บทที่ 777 น่ารำคาญนัก อยากหลับดี ๆ ก็ไม่อาจทำได้!
พระอมิตาภะพุทธเจ้าที่กลับมา แตกต่างจากเมื่อครั้งอดีตจริง ๆ เขามีท่าทางสง่างามน่าเกรงขาม ดูศักดิ์สิทธิ์เหนือชั้น ทว่าดวงตากลับเต็มไปด้วยความเฉยเมยต่อโลกหล้า ไร้ซึ่งความเมตตากรุณา
“อามิตาพุทธ!”
เขายังคงสวดมนต์ต่อ ยิ่งผ่านไปเสียงยิ่งแผ่วงกว้างออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้านหลังของเขาปรากฏทิวทัศน์เป็นพุทธภูมิอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ทั่วทั้งอาณาจักรพลันมีสิ่งมีชีวิตแปรเปลี่ยนเป็นผู้ศรัทธามากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งมีชีวิตจำนวนมากบนท้องถนนประสานมือเข้าหากัน ปากท่องบทสวดออกมา จากนั้นก็มุ่งหน้ามาทางเขาหลิงซาน
อีกทั้งยังไม่หยุดอยู่เพียงอาณาจักรแห่งนี้เท่านั้น เสียงสวดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าแผ่จากอาณาจักรแห่งนี้ไปยังอาณาจักรต่าง ๆ มากมาย ผู้ใดก็ตามที่ได้ยินเสียงสวด ต่างก็เริ่มศรัทธาอย่างแรงกล้าขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีข้อยกเว้น จากนั้นก็พากันสวดมนต์
กระทั่งแดนเซียน หรือภายในภพเซียนก็เช่นกัน พระอมิตาภะพุทธเจ้าในยามนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวเกินไป เสียงพุทธะดังกึกก้องไปทั่วทั้งจักรวาลหมื่นโกลาหลอย่างแท้จริง
“อามิตาพุทธ!”
“อามิตาพุทธ!”
เสียงดังขึ้นมาจากทุกอาณาจักร ผู้ใดได้ฟังเสียงพุทธะ แม้จะเป็นเทียนตี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ต่างเกิดจิตศรัทธา ต้องการจะเข้าร่วมพระพุทธศาสนา
เรื่องน่ากลัวที่สุดคือการที่สิ่งมีชีวิตภายในนครพิศวงเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หลังจากฟังเสียงพุทธะแล้ว กระทั่งพลังพิศวงในร่างของพวกมันก็ล้วนไม่สามารถต้านทานได้ พากันประนมมือนั่งคุกเข่าลง กู่ร้องคำว่า ‘อามิตาพุทธ’ ออกมา
“อามิตาพุทธ พระพุทธองค์ทรงเปี่ยมเมตตา!”
ภายในนครพิศวง เจ้าหลวงเองก็สวดมนต์ออกมาด้วยสีหน้าเคารพเลื่อมใส
“ตื่น!”
บรรพจารย์เหยียนที่อยู่ด้านข้างตะโกนออกมาเสียงดัง พลังพิศวงแผ่ออกจากตัวเขาปลุกเจ้าหลวงให้ตื่นขึ้น
“ท่านพ่อบุญธรรมเกิดอันใดขึ้นหรือ!?”
ใบหน้าของเจ้าหลวงเต็มไปด้วยความตกตะลึง เหงื่อเย็นเยียบไหลออกมาทั่วร่างจนขนพิศวงยาว ๆ นั่นเปียกชุ่ม
ทันทีที่ได้ยินเสียงพุทธะ มันก็สูญสิ้นสติ นี่นับว่าน่าหวาดกลัวเกินไปเล้ว!
