บทที่ 1009 ขึ้นสู่ภพเซียน
บทที่ 1009 ขึ้นสู่ภพเซียน
สี่สิบเก้าวันต่อมา
รุ่งอรุณที่สดใส
ภายในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรือผู้อาวุโส ราวกับว่าพวกเขาเข้าใจโดยปริยาย ทุกคนจึงต่างหยุดสิ่งที่กำลังทำและเดินออกจากห้อง ก่อนจะมองไปที่ยอดเขาจรัสตะวันตกในระยะไกล
วันนี้เป็นวันที่เฉินซีจะพิชิตทัณฑ์สวรรค์ และก้าวขึ้นสู่ ภพเซียน!
บนยอดเขาจรัสตะวันตก
เฉินซีกล่าวคำอำลาหั่วโม่เลยและคนอื่น ๆ ท่าทางของเขาสงบนิ่ง และมีรอยยิ้มที่มุมปาก อีกทั้งยังไม่ได้แสดงความกระวนกระวายหรือไม่เต็มใจแม้แต่น้อย
เพราะเขาได้กล่าวทุกอย่างที่ต้องกล่าวไปหมดแล้ว ดังนั้นนอกจากจะปล่อยให้เป็นไปตามชะตาลิขิตแล้ว ชายหนุ่มจะทำสิ่งใดได้อีก?
สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินซีรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง คือเขาไม่มีเวลากลับไปที่ราชวงศ์ซ่ง ไม่ได้กล่าวคำอำลาเป็นการชั่วคราวกับเฉินฮ่าวผู้ซึ่งเป็นน้องชายและสหายเก่าคนอื่น ๆ แต่ตอนนี้เขาก็พอใจมากแล้ว
เพราะอย่างน้อยบุตรชาย หลานชายของเขา หั่วโม่เลย ฟ่านอวิ๋นหลาน เจิ้นหลิวชิง และคนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นี่ทั้งสิ้น
ยิ่งกว่านั้น เขาได้เตรียมการสำหรับหลิงไป๋ ไป๋คุย อาหมาน ซางจือ มู่ขุย เสวี่ยเหยียน และคนอื่น ๆ ซึ่ง เจิ้นหลิวชิงจะพาพวกเขาไปยังภพเซียนผ่านดินแดนเร้นลับในแดนไร้นามในอีกสิบปีนับจากนี้
ดินแดนเร้นลับเป็นสถานที่ที่นักพรตเต๋าเซวี่ย ผู้เป็นอาจารย์ของเจิ้นหลิวชิงได้เตรียมไว้สำหรับนางโดยเฉพาะ และการขึ้นไปจากที่นั่นจะทำให้คน ๆ หนึ่งสามารถเดินทางไปยังพื้นที่ลึกลับในภพเซียนไปจนถึงหุบเหวศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดได้ทันที
ตามที่เจิ้นหลิวชิงกล่าว หลิงไป๋และคนอื่น ๆ จะต้องติดตามเคียงข้างนางเมื่อถึงเวลาเท่านั้น พวกเขาจึงจะมาถึงภพเซียนได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น
แม้ว่าเฉินซีจะประหลาดใจกับสิ่งนี้ แต่มันก็ช่วยขจัดภาระในใจของเขาได้ในที่สุด …แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่เข้าใจ แต่ในใจของเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
กล่าวตามจริง นอกจากมู่ขุยและเสวี่ยเหยียนแล้ว หลิงไป๋ ไป๋คุย อาหมาน และซางจือ ก็เป็นพวกตัวประหลาด หนึ่งคือ วิญญาณกระบี่ที่สามารถบ่มเพาะ อีกหนึ่งคือปี่เซียะซึ่งเป็นสัตว์มงคล และอีกหนึ่งเป็นหุ่นวิญญาณศึกที่มีต้นกำเนิดลึกลับ…
หากพวกตัวประหลาดเหล่านี้ต้องการขึ้นสู่ภพเซียน เขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด และพวกเขาจะต้องพบกับทัณฑ์สวรรค์แบบใด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีเจิ้นหลิวชิงที่จะช่วยพาพวกเขาไปสู่ภพเซียน เฉินซีจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านพ่อ” เฉินอันที่อยู่ใกล้เคียงอดไม่ได้ที่จะเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา
เฉินซีลูบศีรษะของอีกฝ่ายแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอัน อ่อนโยนว่า “อย่าลืมกลับไปเยี่ยมท่านลุงกับท่านป้าของเจ้าถ้ามีโอกาส พวกเขาทำเพื่อตระกูลเฉินของเรามามากมาย และมีสิ่งที่เจ้าต้องตอบแทน”
เฉินอันพยักหน้าและกล่าวด้วยท่าทางอย่างแน่วแน่ “อย่ากังวลไปเลย ท่านพ่อ”
“ท่านลุง โปรดอดใจรอ สักวันหนึ่งข้าจะไปหาท่านที่ภพเซียนในไม่ช้า” เฉินอวี่เต็มไปด้วยความรู้สึกมั่นใจในขณะที่เขากล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว เฉินซีคำรามด้วยเสียงหัวเราะ “ประเสริฐยิ่ง !”
