เฮ่อเหลียนเวยเวยชักมือกลับ ”มีอะไรหรือ”
”ท่านมีพลังวิญญาณขอรับ!” นี่เป็นเรื่องใหญ่จะตายไป ทำไมพี่เว่ยถึงได้นิ่งถึงเพียงนี้ล่ะ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าใจดีว่าทำไมจูเก่ออวิ๋นถึงตกใจ นางยิ้มแล้วตอบว่า ”หืม ข้าเคยมีพลังวิญญาณ แต่สูญเสียมันไปด้วยเหตุผลบางประการ แต่ข้าได้พลังวิญญาณของตัวเองกลับคืนมาหลังจากกินพระสรีระเข้าไป”
”แต่นี่มันแข็งแกร่งมากเลยนะขอรับ!” จูเก่ออวิ๋นยังไม่สามารถรวบรวมสติกลับมาจากภาพที่เห็นได้ ”ผลึกจากพลังวิญญาณหรือ ข้าไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเลยขอรับ!”
ไม่มีผู้ขับไล่วิญญาณร้ายคนใดเคยเห็นคนที่สามารถทำให้พลังวิญญาณขึ้นรูปเป็นวัตถุขึ้นมาได้ พวกเขาอ้าปากค้างและมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยความตกใจอย่างมหาศาล
”เอาล่ะ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาประทับใจกับเรื่องนี้กัน” เฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกยิ้มพร้อมกับบอกทุกคน ”เรามาทำภารกิจของตัวเองกันก่อนดีกว่า คงไม่มีใครคิดว่าพวกเราจะปลอมตัวเข้ามาในเมือง แต่อย่างไรพวกเราก็ยังจำเป็นต้องมีคนพาเข้าไปในจวนตระกูลหนี” เฮ่อเหลียนเวยเวยเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงจงใจหันไปมองจูเก่ออวิ๋น ”สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการหาตัวฮูหยินจูเก่อให้เจอ”
”ท่านแม่ของข้าหรือ” จูเก่ออวิ๋นสับสน เขาทำตาโตพลางลูบจมูกตัวเอง
ผู้เฒ่าหลี่ขมวดคิ้ว ”แต่น้องเว่ยบอกว่าตอนนี้ทุกคนคิดว่าพวกเราถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงอยู่มิใช่หรือ ถ้าพวกเราไปหาฮูหยินจูเก่อทันที มันจะไม่เหมือนพาตัวเองลงหลุมก่อนเวลาอันสมควรหรอกหรือ ตระกูลจูเก่อเป็นผู้พิทักษ์เส้นทางแห่งความถูกต้องมาโดยตลอด ข้ามั่นใจว่าฮูหยินจูเก่อคงไม่ปกป้องพวกเราเพียงเพราะหนึ่งในคนที่ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงเป็นบุตรชายของตัวเองแน่”
”แต่ถ้าฮูหยินจูเก่อรู้ว่าจูเก่ออวิ๋นไม่มีทางถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงได้ล่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ”สมบัติตกทอดของตระกูลจูเก่อมีหน้าที่ของมัน มันคือพระสารีริกธาตุจากต้นโพธิ์ คนที่สวมสมบัติตกทอดชิ้นนี้ย่อมได้รับการอำนวยพรอย่างมากจากมัน เขาหรือนางจึงไม่มีทางที่จะถูกวิญญาณตนใดเข้าสิงได้ ในฐานะประมุขของตระกูลจูเก่อ ย่อมไม่มีทางที่ฮูหยินจูเก่อผู้เป็นมารดาของนายน้อยอวิ๋นจะไม่รู้ความจริงข้อนี้ ดังนั้นเราจึงสามารถสรุปได้ว่าฮูหยินจูเก่อเป็นคนเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ถูกหนีเฟิ่งหลอก
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายตกตะลึงกับคำพูดประโยคนี้
แม้แต่จูเก่ออวิ๋นก็ตะลึงงันเช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ เขารู้สึกทึ่งกับความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์อันถูกต้องแม่นยำของเฮ่อเหลียนเวยเวย
”พี่เว่ย ท่านรู้ได้อย่างไรขอรับ” จูเก่ออวิ๋นประทับใจอย่างมาก
