ตอนที่ 626 สบายจัง!
ตรงลานปิ้งย่างบนดาดฟ้าลานปิ้งย่างเหลือคนไม่กี่คนแล้ว คนที่หาไม่เจอ หาคู่ไม่ได้ จึงขี้เกียจนั่งเป่าลมหนาวบนดาดฟ้าอีก จึงลงไปข้างล่างหาที่อบอุ่นแทน ทนายอันนั่งดื่มเบียร์ต่อไป เขาดื่มไปเรื่อยๆ แล้วกวาดตามองไปรอบๆ กลับพบว่าลานปิ้งย่างตรงนั้นมีผู้หญิงนั่งอยู่คนหนึ่ง เธอกำลังนั่งปิ้งแผ่นหมั่นโถวกินคนเดียว และไม่รู้ว่าเธอมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ไม่ว่าอย่างไรตอนแรกทนายอันมองไม่เห็นเธอ
หญิงสาวใส่เสื้อกันหนาวขนเป็ดสีชมพู รูปร่างเล็ก ใบหน้างดงาม นั่งปิ้งแผ่นหมั่นโถวอยู่ตรงนั้นคนเดียวอย่างตั้งใจ จากนั้นคีบขึ้นมาหนึ่งชิ้นอย่างระมัดระวังแล้วนำมาเป่าที่ปาก แล้วจึงเปิดฟันหน้าเล็กน้อยกัดเข้าไปหนึ่งคำ เธอยิ้มอย่างพอใจขณะที่กินมัน น่ารักเป็นอย่างมาก
ทนายอันที่มองฉากนี้กลืนน้ำลายโดยไม่รู้สึก เขาหิวมากจริงๆ แต่ไม่ได้อยากกินแผ่นหมั่นโถว ก่อนที่จะมาร้านหนังสือ จริงๆ แล้วทนายอันใช้ชีวิตตามอำเภอใจอย่างมาก เขาไม่เคยปิดบังความต้องการทางเพศของตัวเองเลย แต่เขาไม่ได้ปล่อยตัวติดดินเหมือนนักพรตเฒ่าขนาดนั้น ตอนนั้นเป็นเพราะกินไม่ได้นอนไม่หลับ ดังนั้นจึงต้องระบายผ่านส่วนตรงส่วนนั้น แต่ตอนนี้แก้ปัญหาการกินและนอนได้แล้ว และเรื่องแบบนั้นกลับช่างเลือกกว่าแต่ก่อน
ผู้หญิงทั่วไปไม่ถูกใจเขา โชคดีที่เหล่าอันก็มีประสบการณ์เยอะ ไม่ใช่มือใหม่อะไร ถ้าหากมองข้ามอาการบาดเจ็บใต้ร่มผ้า อย่างน้อยมองจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วถือว่าพอใช้ได้ ผู้หญิงหลายคนตอนนี้ชอบสไตล์ลุงเหมือนอู๋ซิ่วปัว
พ่อของร่างนี้ตอนแรกไปจีบลูกคุณหนูบ้านรวยจากนั้นจึงถูก ‘ลอบฆ่า’ ดังนั้นจึงได้ของดีสืบทอดมา ทนายอันดูนาฬิกาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกประหม่าตื่นและวิตกกังวลเล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นมือเก๋า เมื่อคิดว่าไม่เพียงแต่ต้องนัดสำเร็จยังแต่ต้องทำให้เธอยอมนอนกับตัวเองด้วย ก็รู้สึกถึงความท้าทายอย่างยิ่ง แต่ยิ่งคิดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นอยากลอง เขาลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆ หญิงสาว
หญิงสาวมองทนายอันหนึ่งที ชี้ไปที่แผ่นหมั่นโถวที่อยู่บนเตาปิ้ง แล้วถามอย่างน่ารักมาก “คุณกินไหมคะ”
ทนายอันพยักหน้า หญิงสาวจึงหยิบจานพลาสติกหนึ่งใบคีบแผ่นหมั่นโถววางลงไป แล้วยื่นให้ทนายอัน ทนายอันใช้มือรับโดยตรงใส่ปากกัดหนึ่งคำและค่อยๆ เคี้ยวมัน