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ เขาได้รวบรวมความรู้ บางส่วนและได้ถ่ายทอดให้กับเด็กน้อยทั้งสองแล้ว ซึ่งไม่ได้มีเพียงเคล็ดวิชาขั้นสูงอย่างเคล็ดสัจธรรมสวรรค์หรือคัมภีร์เต๋านิรันดร์เท่านั้น แต่ยังมีทั้งประสบการณ์และเคล็ดวิชาต่อสู้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะมุ่งหน้าไปยังภพเซียนในครั้งนี้ นอกจากกระบี่ต้องห้ามสังหารปราชญ์ กระบี่เต๋าวิบัติ และสมบัติอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน เขาได้มอบสมบัติที่เหลือทั้งหมดในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ให้กับเฉินอวี่และเฉินอัน
ที่เฉินซีทำเช่นนี้ ก็เพราะเขาหวังว่าเด็กน้อยทั้งสองจะแข็งแกร่งขึ้นในเร็ววัน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของเฉินฮ่าว และมีส่วนร่วมในตระกูลเฉิน แน่นอนเสิ่นเหยียนศิษย์ของเขาก็ได้รับส่วนหนึ่งเช่นกัน
“จงอย่าได้หย่อนยาน” เฉินซีมองไปที่เสิ่นเหยียน ขณะที่เขาจ้องมองชายหนุ่มที่มืดมน เรียบง่ายและมุ่งมั่น ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “หากเจ้าพบข้อสงสัยใด ๆ เจ้าสามารถพูดคุยกับเฉินอันและเฉินอวี่ หรือถามผู้อาวุโส คนอื่น ๆ ของนิกายได้”
อันที่จริง เฉินซีรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาเป็นหนี้เสิ่นเหยียนอยู่เล็กน้อย ถึงอย่างไร หลังจากที่เขานำเสิ่นเหยียนเข้าสู่นิกายช่วงเวลาที่ตัวเขาได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับเสิ่นเหยียนก็มีน้อยมาก ซึ่งตอนนี้เฉินซีกำลังจะจากไปแล้ว และนี่ก็คือทั้งหมดที่เขาพอจะทำได้ !
“ท่านอาจารย์อย่าได้กังวล ข้าจะทุ่มฝึกฝนให้หนักขึ้นอย่างแน่นอน !” เสิ่นเหยียนกล่าวอย่างหนักแน่น เขายังคงเหมือนเดิมและทะนุถนอมทุกสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ยิ่ง ดังนั้นเขาจึงบ่มเพาะอย่างอุตสาหะมากขึ้น และในใจก็ได้นับถือเฉินซีเป็นเสมือนบิดาไปแล้ว แต่เขาไม่เคยแสดงออกมา และปกปิดความรู้สึกเหล่านี้อย่างระมัดระวังในส่วนลึกของหัวใจ
“ไม่ต้องห่วงท่านลุง ศิษย์น้องเสิ่นเหยียนจะไม่ทนทุกข์กับข้าที่นี่อย่างแน่นอน” เฉินอวี่โอบไหล่ของเสิ่นเหยียน ขณะที่เขาตบหน้าอกและรับประกันว่าจะดำเนินการทุกอย่าง ต่อไป ตลอดเวลาที่อยู่บนยอดเขาจรัสตะวันตก เขาสนิทสนมกับเสิ่นเหยียนมานาน และเมื่อรวมกับความสัมพันธ์ของ พวกเขากับเฉินซี ทั้งสองคนก็เปรียบเสมือนพี่น้องก็ไม่ปาน
ณ จุดนี้ เฉินซียิ้มเล็กน้อยและหยุดกล่าว ในขณะที่เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว ท้องฟ้าได้มืดสนิทแล้ว เมฆ สีดำทมิฬปกคลุมท้องฟ้าและรวมตัวกัน สายฟ้าพวยพุ่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พวกมันแข่งกันเปล่งกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ฟ้าดินถูกปกคลุมด้วยแรงกดดันอันมหาศาล
ครืน !