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขา แล้วตอบว่า ”ข้าเพียงแค่อนุมานอย่างง่ายๆ เท่านั้น ฮูหยินจูเก่อห่วงใยเจ้าอย่างสุดหัวใจ และนางย่อมไม่อาจยอมรับข่าวการตายของเจ้าได้ง่ายๆ ในขณะเดียวกัน หนีเฟิ่งก็คงคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าพวกเราบางคนคงเอาตัวรอดกลับมาได้ ถ้าเจ้าได้รับคำอวยพรจากพระพุทธคุณตั้งแต่เกิด เจ้าย่อมเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตนั้นอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่หนีเฟิ่งจะพูดกับนางมากกว่าคนอื่น นางคงยืนกรานว่าเจ้าถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง และหวังว่าฮูหยินจูเก่อจะจมสู่ความสิ้นหวัง แต่นางไม่รู้เรื่องพระสารีริกธาตุของต้นโพธิ์ และฮูหยินจูเก่อก็เป็นสตรีที่ฉลาดมาแต่ไหนแต่ไร นางย่อมสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าหนีเฟิ่งกำลังโกหกอยู่ เวลานี้ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายทุกคนในเมืองนอกจากศิษย์ของตระกูลจูเก่อกำลังเตรียมพร้อมที่จะทำสงครามอยู่ ก็เหมือนอย่างที่ผู้เฒ่าหลี่พูด ตระกูลจูเก่อเป็นผู้พิทักษ์เส้นทางแห่งความยุติธรรมมาโดยตลอด ภายใต้สถานการณ์ที่เมืองแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้ายกำลังถูกปีศาจล้อมเอาไว้เช่นนี้ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ฮูหยินจูเก่อจะไม่ส่งคนออกมาช่วยพวกเขา นอกเสียจากนางจะรู้ความลับของหนีเฟิ่งเข้าแล้ว”
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัวหลังจากได้ฟังคำอธิบายของเฮ่อเหลียนเวยเวย จากนั้นพวกเขาจึงสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่เห็นลูกศิษย์ของตระกูลจูเก่อเลยแม้แต่คนเดียว ถ้าเฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สังเกตเห็นเรื่องนี้ พวกเขาก็คงไม่มีทางสังเกตเห็นอย่างแน่นอน… สายตาของนางช่างแหลมคมยิ่งนัก นางสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติได้ด้วยการกวาดตามองเพียงครั้งเดียว
”การที่ฮูหยินจากสี่ตระกูลใหญ่จะไปเยี่ยมเยือนจวนตระกูลหนีพร้อมกับข้ารับใช้สองสามคนย่อมนับว่าเป็นเรื่องปกติ” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดต่อ ”โอกาสอาจจะน้อย แต่พวกเราจำเป็นต้องมีคนอยู่ในเมือง เราต้องหาฮูหยินจูเก่อให้เจอ”
”ตกลง” ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายเห็นด้วยกับนางอย่างไม่มีข้อแม้
เฮ่อเหลียนเวยเวยถือโพธิ์เอาไว้ในมือ ก่อนจะหันไปมองบุตรแห่งราชานกที่กำลังเล่นกับบรรดาปีศาจอยู่ นางถามขึ้นว่า ”นี่คือพระสารีริกธาตุของจิ่งอู๋ซวงหรือ”
”หืม เจ้าสนใจเรื่องของเขาหรือ” บุตรแห่งราชายังเล่นกับปีศาจที่ตกอยู่ในสภาพมึนงง ก่อนที่เขาจะจับมันยัดลงไปในมิติสวรรค์ของตัวเอง จากนั้นเขาจึงเสริมขึ้นทั้งที่ยังดูดจุกนมอยู่ว่า ”ข้าบอกเจ้าแล้วนี่ว่าผู้ชายคนนี้รอบคอบและเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ถ้าเจ้าต้องการเกิดใหม่ เจ้าจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากทั้งจากทางนรกและแสงแห่งพระพุทธคุณ เขาย่อมมีอะไรบางอย่างสำรองเอาไว้เพื่อต่อสู้กับโชคชะตาของตนอย่างไม่ต้องสงสัย เถาวัลย์จากต้นโพธิ์ชิ้นนี้น่าจะเป็นพระสารีริกธาตุชิ้นสุดท้ายของเขาแล้วกระมัง สมัยนั้นเขารู้ว่าเจ้าจำเป็นต้องใช้พระสารีริกธาตุเพื่อเกิดใหม่ ดังนั้นเขาจึงตัดพระสารีริกธาตุออกจากร่างของตัวเองด้วยหวังว่ามันจะช่วยดึงดูดแสงแห่งพระพุทธคุณได้”
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดตามคำพูดของเด็กชาย ก่อนจะมองเข้าไปในดวงตาสีแดงของบุตรแห่งราชานรก ”เจ้าเอาแต่พูดถึงเรื่องโชคชะตามาตั้งแต่แรก โชคชะตาทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าคนอื่นเป็นข้าด้วยหรือเปล่า”
”เจ้าฉลาด” บุตรแห่งราชานรกดูดจุกนมต่อ ”ข้าชอบคนฉลาด เขาเป็นต้นโพธิ์ที่ลอยข้ามทะเลแห่งความทุกข์มา ทุกคนล้วนแต่ต้องเดินผ่านเขาก่อนกลายเป็นพระอรหันต์ เจ้าเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่ เขาเคยเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา แต่เมื่อพระพุทธศาสนาสั่งห้ามไม่ให้มีตัวตนพิเศษอันใดอยู่บนโลก เขาจึงช่วยเจ้าให้ได้เกิดใหม่แทน การกระทำของเขาเป็นการขัดต่อพระพุทธศาสนา และทำให้เขากลายเป็นศัตรูของพวกเขา แต่เขาเป็นคนมีไหวพริบ เขาได้เตรียมกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อช่วยตัวเองเอาไว้แล้ว นั่นเป็นหนทางเดียวที่จะสามารถทำให้พระชายาฟื้นคืนชีพกลับมาได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าเจ้าจะเป็นใคร แต่เขาต้องรู้สึกเสียใจไปทั้งชีวิตแน่ถ้าเขาเข้าใจผิดว่าคนอื่นเป็นเจ้า”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงเงียบ
บุตรแห่งราชานรกเลิกคิ้ว ”ทำไมหรือ เจ้านึกอะไรออกแล้วหรือ เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ”
”ก็ไม่มีอะไรมาก” เฮ่อเหลียนเวยเวยหลุบตาลง ”ก่อนหน้านี้มีคนเคยบอกข้าว่า ก่อนเราจะหลอกคนอื่น เราต้องหลอกตัวเองเสียก่อน ข้าเสียความทรงจำไปเพราะถูกนำพระสารีริกธาตุออกจากร่าง แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็มีความเป็นไปได้มิใช่หรือว่าจิ่งอู๋ซวงก็อาจจะสูญเสียความทรงจำบางส่วนไปเหมือนกัน”
หมวกบนศีรษะของบุตรแห่งราชานรกขยับตามการพยักหน้าของเขา ”ข้าไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน”
”ร่างจริงของเขาเป็นต้นโพธิ์ ดังนั้นพระสารีริกธาตุชิ้นที่สำคัญที่สุดของเขาย่อมเป็นต้นโพธิ์เหมือนกัน” เฮ่อเหลียนเวยเวยกำพระสารีริกธาตุที่อยู่ในมือแน่นขึ้น ”ทำไมเขาถึงทิ้งสิ่งที่สำคัญที่สุดเอาไว้โดยไม่ให้ใครดูแลล่ะ”
บุตรแห่งราชานรกทำตาโต ”เจ้ากำลังบอกว่า…”
”พวกเราต้องระบุตำแหน่งของกระจกวิเศษบานนั้นให้ได้เสียก่อน” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้ม ”เจ้าพูดถูก คำตอบทุกอย่างซ่อนอยู่ในอดีต”
บุตรแห่งราชานรกพยักหน้าก่อนจะกระแอมออกมาเบาๆ ”ข้าขอพูดให้ชัดเจนว่าข้าไม่เคยตั้งใจที่จะแยกเจ้าออกจากราชาปีศาจ หากมีความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบัน เจ้าต้องจำไว้ให้ดีว่าเจ้าเป็นภรรยาของราชาปีศาจ ความรักของเจ้าไม่ควรจะสั่นคลอน!”
”เมื่อครู่นี้เจ้าเพิ่งบอกให้ข้าไม่ต้องทนกับความรุนแรงในครอบครัว แล้วหย่ากับเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองเขาด้วยสายตาเฉยเมย
บุตรแห่งราชานรกหัวเราะ ”เวลาเจ้าอยู่กับเขา เขาจะรุนแรงแค่กับเจ้า แต่เวลาที่เขาไม่มีเจ้าอยู่ข้างๆ เขาจะรุนแรงกับทุกคน และมีความเป็นไปได้สูงยิ่งนักที่เขาจะฆ่าคนพวกนั้นทิ้งเสีย…”