บทที่ 773 หลี่จิ่วเต้า ‘ถึงถิ่นของเจ้าแล้ว!’
เต่าชรานอนอยู่บนพื้น โวยวายไปว่าใกล้จะตายแล้ว ซีกลับหัวเราะด้วยความขบขัน เต่าชราแสดงเก่งยิ่งนัก
“เอาไป!”
เทียนลู่หยิบโอสถต้นหนึ่งออกมาด้วยหน้าตาไม่สบอารมณ์ ขุมปราณชีวิตที่ไหลเวียนบนนั้นแทบมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นี่คือโอสถจากเทวโลก เป็นโอสถระดับลอยชาย
หลังเต่าชราเห็นโอสถต้นนี้ก็ตาลุกวาว รับโอสถไว้ทันที
กระนั้นมันยังโวยวายว่าไม่พอ กล่าวว่าโอสถต้นนี้รักษาได้เพียงบาดแผลภายนอกของมันเท่านั้น บาดแผลภายในรักษามิได้
เทียนลู่อยากจะหวดเต่าชราตัวนี้ให้ตาย หมายความว่าอย่างไรที่ว่ารักษาได้เพียงบาดแผลภายนอก บาดแผลภายนอกเช่นใดกันที่สาหัสปานนี้! โอสถระดับลอยชายต้นนี้รักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดของเต่าชราได้ไม่เป็นปัญหา
“เอาไป ๆ!”
เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน รู้ดีว่าเต่าชราต้องการสิ่งใด จึงหยิบโอสถระดับลอยชายออกมาอีกสามต้นให้เต่าชรา “คราวนี้พอแล้วใช่หรือไม่”
เต่าชรารับโอสถระดับลอยชายสามต้นนั้นไว้พลางกล่าว “พอจะรักษาบาดแผลภายนอกข้าได้บ้าง”
“เจ้าไม่ยอมจบหรือ!?”
เทียนลู่เดือดดาล รวมโอสถระดับลอยชายต้นก่อน นี่ก็ปาเข้าไปสี่ต้นแล้ว ไม่ว่าบาดแผลอันใดของเต่าชราล้วนหายได้แน่นอน เต่าชรายังริอ่านข่มเหงเขาอีก!
เขานึกแค้นใจที่ก่อนหน้านี้มิได้เอาชีวิตเต่าชราตัวนี้ มันช่างน่าชิงชังยิ่งนัก!
เสียงดังตึง เต่าชราตบกะโหลกเทียนลู่ด้วยกรงเล็บพลางเอ่ย “เจ้าโหวกเหวกอะไร ทำเอาข้าตกใจหมด! แต่เดิมวิญญาณของข้าก็ได้รับความกระทบกระเทือน ถูกเจ้าโวยวายใส่เช่นนี้ วิญญาณข้าเกือบสลายรู้หรือไม่!”
“เจ้า!”
เทียนลู่ถลึงตาใส่เต่าชราอย่างโกรธเคือง ขบฟันจนแทบแตก เจ้าเต่าชราเดนตายตัวนี้ บังอาจตบหัวเขาเชียวหรือ!
เขาอยากฉีกเต่าชราเป็นชิ้น ๆ นัก!
ทว่าเขาได้แค่คิด มิกล้าทำจริง เขาไม่อยากตาย ยังอยากมีชีวิตอยู่
มีพลังเช่นนั้นอยู่ ซีฆ่าเขาได้ง่าย ๆ
“เอาไป!”
สุดท้าย เขานำทุกอย่างในตัวออกมาหมด ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว
เขารู้ดีว่าหากเต่าชรายังรีดไถเขาไม่หมดตัว ไม่ยอมปล่อยเขาไป
“พวกเจ้าเล่า ไม่ชดเชยสิ่งใดให้หน่อยหรือ แต่ละคนหน้าตาดุดันน่ากลัว แค่ได้เห็นพวกเจ้า ข้าก็ผวาจนแทบทนมิไหว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ!”