“อร่อยไหมคะ”
“อร่อยครับ จำได้ว่าตอนเด็กตอนที่อยู่ในประเทศจีน คุณย่าจะทำหมั่นโถวย่างให้กินทุกปี”
หญิงสาวยักไหล่ แล้วกินหมั่นโถวของตัวเองต่อ
“คุณเป็นคนที่ไหนครับ” ทนายอันถาม
“คุณลองเดาสิคะ”
“คนหางโจว” พูดจบทนายอันแอบนำกระเป๋าสตางค์ของเธอยัดกลับไปในกระเป๋าของเธออีกครั้ง
“ว้าว คุณเดาถูกได้ยังไงคะ เดาได้แม่นมาก” หญิงสาวแปลกใจอย่างยิ่ง
“ฟังสำเนียงออกครับ อาจจะเป็นเพราะว่าผมอยู่ต่างประเทศตลอด จึงไม่มีสำเนียงถิ่นแล้ว แต่ยังพอฟังออกบ้าง ตอนเด็กผมเติบโตมาจากหางโจวครับ”
“อย่างนั้นพวกเราก็เป็นคนบ้านเดียวกันนะคะ ดวงสมพงษ์กันมาก”
“ใช่ครับ ดวงสมพงษ์”
“คุณมาเที่ยวที่ลี่เจียงหรือว่ามาทำงานคะ”
“มาเที่ยวครับ มาผ่อนคลาย และยังพาพนักงานของตัวเองสองสามคนมาทำสำรวจโครงการสำรวจที่นี่ด้วย”
ท้องฟ้าสวยงาม หมั่นโถวย่างหอมมาก ทนายอันกับหญิงสาวสลับกันพูดคนละประโยค ถึงแม้เหล่าอันจะเก่งในเรื่องการใช้คาถา แต่เวลาที่ปฏิบัติตัวกับผู้หญิง เขาไม่เคยใช้มันเลย เพราะไม่สนุกและดูเสแสร้งเกินไป เขาชอบใช้เทคนิคการพูด รู้สึกถึงความสำเร็จและมีความหอมหวานยิ่งกว่า อารมณ์และความรู้สึกเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว บรรยากาศกลมกลืนกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากสิบห้านาทีผ่านไป หญิงสาวจับมือของทนายอัน แล้วเขียนตัวหนังสือตรงกลางฝ่ามือของทนายอันด้วยท่าทางที่สนิทสนม
“เดาออกไหมคะ” หญิงสาวถาม ทนายอันส่ายหน้า ใบหน้ากลับมีรอยยิ้ม เขาชอบความรู้สึกที่ไร้เดียงสาเช่นนี้เป็นที่สุด ความรู้สึกแบบนี้สามารถทำให้ตัวเองรู้สึกว่าตัวเองยังหนุ่มมาก หญิงสาวจึงเขียนอีกครั้ง “คราวนี้เดาออกแล้วหรือยังคะ”
“ไม่เหมือนตัวหนังสือ แต่เป็นตัวเลข”
“อืม อย่างนั้นฉันจะเขียนอีกรอบค่ะ” หญิงสาวเขียนอีกครั้งอย่างตั้งใจ ทนายอันชอบท่าทางน่ารักอ่อนหวานของเธอเป็นอย่างมาก
“คืออะไร” หญิงสาวเงยหน้ามองทนายอัน ใบหน้าของทั้งสองคนเข้าใกล้ชิดกันโดยไม่รู้ตัว บรรยากาศเต็มไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า ‘ความคลุมเครือ’ กลิ่นอายของ ‘ความรัก’ คอยเรียกหาอยู่ทุกแห่งหน
“เจ็ด…”
“คือเจ็ดพัน”
“อืม หืม” ทนายอันตกตะลึงเล็กน้อย หมายความว่าอย่างไร
ผู้หญิงชี้ไปที่ริมฝีปากล่างของทนายอันแล้วพูดว่า “เจ็ดพันต่อหนึ่งครั้ง ค้างคืนคิดต่างหาก”
“…” ทนายอัน!!!
