บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน – บทที่ 1031 ค่าหัว

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1031 ค่าหัว

บทที่ 1031 ค่าหัว

เฉินซีอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อเขาเห็นอันดับของตนอย่างชัดเจน ก่อนที่มุมปากของชายหนุ่มจะยกขึ้นนิด ๆ จนดูแปลก ๆ

แต่สุดท้ายเขาก็ยิ้มพลางส่ายหัว ก่อนจะหันหลังกลับและจากไป

เฉินซีตั้งใจจะไปตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายมิติระหว่างทวีป ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องการขายศิลากำเนิดวิญญาณครามที่ครอบครองบางส่วนออกไป เพื่อดูว่าตนสามารถแลกเปลี่ยนกับวัตถุดิบเซียนบางอย่างที่ใช้ในการขัดเกลายันต์ศัสตราได้หรือไม่

ไม่นานหลังจากที่เฉินซีจากไป เซียนที่ยืนอยู่หน้ากำแพงลอยแห่งแสง จู่ ๆ ก็ร้องขึ้น “เฮ้ ดูชื่อนั้นเร็วเข้า มันเพิ่มระดับขึ้นเร็วมาก!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกไป ความสนใจของทุกคนก็ถูกดึงไปในทันที ทุกคนต่างมองไปรอบ ๆ จากนั้นพวกเขาก็เห็นว่า ที่ด้านล่างของกำแพงมีแสงสีทองพร่างพราวสว่างวาบกำลังขยับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยการสลัดทิ้งชื่อแล้วชื่อเล่าไว้ด้านหลัง

“สวรรค์! ชื่อนี้ดูเหมือนจะไม่เคยอยู่ในพันอันดับแรก ข้าศึกษาการเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปสันติบูรพามาหลายปี แต่ข้าไม่เคยเห็นชื่อนี้มาก่อนเลย!”

“เฉินซี? สหายผู้นี้คือใคร? เขามาจากนิกายไหน?”

“สวรรค์! เขาขึ้นไปสู่ห้าร้อยอันดับแรกแล้ว!”

ฉากนี้ทำให้ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ เกิดความโกลาหลในทันที พวกเขาทั้งหมดเบิกตากว้าง จ้องมองไปยังแสงสีทองพร่างพราวอย่างจดจ่อ ด้วยความประหลาดใจและสับสนในดวงตา เพราะพวกเขารู้สึกไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้

นี่เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง เพราะทวีปสันติบูรพานั้นกว้างใหญ่ และมีดินนแดนในครอบครองถึงแปดหมื่นหกพันเมือง สิ่งมีชีวิตมากมาย นิกายต่าง ๆ มีมากมายดุจดั่งต้นไม้ในป่าใหญ่ ในขณะที่ผู้เยี่ยมยุทธ์เองก็มีมากมายเหมือนเมฆบนท้องฟ้า เมืองรัศมีเมฆานี้ก็เป็นเพียงหนึ่งในเมืองของทวีปนี้เท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่ราชันเซียนลิ่นฮ่าวออกหมายจับเฉินซีนั้นเป็นสิ่งที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ใต้บังคับบัญชาของราชันเซียนเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นมันจึงสมเหตุสมผลที่ชื่อของเฉินซีจะไม่คุ้นเคยสำหรับพวกเขา

ความไม่คุ้นเคยก็บ่งบอกถึงความไม่รู้เช่นกัน

เซียนทั้งหมดที่ยืนอยู่หน้ากำแพงล้วนเติบโตขึ้นในทวีปนี้ และพวกเขาทราบอย่างชัดเจนว่าในบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์พันอันดับแรกในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป ทั้งหมดนั้นต่างก็เป็นศิษย์หรือลูกหลานจากขุมกำลังต่าง ๆ และไม่ค่อยมีผู้บ่มเพาะอิสระหรือคนแปลกหน้าปรากฏขึ้นบนอยู่นั้น