“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน…”
บรรพจารย์เหยียนทอดมองไปยังสถานที่ห่างออกไปไกลลิบด้วยสีหน้าจริงจังอย่างถึงที่สุด ยังดีที่มันเพิ่งฟื้นคืนพลังกลับมาไม่น้อย ทั้งยังได้สมบัติพิศวงจำนวนมากมาเสริมความแข็งแกร่งของพลังพิศวงได้ อีกทั้งเสียงพุทธะยังอยู่ห่างไกลออกไป ทำให้พลังลดทอนลงมา มันจึงสามารถปลุกเจ้าหลวงขึ้นมาได้
หากอยู่ใกล้แหล่งกำเนิดเสียงพุทธะมากกว่านี้ แม้กระทั่งตัวมันเองก็จะต้องสูญเสียสติไปทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่อาจหลบเลี่ยงได้เช่นนี้
…
ณ แดนบรรพโกลาหล
กระทั่งสถานที่แห่งนี้ก็ยังไม่รอดพ้น เสียงพุทธะอันล้ำลึกจนไม่อาจหยั่งถึงแผ่เข้าไปด้านใน หลังจากที่สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลหลาหลได้ยินแล้ว ก็พากันประนมมือท่องบทสวดออกมา แสดงท่าทางศรัทธาอย่างแรงกล้า
“นั่นคือเสียงอันใดกัน!?”
จ้าวแห่งตงชิวและคนอื่น ๆ ตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึงเป็นอย่างยิ่ง นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว ทันทีที่เสียงพุทธะแผ่กระจาย สิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลจำนวนไม่ถ้วนก็พากันสูญเสียตัวตน พากันเอ่ย ‘อามิตาพุทธ’
‘อามิตาพุทธ’ ผู้นี้เป็นใครกันแน่!?
พวกเขายังดีที่พอจะต้านทานได้ แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล ไม่สามารถฝืนอยู่ได้นาน
…
ณ แดนหยิน
“อามิตาพุทธ!”
จักรพรรดินีเองก็ได้ยินเสียงพุทธะเช่นเดียวกัน เพียงพริบตาเดียวสติของนางก็เริ่มเลือนหาย จักรพรรดินีตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่ง รีบนำอักษรที่คุณชายเคยให้ออกมา พลันปรากฏแสงสว่างปิดกั้นเสียงพุทธะเอาไว้ ทำให้จักรพรรดินีฟื้นกลับมาอยู่ในสภาพปกติ
“นั่นคือผู้ใดกัน!?”
จักรพรรดินีมองไปทางพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่ปรากฏออกมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล
แม้นางจะไม่เป็นอันใด แต่ก็เห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่พากันไปชุมนุมกันเบื้องหน้าพระอมิตาภะพุทธเจ้าด้วยความศรัทธา
“น่าชิงชังนัก!”
หยวนอีขบฟันแน่น ใช้พลังทั้งหมดถ่ายเทไปยังสี่กระบี่ประหารเซียน พร้อมกับพลังจากอักษรของจักรพรรดินี เพื่อช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตให้ได้มากที่สุด แต่ทว่าพวกนางก็สามารถช่วยเหลือได้อย่างจำกัด ไม่มีทางช่วยเหลือทั้งหมดเอาไว้ได้
…
“เขาคิดจะทำสิ่งใด!?”
“ทรงพลังถึงเพียงนี้เชียว!?”
เมิ่งจี ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน และสือเฟิงกำลังอยู่ด้วยกัน ขณะที่เสียงพุทธดังขึ้น สมบัติบนร่างกายพวกเขาส่องแสง ปิดกั้นเสียงพุทธะทั้งหมดเอาไว้
พวกเขาต่างลงมือช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียงอย่างไม่ลังเล แต่จำนวนสิ่งที่มีชีวิตก็มากเกินกว่าที่พวกเขาจะช่วยเหลือ ทำได้แต่เฝ้ามองสิ่งมีชีวิตที่เหลือพุ่งไปตามทิศทางเสียงของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
…
ณ เมืองชิงซาน
เสียงพุทธะเองก็แผ่มาถึงที่แห่งนี้ด้วย
“รนหาที่ตาย!”