เต่าชราบอกกับกลุ่มคนด้านหลังเทียนลู่
“ให้มันไปทั้งหมด!”
เทียนลู่สั่งให้คนอื่นนำของติดตัวออกมาให้หมดด้วย
“พอแล้ว!”
เต่าชราเอ่ยอย่างมีความสุข เหลือท่าทีบาดเจ็บสาหัสที่ไหน
มันบาดเจ็บไม่หนักจริง ๆ ไม่ถึงแก่ชีวิต
พวกเทียนลู่ถึงได้รับอนุญาตให้ไป
“ให้ท่าน!”
เต่าชรามอบสิ่งของที่พวกเทียนลู่นำออกมาให้ซีทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว
“ข้าบอกแล้ว นี่คือค่าชดเชยของเจ้า”
ซีคลี่ยิ้ม มิได้รับของเหล่านั้น หากแต่ให้เต่าชราเก็บไว้
จากนั้น นางก็บำเพ็ญตนอยู่ที่นี่
…
พวกเทียนลู่รีบไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว รวมตัวกับพวกเทียนหมิง
“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอันใดไป!?”
เทียนหมิงรีบเข้าไปประคองเทียนลู่ ท่าทางเป็นห่วงเป็นใย เนื้อตัวเทียนลู่เต็มไปด้วยบาดแผล สภาพอนาถาเป็นที่สุด
ทว่าความเป็นห่วงของเขาเป็นเพียงฉากหน้า ในใจนั้นสบถก่นด่า ไยจึงไม่สังหารพี่ใหญ่ของเขาเสีย!?
พี่ใหญ่ของเขาไม่ตาย เขาก็ไร้วาสนากับตำแหน่งผู้นำตระกูลเทียน
“ไอ้สารเลว ผู้ใดใช้ให้เจ้านำความเหล่านี้ไปบอกพี่ใหญ่!?”
เทียนหมิงต่อว่าอูถง “หากมิใช่เพราะเจ้าที่นำความเหล่านี้ไปบอกพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ไฉนเลยจะอนาถถึงเพียงนี้!”
“เป็นความผิดของข้าน้อย!” อูถงรีบคุกเข่ากับพื้น
แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแสดง เป็นเทียนหมิงที่สั่งให้อูถงนำความไปบอกพี่ใหญ่ของเขา
“น้องห้าอย่าได้ตำหนิเขา เขาไม่เกี่ยว”
เทียนลู่เอ่ย “ผู้ที่ท้าทายอำนาจบารมีตระกูลเทียนของเราเช่นนี้ปล่อยไว้มิได้เด็ดขาด! ครั้งนี้อูถงทำถูกแล้วที่นำความมาบอกข้า!”
เขาเอ่ยต่อด้วยสายตาเย็นชา “ทว่าที่ข้าคิดไม่ถึงคือ นางไม่ธรรมดาถึงเพียงนั้น มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างคอยหนุนหลัง จนหนนี้ข้าต้องเสียเปรียบมหันต์!”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! มิน่า นางถึงไม่มีความเกรงกลัว มั่นใจเต็มร้อย”
เทียนหมิงแสร้งทำเป็นตะลึง
ที่จริงเขาเดาได้นานแล้ว ซ้ำยังอยากยืมมือซีกำจัดเทียนลู่ด้วย สุดท้ายซีกลับมิได้เอาชีวิต
“พี่ใหญ่ จบเพียงเท่านี้เถิด ปล่อยมันไป” เขาบอกกับเทียนลู่
“น้องห้า มิใช่ว่าข้าอยากว่าเจ้า เจ้านี่ใจอ่อนเกินไป มิชอบถือสาหาความผู้อื่น ทว่าเรื่องนี้จะปล่อยไปง่าย ๆ เช่นนี้มิได้!”
เทียนลู่กล่าวด้วยดวงตาทอประกายดุดัน “ข้าไม่มีทางปล่อยนางไป นางจะต้องชดใช้ด้วยเลือด!”
ใช่แล้ว!
แบบนั้นแหละ!
