ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา – บทที่ 510 มั่นใจเต็มร้อย

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 510 มั่นใจเต็มร้อย

บทที่ 510 มั่นใจเต็มร้อย

ทั้งสองรออยู่ในห้องโถงหลักสักพักก่อนจะเห็นหน่วยรักษาความลับเดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มสี่คน

สองคนแรกเดินเชิดหน้าขึ้นสูง ส่วนสองคนหลังเดินตามมาด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย

อู่กังเหลือบมองด้านข้างก่อนจะพบว่าสองคนแรกถึงกับเป็นทายาทของฉินเซียว

ส่วนอีกสองคนเป็นคนในตระกูลของเขา!

ทายาทที่อยู่ใต้อาณัติฉินเซียวมีอยู่เป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่เขาขึ้นครองบัลลังก์ เขาก็เอาแต่สำเริงสำราญร้องเล่นเต้นรำทั้งวันทั้งคืนจนมีบุตรมากกว่าห้าสิบคน

ยามทายาททั้งสองของฉินเซียวมาถึง พวกเขาแสดงสีหน้าที่มีความสุขเมื่อเห็นฉินเซียว จากนั้นจึงคารวะพร้อมเอ่ยเสียงดัง “ท่านพ่อจงเจริญ!”

พรสวรรค์ของทั้งสองไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ส่วนแม่ของพวกเขาก็เป็นเพียงคนโปรดชั่วคราวเพราะรูปร่างหน้าตา เมื่อฉินเซียวเบื่อหน่ายก็ทิ้งไว้ในวังและไม่มีการเรียกตัวออกมาอีก

พวกเขาก็ถูกเพิกเฉยเช่นกัน อย่างไรแล้วจะไม่มีการขัดสนเรื่องอาหารและเสื้อผ้ายามอยู่ในวัง แต่การได้พบฉินเซียวเป็นเรื่องยากประหนึ่งปีนขึ้นสวรรค์

หมายความว่าพวกเขาไม่มีโอกาสสำหรับราชบัลลังก์ในอนาคต!

ทว่าวันนี้หน่วยรักษาความลับกลับบอกว่าฉินเซียวเรียกให้ไปพบ แม้ตอนแรกพวกเขาไม่เชื่อ แต่เมื่อได้เห็นกับตา หัวใจของทั้งสองก็เต็มไปด้วยความปีติหาสิ่งใดเปรียบ

ฉินเซียวหรี่ตาพลางแย้มยิ้ม ใบหน้าที่เดิมเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายก็ดูอ่อนโยนเล็กน้อย

ทั้งสองยิ่งยินดีเมื่อเห็นเช่นนี้

สายตาของอู่กังไม่ได้อยู่ที่องค์ชายทั้งสอง แต่กลับหันไปมองผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลัง

สองคนนี้ขลาดกลัวเล็กน้อย พวกเขาคือทายาทของพี่น้องตระกูลอู่กัง!

การทำร้ายสมาชิกของตระกูลตัวเองเพื่อเข้าสู่ค่ายกลร้อยภูตผี ย่อมเป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรม!

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ วิถีสวรรค์จะต้องจดจำเป็นแน่!

อู่กังมองฉินเซียวก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายหันมามองเช่นกัน

เขาเข้าใจทันทีว่าฉินเซียวหมายความว่าอย่างไร

แม้ค่ายกลร้อยภูตผีจะขัดกับวิถีสวรรค์ แต่แล้วมันอย่างไร?!

ใครก็ตามที่เข้ามาในห้องโถงวันนี้จะไม่มีใครรอดชีวิตกลับไปได้แม้แต่คนเดียว!

หากทัณฑ์แห่งวิถีสวรรค์มาเยือน พวกเขาก็ต้องแบกรับด้วยกัน!

เมื่อฉินเซียวขยับสายตาไปทางอื่น อู่กังก็หลั่งเหงื่อเย็นที่แผ่นหลังเล็กน้อย

คนในตระกูลที่อยู่ข้างกายคารวะอู่กังอย่างระมัดระวัง “คารวะท่านประมุข”

อู่กังพยักหน้าในสภาพแข็งทื่อขณะชี้ไปทางหนึ่ง “ไปยืนอยู่ตรงนั้น”

ทั้งสองน้อมรับก่อนจะเดินจากไป

หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูป ขุนนางต่างพากันเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มหรือเด็กอีกสองคนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า

ตำราโบราณทั้งหลายที่กระจายอยู่ในห้องโถงใหญ่ถูกนำออกไปมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ใจกลางห้องโถงว่างเปล่า

