บทที่ 1059 กระบี่ประกายชาด
บทที่ 1059 กระบี่ประกายชาด
อินซานเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสูงที่เข้าใจพลังของกฎแห่งมหาเต๋าสามประเภท อันดับของเขาในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปคือ อันดับที่เจ็ดร้อยหกสิบสี่ ถือว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ค่อนข้างโดดเด่นของตระกูลอิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูปแบบการต่อสู้อันรุนแรง โหดเหี้ยม และดุดัน ส่งผลให้ศัตรูล้วนตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของเขา ในสภาพถูกฉีกร่างออกเป็นชิ้น ๆ ถูกบดขยี้ร่างจนแหลกเป็นผุยผง หรือถูกทุบจนศีรษะแตกเป็นเสี่ยง ๆ…
ศัตรูของเขาไม่เคยมีสภาพศพที่สมบูรณ์เลยสักคน
ดังนั้น เมื่อเห็นอินซานก้าวขึ้นไปบนสนามประลอง และพุ่งเข้าหาเฉินซีซึ่งเป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น พวกเขาทุกคนไม่ว่าจะเป็นศิษย์ตระกูลอินหรือผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่นต่างมีท่าทางที่ไม่อาจทนดูได้
แม้ว่านี่จะเป็นดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ และการถูกฆ่าจะทำให้ดวงวิญญาณบาดเจ็บสาหัส ซึ่งความรู้สึกที่ศีรษะแตกเป็นเสี่ยง ๆ นั้น ย่อมไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีอย่างแน่นอน
แต่ที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็คือ ชายหนุ่มผู้นี้ไม่มีทีท่าที่จะหลบการโจมตีนี้เลย ทั้งยังพูดคำที่ไม่น่าเชื่อด้วย
ชายหนุ่มคนนี้พยายามอย่างเต็มที่ แม้จะไม่มีประโยชน์ก็ตาม เขารู้ชัดว่าจะต้องแพ้อย่างแน่นอน แต่ยังไม่คิดหลบ เด็กคนนี้กล้าบ้าบิ่นหรือเป็นคนเขลาที่ไม่รู้ความกันแน่?
ทุกคนต่างถอนหายใจ
อินซานหัวเราะด้วยความโกรธสุดขีด พลังหมัดก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และระเบิดเสียงดังกึกก้อง
ดวงตาของเฉินซีพลันเปิดขึ้นโดยฉับพลัน กลิ่นอายอันน่าเกรงขามในร่างกายพลุ่งพล่าน ปราณเซียนพิสุทธิ์ที่ทรงพลังทะลักออกจากร่างกายและทวีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ในชั่วพริบตา มันก็กลายเป็นมหาสมุทรที่เชี่ยวกราก!
มือขนาดใหญ่ของอินซานเพิ่งมาถึงเหนือศีรษะของเฉินซี ก่อนที่จะฟาดมันลงมา ชายหนุ่มก็ตกตะลึงในทันใด เขาอ้าปากค้างราวกับเห็นคลื่นปราณเซียนพิสุทธิ์ขนาดมหึมาปกคลุมท้องฟ้า และซัดเข้าใส่ด้วยพลังที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
อินซานที่มีประสบการณ์ต่อสู้มาอย่างโชกโชน พลันได้สติและตระหนักว่าตัวเขาถูกข่มขู่โดยกลิ่นอายของคู่ต่อสู้!
ชายหนุ่มกู่ร้องอย่างดุร้าย พร้อมกับเงื้อหมัดขึ้นและทุบลงมา!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เฉินซีพลันโคจรพลังและชกหมัดออกไป ซึ่งมันปะทะกับหมัดของอินซานอย่างไม่มีใครยอมใคร!
ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของอินซานทันที ในขณะที่แขนของเขาก็เปล่งเสียงแตกหักดังก้องออกมา จากนั้นมันก็บิดเข้าหากันเหมือนแป้งทอดที่บิดเป็นเกลียว
แขนขวาของอินซานพิการทันทีที่ปะทะกับหมัดของเฉินซี!