…
เถ้าแก่โฮมสเตย์นั่งอยู่ในห้องของตัวเองเพียงลำพัง ห้องใต้ดินที่อยู่ด้านล่างของโฮมสเตย์ ถูกเขาดัดแปลงเป็นห้องนอนของตัวเอง ไม่มีหน้าต่าง รู้สึกอึดอัดและอึมครึมเล็กน้อย แต่เขากลับชอบมาก ตอนนี้เขานั่งอยู่คนเดียวบนเตียง มือมีกีตาร์อยู่ในมือ ตอนนี้เขาเหมือนกำลังลอยได้ ทั้งตัวของเขากำลังลอยไปบนก้อนเมฆ ราวงกับว่าได้กลับไปในตอนแรก ความงดงามทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นการงานหรือว่าความรัก ล้วนเป็นความทรงจำที่น่าเสียดายและใฝ่ฝันถึง
นิ้วมือดีดสายกีตาร์ เขากลั้นความรู้สึกตื่นเต้นและสั่นสะท้านที่อยู่ภายในร่างกายของตัวเองไม่ไหว ร้องเพลงคลอไปขึ้นตามทำนองที่ตัวเองบรรเลงเพลงของตัวเอง “วิ่งตามสายลมสู่เส้นทางอิสระ ไล่ตามพลังสายฟ้าฟาด…”
เขาร้องเพลงอย่างได้อารมณ์ ระบายความอัดอั้นและความคึกคักทางจิตใจและร่างกายออกมา แต่เวลานี้จู่ๆ เขาก็มองเห็นว่าตรงกำแพงมีเงาคนเดินออกมา ใส่เสื้อเกราะสกปรก ถือกระบี่ทหารม้าขึ้นสนิมอยู่ในมือ ภายใต้หมวกนักรบคือกะโหลกสีขาวน่ากลัว
เถ้าแก่โฮมสเตย์ยิ้ม เขาไม่กลัวเลยสักนิด เพราะคุณภาพของยาดีจริงๆ ทำให้เขาเกิดภาพหลอน เขากระโดดขึ้นมา แล้วเริ่มเล่นดนตรีร้องเพลงเสียงสูงอย่างคึกคักต่อหน้า ‘คน’ ที่อยู่ตรงหน้า กระทั่งยังเป็นฝ่ายเอียงตัวไปข้างหน้าและข้างหลัง เขย่าตัวไปมา เพื่ออยากสร้างปฏิสัมพันธ์กับอีกฝ่ายเขา!
เขาตื่นเต้น เขาครึกครื้น เขาดีใจ เขาสนุก! อัศวินโครงกระดูกตกตะลึงเล็กน้อย ลูกตาสีเขียวเข้มจ้องมองผู้ชายที่ยืนร้องเพลงเสียงดังตามใจต้องการสูงยืนอยู่บนเตียงตลอดเวลา เถ้าแก่โฮมสเตย์รู้สึกเหมือนได้ตัวเองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ตัวเองตั้งวงดนตรีร้องเพลงประจำอยู่ในโรงแรมในตอนนั้น เขาตะโกนเสียงสูงใส่อัศวินโครงกระดูกที่อยู่ตรงหน้า “มา ยกมือขึ้น ให้ผมได้ขอเห็นสองมือของพวกคุณโบกไปมา!”
อัศวินโครงกระดูกยกมือขึ้น ในมือถือกระบี่ทหารม้า
“ว้๊าก!!!!!!!!!” เถ้าแก่โฮมสเตย์ยิ่งฮึกเหิม ความฝันนี้ ภาพลวงตานี้ เขาชอบ! สนุก ได้พลัง เขามีความสุขอย่างมาก! แต่ในความเป็นจริงนั้นเขาต้องตายจริงๆ เพราะมือของอัศวินโครงกระดูกหลังจากยกขึ้นไปแล้วก็ฟาดลงมา ปลายกระบี่ผ่าลงไป ‘“ฉึบ!’” เขาตายแล้ว…
…
“รีบวิ่ง!” ผู้หญิงตะโกน
โจวเจ๋อหรี่ตา เอียงตัวไปข้างหน้าถามว่า “คุณหมายความว่า มีบางสิ่งกำลังไล่ตามคุณ” ดูเหมือนจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว เพราะตัวเขาไม่ได้ปิดเครื่อง แต่ยมทูตหญิงท้องถิ่นของลี่เจียงคนนี้ตั้งค่าจีพีเอสผิด สถานที่ ที่ควรไปแต่เดิม ตามแผนการที่วางไว้คือมีผู้จับกุมเฉินได้สร้างค่ายกลเรียบร้อยแล้ว เตรียมให้การสนับสนุนเธอ
“ใช่ ดังนั้น รีบไป ฉันขอตัวก่อน พวกคุณก็รีบไปเถอะ” ผู้หญิงไม่ได้แกล้งพูด และพอมองเห็นถึงความจริงใจอยู่บ้าง ดูเหมือนไม่อยากให้โจวเจ๋อและคนอื่นต้องเจอกับหายนะตาย
