ตอนที่ 799 อู๋เสี่ยวเจี๋ยนยืมเงิน
ในเช้าของวันนี้หลินเพ่ยจำเป็นต้องอยู่ในบ้านพักของฝูโช่วกุ้ยเท่านั้น อู๋เสี่ยวเจี๋ยนบังคับตัวเองให้ออกไปหางานทำ ก่อนเห็นองค์กรที่ได้รับทุนจากต่างประเทศกำลังเปิดรับสมัครพนักงานขาย
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินเข้าไป
เขาตระหนักรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าคงหางานทำไม่ได้ ไม่ต่างจากรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น กระนั้นต้องลองเสี่ยงโชคดู
ฝ่ายบุคคลที่รับผิดชอบการสรรหาบุคลากร เมื่อเห็นว่ามีคนมาสมัครเป็นพนักงานขาย เขาอดไม่ได้ที่จะมองอู๋เสี่ยวเจี๋ยนตั้งแต่หัวจรดเท้า
เนื่องจากการรับสมัครพนักงานขายของบริษัทมีเงื่อนไข
ระยะเวลาทดลองคือสามเดือน หากทำไม่ได้ถึงเป้าหมายที่กำหนดภายในสามเดือน จะถูกคัดออกทันที
หลายคนเข็ดขยาดกับกฎเหล่านี้จนไม่กล้าเข้ามาสมัคร
เนื่องจากเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้นั้นสูงเกินไป หลายคนรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ จึงยอมแพ้ไป
ชายหนุ่มรูปร่างผอมเตี้ยดูธรรมดาที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนแรกที่เข้ามาสมัครงานอย่างกล้าหาญ แค่เห็นจากท่าทางเหล่านี้ เขาดูเป็นคนมีศักยภาพที่จะพนักงานขายได้
ฝ่ายบุคคลที่รับผิดชอบการสรรหาบุคลากรได้ทำการประเมินอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
แม้ว่าเขาจะไม่มีพรสวรรค์มากนัก แต่ความกล้าหาญของเขาก็น่ายกย่อง และควรจะได้รับการฝึกฝนเพิ่มเติม
จากนั้นฝ่ายบุคคลก็ยอมรับเขาเข้าทำงาน และขอให้เขามาทำงานอย่างเป็นทางการในอีกสามวันต่อมา
สิ่งนี้ทำให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมีความสุขมาก เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับการว่าจ้างเป็นพนักงานขายในองค์กรที่ได้รับทุนจากต่างประเทศอย่างง่ายดาย
แม้ว่ากิจการที่ได้รับทุนจากต่างชาติจะไม่สามารถรับประกันงานได้ และมีความเสี่ยงจะถูกเลิกจ้างเสมอ
ทว่าเงินเดือนนั้นสูงว่ารัฐวิสาหกิจมาก ด้วยเหตุผลเท่านี้ก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงแล้ว
ด้วยเงินเดือนที่สูงขนาดนี้ เขาสามารถนำเงินไปให้หลินเพ่ยเช่าห้องเดี่ยวเพื่ออยู่อาศัย
นอกจากนี้ยังสามารถทำให้หล่อนได้กินดีอยู่ดี รวมถึงซื้อเสื้อผ้างดงามให้หล่อนได้
สำหรับผลลัพธ์ที่ได้ในช่วงทดลองงานสามเดือนนั้น ไม่ว่าจะได้ตามเกณฑ์หรือไม่ มันไม่อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
เขาเพียงแค่ต้องการเงินเดือนระหว่างสามเดือนนี้
เมื่อพ้นช่วงทดลองงานสามเดือน เขาอาจถูกไล่ออกเพราะปฏิบัติไม่ได้ตามเกณฑ์
ถึงตอนนั้นเขาคงโกงเงินป้าฝูเข้ากระเป๋าตัวเองเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นพาหลินเพ่ยบินไปทำศัลยกรรมที่ฮ่องกง เช่นนั้นเขาจะสนทำไมว่าจะถูกไล่ออกหรือไม่?
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลับไปที่บ้านของฝูโช่วกุ้ยอย่างมีความสุข ก่อนแอบมาบอกข่าวดีกับหลินเพ่ยขณะที่ฝูโช่วกุ้ยไม่อยู่บ้าน
เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่บอกข่าวดีกับฝูโช่วกุ้ย
เขากลัวหลังจากบอกนางแล้ว นางจะไม่ยอมเป็นตู้กดเงินของเขาอีก
ตรงกันข้ามหากฝูโช่วกุ้ยเห็นว่าเขามีรายได้ดีและขอให้เขาจ่ายค่าอาหารและที่พักล่ะ เขาจะไม่ขาดทุนหรอกหรือ?
หลินเพ่ยกล่าวคำชื่นชมอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอย่างเยินยอ เพียงคำชื่นชมเดียวของหล่อนก็ทำให้หัวใจของเขาเบิกบานเต็มที่
แต่เมื่อหันหลังกลับ ใบหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นความดูถูก ทว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่เคยรับรู้เลย
หลังจากนั้นไม่นานฝูโช่วกุ้ยก็กลับมาจากการเดินเล่นข้างนอก
เมื่อเห็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยนกำลังเตรียมอาหารกลางวันอยู่ในครัว นางจึงถามอย่างเป็นกันเอง “ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ? วันนี้ก็หางานทำไม่ได้สินะ”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนพยักหน้าด้วยความอาย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนออกไปหางานทำทุกวัน กระนั้นก็ยังหางานไม่ได้ เขาคุ้นเคยกับฝูโช่วกุ้ยแล้ว ดังนั้นจึงไม่กังวลเรื่องนี้
นางเดินไปที่ห้องนั่งเล่นและฟังวิทยุ
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง วางมือจากห้องครัวและเดินมาที่ห้องนั่งเล่น ลูบคลำมือของฝูโช่วกุ้ยพลางกล่าวคำด้วยท่าทางลังเลเล็กน้อย “ป้าฝูครับ คุณให้ผมยืมเงิน 100 หยวนได้ไหม?”
ฝูโช่วกุ้ยมองเขาอย่างระแวดระวังทันที “เธอต้องการยืมเงินไปทำอะไร?”
นางสามารถให้อาหารและที่พักฟรีกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยน ซึ่งไม่ต่างกับการมีสัตว์เลี้ยง
แต่หากคิดมายืมเงิน ไม่มีทางเสียหรอก!
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนอธิบายด้วยรอยยิ้ม “หลังจากวันนี้ไป ลูกพี่ลูกน้องของผมจะออกจากบ้านป้าฝูแล้ว ผมจึงอยากยืมเงินป้าฝูให้หล่อนได้ตั้งหลัก แทนที่ต้องนอนอยู่ข้างถนน”
ไม่ต้องพูดถึงว่าหลินเพ่ยต้องนอนข้างถนน แม้ว่าหล่อนจะต้องนอนในโคลนตม ฝูโช่วกุ้ยก็ไม่หวั่นไหว
หลินเพ่ยเป็นลูกพี่ลูกน้องของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน ไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องของนาง
หากนางให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนยืมเงินและนำไปใช้กับหลินเพ่ย แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีทางหาเงินมาจ่ายคืน
เงินที่ให้ยืมไปเปรียบเหมือนเตะหมูเข้าปากหมา มันจะไม่มีทางได้คืนมา และนางไม่ได้โง่เขลาถึงขนาดนั้น
ฝูโช่วกุ้ยไม่ได้ปฏิเสธที่จะยืมเงิน เพียงตอบกลับเสียงเรียบ “ฉันไม่มีเงินหรอก”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกัดฟันด้วยความเกลียดชังอยู่ในใจ
หญิงชราคนนี้ได้รับเงินเดือนเกษียณหลายร้อยหยวนต่อเดือน แล้วนางจะไม่มีเงินได้อย่างไร?
เขาเผยยิ้มขมขื่นและถอยกลับออกไป “ผมไม่รู้เลยว่าป้าฝูจะมีสถานภาพทางการเงินที่ตึงเครียดเช่นนี้ แต่ตัวเองกลับอาศัยอยู่กินที่บ้านป้าฝูฟรี ผมขอโทษจริงๆ พรุ่งนี้ผมจะออกไปอยู่กับลูกพี่ลูกน้อง”
“อะไรนะ? เธออยากจะออกไปด้วยเหรอ?” ฝูโช่วกุ้ยตกใจ
ด้วยความกลัวว่าตัวเองได้ยินผิด นางจึงปิดวิทยุและมองไปที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ครับ” อู๋เสี่ยวเจี๋ยนพยักหน้า “ผมจะไม่รบกวนคุณอีกแล้ว”
หัวใจของฝูโช่วกุ้ยเจ็บปวดเหมือนถูกมีดแหลมทิ่มแทง
นางและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอาศัยอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งแล้ว นางจึงเริ่มคุ้นเคยที่จะมีเขาอยู่เคียงข้าง
นับตั้งแต่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมาที่บ้านของนาง นางก็ไม่รู้สึกถึงความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างอีกต่อไป
เป็นเพราะได้อาศัยอยู่กับชายหนุ่ม เวลานี้นางจึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
เมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนพูดว่าต้องการออกจากบ้านนี้ไป นางจึงยอมรับไม่ได้
นางไม่อยากใช้ชีวิตคนเดียวแบบในอดีตอีกแล้ว
“เธอไม่มีงานทำ ถ้าออกจากบ้านฉันไป เธอจะกินอะไร? แล้วจะอยู่ที่ไหน?” ฝูโช่วกุ้ยแสร้งทำเป็นกังวล แต่แท้จริงแล้วเพื่อยื้อให้เขาอยู่ต่อ
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเห็นฝูโช่วกุ้ยไม่เต็มใจให้เขาจากไป แผนการถอยหลังเพื่อเดินหน้าดูจะเป็นผล และเขาจะสามารถควบคุมฝูโช่วกุ้ยได้
“ก็คงจะไปตายเอาดาบหน้าน่ะครับ ผมคงหาทางแก้ไขเรื่องปากท้องและที่อยู่อาศัยได้เอง มันเป็นเวลาหลายปีแล้วที่มีการปฏิรูปและเปิดประเทศ แล้วผู้คนจะยังคงอดตายอยู่อีกหรือ?” เขาพยายามพูดในแง่ดีมาก
ฝูโช่วกุ้ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมโดยบอกอู๋เสี่ยวเจี๋ยนว่าไม่อยากให้เขาย้ายออกไป นางจะให้เขายืมเงินเพื่อให้ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นตั้งหลักปักฐานได้
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมองแผ่นหลังอีกฝ่ายขณะที่นางเดินออกไป อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากเงียบงัน
เขารู้ว่าฝูโช่วกุ้ยไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีเขา ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะโกงเงินของนางในอนาคต
ฝูโช่วกุ้ยมีเงินอยู่ในมือ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องยืมเงินจากใครอื่น
นางบอกกับชายหนุ่มว่ากำลังจะออกไปยืมเงิน เพียงเพื่อจะหลอกอู๋เสี่ยวเจี๋ยน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางปกปิดคำโกหกได้
นางก้าวเดินบนถนนอย่างโดดเดี่ยว ในใจรู้สึกอึดอัดอย่างท่วมท้น
นางเป็นหญิงสาวในวัยห้าสิบที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมากมาย
แม้ว่าหลินเพ่ยจะอาศัยอยู่ในบ้านของนางเพียงสองวัน แต่นางสามารถบอกได้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่นก เพราะหล่อนพูดได้ดีกว่าร้องเพลง
หล่อนแสร้งทำดีต่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนด้วยคำพูดที่ห่วงใยและคำหวานมากมาย
แต่หล่อนแทบไม่เคยที่จะรินน้ำชาให้พวกเขา แทบไม่ต้องพูดถึงทำงานบ้าน แต่เหมือนพวกเขารับใช้เธอแทน
หลินเพ่ยยังต้องการให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนปรนนิบัติอย่างดี
เป็นเพราะอู๋เสี่ยวเจี๋ยนต้องการรับใช้หญิงสาวเจ้าเล่ห์คนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถมาดูแลนางได้ดีเหมือนแต่ก่อน ซึ่งนั่นทำให้ฝูโช่วกุ้ยไม่ชอบขี้หน้าหลินเพ่ยมากยิ่งขึ้น
นางหวังว่าหญิงสาวเจ้าเล่ห์คนนี้จะจากไปในวันพรุ่งนี้ จากนั้นนางจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนตามลำพังอีกครั้ง
โดยไม่คาดคิด หากนางต้องการชีวิตสงบสุขคืนมา เธอจะต้องจ่ายเงิน 100 หยวนเพื่อส่งลูกพี่ลูกน้องของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนออกไป
ยิ่งฝูโช่วกุ้ยคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งคับแค้นใจมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากเดินออกไปข้างนอกราวครึ่งชั่วโมง นางกลับบ้านและพูดกับอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอย่างขอโทษขอโพยว่า “เสี่ยวอู๋ ฉันขอโทษ ฉันมีเงินให้เธอยืมเพียงแค่ 50 หยวนเอง”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้ยินดังนี้ก็โกรธมากจนแทบอยากทุบหญิงชราตรงหน้าเสียให้รู้แล้วรู้รอด
เดิมทีเขาวางแผนยืมเงิน 200 หยวนจากฝูโช่วกุ้ย นอกจากจะนำไปเช่าห้องเดี่ยวที่ดีกว่าให้หลินเพ่ย เขายังต้องการซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ให้หล่อนด้วย
แต่เมื่อคิดว่าฝูโช่วกุ้ยจู้จี้จุกจิกเกินไป เขาจึงเปลี่ยนจาก 200 หยวนเป็น 100 หยวน
เขาไม่คาดคิดว่าหญิงชราคนนี้จะตระหนี่ถี่เหนียวและให้ยืมเพียง 50 หยวนเท่านั้น!
