บทที่ 993 อำนาจของจักรพรรดิ
บทที่ 993 อำนาจของจักรพรรดิ
ฟิ้ว!
ทันทีที่เสียงของราชาฉินก่วงดังก้องออกมา สายตาของราชานรกองค์อื่น ๆ ก็พุ่งเข้าหามือของเฉินซีอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลังจากนั้นม่านตาของพวกเขาก็หดตัว ขณะจ้องมองมันด้วยความไม่เชื่อ
พู่กันที่มีสีดำสนิทคล้ายหยก และดูเหมือนทำจากเหล็กแต่ก็ไม่ใช่เหล็ก คัมภีร์หยกขาวที่เย็นยะเยือก ซึ่งปกคลุมด้วยหมอกเรืองแสง และแผ่กลิ่นอายแปลกประหลาดที่กว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร
พวกมันถูกถือไว้ในมือขวาและมือซ้ายตามลำดับ
หนึ่งดำหนึ่งขาว ราวพวกมันถูกสร้างเพื่อควบคุมหยินหยาง พวกมันทั้งชัดเจนและขุ่นมัว ซึ่งผสานความดีและความชั่วเข้าด้วยกัน ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดจะพรรณนา
“ระเบียนแดนมรณะ!”
“พู่กันพิพากษามาร!”
“นี่คือสมบัติของจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม ตลอดหลายปีมานี้ เหล่าทวยเทพและพุทธองค์ทั้งหลายต่างค้นหาพวกมันอย่างขมขื่น แต่ก็ไม่พบเจอ เหตุใดพวกมันถึงมาอยู่ในมือของเด็กน้อยคนนี้ได้?”
ท่าทางของราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ ต่างเผยให้เห็นถึงความตกใจ และพวกเขาก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับใบหน้าของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
นี่คือสมบัติเทวะที่น่ากลัวยิ่งกว่าเข็มทิศปรโลก ศิลาแห่งอดีต ศิลาแห่งปัจจุบัน และศิลาแห่งอนาคต หรือคันฉ่องแห่งการลืมเลือน ซึ่งจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามเป็นผู้ครอบครอง พวกมันไม่เพียงมีความลึกล้ำที่เกี่ยวข้องกับ ‘การเกิดใหม่’ เท่านั้น แต่ยังเป็นอาวุธสังหารชั้นยอดอีกด้วย
โดยเฉพาะพู่กันพิพากษามาร ในตลอดหลายปีที่ผ่านมันได้สังหารทวยเทพและพุทธองค์ไปนับไม่ถ้วน มันจึงได้ดื่มเลือดของเหล่าทวยเทพไปมากมาย ทำให้มันมีพลังมหาศาลที่ไม่มีใครในยมโลกจะเทียบเคียงได้!
หลังจากจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามเสด็จสวรรคตไปเมื่อนานมาแล้ว เหล่าทวยเทพและพุทธองค์ทั้งหลายต่างใช้ความพยายามอย่างอุตสาหะและเวลามากมายนับไม่ถ้วน เพียงเพื่อตามหาสมบัติเทวะทั้งสองนี้ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องกลับมามือเปล่า
ในเวลานั้น เรื่องนี้ทำให้ภพทั้งสามสั่นสะเทือน!
ถึงกระนั้น สุดยอดสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของยมโลกที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งตำนาน กลับปรากฏในมือของชายหนุ่มจากภพมนุษย์ในเวลานี้ ดังนั้นสิ่งนี้จะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร?
สิ่งที่ทำให้หัวใจของราชาฉู่เจียง และคนอื่น ๆ สั่นไหวเป็นที่สุด ก็คือเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มดตัวจ้อยจากภพมนุษย์ได้ถือระเบียนแดนมรณะและพู่กันพิพากษามารไว้ในมือ อีกทั้งยังทำลายการโจมตีที่ร้ายแรงของพวกเขาในทันที ยิ่งกว่านั้น แม้แต่ค่ายกลกรงเทวะหมื่นกระแสก็ตกอยู่ในความเงียบ!