“พวกเราจ่ายค่าห้องไปแล้ว จะไปได้ยังไง” โจวเจ๋อมองผู้หญิงแล้วพูดต่อ “ในเมื่อมีบางอย่างคนไล่ตามคุณ อย่างนั้นคุณก็ต้องก่อเรื่อง หรือไม่คุณก็ต้องหยิบอะไรออกมา” เถ้าแก่โจวถูนิ้วไปมา
ผู้หญิงกลับไม่บิดเบือนเลยสักนิด ยื่นมือล้วงเข้าไปที่หน้าอก หยิบหินสีเขียวก้อนหนึ่งขนาดเท่าไข่ไก่ออกมา มันไม่เหมือนหยกเจไดต์ เพราะก้อนหินนี้ไม่มีความโปร่งใสขนาดนั้น
“คุณอยากได้เจ้านี่”
“นี่คืออะไร” โจวเจ๋อถาม
“ฉันสามารถให้คุณได้” ขณะที่พูด ผู้หญิงโยนก้อนหินสีเขียวก้อนนี้ไปทางโจวเจ๋อ โจวเจ๋อยื่นมือรับ ก้อนหินเย็นเป็นอย่างมาก “ฉันไปได้หรือยัง หรือไม่ก็ พวกคุณสามารถค้นตัวได้อีก”
โจวเจ๋อมองผู้หญิงคนนี้ด้วยความสงสัย ยมทูตท้องถิ่นลี่เจียงจริงใจและว่านอนสอนง่ายขนาดนี้เชียวหรือ นี่ซึ่งไม่สอดคล้องเหมาะกับสไตล์การทำงานของยมทูตทั่วประเทศเลยด้วยซ้ำ
เธอทำเช่นนี้ กลับทำให้โจวเจ๋อรู้สึกเกรงใจ โดยเฉพาะตอนที่ตะโกนให้ทุกคนรีบวิ่งหนี มีความหมายของความจริงใจอยู่ในนี้แน่นอน เถ้าแก่โจวถือคติที่ว่าใครเคารพฉัน ฉันจะเคารพตอบ ดังนั้นเมื่อลองชั่งน้ำหนักหินสีเขียวที่อยู่ในมือแล้ว เขาจึงอยากคืนให้ผู้หญิงคนนี้ “ฉันผมไม่ต้อง…”
แต่เวลานี้โจวเจ๋อกลับขมวดคิ้ว ยื่นจมูกเขาไปใกล้ก้อนหิน แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลำแสงสีเขียวถูกสูดเข้าไปในโพรงจมูกของโจวเจ๋อ “ซื้ด…ฮู้ว…” โจวเจ๋อแสดงสีหน้ามีคตวามสุขออกมา ถอนหายใจยาวอย่างผ่อนคลาย แล้วพูดชมด้วยความประหลาดใจ “หอมจัง!”
ผู้หญิงมองโจวเจ๋อด้วยสีหน้าเหมือนเห็น ‘ผี’ และแปลกใจที่โจวเจ๋อหกล้าสูดหินก้อนนี้เข้าไปในร่างกายโดยตรง เธอรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร
ตอนที่โจวเจ๋อกำลังทำสีหน้าเคลิบเคลิ้มอยู่นั้น อิงอิงยื่นมือชี้ขี้ไปที่เถ้าแก่ แล้วพูดว่า “เถ้าแก่ หน้าของท่าน”
โจวเจ๋อสงสัยอยู่บ้าง “ทำไมเหรอ”
“เขียวไปหมดแล้วเจ้าค่ะ เถ้าแก่”
โจวเจ๋อก้มหน้ามองสองแขนทั้งสองข้างของตัวเอง พบว่าผิวหนังบนแขนทั้งสองข้างมีแสงสีเขียวเข้มแวบออกมาเหมือนโดนพิษ ไม่ ไม่ใช่โดนพิษ แต่ก็เหมือนใช่ สิ่งที่ซ่อนอยู่ในก้อนหินนี้คือพิษผีดิบ!!! และเป็นพิษผีดิบที่สามารถทำให้เขารู้สึกสบาย โจวเจ๋อจึงโยนก้อนหินไปที่อิงอิง อิงอิงยื่นมือรับ “ลองดมดูสิ” โจวเจ๋อกล่าว
อิงอิงเชื่อฟังอย่างยิ่ง เถ้าแก่สั่งให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้น จับก้อนหินมาวางตรงหน้าแล้วสูดเข้าไปหนึ่งที “ซื้ด…ว้าว…” ร่างกายของอิงอิงสั่นขึ้นมา ผีดิบสาวที่มีผิวขาวผ่อง ตอนนี้กลับมีสีเขียวปรากฏขึ้น
ผู้หญิงคุกเข่ากับพื้น มองโจวเจ๋อที่นั่งอยู่ถัดไป แล้วมองอิงอิงที่อยู่ข้างๆ รู้สึกเหมือนความเข้าใจที่มีต่อโลกกลับตาลปัตรไปหมด
“สบายจัง เถ้าแก่!”
“ใช่ไหม สบายดีใช่ไหม”
……………………………………………………………………….