ต้นหลิวตวาด กิ่งหลิวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งสยายกลายเป็นเกราะกำบังทั่วทั้งเมืองชิงซาน ไม่ปล่อยให้เสียงพุทธะหลุดเข้าไปภายในเมืองชิงซานแม้แต่น้อย
แม้ว่ามันกำลังฝึกฝนอยู่ในเทวโลก ทว่าก็ยังทิ้งจิตสำนึกส่วนหนึ่งเอาไว้ที่นี่ ทันทีที่ได้ยินเสียงพุทธะก็รีบตรงกลับมาโดยพลัน
“พี่หลิว!”
“เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นไม่ได้มีเจตนาดี พวกเราควรจัดการเขาหรือไม่!?”
เหล่าสมบัติพุ่งเข้ามา จากนั้นก็จับจ้องไปทางร่างของพระอมิตาภะพุทธเจ้าด้วยจิตสังหาร
เมื่อเสียงพุทธดังขึ้น สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็สูญสิ้นตัวตนทันที นี่จะนับว่าเป็นคนดีได้อย่างไร นับว่าเป็นภัยอันตรายมากเกินไป
“ไม่ต้องกังวล พวกคุณชายอยู่ที่นั่นแล้ว”
ต้นหลิวมองพระอมิตาภะพุทธเจ้าแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นชา “ถึงกับเล่นลูกไม้ตรงสถานที่ที่คุณชายอยู่ เขาคิดว่าชีวิตของตนเองยืนยาวไปอย่างนั้นหรือ!?”
…
มัจฉาสัตมายาและชางเหยากำลังเดินเล่นเที่ยวชมไปรอบ ๆ ทว่าเมื่อเสียงพุทธะดังขึ้น มัจฉาสัตมายาก็สูญสิ้นสติไปในทันที เริ่มเอ่ยสวดมนต์ออกมา
“ตื่น!”
ชางเหยารีบเรียกม้วนอักษรที่คุณชายเขียนให้นางออกมาอย่างรวดเร็ว อักษร ‘สมดั่งปรารถนา’ เปล่งประกายเจิดจ้า ปกป้องนางและมัจฉาสัตมายาเอาไว้ ทำให้มัจฉาสัตมายาได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
ทว่าตอนที่เขาได้สติกลับคืนมา ก็พลันเห็นฝ่ามือชางเหยาที่พุ่งเข้ามาทันที
เขายังไม่ทันได้ตอบสนอง ชางเหยาก็ตบหน้าเขาเข้าอย่างแรงเสียแล้ว
เสียงเพียะดังขึ้น เขาแทบจะปลิวกระเด็นออกไป ใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมเปล่ง
“เจ้าทำสิ่งใด!”
มัจฉาสัตมายาตะโกนด้วยความโกรธ
“ข้าคิดว่าท่านสิ้นสติไปแล้ว จึงคิดจะปลุกท่านให้ตื่น!”
ชางเหยาเอ่ยออกมาด้วยท่าทางราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม
“เจ้าแสร้งทำเป็นไม่รู้กับข้าอย่างนั้นหรือ! คิดว่าข้ายังไม่รู้จักเจ้าดีอย่างนั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะข้าเพิ่งทะเลาะกับเจ้าเมื่อสักครู่ เจ้าจึงตั้งใจตบข้า!”
มัจฉาสัตมายาจับจ้องชางเหยาด้วยความโกรธ “อักษรของคุณชายก็ทำงานแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่ฟื้นสติกลับมาได้อย่างไร!”
“เจ้าก็ยังรู้ตัวนี่ว่าทะเลาะกับข้าอยู่!”
ชางเหยาเก็บสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรมกลับไป ก่อนจะจิกลงแขนของมัจฉาสัตมายาอย่างแรง
“อ๊าก! เจ็บ! เจ็บ! เจ็บ! หลังจากนี้ข้าจะไม่ทะเลาะกับเจ้าอีกแล้ว!”
มัจฉาสัตมายาเอ่ยทั้งน้ำตา
ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ก่อนหน้าที่พวกเขาจะยืนยันความสัมพันธ์กัน ชางเหยาน่ารักอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง ทว่าตอนนี้เล่า? ดุยิ่งนัก ดุเสียยิ่งกว่าแม่เสือ!