มันยากจะอธิบายต่อสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาที่สั้นมาก
ในช่วงเวลาต่อมา ราชาฉู่เจียง และคนอื่น ๆ ที่จ้องมองไปยังเฉินซีก็ได้กลับคืนสู่ความสงบ การปรากฏตัวของระเบียนแดนมรณะและพู่กันพิพากษามารนั้นเกินความคาดหมายของพวกเขาจริง ๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ การฆ่าเฉินซีและมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลก
ในฐานะผู้อาวุโสที่บ่มเพาะมาเนิ่นนาน และเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในยมโลก ราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ จึงไม่มีทางรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจเพียงเพราะสาเหตุนี้
“เจ้าหนู จงมอบระเบียนแดนมรณะและพู่กันพิพากษามารมาโดยไวซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” ราชาฉินก่วงตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด แต่ในขณะที่ตะโกน เขาก็ได้หยั่งเชิงเฉินซีด้วยการโจมตีจากคัมภีร์เต๋าสีแดงเข้มเหมือนโลหิตที่เปิดอยู่ในมือ ส่งแสงสีแดงเลือดให้พุ่งออกมาเป็นหมอกหนาน ซึ่งเปี่ยมล้นด้วยกฎแห่งเซียนทองคำ เข้าถาโถมเข้าใส่เฉินซีอย่างดุเดือด!
นี่คือการโจมตีของเซียนทองคำ มันสามารถสั่นคลอนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ หรือทำลายสวรรค์ทั้งเก้าได้!
หากนี่คือภพมนุษย์ ทันทีที่มันถูกใช้ออกไป การโจมตีครั้งนี้จะต้องทนทุกข์ทรมานจากการกักขังของกฎแห่งเต๋าสวรรค์อย่างแน่นอน เพราะการโจมตีนี้ได้เกินขีดจำกัดของภพมนุษย์ไปแล้ว ดังนั้นเมื่อมันไม่ถูกยับยั้ง มันก็จะทำให้โลกทั้งใบตกอยู่ในความโกลาหลอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉินซีเพียงแค่สะบัดแขนเสื้อของเขาและไม่ได้ใช้พู่กันพิพากษามารด้วยซ้ำ แต่แสงสีเลือดก็พังทลายลงและแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ
ในเวลาเดียวกัน ราชาฉินก่วงรู้สึกว่ามือของเขาสั่นสะท้าน จากนั้นคัมภีร์เต๋าสีแดงเข้มก็หลุดการควบคุม มันถูกกระชากโดยแรงที่ไร้รูปร่าง ก่อนจะตกลงสู่ฝ่ามือของเฉินซี
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตาและทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ตกใจ
ราชาฉินก่วงเป็นราชานรกองค์แรกที่มีการบ่มเพาะที่ไม่ธรรมดา และมีพลังร้ายกาจ เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาฉู่เจียงเสียอีก แต่ตอนนี้ สมบัติที่เขาครอบครองอยู่กลับถูกแย่งชิงไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
“ข้าได้ส่งต่อคัมภีร์โลหิตอนันต์แห่งยมโลกให้แก่ราชานรกองค์แรกเมื่อหลายปีก่อน และราชาฉินก่วงทุกคนที่ได้ครอบครองสมบัตินี้ จะต้องคอยจัดการเหนือโต๊ะกระจกแห่งบาปและเข้าร่วมการพิพากษาของวิญญาณ แต่ตอนนี้เจ้ากลับใช้มันเพื่อต่อสู้กับข้า…” เสียงชราและทุ้มต่ำได้เปล่งออกมาจากริมฝีปากของเฉินซีในทันที มันเต็มไปด้วยความเศร้าโศก และดูจะรำลึกถึงอดีต “น่าเสียดายที่ไข่มุกล้ำค่าเม็ดนั้นถูกโยนทิ้งไปในความมืดมิดแล้ว และต้องมลทินในที่สุด มันจึงไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว”
ตู้ม!