ตัวอย่างเช่น หลินซิงหุนอยู่ในอันดับแรกนั้นมาจากตำหนักราชันเซียน อวี่เหวินฉงอันดับที่สองมาจากตระกูลเก่าแก่ของทวีปสันติบูรพา อย่างตระกูลอวี่เหวิน และอันดับอื่น ๆ

แต่ตอนนี้ ชื่อที่ไม่คุ้นเคยได้ปรากฏขึ้นจริงในเทียบจัดอันดับ ไม่เพียงแต่จะถูกจัดอยู่ในพันอันดับแรกเท่านั้น ทว่ามันยังพุ่งเข้าสู่ห้าร้อยอันดับแรกได้ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ไม่น่าแปลกใจได้อย่างไร?

“ใครจะรู้? ยามนี้ชื่อของเขาเข้าสู่สามร้อยอันดับแรกแล้ว และหากตัดสินจากที่เห็น มันก็ยังไม่แสดงทีท่าว่าจะหยุดลงเลย ข้าไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าชื่อของเขาจะไปหยุดอยู่ในตำแหน่งใด”

“มันแปลก แปลกจริง ๆ เป็นไปได้ไหมว่าเซียนอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบคนใหม่ ได้ปรากฏตัวขึ้นมาจากหนึ่งในมหาอำนาจของทวีปสันติบูรพา? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย?”

“ผ่านมาหลายปีแล้ว ในที่สุดชื่อที่ไม่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น! นี่เป็นปรากฏการณ์ที่หายากยิ่ง บางทีเราอาจได้เห็นปาฏิหาริย์ในวันนี้!”

ทุกคนพูดคุยกันด้วยเสียงต่ำและแสดงสีหน้าตื่นเต้น

เมื่อเวลาผ่านไป แสงสีทองที่เป็นตัวแทนของชื่อของเฉินซี ก็ยังคงเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่คงที่ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น สับสน และงุนงง ก่อนที่ทั้งหมดนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจจนพูดไม่ออก

บรรยากาศที่มีชีวิตชีวาแต่เดิมกลับเงียบสงบลงทันที เงียบสงัด

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่แสงสีทองที่สาดส่องขึ้น พวกเขากลั้นหายใจลุ้น ราวกับกลุ่มนักพนันที่รอให้ผลเดิมพันถูกเปิดเผยอย่างใจจดใจจ่อ

ในที่สุดชื่อนี้ก็หยุดลงที่อันดับที่ 127 และไม่ขยับไปไหนอีก

ตำแหน่งนี้อยู่เหนือกว่าเซียนหรานจิง ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 128 และเป็นศูนย์กลางของความสนใจก่อนหน้านี้เสียอีก…

เมื่อเห็นสิ่งนี้ บรรยากาศที่เงียบสงบก็ปะทุขึ้นแปรเป็นความโกลาหล คลื่นเสียงจอแจดังขึ้นไปทั่วท้องฟ้า

“127! เขาเอาชนะคนกว่าแปดร้อยคนในเทียบจัดอันดับด้วยเวลาเพียงชั่วพริบตา!”

“บัดซบ! นี่ข้าตาพร่ามัวอยู่หรือไม่? ก่อนหน้านี้เซียนหรานจิงผู้เคยอยู่ในอันดับที่ 338 และวันนี้นางก็เพิ่งพุ่งเข้าสู่อันดับที่ 138 ไป”

“สหายผู้นี้คือใครกัน? ช่างเป็นคนที่น่าตกใจยิ่ง”

“เฉินซี… เป็นไปได้ไหมว่าสหายผู้นี้เป็นศิษย์ของตำหนักราชันเซียน?”

“ตำหนักราชันเซียน? เป็นไปได้มากทีเดียว ข้าจำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อน หลินซิงหุนจากตำหนักราชันเซียนเอง ก็พุ่งเข้าสู่ร้อยอันดับแรกในวันเดียวเช่นกัน หลังจากนั้นพยายามฝึกฝนอย่างหนักนับสิบปี เขาก็ได้ครอบครองอันดับแรกมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นเวลากว่าสามสิบปีมาแล้วนับแต่นั้น แม้ว่าเฉินซีจะด้อยกว่าหลินซิงหุนเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ด้อยกว่ามากนัก”

“เป็นไปไม่ได้!”

ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวคนหนึ่งผู้มีแก้มสีดอกกุหลาบ และเสน่ห์เย้ายวนใจร้อนแรงในชุดคลุมภูตไฟ ก็เดินออกจากฝูงชนมาหยุดเบื้องหน้ากำแพงลอยแห่งแสง นางจ้องไปที่ชื่อของเฉินซี ในขณะที่ริมฝีปากของนางแยกออกเล็กน้อย พร้อมสีหน้าไม่เชื่อสายตา

“ท่านเซียนหรานจิง!” ฝูงชนจดจำผู้หญิงคนนั้นได้ทันที โกลาหลเกิดขึ้นราวกับว่าพวกเขาไม่คาดคิดว่าบุคคลอัจฉริยะที่มีชื่อในเทียบจัดอันดับจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่

ในเมืองรัศมีเมฆานี้ นิกายรัศมีเมฆานับเป็นนิกายที่มีชื่อเสียงมากยิ่ง และในบรรดาศิษย์ของนิกายรัศมีเมฆานั้น หรานจิงก็เป็นหนึ่งในศิษย์ที่มีชื่อเสียงและโดดเด่นที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ไม่เพียงแค่นางมีพรสวรรค์แต่กำเนิดที่ไม่ธรรมดาเท่านั้น นางยังก้าวจากขอบเขตเซียนสวรรค์สู่ขอบเขตเซียนลึกลับในเวลาเพียงสามสิบกว่าปีเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น หรานจิงยังเป็นสาวงามที่มีเสน่ห์ในหัวใจของชายหนุ่มจำนวนนับไม่ถ้วนของเมืองรัศมีเมฆา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่หญิงผู้มีทั้งการบ่มเพาะและความงามจะไม่เป็นที่รู้จักของทุกคน

ตอนนี้ หรานจิงได้ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้ากำแพงลอยแห่งแสงจริง ๆ แล้ว ดังนั้นเหล่าผู้บ่มเพาะทั้งหลายจะยับยั้งตัวเองได้อย่างไร พวกเขาทั้งหมดตื่นเต้นและพูดคุยกันเสียงดังขึ้น!

อย่างไรก็ตาม หรานจิงดูเหมือนจะไม่ได้รับรู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย นางจ้องมองชื่อที่อยู่ในอันดับที่ 127 อย่างว่างเปล่า และใบหน้าที่สวยงามไม่มีใครเทียบได้ของนางเปลี่ยนสีไป หลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวตะโกนออกมาทันที “บัดซบ! คนไร้หัวนอนปลายเท้าจะมาอยู่เหนือข้าได้ยังไง!?”

น้ำเสียงของนางเผยให้เห็นถึงความโกรธและไม่เต็มใจ

แต่เมื่อคำพูดเหล่านี้เข้าหูของทุกคนที่อยู่ที่นี่ มันทำให้พวกเขาตกตะลึงก่อนที่จะแสดงสีหน้าแปลก ๆ เล็กน้อยออกมา

อยู่เหนือนาง?

นี่…

ในขณะเดียวกัน หรานจิงก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน แต่อารมณ์ของนางนั้นลุกโชนราวกับเปลวไฟ หยิ่งและดื้อรั้น ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่แสดงอาการอับอายให้เห็น มีเพียงดวงตาที่สวยงามของเจ้าตัวเท่านั้นที่กวาดมองทุกคนอย่างดุร้าย ขณะที่พูดขึ้นด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ฮึ่ม! พวกเจ้าเศษขยะสกปรก พวกเจ้ามีความกล้าพอที่จะคิดมาอยู่เหนือข้าหรือ!?”

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะคำขอนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มีความสามารถในการทำให้สำเร็จ แม้ว่าพวกเขาจะต้องการก็ตาม!