เฮ้อ ข้าช่างน่าเวทนายิ่งนัก! เห็นได้ชัดว่าอยู่กับคุณชายมาตั้งนานแล้ว แต่คุณชายกลับไม่ได้ให้สมบัติใดกับข้าเลย! ส่วนชางเหยากลับได้รับม้วนอักษรของคุณชายตั้งแต่แรกที่พบ ทั้งยังเป็นอักษร ‘สมดั่งปรารถนา’ แม้เขาคิดสู้ก็ไม่อาจสู้ได้!
มัจฉาสัตมายาคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดในใจ รำพึงว่าเมื่อใดกันที่คุณชายจะมอบสมบัติให้เขาบ้าง ทำให้เขาสามารถสยบชางเหยา ฟื้นฟูเกียรติของตนเองกลับมาบ้าง!
…
บนท้องฟ้าเหนือเขาหลิงซาน แดนฝอ
พระอมิตาภะพุทธเจ้าพึงพอใจอย่างมากเมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่มุ่งเข้ามา
“ข้าตื่นขึ้นมาช้าเกินไปแล้ว ไม่เช่นนั้นตอนนี้ทั้งจักรวาลโกลาหลคงจะกลายเป็นพุทธภูมิไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนบรรพโกลาหลจะกลายเป็นสาวกของข้า”
เขาเอ่ยขึ้นภายในใจ เขาไม่ใช่พระอามิตาพระพุทธเจ้าคนก่อนหน้าอย่างแท้จริง
ในตอนแรกเขาไม่เข้าใจและก็ไม่ได้ตระหนักธรรม ทว่าหลังจากนั้นอยู่ ๆ ก็สามารถตื่นรู้ขึ้นมาได้ พร้อมทั้งมีนาม ‘พระอมิตาภะพุทธเจ้า’ ปรากฏขึ้นมาในใจ
เขาไม่ได้ตระหนักรู้ด้วยตนเอง แต่เป็นพระอมิตภะพุทธเจ้าที่ส่งต่อมาให้เขา
ความจริงแล้ว เขาเป็นความคิดหนึ่งของพระอมิตภาะพุทธเจ้าที่เข้ามายังจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ และพระอมิตาภะพุทธก็ไม่ได้มีเพียงความคิดเดียว ยังมีความคิดอีกมากมายในจักรวาลโกลาหลอื่น ๆ
เพียงแต่ว่า ดูเหมือนจะมีบางสิ่งผิดปกติกับความคิดในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ เมื่อเข้ามาถึงจักรวาลโกลาหลเขาก็ตกอยู่ในสภาพหลับลึกโดยทันทีจนกระทั่งถึงตอนนี้
“มีเพียงแค่ข้าที่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน หรือว่าความคิดอื่น ๆ ก็เกิดเรื่องเช่นเดียวกัน?”
เขารำพึงกับตนเอง ไม่แน่ใจว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เขาเป็นเพียงแค่ความคิดหนึ่งที่แยกออกมาเพื่อเผยแพร่ธรรมให้หยั่งรากลึกไปทั่วจักรวาลโกลาหลแห่งนี้ สำหรับความคิดอื่น ๆ เขาล้วนแยกจากไม่เข้าใจสถานการณ์ซึ่งกันและกัน
“คนที่ข้าเลือกไว้ก็ไม่เลว มีความเข้าใจธรรมะของข้าเป็นอย่างดี นับเป็นต้นกล้าที่ดีต้นหนึ่ง ในอนาคตสามารถกลายเป็นผู้นำของพระพุทธศาสนาได้”
เขาเอ่ยต่อ
“เพียงแต่น่าเสียดายยิ่งหนัก ข้าหลับลึกมานานเกินไป ทำให้เริ่มต้นได้ช้าเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างล้วนไม่สามารถดำเนินการไปทีละขั้นตอนได้…”
เขาหรี่ตาลง “แม้ว่านี่จะไม่ใช่หนทางการเผยแพร่ธรรมที่ถูกต้องมากนัก แต่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนจำเป็นต้องเร่งรีบ ข้าทำได้แต่เพียงให้พวกเขาเข้าพระพุทธศาสนาโดยหนทางนี้ไปก่อน ตอนนี้ไม่มีเวลามาเผยแพร่ธรรมะอย่างค่อยเป็ยค่อยไป”
เห็นได้อย่างชัดเจน ตัวเขาเองก็รู้ว่าวิธีนี้ไม่ถูกต้อง ขัดกับแก่นแท้ของพุทธศาสนา ทว่าเขาก็ไม่สนใจ บางทีแล้วความคิดนี้ของพระอมิตาภะพุทธเจ้าอาจมีปัญหาจริง ๆ
“มา มาเร็วเข้า มารวมตัวกันที่ข้า ฟังธรรมของข้าแล้วกลับตัวกลับใจมาศรัทธาในพุทธศาสนาเสีย!”
