บทที่ 62 เขาเปลี่ยนไปแล้ว
ตอนนี้สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิงเว๋ยแย่มาก จ้องไปที่หลี่โม่อย่างเกลียดชัง “ยังไม่ไปอีก?”
หลี่โม่หัวเราะเหอะๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หันหลังแล้วกลับเข้าบ้าน กู้ซิงเว๋ยหัวเราะเย็นชาแล้วก็เดินตามไป
ปึง!
ประตูปิดแล้ว
กู้ซิงเว๋ยอยู่หน้าบ้าน จมูกชนเข้ากับประตูจนเลือดออก แล้วจึงตะโกนด่า “หลี่โม่ ไอ้ขยะที่สมควรตาย กล้าทำแบบนี้กับฉัน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
กู้เจี้ยนกั๋วก็เป็นห่วงลูกชาย สอบถามอาการ แล้วก็พูดอย่างโมโห “ไอ้หลี่โม่นี่ ยิ่งอยู่ยิ่งใช้ไม่ได้แล้ว”
“พ่อ พ่อคิดว่าตอนนี้จะทำยังไง?พวกเราต้องก้มหัวเข้าไปขอโทษจริงๆหรอ?”
ในใจกู้ซิงเว๋ยไม่พอใจ ขอโทษคนอย่างกู้หยุนหลัน เขารู้สึกว่าตายซะยังดีกว่า
กู้เจี้ยนกั๋วพยักหน้าแล้วถอนหายใจ “ตอนนี้ยังทำอะไรได้อีก?ไม่อย่างนั้น แม้แต่ประตูบ้านเราก็ผ่านเข้าไปไม่ได้”
เพียงครู่เดียว กู้ซิงเว๋ยเงียบ ในสายตามีความโหดเหี้ยมแฝงอยู่
กู้เจี้ยนกั๋วสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดกริ่ง ตะโกนเรียกออกไปด้วยท่าทางที่ดูจริงใจขึ้น “เจี้ยนหมิน เปิดประตูหน่อย พี่ใหญ่มีเรื่องจะคุยกับนาย”
ไม่นาน หลี่โม่ก็มาเปิดประตูอีกครั้ง แล้วพูดว่า “เข้ามาสิ”
กู้เจี้ยนกั๋วพยายามยิ้ม แต่ในสายตากลับมีความโกรธเกลียดอยู่
แค้นนี้ เขาจะต้องเอาคืนแน่นอน
เมื่อเข้าบ้าน กู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิงเว๋ยก็ตรงไปนั่งที่โซฟา กู้ซิงเว๋ยมองแล้วก็พูดว่า “ทำไม พวกเรามาทั้งที ไม่มีแม้แต่น้ำชางั้นหรอ?”
หวังฟางที่นั่งอยู่ข้างกู้เจี้ยนหมินในตอนนี้หันไปถลึงตาใส่หลี่โม่ “รีบไปเทน้ำชา”
หลี่โม่ตอบรับแล้วก็ไปเทน้ำชามา
กู้เจี้ยนกั๋วก็ไม่รอช้า รีบพูดขึ้น “เจี้ยนหมิน เรื่องเมื่อกี้ คนเป็นพี่ผิดเอง พี่ใหญ่ขอโทษด้วย”
หวังฟางและกู้เจี้ยนหมินต่างก็ใจสั่นนิดหน่อย หลายปีมานี้ เคยเห็นเพียงพี่ใหญ่นั้นดูถูกคน ไม่เคยมีครั้งไหนที่เหมือนกับการมาขอโทษตนในตอนนี้?
กู้ซิงเว๋ยก็ก้มหน้าดื่มน้ำชาเงียบๆ เหมือนนั่งเบาะหนาม รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของบ้านตัวเองไม่เหลือแล้ว
แต่ว่า ต้องขอร้องเขาก็จำเป็นต้องทำอย่างนี้แล้ว
“เหอะๆ พี่ใหญ่ทำอะไรเนี่ย พี่น้องแท้ๆ ไม่พูดเหมือนคนนอก ดูแล้ววิกฤตครั้งนี้ของบริษัทวินเซิงทำให้พี่กดดันไม่น้อยนี่ ไม่อย่างนั้น พี่ก็คงไม่มาก้มหัวขอโทษพวกเราแบบนี้”กู้เจี้ยนหมินพูด
ในใจเขาตอนนี้นั้นสะใจมาก
เห็นมั้ย คนที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสาวตาอย่างกู้เจี้ยนกั๋ว แต่กลับมาก้มหัวขอโทษตน!