หรานจิงเชิดคางสีขาวหยกขึ้น เมื่อนางเห็นท่าทางของพวกเขา ท่าทางภาคภูมิใจนี้เต็มไปด้วยความดูถูก คล้ายเจ้าตัวไม่เคยคิดจะสนใจคนพวกนี้ หรานจิงสะบัดผมที่ยาวดุจน้ำตกของตน ก่อนที่จะหันหลังกลับด้วยความตั้งใจที่จะจากไป

ทันใดนั้น เสียงตะโกนดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นจากระยะไกล “ถอยไป! หลบไปให้พ้น!”

เสียงเหล่านี้มาพร้อมกับองครักษ์จากตำหนักราชันเซียนที่ลงมาจากท้องฟ้า นำโดยชายหนุ่มรูปร่างผอมในชุดสีดำมัดด้วยผ้าคาดเอวหลวม ๆ ผู้มีท่าทางดุร้าย

“นั้นองครักษ์ของตำหนักราชันเซียน เหตุใดพวกเขาถึงมาปรากฏตัวที่นี่?”

บางคนที่จำตัวตนขององครักษ์เหล่านี้ได้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ เนื่องจากองครักษ์เหล่านี้เป็นกองกำลังชั้นยอดภายใต้คำสั่งของราชาเซียนแห่งทวีปสันติบูรพา อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นตัวตนที่สามารถควบแน่นพลังกฎได้ และมีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่น่าเกรงขาม ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความร้ายกาจ

“พวกเขาน่าจะลงมาเมืองรัศมีเมฆานี้ เพื่อถ่ายทอดคำสั่งของราชาเซียน ดูสิ มีหมายจับอยู่ในมือของชายหนุ่มที่เป็นผู้นำไม่ใช่หรือ?” ดูเหมือนว่าบางคนเดาบางอย่างได้ราง ๆ และพูดด้วยความประหลาดใจ

แน่นอนว่าชายหนุ่มสวมชุดสีเข้มตรงไปที่ด้านหลังของกำแพงลอยแห่งแสง ซึ่งต่างจากด้านหน้าของกำแพงที่บันทึกเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป ด้านหลังของกำแพงว่างเปล่านั้นเต็มไปด้วยหมายจับจำนวนมากติดไว้

ชู่ว!

ชายหนุ่มกางหมายจับในมือของเขาออกแล้วติดลงบนกำแพงลอย ทำให้เกิดตราเงาปรากฏบนผนัง น่าแปลกที่มันกลายเป็นภาพเหมือนจริงของคน

ด้านล่างของภาพ เป็นชื่อของบุคคล อาชญากรรมที่ก่อและจำนวนรางวัลที่ตั้งไว้

หลังจากที่เขาทำทั้งหมดนี้แล้ว ชายหนุ่มก็นำองครักษ์ทั้งหมดที่อยู่ข้างหลังเขาจากไป มาและจากไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องไปที่อื่นต่อ เพื่อติดประกาศหมายจับนี้

“หมายจับที่ออกโดยตำหนักราชันเซียน? สวรรค์! อาชญากรที่ชั่วร้ายผู้นี้คงไม่ปรากฏตัวใน ทวีปสันติบูรพาของเราใช่ไหม?”

ฝูงชนก้าวไปข้างหน้าทีละคน และมองไปยังมายจับที่ถูกตีตราไว้บนกำแพง

“เฉินซี! ฮา! สหายผู้โชคร้ายคนนี้มีชื่อจริงว่า เฉินซี…” เมื่อเหล่าเซียนสังเกตเห็นชื่อบนหมายจับ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะ จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง ‘เฉินซี’ คนนี้คงจะไม่ใช่ เฉินซีคนนั้นใช่ไหม?