เขาหรี่ตาลง ในแววตาฉายให้เห็นถึงความละโมบโลภมาก เช่นนี้แล้วจะไม่มีปัญหาได้อย่างไร นี่เป็นหนึ่งความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้าอันเป็นตัวตนสูงส่ง จะมีความโลภฉายชัดถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
“หือ!?”
ทว่าสีหน้าของเขาก็ต้องแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร้ว
ทั่วทั้งอาณาจักร รวมกระทั่งอาณาจักรอื่น ๆ ล้วนเต็มไปด้วยเสียงสวดของเขา ทว่าตรงจุดที่เขาอยู่อย่างเขาหลิงซาน กลับไม่ได้ยินเสียงสวดแม้แต่คำเดียว!
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!?
ไม่ควร เรื่องนี้ไม่สมควรเกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง!
สิ่งที่เขาทำหลังตื่นจากการหลับลึกคือ การกลับไปยังเขาหลิงซานเพื่อสวดมนต์ เขาต้องการจะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นที่มั่นหลักภายในจักรวาลโกลาหลแห่งนี้
สิ่งมีชีวิตที่นี่ล้วนจำนนต่อเขานานแล้ว
หากเป็นไปตามสถานการณ์ปกติ เมื่อเขาเริ่มสวดมนต์ออกมา สิ่งมีชีวิตในเขาหลิงซานควรเป็นพวกแรกที่ตอบสนอง อีกทั้งเสียงพุทธก็ควรจะเริ่มต้นจากที่นี่ด้วย!
ทว่าจนกระทั่งถึงตอนนี้ สิ่งมีชีวิตทั่วทั้งหมื่นอาณาจักรต่างตอบสนอง แต่เขาหลิงซานกลับไม่ตอบสนองแต่อย่างใด นี่จะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
“ยามที่ข้าไม่อยู่ ที่มั่นหลักถูกคนยึดไปอย่างนั้นหรือ?”
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
“นี่น่าสนใจอยู่บ้าง…”
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏที่มุมปากของเขา เขาต้องการจะรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ก็ล้วนต้องยอมจำนนต่อข้า!”
เขาท่องบทสวดออกมาอีกครั้งด้วยสีหน้าเย็นชา คราวนี้เขามุ่งเป้าไปที่เขาหลิงซานเป็นหลัก!
แสงพุทธะขนาดใหญ่โตสาดทอลงมายังร่างความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้า กระทั่งสิ่งมีชีวิตในเทวโลกก็แทบไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงจักรวาลโกลาหลเล็ก ๆ ที่อยู่เบื้องนอกเทวโลกเลย
“น่ารำคาญนัก อยากหลับดี ๆ ก็ไม่อาจทำได้…”
ภายในตำหนักบนเขาหลิงซาน หลี่จิ่วเต้ายืดตัวด้วยความเหนื่อยล้า
เขาต้องการจะหลับดี ๆ ก็ไม่อาจทำได้ ด้านนอกเสียงเอะอะมากเกินไป