ยิ่งกว่านั้น พลังที่หลงเหลืออยู่ในหมัดทำให้ร่างกำยำของอินซานสั่นสะท้านจนกระเด็นขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ร่วงลงมายังบริเวณด้านนอกของสนามประลองหลายจั้ง ซึ่งในระหว่างนี้ หน้าอกของเขาก็ยุบลงอย่างรวดเร็ว เลือดไหลทะลักออกจากรูทวารทั้งเจ็ด และล้มลงกับพื้นดังโครมจนเกิดแรงสั่นสะเทือน ศีรษะกระแทกลงกับพื้น ทำให้ฟันในปากร่วงกว่าสิบซี่ จากนั้นก็คอพับไปด้านข้างและสิ้นสติไป
เพียงหมัดเดียวก็ตัดสินผลแพ้ชนะทันที!
ไม่เพียงแต่อินซานจะกระเด็นออกจากสนามประลองเหมือนที่เฉินซีได้กล่าวไว้เท่านั้น เขายังหมดสติด้วย!
‘ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้นั้นสมจริงเหมือนโลกภายนอก แม้แต่เลือดและกระดูกที่แตกหักเมื่อมีได้รับบาดเจ็บ…’ เฉินซีกล่าวชมเชยอยู่ภายในใจ
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง เพราะมดตัวน้อยที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น กลับสามารถจัดการกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสูงด้วยการชกเพียงครั้งเดียว?
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!” ศิษย์จากตระกูลอินร้องออกมาเสียงแหลม
“โกง! เจ้าเด็กนี้ต้องโกงอย่างแน่นอน!”
“พี่ใหญ่อินซานมีการบ่มเพาะที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นสูง เขาจะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของเจ้าเด็กขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นได้อย่างไรกัน? อีกทั้งยังพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว… ”
เสียงจากเหล่าศิษย์ตระกูลอินดังเซ็งแซ่ ทั้งความประหลาดใจและสับสน ซึ่งดูเหมือนพวกเขาจะทั้งตกใจและหวาดกลัว
“โง่เขลายิ่งนัก! พวกเจ้าคิดว่าจะสามารถใช้เล่ห์โกงในสนามประลองได้หรือ? หุบปากซะ!” ชายหนุ่มชุดเหลืองขมวดคิ้วและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยสีหน้าอำมหิต
ทุกคนพลันเงียบเหมือนจักจั่นในฤดูหนาวและไม่กล้ากล่าวอะไรอีก อย่างไรก็ตาม สายตาที่พวกเขามองไปยังเฉินซี แฝงไปด้วยความรู้สึกที่สับสนและจริงจังอยู่เล็กน้อย
“ไอ้หนู เจ้ามีนามว่าอะไร” ชายหนุ่มในชุดเหลืองจ้องมองไปที่เฉินซี และกล่าวด้วยเสียงอันน่ากลัว
ผู้เยี่ยมยุทธ์ในบริเวณใกล้เคียงต่างมีท่าทางประหลาดใจ ศิษย์ตระกูลอินไล่ล่าอีกฝ่ายมาถึงขนาดนี้ แต่กลับไม่รู้ตัวตนของฝ่ายตรงข้าม?
ชายหนุ่มในชุดเหลืองรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย เขาเป็นเพียงคนที่อินเฟิงเอ๋อร์ส่งมาเพื่อแก้แค้นเท่านั้น และเมื่อได้ยินว่าเป้าหมายคือมดตัวน้อยในขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น เขาจะตรวจสอบตัวตนและภูมิหลังของเป้าหมายไปทำไม
แต่การพ่ายแพ้ของอินซาน ทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่า มดตัวน้อยที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นสามารถเอาชนะอินซานได้อย่างง่ายดาย จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร
“ข้ากำลังรีบ ถ้าพวกเจ้าไม่คิดจะสู้ต่อ ข้าขอตัว” เฉินซีขมวดคิ้วและใจร้อนเล็กน้อย เขามาที่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้เพื่อขัดเกลาตนเอง ไม่ได้คิดเล่นสนุกกับกลุ่มคนที่มีพลังฝีมือต่ำกว่า เขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น
“อีกแล้ว!?”
สีหน้าของศิษย์จากตระกูลอินกลายเป็นมืดมนอย่างมาก เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้
“ไอ้หนู อย่าได้พล่ามวาจาไร้สาระ! ข้าอินเจี้ยนจะขอชี้แนะเจ้า!”
‘ฮึ่ม! พี่ใหญ่อินเจี้ยนโปรดรอสักครู่! ให้ข้าจัดการกับเจ้าเด็กโอหังนี้เอง ข้ารับรองว่าจะไม่ทรมานมันจนตาย!’
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ให้ข้าจัดการเอง!”
ศิษย์ของตระกูลอินต่างคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
เฉินซีหัวเราะเย้ยหยัน “ไอ้สารเลวพวกนี้แยกแยะขาวดำไม่ออกจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าพวกมันมาหาเรื่องข้า แต่กลับบอกว่าข้าโอหัง แม้ข้าจะเคยเห็นคนหน้าด้านมาก่อน แต่ข้าไม่เคยเห็นคนหน้าด้านขนาดนี้จริง ๆ”
เฉินซีไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พวกเจ้าทุกคนเข้ามาพร้อมกันเถอะ”
ทันทีที่พูดจบ มันกลับทำให้ทุกคนยิ่งประหลาดใจ
“ช่างหยิ่งยโสยิ่งนัก”
“เด็กคนนี้หยิ่งยโสอย่างไร้ขอบเขตจริง ๆ!”
“เป็นไปได้ไหมที่เขาคิดว่าจะสามารถต่อสู้กับศิษย์ของตระกูลอินทั้งกลุ่มด้วยการบ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นได้? ทั้งที่อีกฝ่ายมีกระทั่งผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้น!”
แต่เมื่อได้ยินสิ่งนี้ กลับทำให้เหล่าศิษย์ของตระกูลอินรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง หลังจากได้เห็นฉากที่ เฉินซีเอาชนะอินซานได้อย่างง่ายดาย หากบอกว่าไม่กลัวก็คงจะโกหก เมื่อเห็นเฉินซีเสนอมาเช่นนี้ ความหวาดหวั่นในใจของพวกเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เพราะการรุมผู้อื่นด้วยจำนวนเป็นสิ่งที่พวกเขาเชี่ยวชาญยิ่ง!
‘ฮึ่ม! ไอ้เด็กบัดซบ! เจ้าไม่หยิ่งยโสเกินไปหน่อยหรือ? เจ้าคิดว่าตระกูลอินของข้าไม่มีผู้มีความสามารถหรือ?’
แม้ว่าชายหนุ่มชุดเหลืองจะคิดเช่นนี้ในใจ แต่เขาก็แสร้งเค้นเสียงเย็นราวกับรังเกียจที่จะรุมเฉินซีด้วยจำนวน
เฉินซีรู้สึกรังเกียจคนเหล่านี้มากขึ้นเรื่อย ๆ “พวกเจ้าจะสู้หรือไม่? ถ้าไม่ก็ไสหัวไปซะ!”
“ไอ้เด็กบัดซบ! ในเมื่อเจ้าแส่รนหาที่ตายเช่นนี้ ดังนั้นเราจะตอบสนองคำขอเป็นอย่างดีเอง! พวกเจ้าทุกคนลงมือได้ อย่าปล่อยให้มันตายง่าย ๆ เป็นอันขาด!” ชายหนุ่มในชุดเหลืองหัวเราะอย่างเย็นชาและโบกมือส่งสัญญาณ
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เหล่าศิษย์ของตระกูลอินหมดความอดทนมานานแล้ว พวกเขาพุ่งขึ้นสนามประลองทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง ทันทีที่ร่างนับสิบได้ขึ้นไปบนสนามประลอง พวกเขาก็ล้อมเฉินซีเอาไว้ ขณะเผยสีหน้าอาฆาต ซึ่งแฝงไปด้วยความป่าเถื่อนและไม่เป็นมิตร
ผู้เยี่ยมยุทธ์ที่อยู่ใกล้เคียงส่ายศีรษะเมื่อเห็นสิ่งนี้ แม้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ที่มีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นจะหยิ่งยโส แต่การกระทำของศิษย์ของตระกูลอินเหล่านี้ก็ไร้ยางอายเกินไป
“ดูเหมือนว่าคำขอนี้จะทำให้พวกเจ้าทุกคนมีความสุขมากกระมัง? แล้วทำไมต้องปกปิดความปรารถนาของเจ้าเล่า” เฉินซีเยาะเย้ยพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา
“กำลังจะตาย แต่ยังกล้ากล่าวเรื่องไร้สาระอีกหรือ? ฆ่ามันซะ!”
ปัง!
รัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าสว่างไสวลอยอยู่เหนือเมฆที่ปกคลุมเฉินซี เหล่าศิษย์ของตระกูลอินต่างพุ่งตัวออกไปโดยพร้อมเพรียงกัน และโจมตีด้วยกระบวนท่าถึงตายอย่างไม่ลังเล!
แต่เฉินซีกลับเป็นฝ่ายเร็วกว่า เขาก้าวไปด้านข้าง มือของเขาระรัว จากนั้นพระจันทร์ศักดิ์สิทธิ์สองดวงก็ปรากฏขึ้น ดวงหนึ่งเป็นสีดำ ส่วนอีกดวงเป็นสีขาว ดูเหมือนหยินและหยาง พวกมันหลอมรวมกัน เป็นหินโม่สีขาวดำฟาดไปข้างหน้า
ปัง! ปัง! ปัง!
รัศมีแสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกและแตกเป็นเสี่ยง ๆ มันกลายเป็นสายฝนโปรยปรายทั่วท้องฟ้า ในขณะที่เหล่าศิษย์ของตระกูลอินกระเด็นออกไปพร้อมกับร้องโหยหวน ราวกับถูกภูเขาขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนถล่มเข้าใส่
ฉากนี้งดงามยิ่ง ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ร่างกว่าสิบร่างก็กระเด็นออกจากลานประลองพร้อม ๆ กัน เลือดพุ่งออกจากปากและจมูกของพวกเขา เสียงร้องโหยหวนสั่นสะเทือนไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตื่นตะลึงทันที
ดวงตาของเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์เบิกโพลงจนโตเป็นไข่ห่าน ทั้งรู้สึกงุนงงสับสน ในขณะที่กรามของพวกเขาแทบจะแตะพื้น
เดิมทีพวกเขาเฝ้ารอการต่อสู้ที่ดุเดือด แต่ไม่คิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นเหมือนครั้งก่อน มันจบลงภายในกระบวนท่าเดียว รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ!
ท้ายที่สุด นั่นคือผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์กว่าสิบคน ที่มีการบ่มเพาะขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นกลางหรือสูงกว่านั้น และสามารถเข้าสู่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ได้ นั่นหมายความว่าเป็นบุคคลที่ได้รับการจัดอันดับในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปของทวีปทักษิณา
แต่ตอนนี้… พวกเขากลับพ่ายแพ้ กระเด็นกระดอนเหมือนเศษกระดาษ ด้วยน้ำมือของชายหนุ่มในขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้น!
จะมีผู้ใดคาดคิดได้ว่าจะเกิดฉากเช่นนี้?
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดดังกล่าว ได้ดึงดูดความสนใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ที่อยู่ในสนามประลองใกล้เคียง และมีร่างทะยานเข้ามาที่นี่
กราว! กราว!
ร่างหนึ่งแวบเข้ามาบนสนามประลองดั่งภูตผี ด้วยการโบกแขนเสื้อ ลำแสงสีแดงเข้มสิบหกสายก็พุ่งออกมาอย่างรุนแรงพร้อมกับส่งเสียงดังหึ่ง ๆ พวกมันถูกขดเป็นวงด้วยหมอกอมตะ ยิ่งกว่านั้น ยังเปล่งกลิ่นอายอันน่าตกตะลึง ซึ่งแฝงไปด้วยความเฉียบคมรุนแรงที่ทำให้แม้แต่วิญญาณยังหวาดกลัว
“สมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬ!”
“กระบี่อมตะสิบหกเล่มที่มีลักษณะเดียวกัน และมันเป็นสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬทั้งหมด!” ผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนอุทานด้วยความตกใจ และมองอย่างระมัดระวัง มันคือกระบี่อมตะสิบหกเล่มที่ขดตัวด้วยหมอกเพลิงอันพลุ่งพล่าน กระบี่แต่ละเล่มถูกปกคลุมไปด้วยประกายกระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ อีกทั้งยังมีกลิ่นอายแหลมคมและดุร้ายจนน่าตกใจ
สมบัติอมตะที่สามารถนำเข้าสู่ดินแดนจักรพรรดิแห่งการต่อสู้ได้ แน่นอนว่าต้องอยู่ในระดับวิญญาณทมิฬหรือสูงกว่า ยามนี้ มันพุ่งเข้ามาอย่างดุดันและปกคลุมลานประลองไว้ เห็นได้ชัดว่ามันตั้งใจที่จะสังหารเฉินซี พร้อมกับตัดเส้นทางหลบหนีทั้งหมด!
กระบี่ประกายชาด!
เหล่าศิษย์ตระกูลอินที่ถูกซัดจนกระเด็นออกสนามประลอง จู่ ๆ ก็มีขวัญกำลังใจขึ้นทันที และแสดงท่าทางเย้ยหยันไม่จบสิ้น เนื่องจากพวกเขารู้ว่าอินหุนได้ลงมือแล้ว เพราะมีเพียงการบ่มเพาะที่ขอบเขตเซียนลึกลับเท่านั้น ที่สามารถใช้พลังของสมบัติอมตะระดับวิญญาณทมิฬชุดนี้ได้
อินหุนคือชายหนุ่มในชุดเหลือง
ดวงตาของเฉินซีสว่างวาบ “ในที่สุดก็มีผู้เยี่ยมยุทธ์เข้ามาร่วมต่อสู้แล้วหรือ?”
ในใจของเฉินซีหาได้วิตกกังวลไม่ มันกลับเปี่ยมไปด้วยความยินดี จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พวยพุ่งอยู่ในอก อักขระยันต์พันรอบร่าง จากนั้นพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมกับกู่ร้องไปในอากาศ และเข้าปะทะกับกระบี่อมตะสีแดงเลือดที่จู่โจมเข้ามา
เคร้ง!
กระบี่และฝ่ามือปะทะกัน ระเบิดออกเป็นมวลแสงพร่างพราย แสงสีแดงเข้มเต็มไปทั้งท้องฟ้า ในขณะที่จิตสังหารส่งเสียงคำรามก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ ข้อจำกัดในสนามประลองถูกเปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ ก่อนที่มันจะสามารถสลายคลื่นพลังจากการปะทะครั้งนี้ได้
นี่เป็นคลื่นพลังผันผวนที่น่ากลัวอย่างยิ่ง หากอยู่ในโลกภายนอก แม้แต่ภพเซียนในระยะสองร้อยห้าสิบลี้ก็คงถูกทำลายจนกลายเป็นซากปรักหักพัง
“กระบี่ประกายชาด! ไม่ได้เป็นของอินเหมียวเมี่ยวที่อยู่ในอันดับที่สี่ในเทียบอันดับเซียนภาคพื้นทวีปหรอกหรือ? เหตุใดจึงปรากฏอยู่ในความครอบครองของชายหนุ่มผู้นี้” ในที่สุดก็มีบางคนจำชุดกระบี่อมตะทั้งสิบหกเล่มได้ จึงอุทานด้วยความประหลาดใจและงุนงง
แต่แล้วความสงสัยนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว เพราะการต่อสู้ที่ดุเดือดซึ่งหาได้ยากยิ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ปะทุขึ้นบนสนามประลองแล้ว
เหตุผลที่มันหาได้ยากยิ่ง ก็เพราะเป็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนสวรรค์ขั้นต้นและผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนลึกลับขั้นต้น!