ในขณะเดียวกัน คนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นถึงเรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดก็ประหลาดใจและสงสัย

หมายจับระบุว่าเฉินซี ผู้มาจากแดนภวังค์ทมิฬ ได้เข้ามาสู่ภพเซียนเมื่อเจ็ดวันก่อน และเขาได้สังหารเซียนลึกลับสยงหมิง ผู้ดูแลรับผิดชอบเหมืองวิญญาณคราม สี่เซียนสวรรค์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาอย่างโหดเหี้ยม…

นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า เฉินซีใช้วิธีการโหดร้ายก่ออาชญากรรมร้ายแรง ผู้ที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับเฉินซี จะได้รับรางวัลเป็นศิลาอมตะหมื่นก้อน ในขณะที่ผู้ที่สามารถจับตัวเขาได้จะได้รับรางวัลเป็นศิลาอมตะหมื่นก้อนกับสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬ

ที่ด้านล่างของหมายจับมีเครื่องหมายของตราประทับ ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจสูงสุดในตำหนักราชันเซียนของทวีปสันติบูรพา

“ผู้ข้ามผ่าน? สังหารเซียนลึกลับ? ยังไง…เป็นไปได้ยังไง” มีคนอุทานด้วยความตกใจและไม่เชื่อ

เป็นความจริงที่ทุกคนรับรู้กันว่า ผู้ข้ามผ่านเป็นเพียงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น และมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบรวมพลังแห่งกฎเกณฑ์ได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงเจ็ดวัน

แต่ตอนนี้ หมายจับของตำหนักราชันเซียนกลับกล่าวว่า ผู้ข้ามผ่านได้สังหารเซียนลึกลับอย่างโหดเหี้ยม นี่เป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับ ทำให้พวกเขาตกใจกันมากเป็นพิเศษ

“เป็นไปได้ไหมว่า เฉินซีผู้นี้จะเป็น… สหายที่เพิ่งปรากฏตัวในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปสันติบูรพาของเรา?” บางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงและไม่แน่ใจเล็กน้อย

“มีความเป็นไปได้ แต่เมื่อข้าคิดว่าสหายที่อยู่เพียงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น จะสามารถมีชื่ออยู่ในอันดับที่ 127 ในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปได้ มันยากเกินกว่าจะยอมรับจริง ๆ”

“ใช่แล้ว ในบรรดารายชื่อนับพัน พวกเขาเกือบทั้งหมดล้วนอยู่ในขอบเขตเซียนลึกลับ แล้วจู่ ๆ ใครบางคนที่อยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ กลับมาปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางพวกเขา ใครบ้างจะยอมรับได้กัน? ยิ่งไปกว่านั้น เขายังอยู่เพียงขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นด้วยซ้ำ!”

ผู้คนถกเถียงกันอย่างมีชีวิตชีวา พวกเขาต่างก็ประหลาดใจอย่างมาก ชื่อของเฉินซี ได้ปรากฏขึ้นในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปสันติบูรพา และหมายจับของทวีปในเวลาเดียวกัน และนี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเกินไป

หรานจิงที่อยู่ในฝูงชนเช่นเดียวกันจ้องมองไปยังภาพร่างในหมายจับ ก่อนที่นางจะกัดฟันและพูดว่า “เฉินซี! เฉินซีอีกแล้ว! ช่างเป็นชื่อที่น่ารังเกียจนัก!”

“ข้าเหมือนจะจำได้ว่าเห็นสหายผู้นี้ ยืนอยู่ข้าง ๆ ข้าเมื่อครู่…” เซียนที่อยู่ใกล้ ๆ จ้องไปที่ภาพในหมายจับและอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง

ดวงตาที่สวยงามของหรานจิงสว่างขึ้นทันทีเมื่อนางได้ยินคำกล่าวนี้ ริมฝีปากสีแดงเพลิงโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนพูดอย่างพึงพอใจในใจของตนว่า ‘เจ้าอยู่ในเมืองรัศมีเมฆาจริง ๆ มาดูสิว่าครานี้เจ้าจะสามารถเอาชนะข้า หรานจิงผู้นี้ได้อย่างไร!’

สัญชาตญาณของนางบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นชื่อในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีป หรือวายร้ายที่ถูกตามตัว ทั้งสองย่อมคือคน ๆ เดียวกันอย่างแน่นอน!

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท