมีคนกำลังนั่งและนอนอยู่ในนั้น ทุกคนกำลังมองตัวเขาเองด้วยสายตาอ้อนวอน
“หัวหน้า เอาถังน้ำมันให้พวกเรา พวกคุณรีบไปซะ รีบออกไป”
“ใช่แล้วหัวหน้า รีบไปเถอะ!”
“หัวหน้า แพ้แล้วยอมไม่ได้จริงๆ ยอมไม่ได้จริงๆ ครับ!”
“ต้องชิงกลับมานะหัวหน้า ต้องชิงกลับมา…”
“ทำไมถึงพ่ายแพ้ขนาดนี้ ทำไมต้องพ่ายแพ้ขนาดนี้…”
ต่อจากนั้น ดูเหมือนทุกสิ่งผสมปนเปวุ่นวายจนแยกไม่ออก โจวเจ๋อรู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังหมุน พื้นดินกำลังโอนเอนไปมา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จึงได้สงบลงในที่สุด
พอเขาหันมา พบว่าตัวเองเดินมาไกลมากแล้ว เดินมาถึงเนินเขา และ ณ ที่ไกลๆ มีควันดำขโมงลอยวนขึ้นมาสายตาของโจวเจ๋อเริ่มพร่าเลือนอีกครั้ง เป็นน้ำฝนและน้ำตา
……………………………………………………………………….