ทันทีที่กล่าวจบ เฉินซีดูเหมือนจะไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย แต่สมบัติอมตะ คัมภีร์โลหิตอนันต์แห่งยมโลกที่เห็นได้ชัดว่าเหนือกว่าสมบัติอมตะธรรมดาทั่วไป จู่ ๆ ก็แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ในทันที และกลายเป็นฝุ่นผงหายไปสู่ความว่างเปล่า
ทุกคนต่างตกตะลึง ขณะที่ม่านตาของพวกเขาหดเล็ก และสายตาที่พวกเขาจ้องมองไปยังเฉินซีก็เต็มไปด้วยความตกใจ
แม้ว่าคัมภีร์โลหิตอนันต์แห่งยมโลกจะด้อยกว่าศิลาแห่งอดีต ศิลาแห่งปัจจุบัน และศิลาแห่งอนาคตหรือคันฉ่องแห่งการลืมเลือน แต่มันเป็นสมบัติที่ส่งต่อไปยังราชานรกองค์แรก โดยมันถูกครอบครองโดยราชาฉินก่วงในแต่ละรุ่น
สมบัติล้ำค่าดังกล่าวกลับแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ อย่างง่ายดายในเวลานี้ และกลายเป็นฝุ่นผงหายไปสู่ความว่างเปล่า สิ่งนี้จะไม่ทำให้พวกเขาทั้งหมดตกใจได้อย่างไร?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินว่าเฉินซีกล่าวออกมาว่า แท้จริงแล้วคัมภีร์โลหิตอนันต์แห่งยมโลกมาจากเขา และถูกส่งต่อไปยังราชานรกองค์แรก พวกเขาทั้งหมดต่างรู้สึกว่าร่างกายสั่นเทาอย่างยากควบคุม คล้ายตัวคนถูกฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง
“หรือเขาคือ…จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม!?”
ในยมโลก มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กล้ากล่าวเช่นนี้ และมันคือจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม!
ไม่ว่าการบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าของพวกเขาในขณะนี้จะยอดเยี่ยมสักเพียงใด หรือพวกเขาจะเฉลียวฉลาดสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถยับยั้งคลื่นพายุที่โหมกระหน่ำในใจได้ เพราะเรื่องนี้น่าตกตะลึงเกินไป!
ในทางกลับ มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกที่อยู่ใกล้เคียงก็ตกใจเหมือนกัน แต่เขากลับดูตื่นเต้นและดีใจยิ่งกว่า เพราะในที่สุดเขาก็กล้ายืนยันได้ว่า ผู้ควบคุมร่างของเฉินซีอยู่ตอนนี้คือจักรพรรดิยมโลกที่สามอย่างแน่นอน!
“สวรรค์! นี่ท่านยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ หรือ?!”
ในขณะนี้ มหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ในใจได้เล็กน้อย
“เป็นไปไม่ได้! จักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามถูกทวยเทพและพุทธองค์ทำลายไปนานแล้ว เขาจะมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร? เจ้าเป็นใครกันแน่” ราชาฉู่เจียงหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
เขาเค้นสมองอย่างหนักเพื่อวางแผนการนี้ และรอเวลาที่จะลากอวนกลับมาด้วยความยากลำบาก แต่เหตุการณ์นี้กลับทำให้แผนการของเขาพังไม่เป็นท่า แล้วเขาจะยอมรับได้อย่างไร?
“บางทีมันอาจจะผ่านมานานเกินไป จนพวกเจ้าหลงลืมหน้าที่ของตนเอง และแม้แต่ตัวข้าพวกเจ้าก็จำไม่ได้เช่นกัน…” เฉินซีกล่าวออกมา ในขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณและเย็นชา “การที่ได้เป็นทาสของภพเซียนนั่นดีจริงหรือ?”
ขณะที่กล่าว เขาถือพู่กันพิพากษามารและสะบัดมันไปกลางอากาศอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้เกิดแสงคมปลาบวูบวาบออกมา
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ในช่วงเวลาต่อมา ตราประทับล้ำค่าในมือของราชาฉู่เจียง กระบี่ล้ำค่าในมือของราชาซ่งตี้ ธงในมือของราชาไท่ซาน และเตาหลอมสัมฤทธิ์ในมือของราชาเปี้ยนเฉิงถูกฟันออกเป็นสองส่วนพร้อมกัน จากนั้นพวกมันก็ส่งเสียงดังกึกก้อง พร้อมกับแตกเสี่ยง ๆ และถูกทำลายลง
การโจมตีครั้งนี้เหมือนกับการโจมตีจากทวยเทพ ซึ่งทำให้จักรวาลตกตะลึงและทำให้ทวยเทพหวาดกลัว มันเต็มไปด้วยความล้ำลึกที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ และความร้ายกาจของมันก็น่าสะพรึงกลัวขีดสุด ทำให้ราชาฉู่เจียงกับคนอื่น ๆ ตกตะลึงจนพวกเขาไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการตกใจได้ ก่อนที่สมบัติในมือของพวกเขาจะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง!
ราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ ไม่กล้าจินตนาการเลยว่า พวกเขาจะรอดชีวิตได้หรือไม่ หากการโจมตีนี้พุ่งตรงมาที่พวกเขา สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของพวกเขาไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง ทั้งดูหวาดกลัว หงุดหงิด และงุนงงเล็กน้อย
ในฐานะเซียนทองคำและผู้ยิ่งใหญ่ที่ควบคุมลมเมฆในยมโลก พวกเขาจะจินตนาการได้อย่างไรว่า จะมีวันที่พวกเขาจะหวาดกลัวและไม่สบายใจเหมือนมด?
“ตราควบคุมวิญญาณ กระบี่วิญญาณหกเทพเจ้าแห่งหุบเขาลึกลับ ธงกลืนวิญญาณหกเทพเจ้า และเตาหลอมพิฆาตคลื่นใต้พิภพ… ช่างน่าเสียดายที่สมบัติเหล่านี้ถูกทำให้มัวหมองโดยกรงเล็บของภพเซียน” ท่ามกลางการถอนหายใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์ เฉินซีพลันลืมตาขึ้น พร้อมกับมองไปยังราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ สายตาของเขาเย็นชา ลึกล้ำ โบราณ และเต็มไปด้วยจิตสังหาร
การถูกจ้องมองด้วยสายตาเช่นนี้ ทำให้ร่างของราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ แข็งทื่อ ในขณะที่ดวงวิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัว พวกเขารู้สึกหวาดกลัวสุดขีด ซึ่งไม่ต่างจากความกลัวที่พวกเขารู้สึกเมื่อเผชิญหน้ากับราชันเซียน
“เจ้าฆ่าเราไม่ได้!” ราชาฉู่เจียงควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป และร้องออกมาเสียงดังว่า “หากพวกเราตาย จะไม่มีใครควบคุมตำแหน่งราชานรกได้ ในเวลานั้น ยมโลกทั้งหมดจะตกอยู่ในกลียุคและสงคราม หรือเจ้ายินดีที่จะเห็นภาพดังกล่าวเกิดขึ้น”
ในตอนนี้ เขาไม่หลงเหลือภาพลักษณ์ของผู้ปราดเปรื่องที่สามารถคิดกลยุทธ์และบัญชาการได้อีกต่อไป เพราะเขาหวาดกลัวเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนจิตใจสั่นคลอน ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดอื่นใด นอกจากหวังที่จะมีชีวิตรอดเท่านั้น
“ยมโลกนั้นเน่าเฟะจนเกินจะเยียวยา บางทีอาจมีแต่สงครามเท่านั้นที่จะสามารถสร้างระเบียบของยมโลกขึ้นมาใหม่ได้ ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตาย” เสียงของเฉินซีนั้นไร้ซึ่งความรู้สึกใด และความสงบของมันได้เผยให้เห็นถึงพลังที่ควบคุมชีวิตและความตาย
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา สีหน้าของทุกคนก็ซีดลง และมีเพียงมหาจักรพรรดิน้ำพุยมโลกเท่านั้นที่เผยสีหน้าครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
“เจ้าต้องการฆ่าพวกเราหรือ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” ทันใดนั้น สีหน้าเด็ดเดี่ยวก็ปรากฏบนใบหน้าของราชาไท่ซาน จากนั้นร่างของเขาพลันสว่างวาบ ในขณะที่เขาฉีกท้องฟ้าออกจากกันโดยตั้งใจที่จะหลบหนี
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะเมื่อเห็นสิ่งนี้
ในช่วงเวลาถัดมา ค่ายกลกรงเทวะหมื่นกระแสที่ปกคลุมภูเขาหมื่นกระแสทั้งหมดก็เปิดใช้งานทันที มันก่อตัวเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวชั้นแล้วชั้นเล่า ปิดกั้นพื้นโดยรอบทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น คลื่นพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็พุ่งออกมาจากภายใน และปะทะกับราชาไท่ซานอย่างรุนแรง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกแตกกระจายดังก้องกังวาน ราชาไท่ซานดูเหมือนกับเป็นแมลงที่ถูกมือไร้รูปร่างคว้าจับไว้ ร่างกายของเขาโชกไปด้วยเลือด ทำให้ตัวคนบิดเบี้ยวเหยเก และร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพชออกมา
“บาปนั้นได้ถูกหว่านไว้แล้ว เจ้าก็เหมือนมดในทะเลทุกข์ที่ไร้ขอบเขตและไร้ฟากฝั่ง แล้วเจ้าจะหนีไปไหนได้?” พร้อมกับเสียงที่สงบและชราซึ่งดังก้องออกมา เสียงดังโครมครามก็ดังขึ้น ราชาไท่ซานพลันกลายเป็นก้อนเลือดโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า เขาถูกบดขยี้จนตายแล้วจริง ๆ!
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่มีแม้แต่ช่องว่างให้ต่อสู้
และนั่นคือเซียนทองคำ!
แต่ตอนนี้เขาถูกกำจัดอย่างง่ายดายเหมือนมดปลวก และถ้าข่าวนี้แพร่กระจายออกไป มันอาจจะก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
“เขา…ตายแล้ว…” ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูราชาไท่ซานล้มตายลงต่อหน้าต่อตาอย่างสิ้นหวัง หนังศีรษะของราชาฉู่เจียงและคนอื่น ๆ ก็ชาด้าน ในขณะที่ดวงวิญญาณของพวกเขาแทบหลุดออกจากร่าง ความหวาดผวาที่ไม่สามารถปกปิดหรือยับยั้ง ได้แผ่ซ่านเข้าไปในหัวใจของพวกเขา จากนั้นมันก็สะท้อนออกมาบนใบหน้า
เพราะพวกเขาทราบดีว่า นี่คือความตายที่แท้จริง ไม่มีทางที่จะได้เกิดใหม่หรือกลับชาติมาเกิด และตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไฉ่เสินถู ผู้เป็นราชาไท่ซานองค์ปัจจุบันก็สูญสิ้นไปจากโลกนี้ชั่วนิรันดร์!
ตุ้บ!
ในช่วงเวลาต่อมา ราชาเปี้ยนเฉิงก็คุกเข่าลงบนพื้นและหมอบลง ในขณะที่เขาร้องออกมาด้วยความเศร้าโศก
“ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้สำนึกในความผิดแล้ว ข้าขอวิงวอนองค์จักรพรรดิให้ทรงมีพระเมตตา และทรงไว้ชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชานี้จากโทษตาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป…”
ฉับ!
เขายังกล่าวไม่ทันจบ แต่มีรอยเลือดถูกกรีดขึ้นที่คอของเขา จากนั้นศีรษะของเขาก็หลุดออกจากร่าง ในขณะที่เลือดไหลทะลักออกมาจากลำคอ
“ไม่มีทางที่ผลกรรมของเจ้าจะชดใช้ด้วยการสำนึกในความผิด ความตายเป็นการให้อภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ข้าจะให้แก่เจ้าได้” เฉินซีลูบพู่กันพิพากษามารในมือเบา ๆ ขณะที่เขาถอนหายใจ
ในขณะนี้มีเพียง ราชาฉู่เจียง ราชาฉินก่วง และราชาซ่งตี้เท่านั้นที่ยังคงอยู่ สีหน้าของพวกเขามืดมนอย่างมากและเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวัง
0