เขาแทบจะอยากออกไปประกาศให้เพื่อนบ้านมาดู
กู้เจี้ยนกั๋วหน้าแดงก่ำ เขาจะฟังความหมายแฝงที่น้องรองพูดไม่ออกได้ยังไง แต่เพื่อสัญญาของบริษัทรุงคาง เขาทำได้เพียงหน้าด้านต่อไป “น้องรอง ครั้งนี้ นายต้องช่วยฉันนะ ถ้าบริษัทวินเซิงล้มละลาย ไม่เพียงแค่บ้านฉันเท่านั้น บ้านนาย ตระกูลกู้ทั้งหมดจบเห่แน่!”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดความจริง ถ้าบริษัทวินเซิงล้มละลาย ก็จะกระทบการเงินหลักของบ้านตระกูลกู้
ถึงตอนนั้น บ้านเขาทั้งตระกูล ก็ต้องแบกรับเงินที่ต้องชดเชยจำนวนมาก
หลี่โม่ก็ยืนฟังเงียบๆอยู่ข้างๆ
ดูแล้วคุณปู่จะกดดันกู้เจี้ยนกั๋วไม่น้อย ไม่อย่างนั้น เขาก็คงไม่มาขอร้องคนอื่นอย่างนี้
“ไม่ได้หรอก ทำไมต้องช่วยพวกนาย?ในที่ประชุม พวกนายทำยังกับลูกสาวฉัน แล้วยังยึดตำแหน่งผู้อำนวยการของเธออีก!”หวังฟางนั้นก็โมโห ตอนนี้ใบหน้าเย็นชาแล้วพูดไปจนหมด
“น้องสะใภ้ เรื่องนี้ฉันและกู้ซิงเว๋ยคิดไม่รอบคอบ เธอสบายใจได้ ตำแหน่งของหยุนหลันก็จะยังเป็นของเธอ แต่ว่า ถ้าหากบริษัทวินเซิงล้มละลาย ตำแหน่งผู้อำนวยการก็ไม่มีเช่นกัน เพราะงั้น ก็หวังว่าน้องรองและน้องสะใภ้ จะช่วยกันพูด ก็เหมือนช่วยตัวพวกเธอเองนะ”กู้เจี้ยนกั๋วพูด
หวังฟางหันไปมองกู้เจี้ยนหมิน ในใจคิดว่ากู้เจี้ยนกั๋วก็พูดถูก
ถ้าบริษัทวินเซิงล้มละลาย ก็ไม่เหลือตระกูลกู้เช่นกัน
เพราะงั้น เรื่องนี้พวกเขาก็จำเป็นต้องช่วย
คิดแล้วหวังฟางก็ขมวดคิ้วมองหลี่โม่อย่างไม่พอใจ “หยุนหลันละ?”
“ออกไปท่องเที่ยวกับจินซ่านน่าแล้วครับ”หลี่โม่พูด
“ท่องเที่ยว?ทำไมอยู่ๆก็ไปท่องเที่ยวละ?”หวังฟางขมวดคิ้ว แล้วหันหลังเดินเข้าไปในห้องนอนกู้หยุนหลัน
เข้าห้องไป หวังฟางก็เห็นกู้หยุนหลันที่นอนอ่านหนังสืออยู่ แล้วก็งง “หลี่โม่บอกว่าแกออกไปเที่ยวไม่ใช่หรอ ทำไมยังนอนอยู่ตรงนี้?”
กู้หยุนหลันยิ้มร้ายๆแล้วพูดเสียงเบาว่า “แม่ หนูไม่ได้ไปเที่ยว หลี่โม่เป็นคนบอกให้หนูหลบอยู่ในนี้”
“หลี่โม่?”หวังฟางขมวดคิ้ว แล้วก็เข้าใจเหตุผลของหลี่โม่ แล้วพูด “พวกเธอสองคนตั้งใจวางแผนใส่กู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิงเว๋ยใช่มั้ย?ไอ้ขยะหลี่โม่นั่นก็จริงๆเลย หรือว่าไม่รู้รึไงว่าบริษัทวินเซิงจะล้มละลายแล้ว?ไม่ได้ ฉันจะต้องออกไปสั่งสอนมัน!”
พูดจบหวังฟางก็หันหลังจะออกไป
“แม่ จะทำอะไรเนี่ย?”กู้หยุนหลันรีบลุกขึ้นดึงแขนหวังฟางไว้ “แม่อย่าเอาแต่ด่าเขาว่าขยะได้มั้ย ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเขา คุณลุงกับกู้ซิงเว๋ยจะยอมก้มหัวขอโทษแม่กับพ่ออย่างเมื่อกี้หรอ?”
หวังฟางคิดตามแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
แต่ว่า ความคิดที่คนอย่าหลี่โม่มันคิด จะมีอะไรดี
เธอถลึงตาใส่กู้หยุนหลัน “แกนะแก ถูกมันวางยาเสน่ห์แล้วจริงๆ เรื่องอย่างนี้ยังช่วยมัน ทำได้แค่เพียงเรื่องแค่นี้ ไม่มีความสามารถอะไรดี ถ้าบ้านเราพึ่งมัน ไม่นานก็จบเห่ หยุนหลัน ไม่ใช่ว่าแม่อยากพูดแก แต่แกก็หาคนต่อไปเถอะ แกตั้งใจจะอยู่กับขยะแบบนี้ไปตลอดชีวิตจริงหรอ?แม่ดูแล้วซู๋ไห่เทียนคนนั้นก็โอเคนะ”
“แม่ เอาอีกแล้วนะ หนูไม่หย่ากับเขาแน่นอน เขาเป็นสามีหนู เป็นพ่อของซีซี อีกอย่าง พวกเรามีความรู้สึกให้กัน”หยุนหลันพูด
หวังฟางได้ยินคำนี้ก็โมโห เธอพยายามทุกวันนี้ ก็เพราะจะให้ลูกสาวหย่ากับหลี่โม่ เพื่อเตะไอ้ขยะนั่นออกจากตระกูลกู้
แต่ตอนนี้เห็นกู้หยุนหลันที่ปกป้องหลี่โม่ ในใจเธอก็ไม่พอใจมาก
“กู้หยุนหลัน ฉันขอเตือนแกไว้เลยนะ แกอย่าไปรู้สึกกับมัน ที่พวกแกแต่งงานกันในตอนแรกก็เพราะความผิดพลาดอย่างซีซี!ขยะอย่างมัน ไม่เหมาะที่จะเป็นลูกเขยของฉันด้วยซ้ำ ฉันคิดมานานว่าลูกสาวของฉันอย่างน้อยก็ต้องแต่งกับลูกคนรวยอย่างซู๋ไห่เทียน เข้าใจมั้ย?”หวังฟางพูดอย่างโมโห
กู้หยุนหลันไม่ตอบ เธอรู้สึกกับหลี่โม่ตั้งนานแล้ว ยังไงซะก็นอนห้องเดียวกันมา 4 ปี แล้วยังมีโซ่ทองคล้องใจอย่างซีซี ถึงแม่หลี่โม่จะไร้ประโยชน์มากกว่านี้ ก็เป็นผู้ชายที่ตัวเธอ กู้หยุนหลันเป็นคนเลือกเอง
นิสัยอย่างกู้หยุนหลัน ไม่ยอมแพ้
เธอไม่เชื่อ ว่าผู้ชายที่เธอเลือก จะไม่ดีขนาดนี้
อีกอย่าง ยิ่งช่วงนี้ กู้หยุนหลันก็ยิ่งรู้สึกว่า หลี่โม่เปลี่ยนไป ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว
“แม่ หรือว่าแม่ไม่รู้สึกว่า หลี่โม่เขาเปลี่ยนไปหรอ?”กู้หยุนหลันถาม