เทียนหมิงหัวเราะในใจ อยากให้เทียนลู่ต่อสู้กับซีนักหนา ยิ่งสู้กันดุเดือดเท่าไหร่ยิ่งดี!
เช่นนี้จักสร้างโอกาสให้เขาอีกมาก!
“นางไม่เอาชีวิต ข้าเอาเอง!”
เขาคิดในใจ เดิมอยากยืมมือซีกำจัดพี่ใหญ่ของเขา หารู้ไม่ ซีมิได้ฆ่าพี่ใหญ่ของเขา
ทว่าไม่เป็นไร เขาก็ยังฆ่าพี่ใหญ่ของเขาได้อยู่ดี!
“เดิมข้าอยากเลิกราเพียงเท่านี้ ดูแล้วนางเป็นเพียงสตรีนางหนึ่ง คงลำบากอยู่ไม่น้อย คิดไม่ถึงเลยว่า นางจะกำแหงเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ดูแคลนตระกูลเทียน ไม่เห็นตระกูลเทียนของเราในสายตา ซ้ำยังทำร้ายพี่ใหญ่จนบาดเจ็บหนัก เรื่องนี้ไม่ควรปล่อยผ่านไปจริง ๆ!”
เขากล่าวต่อพี่ใหญ่ของเขา แสดงตนว่าโมโหที่ซีทำร้ายพี่ใหญ่ของเขามาก
“ผู้อาวุโสเซินออกมาแล้ว ก่อนนี้เพิ่งติดต่อข้ามา ในเมื่อนางรนหาที่ตาย ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นข้าจะช่วยให้นางได้สมปรารถนา!” เทียนหมิงกล่าวต่อ
“ผู้อาวุโสเซินออกมาหรือ” เทียนลู่คิดไม่ถึงนิดหน่อย
“อืม” เทียนหมิงพยักหน้า “ผู้อาวุโสมีธุระจึงออกมา พอดีเลย พวกเราขอให้ผู้อาวุโสเซินช่วยออกหน้าแทนเราได้!”
“ดี! แต่เดิมข้านั้นคิดจะติดต่อทางตระกูล ให้ผู้อาวุโสในตระกูลมาช่วยข้า ในเมื่อผู้อาวุโสเซินออกมาแล้วก็พอดีเลย!”
เทียนลู่เอ่ย “มีผู้อาวุโสเซินออกโรงด้วย สำเร็จได้แน่!”
“พี่ใหญ่ไปพักผ่อนก่อนเถิด เรื่องอื่นให้ข้าจัดการเอง!” เทียนหมิงบอกเทียนลู่
“ได้”
เทียนลู่มิได้คิดมากอันใด เชื่อใจในตัวเทียนหมิงมาก จึงกลับไปพักผ่อน
หลังเทียนลู่ไปแล้ว เทียนหมิงเข้าไปในห้องลับแห่งหนึ่งเพื่อติดต่อผู้อาวุโสเซิน
“ผู้อาวุโสเซิน ออกมาข้างนอกเถิด ข้ามีเรื่องให้ท่านทำ…” เขาบอกต่อผู้อาวุโสเซิน
ผู้อาวุโสเซินเป็นคนของเขา ภักดีต่อเขามาก เขาจงใจหลอกเทียนลู่ว่าผู้อาวุโสเซินออกมาแล้ว แท้จริงแล้วผู้อาวุโสเซินยังมิได้ออกมา นั่นเพราะเขากลัวว่าเทียนลู่จะติดต่อผู้อาวุโสท่านอื่น
เขาต้องการให้ผู้อาวุโสเซินฉวยโอกาสนี้ฆ่าเทียนลู่!
“ไม่มีปัญหา ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” ผู้อาวุโสเซินตอบ
เทียนหมิงจบการติดต่อ ไปหาเทียนลู่แล้วเอ่ยว่าเขาติดต่อผู้อาวุโสเซินไว้แล้ว ผู้อาวุโสพร้อมมาช่วยพวกเขา แต่ยังต้องใช้เวลานิดหน่อย
“ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรผู้อาวุโสเซินก็มีธุระของตนเอง”
เทียนลู่พยักหน้า “ข้ามิได้รีบร้อน”
“ทำร้ายพี่ใหญ่ที่ข้ารักที่สุด นางไม่มีทางมีชีวิตต่อไปได้ ไม่ว่าผู้ใดก็ปกป้องนางมิได้!” เทียนหมิงเอ่ยเสียงเย็น
…
ณ ดินแดนฝอ
หลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟจากดินแดนฮวงมายังดินแดนฝอพร้อมกับพวกลั่วสุ่ย
เขาถอนหายใจแผ่วเบา อารมณ์มิสู้จะดีเท่าใด อาณาจักรนี้มีอยู่สามดินแดนใหญ่ เขาไปมาจนทั่วสองดินแดนแล้ว แต่ยังไม่พบเบาะแสของซี
หากในดินแดนสุดท้ายนี้ยังมิอาจพบตัวนาง โอกาสที่เขาจะได้เจอซีอีกคงน้อยลงมาก ซีอาจไปจากอาณาจักรนี้แล้ว
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้รู้เรื่องราวมาไม่น้อย อาณาจักรนี้มิใช่โลกเพียงหนึ่งเดียว นอกอาณาจักรนี้ ยังมีอาณาจักรอีกมากมาย
อาณาจักรมากมายเช่นนี้ เขาต้องหาจากที่ไหน ต่อให้เขาไปยังอาณาจักรอื่น ๆ ได้ก็หาตัวซีได้ยากมาก ทำเช่นนั้นลำบากกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก!
สุดท้าย เขาส่ายหน้าไปมา ไม่ไปคิดเรื่องนี้อีก
คิดเรื่องนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ รังแต่จะเพิ่มความอัดอั้นตันใจให้ตนเอง
“มีวาสนาไม่ว่าไกลแค่ไหนย่อมพานพบ ไร้วาสนาห่างกันเพียงคืบมิพบหน้า ข้าเชื่อว่าวาสนาระหว่างข้าและซียังไม่สิ้นสุด ต่อให้ไม่พบตัวซีในดินแดนนี้ ภายหน้า ข้าก็ได้พบกับซีอยู่ดี!”
สายตาของเขาเป็นประกายขณะเอ่ยในใจ “ข้าไม่เจอซี ก็รอซีมาพบข้าเอง นางไม่มีทางลืมข้าแน่นอน หลังเสร็จเรื่องที่นางต้องทำ นางจะมาหาข้า! ข้าทำได้เพียงรอต่อไปเรื่อย ๆ!”
เวลามิใช่ปัญหา
แม้ว่าทั้งยาวิเศษ สมุนไพรวิเศษเหล่านั้นมิอาจช่วยให้เขาฝึกตนได้ แต่คิดแล้ว ช่วยยืดอายุขัยเขาได้ไม่เป็นปัญหาแน่ เขาจะรอตลอดไป ไม่มีทางลืมเลือนนางแน่นอน!
พวกเขาทั้งหมดเข้ามาถึงดินแดนฝอ
“ต้าเต๋อ ถึงถิ่นของเจ้าแล้ว เจ้าไม่เลี้ยงคุณชายด้วยอาหารโต๊ะใหญ่หน่อยหรือ”
หลี่จิ่วเต้าหยอกต้าเต๋อ
“ไม่มีปัญหาคุณชาย! ได้เลี้ยงแน่!”
ต้าเต๋อตบหน้าอกรับประกัน
หลี่จิ่วเต้าลูบหัวโล้นน้อย ๆ ของต้าเต๋อพลางเอ่ย “ไม่เป็นไร คุณชายล้อเจ้าเล่น อย่าถือเป็นจริงเป็นจัง ใช่ว่าที่นี่เป็นเหมือนเจ้าหมด หากต้องจัดอาหารโต๊ะใหญ่จริง น่ากลัวว่าถูกล้มโต๊ะแน่”
สาวกพุทธศาสนาเคร่งครัดในข้อปฏิบัติ มีเพียงต้าเต๋อที่แปลกแยก เขามิกล้าจัดเลี้ยงในพุทธศาสนาหรอก เช่นนั้นได้เป็นเรื่องใหญ่แน่
“ไม่เป็นไรจริง ๆ คุณชาย ข้ากินดื่มที่นี่อยู่บ่อย ๆ!”
ต้าเต๋อคลี่ยิ้มพลางเอ่ย “ข้าคือพุทธบุตรแต่กำเนิด ฐานะสูงส่ง อีกอย่าง คุณชายมิใช่สาวกพุทธศาสนา ไม่จำเป็นต้องรักษากฎเกณฑ์อันใด จะกินหรือดื่มก็มิใช่ปัญหา”
“เจ้าเก่งกาจปานนั้นเชียวหรือ”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ คิดแล้วคงใช่ หากต้าเต๋อไม่มีภูมิหลังใหญ่โต คนในพุทธศาสนาไฉนเลยจะใจดีกับต้าเต๋อถึงเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้เลย!
“แน่นอน!”
ต้าเต๋อกล่าว “ถึงถิ่นของข้าแล้ว ขอข้าเป็นเจ้ามือสักครา รับรองทุกท่านเป็นอย่างดี! ไปเดิน พวกเราตรงไปที่เขาญาณ แล้วค่อยเดินชมในแดนฝอกันต่อ”
“ได้”
หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า มุ่งไปยังเขาญาณพร้อมพวกลั่วสุ่ย
ผ่านไประยะหนึ่ง พวกเขามาถึงเขาญาณ
หลี่จิ่วเต้าจ้องมองสิ่งปลูกสร้างโอ่อ่าตระหง่านบนเขาญาณซึ่งมีแสงพุทธะว่ายวนด้วยความสะท้อนใจ
ที่ดาวเคราะห์สีฟ้าก็มีเขาญาณ มีพระอมิตาภะพุทธเจ้า มีพุทธศาสนา จะมีความเกี่ยวข้องกับที่นี่บ้างหรือไม่
‘หรือว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าเคยแสดงอภินิหารที่ดาวเคราะห์สีฟ้า และทิ้งพระธรรมไว้ให้’
เขาคิดเช่นนี้ในใจ รู้สึกว่ามีโอกาสสูง ถึงอย่างไร พระอมิตาภะพุทธเจ้าก็ถือเป็นตัวตนในตำนานของดาวเคราะห์สีฟ้า มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่ สอดคล้องกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่นี่มาก
“อามิตาพุทธ ทุกท่านโปรดหยุดก่อน เขาญาณแห่งนี้มิอาจเข้ามาได้ตามอำเภอใจ ต้องได้รับอนุญาตก่อนเท่านั้น”
เวลานั้นเอง พระภิกษุรูปหนึ่งปรากฏตัว ขวางพวกหลี่จิ่วเต้าไว้ มิให้พวกเขาขึ้นไปบนเขาญาณ
“ว่าอะไรนะ”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของต้าเต๋อเคร่งเครียดลงในบัดดล รู้สึกเสียหน้า
ก่อนนี้เขาเพิ่งบอกคุณชายว่าเป็นพุทธบุตรแต่กำเนิด มีฐานะสูงส่งในพุทธศาสนา บัดนี้กลับถูกหักหน้าเช่นนี้
“นี่หรือพุทธบุตรแต่กำเนิด ฐานะสูงส่ง?”
อ้ายฉานเอ่ยกลั้วหัวเราะ “สูงส่งจนมิมีผู้ใดรู้จักเชียวหรือ”
หลังได้ยินวาจาของอ้ายฉาน ต้าเต๋อยิ่งหน้าเครียดเข้าไปใหญ่
เขารู้ดีว่าเกิดเรื่องกับพุทธศาสนาแล้ว มิฉะนั้น เหตุใดเขาถึงถูกขวางทางอยู่เช่นนี้
เป็นไปไม่ได้เลย!