อสนีบาตฟาดดังกึกก้องไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้า และทำลายความเงียบในฟ้าดินทั้งหมด เสียงฟ้าร้องดังขึ้นพร้อมกับสายฟ้าจำนวนมากที่หนาประหนึ่งแขนของทารก และวูบวาบราวกับอสรพิษสีเงิน พวกมันรวมตัวกันและกลายเป็นพายุสายฟ้าที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า มันหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งยังแผ่กลิ่นอายปรารถนาที่จะทำลายล้างโลก
นี่คือทัณฑ์สวรรค์แห่งเซียนปฐพีระดับที่เก้า …ทัณฑ์สวรรค์ทะยานสรวง!
แต่มันไม่เหมือนกับทัณฑ์สวรรค์แห่งเซียนปฐพีอื่น ๆ ทัณฑ์สวรรค์ทะยานสรวงที่เฉินซีเผชิญนั้นน่าสะพรึงกลัว ยิ่งกว่า สายฟ้าหลั่งไหลด้วยพลังที่หนาแน่นและลึกลับของกฎ ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยแสงที่พร่างพราวและเจิดจ้าส่องสว่างไปทั่วโลก
ซึ่งถึงขนาดที่สามารถเห็นภาพทวยเทพ พระราชวังเซียนภูเขาเซียน… ปรากฏการณ์ต่าง ๆ อีกมากมายที่ก่อตัวขึ้นภายในนั้น !
“ปรากฏการณ์ของการขึ้นสู่ภพเซียน ปราณเซียนจะท่วมท้นไปทั้งท้องฟ้า !”
“โอ้ สวรรค์ ! นี่เป็นปรากฏการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในบรรดาทัณฑ์สวรรค์ !”
“ตามตำนานเล่าว่า ปรากฏการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อปราชญ์โดยกำเนิดและเทพอสูรที่ไร้เทียมทานได้เผชิญกับทัณฑ์สวรรค์ของพวกเขา ผ่านมากี่ปีแล้ว ? ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะปรากฏขึ้นอีกครั้งจริง ๆ !”
เมื่อพวกเขาเห็นทัณฑ์สวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะมั่นใจในตัวของเฉินซีเพียงใด ทุกคนในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
ฟิ้ว!
ในขณะนี้ แสงสีทองพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เฉินซีมีท่าทางสงบนิ่ง ผมของเขาปลิวไสวไปในอากาศ สายตาของชายหนุ่มลึกล้ำราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และดวงตาของเขาก็สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของทุกสรรพสิ่ง ในขณะที่ตัวคนเคลื่อนขึ้นไปบนท้องฟ้าทีละก้าว ทำให้ทุกย่างก้าวก่อเกิดดอกบัวสีทองที่อาบไล้ด้วยรัศมีแห่งคุณธรรมอันมหาศาล ทั้งยังมีเสียงสวดมนต์ของมหาเต๋าดังก้องออกมา ช่วยชำระ จิตวิญญาณและทำให้ฟ้าดินถูกย้อมด้วยแสงสีทอง
ในเวลานี้ ความกังวลที่ก่อตัวอยู่ในใจของทุกคนได้สลายไปอย่างไร้เหตุผล ทำให้จิตใจของพวกเขากลับมาสงบนิ่ง อีกครั้ง หลังจากนั้น พวกเขาก็ได้เห็นฉากที่ไม่อาจลืมเลือนไปตลอดชีวิต
เฉินซียืนอยู่กลางอากาศภายใต้สายฟ้าลงทัณฑ์ที่ พลุ่งพล่านบนท้องฟ้า ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีสีทองมากมาย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจต่อสิ่งใด ราวกับว่ามันไม่มีอยู่จริง จากนั้นเขาก็สร้างกระบี่ด้วยนิ้วแล้วฟันลงไปเบา ๆ มวลเมฆพลันแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ! สายฟ้าถูกทำลาย !
ในชั่วพริบตา ท้องฟ้าที่อยู่ในระยะสองหมื่นห้าพันลี้ ไม่หลงเหลือมวลเมฆลงทัณฑ์เลยสักก้อน และไม่เหลือสายฟ้าลงทัณฑ์เลยสักสาย ทุกอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ท่ามกลางการฟันด้วยนิ้วของเขาเพียงครั้งเดียว !
เสมือนโลกได้เปลี่ยนไปในทันที และยุคสมัยก็ผ่านไปในพริบตา ทุกคนต่างรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย พวกเขาร่างกายแข็งทื่อและตกตะลึง คล้ายไม่อยากจะเชื่อและเกือบจะคิดว่าสิ่งที่เห็นเป็นภาพหลอน ! เพราะนี่คือทัณฑ์สวรรค์ระดับที่เก้า ซึ่งจะเกิดปรากฏการณ์มากมายของการขึ้นสู่สวรรค์และปราณเซียนที่ท่วมท้นท้องฟ้า
นอกจากนี้มันคือตัวแทนของพลังอำนาจแห่งสวรรค์ ที่ได้ทำลายล้างผู้บ่มเพาะที่น่าทึ่งและไม่ธรรมดามานับไม่ถ้วนตั้งแต่โบราณกาล อีกทั้งยังน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ถึงกระนั้น ตอนนี้มันกลับถูกทำลายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเฉินซี ก่อนที่มันจะผ่าลงมาเสียด้วยซ้ำ !
“สหายผู้นี้ได้บรรลุขอบเขตเซียนปฐพีขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว และพลังของเขาก็แข็งแกร่งเพียงพอที่จะดูแคลน ผู้แข็งแกร่งในโลกนี้ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันได้อย่างภาคภูมิ!” เจิ้นหลิวชิงกล่าวพึมพำ ในขณะที่ดวงตาของนางที่ใสราวกับน้ำนั่นเต็มไปด้วยระลอกคลื่นที่งดงามเป็นพิเศษ
“ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเขาบ่มเพาะอย่างไรในตลอดหลายปีที่ผ่านมา…” ฟ่านอวิ๋นหลานที่อยู่ใกล้เคียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ เช่นกัน และนางรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะเดินตามรอยเท้าของเขา ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไรก็ตาม
จ้าวชิงเหอ นายน้อยโจว หวงฝู่ฉิงอิง หลิงอวี๋ และ คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกละอายใจในตัวเองเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดได้รับการบ่มเพาะภายในดินแดนเร้นลับตลอดหลายปีที่ผ่านมา และได้รับการชี้แนะจากผู้อาวุโสในนิกายของพวกเขา ซึ่งทำให้มีความสำเร็จพิเศษในการบ่มเพาะ เดิมทีพวกเขาต่างก็คิดว่า หากพวกเขาได้ปรากฏตัวในโลกนี้อีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถแซงหน้าเฉินซีได้ แต่ อย่างน้อยพวกเขาก็จะไม่ตามหลัง แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า สหายคนนี้ยังคงนำหน้าพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นจากการที่เฉินซีสามารถพิชิตทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างง่ายดาย เฉินซีจึงห่างไกลเกินที่พวกเขาจะเทียบเคียงได้
“นี่คือเฉินซี เขาเหนือความคาดหมายของทุกคนทุกครั้ง และเขาแตกต่างจากคนอื่น ๆ อย่างแท้จริง เมื่อเทียบกับเขาแล้ว อัจฉริยะทั้งหมดในโลกนี้ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นคนธรรมดาเท่านั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!” เวินหัวถิงหัวเราะดังสนั่น น้ำเสียงของเขาก็เผยให้เห็นถึงอารมณ์และความสุขที่ไร้ขอบเขต
คำพูดของเขานั่นเกินจริงไปหรือไม่ ?
ไม่เลยแม้แต่น้อย !
อย่างน้อย เฉินซีก็เหมือนปาฏิหาริย์ที่ไม่มีวันจางหายไปจากใจของทุกคนในนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขา ถือได้ว่าเป็นสีสันของตำนาน !
จะมีใครที่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้บ้าง หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเฉินซีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้?
โอม!
หลังจากสายฟ้าลงทัณฑ์ถูกกำจัดออกไป แสงสีทองแห่งรัศมีแห่งสวรรค์ก็เริ่มส่องลงมาจากท้องฟ้า พวกมันพุ่งผ่านท้องฟ้าและพาดผ่านฟ้าดิน ในขณะที่เปล่งแสงแห่งสวรรค์ออกมา พวกมันถูกปกคลุมไปด้วยรัศมีเซียนที่ย้อมฟ้าดินทั้งหมด ด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์อันงดงาม
มันคือรัศมีที่มาจากภพเซียน พวกมันล้วนเจิดจรัส งดงาม และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภพมนุษย์
ในขณะนี้ เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในระยะสองแสนห้าหมื่นลี้ ต่างเต็มไปด้วยความตกใจ ความชื่นชม และความเคารพ
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบงันและเคร่งขรึมนี้ เฉินซีหันกลับมาด้วยสายตาที่ชัดเจนและลึกล้ำ ในขณะที่เขาป้องมือให้แก่ทุกคนในนิกายกระบี่เก้าเรืองรองจากระยะไกล จากนั้นเขาก็หันกลับมาอย่างสง่างาม ก่อนจะเดินจากไป
ทุกย่างก้าวของเขาทำให้รัศมีเซียนเกิดขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา
รัศมีเซียนได้เกิดขึ้นในทุกย่างก้าว ขณะที่เขาลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
นี่คือฉากของการขึ้นสู่ภพเซียน ที่ถูกปกคลุมด้วยแสงเจิดจ้า!
รัศมีเซียนจะแสดงความเคารพและคารวะผู้เป็นเซียนเข้าสู่ภพเซียน
จนกระทั่งทุกคนสามารถมองเห็นได้เพียงรัศมีเซียนที่เจิดจ้าและงดงามปกคลุมอยู่รอบตัวเฉินซี ทำให้เขาดูเหมือนกับเทพ ในขณะที่เขาเดินเข้าสู่รัศมีเซียนที่สว่างไสวที่สุดบนท้องฟ้า
“เขากำลังขึ้นสู่ภพเซียน!”
ในขณะนี้ ทุกคนต่างกล่าวไม่ออก และสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาดีต่อเฉินซี
ในวันนี้ ปรมาจารย์ของยอดเขาจรัสตะวันตกแห่งนิกายกระบี่เก้าเรืองรอง เฉินซีได้พิชิตทัณฑ์สวรรค์ระดับที่เก้าและขึ้นสู่ภพเซียน!
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วแดนภวังค์ทมิฬราวกับพายุด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ มันทำให้ผู้บ่มเพาะทุกคนในโลกตกตะลึง และกลายเป็นตำนานที่ไม่มีวันถูกมองข้าม!
ยิ่งกว่านั้น ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ที่เขาได้ทำในภพมนุษย์ ก็กลายเป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครเทียบเคียง และผู้คนรุ่นหลังก็ยินดีที่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้
แม้หลังจากผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ผู้คนในโลกก็คงจะลืมมันไปในที่สุด
แต่อย่างน้อย ณ เวลานี้ ชื่อ ข้อมูลและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเฉินซี ได้ประทับฝังแน่นไว้ในหน้าประวัติศาสตร์อันไร้ขอบเขตของแดนภวังค์ทมิฬ และกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องจดจำ
ผู้คนมากมายกำลังก้าวไปอย่างกล้าหาญบนเส้นทางแห่งความเป็นเซียนอันไร้ขอบเขต
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่จุดจบแต่เป็นการเดินทางครั้งใหม่ และภพเซียนที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือสวรรค์ทั้งเก้าอย่างภาคภูมิ คือเวทีที่แท้จริงสำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์ที่จะต่อสู้เพื่อชิงอำนาจสูงสุด!
เฉินซีกำลังเดินทางไปที่นั่นแล้ว…
—————————————