เขาระงับความโกรธและกล่าวคำขอบคุณ “ขอบคุณครับป้าฝู ผมจะคืนเงิน 50 หยวนนี้ภายในสามเดือน”
เมื่อฝูโช่วกุ้ยบอกว่ามีเงินเพียง 50 หยวนให้กับอู๋เสี่ยวเจี๋ยน นางก็รู้สึกประหม่ามาก
กลัวว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะไม่ยอมรับ และนางจะต้องจ่ายอีก 50 หยวน
โดยไม่คาดคิด อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ได้เกลียดนางเลย ซึ่งทำให้นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ฝูโช่วกุ้ยถามด้วยความประหลาดใจ “เธอจะคืนเงินให้ฉันภายในสามเดือนหรือ? ในเวลานั้นเธอจะหาเงินมาจากไหน?”
“ตอนนั้นผมคงไม่มีเงิน”
ฝูโช่วกุ้ยเริ่มงงงวยมากขึ้น “แต่เธอบอกว่าจะคืนเงินให้ฉัน~”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนตอบกลับ “ในอีกสามเดือน พ่อของลูกพี่ลูกน้องคนนี้ หรือก็คือลุงของผม เขาจะส่งเงินมาให้ เท่านั้นผมก็จะมีเงินมาคืนให้คุณแล้วครับ”
แน่นอนว่ามันเป็นเพียงเรื่องโกหก
เขาแค่อยากให้ฝูโช่วกุ้ยวางใจก่อน เพื่อที่นางจะได้ไม่สงสัยว่าเขาโกหกและหวังโกงเงินนางในภายหลัง
สำหรับ 50 หยวนที่เขายืมมา เขาตั้งใจที่จะไม่จ่ายคืน ดังนั้นจึงกำหนดวันชำระคืนในอีกสามเดือน
ในเวลานั้นเขาคงสามารถโกงเงินจากหญิงชราคนนี้ไปแล้ว จากนั้นเขาจะพาหลินเพ่ยหนีไปโดยไม่ต้องจ่ายคืนสักหยวน!
ฝูโช่วกุ้ยคิดว่าเงิน 50 หยวนนี้เป็นเหมือนเตะหมูเข้าปากหมา และคงไม่ได้รับมันคืนมา แต่นางไม่คาดคิดว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะต้องการจ่ายคืน
ตอนที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนบอกว่าเขาจะจ่ายคืน มันทำให้นางประหลาดใจ ขณะเดียวกันก็ทำให้นางประทับใจในตัวเขามากขึ้น
กระทั่งลืมถามไปว่า เหตุใดพ่อของหลินเพ่ยจึงใช้เวลานานขนาดนั้นในการส่งเงินกลับมา
แต่ต่อให้นางถามออกไป อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็สามารถหาข้ออ้างมาเพื่อโกหกได้
เขาไม่มีทักษะอื่นใด นอกเหนือจากความสามารถในการสร้างเรื่องโกหกคำโต
ในเรื่องการพูดปดมดเท็จ แม้แต่หลินเพ่ยที่อยู่ในระดับเดียวกันก็ยากที่จะแยกแยะ
ฝูโช่วกุ้ยแสร้งทำเป็นคนใจกว้างและพูดไปว่า “เรื่องเงินไม่ต้องรีบร้อนก็ได้”
จากนั้นก็เหลือบมองไปที่หลินเพ่ย “หลังอาหารกลางวัน เธอพาลูกพี่ลูกน้องของเธอออกไปหาห้องเช่าเถอะ”
หลินเพ่ยรู้ว่าฝูโช่วกุ้ยไม่ชอบขี้หน้าหล่อน ดังนั้นหล่อนจึงต้องการออกไปโดยเร็ว
หล่อนแสร้งยิ้มอย่างสำนึกผิดบนใบหน้าพร้อมกล่าวคำสวยหรูที่กลั่นกรองออกมา โดยบอกว่าหล่อนรู้สึกขอบคุณที่ฝูโช่วกุ้ยดูแลมาตลอดสองวันนี้ ทั้งที่ในใจอยากจะลุกขึ้นไปบีบคอหญิงชราคนนี้ให้ตายตกเสีย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหมือนแข่งกันเลยว่าใครจะโกหกเนียนกว่ากัน รอวันที่ความแตกนะคะ
ไหหม่า(海馬)