ส่วนฉินเซียวกำลังสลักค่ายกลด้วยผนึกในมือ

เมื่อขุนนางทั้งหลายมาถึง ฉินเซียวก็ประทับค่ายกลเสร็จสิ้น

ตอนนี้ แม้ค่ายกลยังไม่ได้เปิดใช้งาน แต่อักขระสีทองก็กระจายออกไปเหนือพื้นดิน ค่ายกลทำการดูดกลืนพวกมันเข้าไป แล้วปราณวิญญาณเข้มข้นก็หมุนวนไปมา

ฉินเซียวทำการสลักค่ายกลในขั้นตอนสุดท้าย จากนั้นจึงเงยหน้าแล้วเอ่ย “ทุกท่าน มาเริ่มกันเถอะ”

อู่กังเป็นคนแรกที่ก้าวออกไปด้วยสีหน้าหนักใจ เขาได้รับคำเตือนจากฉินเซียวว่าให้ทำการเสนอชื่อผู้สังเวยคนแรก!

เขาสะบัดมือ แล้วคนในตระกูลทั้งสองก็มาอยู่ข้างกาย

ทันทีที่อู่กังกัดฟัน พลังลมปราณก็แผ่ออกมาจากร่างของเขาขณะส่งทั้งสองเข้าสู่ค่ายกลในทันที

คนที่เหลือก้าวไปข้างหน้าก่อนจะส่งคนของตัวเองเข้าไป

ทายาทสองคนของฉินเซียวรู้สึกประหม่าขณะเดินเข้าไปด้วยตัวเอง

เมื่อทุกคนยืนกันพร้อมหน้า ขุนนางรอบข้างยังคงสนทนาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

“มีข่าวลือว่าทันทีที่ค่ายกลร้อยเซียนเปิดออก ปราณเซียนก็จะถูกปลดปล่อยออกมา หากสูดดมเข้าสู่ร่างกายก็จะเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะมาก!”

“จริงหรือ?! เช่นนั้นถ้าค่ายกลทำงานเมื่อไหร่ ข้าคงต้องดูให้เห็นกับตา!”

“แม้นี่จะเป็นเพียงค่ายกลที่กระตุ้นการเป็นเซียนจนเป็นได้เพียงเซียนน้อยเท่านั้น แต่นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเรายังมีชะตาเซียนอยู่บ้าง! ถึงไม่ทราบว่าจะได้รับปราณเซียนในครั้งนี้สักเล็กน้อยหรือไม่ แต่ถ้าในอนาคตมีโอกาสก้าวเข้าสู่ขั้นดังกล่าว ข้าจะต้องได้รับปราณเซียนในแดนเซียนหรืออาจถึงขั้นเข้าไปได้อย่างแน่นอน”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!”

อู่กังฟังคำพูดของพวกเขาจากข้างกายก่อนจะยิ้มหยันอยู่ในใจ

เหอะ…

ชะตาเซียน? ปราณเซียน?

อย่ารับปราณภูตผีจนถูกวิถีสวรรค์ทรมานจะดีกว่า! ไม่งั้นเดี๋ยวได้ร่ำไห้ทีหลัง!

ฉินเซียวท่องคาถาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วดวงตาแข็งทื่อไร้สีสันก็พลันเปลี่ยนไปก่อนจะกลายเป็นความดุร้ายหยิ่งผยอง!

เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนก็เกิดความสงสัยอยู่ในใจ ก่อนจะทันได้ถามอะไร พวกเขาก็พบว่าค่ายกลสีทองซึ่งอยู่ใจกลางห้องโถงหมองหม่นในทันที!

กลิ่นอายสีดำจำนวนหนึ่งกระจายออกจากค่ายกลขณะเข้าสู่ร่างของคนเหล่านั้น!

ทุกคนที่ยืนอยู่ในค่ายกลพลันมีสีหน้าบึ้งตึงราวกับได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส!

ค่ายกลสีทองพลันกลายเป็นสีดำเข้มขณะค่อยหมุนวน แล้วกลิ่นอายน่าสะอิดสะเอียนก็แผ่ออกมาจนทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบาย!

ทุกคนต่างหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ค่ายกลร้อยเซียน!

พวกเขามองฉินเซียวด้วยความไม่อยากเชื่อ แต่เห็นได้ชัดว่าสีหน้ามุ่งร้ายและคลุ้มคลั่งไม่จางหาย มันกลับเพิ่มมากยิ่งขึ้น!

ฉินเซียวกำมือแน่น แล้วค่ายกลขนาดใหญ่ก็หายไปพร้อมกับคนเหล่านี้!

กลิ่นอายสีดำกลืนกินมือของฉินเซียว ดูแปลกประหลาดยิ่งนัก

เขารู้สึกโล่งอกเมื่อเห็นว่าค่ายกลร้อยภูตผีเสร็จสมบูรณ์

คราวนี้ เขามั่นใจเต็มร้อย!

ฉินเซียวนับเวลา ตอนนี้เป็นช่วงหลังยามจื่อ และใกล้จะถึงช่วงโฉ่วจื่อ

ถึงเวลาตัดสินกับลู่หยวนแล้ว!

ฉินเซียวย่างก้าวออกไปนอกห้องโถงใหญ่ แต่ระหว่างนั้นขุนนางผู้หนึ่งก็เอ่ยคำ “ฝ่าบาท ค่ายกลเมื่อครู่มันคืออะไร?! นี่มันไม่ใช่ค่ายกลร้อยเซียน!”

คราวนี้ฉินเซียวเลิกเสแสร้งก่อนจะเดินผ่านไปอย่างดูแคลน น้ำเสียงของเขาเย็นเยือกผิดปกติ “แน่นอนว่ามันไม่ใช่ค่ายกลร้อยเซียน แต่เป็นค่ายกลร้อยภูตผี!”

“ท่าน!”

ขุนนางหลายคนแสดงความไม่พอใจทันที!

เมื่อค่ายกลร้อยภูตผีเสร็จสิ้น ความขุ่นเคืองก็จะปรากฏ แล้วพวกเขาจะต้องรับผลที่ตามมาทั้งหมดนี้!

ฉินเซียวยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทุกท่าน ข้าแนะนำว่าให้ทุกคนซื่อตรงและร่วมมือกับข้าแต่โดยดี ตอนนี้ค่ายกลเสร็จสิ้นแล้ว วิถีสวรรค์นี้เป็นของพวกเจ้ามานานแล้ว ตอนนี้มันสายเกินกว่าจะทำอะไรได้”

ขุนนางผู้หนึ่งทะยานออกมาแล้วชี้ไปที่ฉินเซียว “เรื่องนี้เจ้าหลอกพวกข้า เหตุใดถึงต้องมาแบกรับวิถีสวรรค์ด้วยเล่า?!”

ฉินเซียวกวาดสายตาออกไป แล้วจิตสังหารคลุ้มคลั่งก็แพร่กระจายออกไปเพื่อกดดันขุนนางผู้นั้นให้คุกเข่า!

“หลอกหรือ? เหอะ…”

ร่างของฉินเซียววูบไหวก่อนจะมาอยู่ตรงหน้าขุนนางที่กำลังคุกเข่ากับพื้น จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่ศีรษะ

จากนั้น เสียงน่าสยดสยองดังขึ้นพร้อมกับโลหิตที่สาดกระเซ็น แล้วขุนนางผู้นั้นก็สิ้นลมหายใจทันที

ฉินเซียวกวาดมองไปทางผู้อื่น “ทุกท่าน ข้าได้ยินไม่ชัดว่าเขาเพิ่งพูดอะไร มีใครได้ยินบ้างหรือไม่?”

ดวงตาของฉินเซียวเต็มไปด้วยจิตสังหาร แล้วทุกคนก็สูญสิ้นความกล้า

พวกเขาพลันรู้สึกว่าฉินเซียวคล้ายกับเล่นละครตบตามาหลายปี

แม้ฉินเซียวจะบ้าอำนาจและชื่นชอบการเข่นฆ่า แต่ก็ไม่เคยลงมือกับพวกเดียวกันมาก่อน ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ใช่เขาไม่ทำ แต่มันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น

ตอนนี้ มันถึงเวลาแล้ว!

หากพวกเขากล้าพูดจาเหลวไหล คงไม่วายมีศพอีกจำนวนมากในห้องโถงแห่งนี้!

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

Status: Ongoing
นิยายแปลเรื่อง ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา เรื่องย่อ : ลู่หยวน ชายหนุ่มผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในมหาแดนโชคชะตา พร้อมกับตำแหน่งคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะผู้โฉดชั่ว! ทั้งก่อกรรมทำเข็ญ ทั้งลักพาตัวลูกหลานของกองกำลังอื่นมากักขังไว้นับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือสาวงามผู้กำลังจะมีผู้ฝึกยุทธ์รูปหล่อตามมาช่วยชีวิต บัดซบ… ไม่ว่าจะคิดอย่างไร นี่มันบทบาทของตัวร้ายกากเดนชัด ๆ! ในระหว่างที่กำลังปวดหัวกับชีวิตใหม่อยู่นั้นเอง กล่องข้อความก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า บ่งบอกว่าการเชื่อมต่อกับระบบวายร้ายสำเร็จแล้ว! ด้วยระบบที่สามารถช่วงชิงโชคชะตาของเหล่าตัวเอกได้ ตำนานจอมวายร้ายสุดอหังการ์ผู้โค่นล้มพระเอกทั่วหล้าจึงเปิดฉากขึ้น!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท