บทที่ 781 โลงกระดูกจุติ พิธีบรรพชาอีกแบบ!
สีหน้าของซีเย็นชา มิได้สนใจเทียนหมิง นางไม่มีทางยอมร่วมมือกับเทียนหมิง และยิ่งไม่มีทางปล่อยเทียนหมิงไปง่าย ๆ
นางก้าวไปหาเทียนลู่ มือหนึ่งยื่นไปจับทวนยาวที่ตรึงเทียนลู่ ทวนยาวเล่มนั้นเปล่งแสงเจิดจ้า คลื่นพลังน่ากลัวไหลเวียนคล้ายว่าต้องการจู่โจมซี
ตู้ม!
เสียงอสนีบาตดั่งสนั่นหวั่นไหวอยู่บนนภาอีกครั้ง พลังที่หลั่งไหลออกจากทวนยาวพลันหดกลับไปทั้งหมด ราวกับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
มือข้างหนึ่งของซีวางลงบนทวนยาว ก่อนจะดึงออกมาโดยไม่เปลืองแรง
เมื่อเต่าชราได้เห็นภาพนี้ก็นึกขัน มันเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ทวนยาวเล่มนี้รู้จักกลัวด้วยหรือ จริงของมัน ไม่กลัวอย่างไรไหว หากบังอาจโจมตีออกมาจริง ๆ มันจะต้องตกที่นั่งเดียวกับระฆังใหญ่ แตกเป็นเสี่ยง ๆ ในบัดดล”
ซีโยนทวนยาวไปไว้ด้านหนึ่ง หันมองเทียนลู่พลางกล่าว “ข้าไม่ฆ่าเจ้า และไม่คิดเป็นศัตรูกับตระกูลเทียนของเจ้า เจ้าเข้าใจหรือไม่”
นี่คือเหตุผลที่นางช่วยเทียนลู่ไว้
ด้านหนึ่ง เพราะนางไม่ชอบเทียนหมิง ไม่อยากให้เทียนหมิงผู้โหดเหี้ยมอำมหิตสังหารพี่ชายสำเร็จ
อีกด้าน นางอยากลำบากเพียงครั้งเดียว ไม่ต้องการให้คนตระกูลเทียนมาก่อกวนนางอยู่เป็นนิตย์
“ข้าเข้าใจ!”
เทียนลู่พยักหน้าหงึกหงัก “ข้าขออภัยกับการกระทำของข้าก่อนหน้านี้ด้วย และข้าขอรับรอง จากนี้ไป มิมีตระกูลเทียนคนใดมาหาเรื่องเจ้าอีก!”
“ดี”
ซีและเต่าชรากลับเข้าไปในลานเต๋า ไม่สนใจเรื่องราวหลังจากนี้
เทียนหมิงและผู้อาวุโสเซินต่างบาดเจ็บสาหัส สูญเสียกำลังต่อสู้ ต่อจากนี้ ให้เป็นหน้าที่ของเทียนลู่ก็พอ เทียนลู่ย่อมไม่ปล่อยพวกเทียนหมิงไปง่าย ๆ แน่
ตามคาด เทียนลู่ระเบิดกายเนื้อเทียนหมิง เก็บวิญญาณเทียนหมิงและผู้อาวุโสเซินไป หมายจะพากลับไปรับโทษที่ตระกูล
เทียนหมิงและผู้อาวุโสเซินกระทำการอุกฉกรรจ์เช่นนี้ จุดจบที่รอคอยพวกเขาอยู่ย่อมมิสู้ดี ต่อให้พวกเขาไม่ตาย อนาคตก็คงต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยความเจ็บปวด
…
กาลเวลาเวียนผ่าน ผลัดเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็ล่วงเลยไปแล้วปีกว่า
พวกหลี่จิ่วเต้าไปจนทั่วดินแดนฝอแล้ว บัดนี้กำลังเตรียมตัวกลับ
เขาผิดหวังในใจมาก แม้จะเตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว แต่สุดท้ายแล้วก็ยังอดสลดมิได้ เขาไม่พบซี
เขาไปมาแล้วทุกระเบียดนิ้วของอาณาจักรนี้ ไม่ตกหล่นแม้แต่ที่เดียว กระนั้นยังไม่พบตัวซี เป็นเช่นที่เขาคิดไว้ก่อนหน้า ซีอาจไปจากอาณาจักรนี้ รุดหน้าไปยังอาณาจักรอื่น ๆ ข้างนอกนั่นแล้ว
“ซีต้องกลับมาหาข้า”
ดวงตาของเขาเปล่งประกาย มีความเชื่อมั่นเด็ดเดี่ยว เขาลืมซีไม่ได้ ซีย่อมลืมเขาไม่ได้เช่นกัน
และในหนึ่งปีมานี้ พวกลั่วสุ่ยต่างพัฒนาขึ้นอีกหลายขุม ขอบเขตพลังเกินกว่าตัวตนในอดีตจะเทียบได้
ลั่วสุ่ยกลายเป็นบรรพจารย์เต๋าโกลาหล หลิงอินก็มาถึงขอบเขตโกลาหลขั้นเก้าตอนปลาย และก้าวเข้าไปถึงขอบเขตบรรพจารย์เต๋าโกลาหลได้ครึ่งก้าว กลายเป็นว่าที่บรรพจารย์เต๋าโกลาหลแล้ว
เซี่ยเหยียนเองก็บรรลุสู่ขอบเขตโกลาหลขั้นเก้าแล้ว
ส่วนสุนัขดำอยู่ที่ขอบเขตลอยชายขั้นสอง
ส่วนพวกต้าเต๋ออยู่ที่ราว ๆ ขอบเขตโกลาหลขั้นสาม เสี่ยวหยาและพี่ชายของนางก็ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลแล้วเช่นกัน
อันหลานเสวี่ยในเวลานี้เป็นจักรพรรดิเซียนตนหนึ่ง ฉินหวานเฟิงก็ได้เป็นจ้าวแห่งเซียนแล้ว
สัตว์อสูรทั้งเก้าผู้ลากรถก็พลิกผันจากอดีตไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นอสูรจักรพรรดิเซียน
กิเลนไฟที่หลี่จิ่วเต้าขี่อยู่บ่อย ๆ ก็บรรลุขอบเขตโกลาหลขั้นเก้าแล้ว
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวเย็นชาบรรลุขั้นยอดเซียนกันแล้วทั้งคู่
“คุณชายกินข้ามานานขนาดนี้ ช่วยยกระดับขอบเขตของข้าบ้างได้หรือไม่!”
ปลาหมึกอิจฉาเป็นที่สุด นึกไปว่าเมื่อใดมันจะได้เป็นเฉกเช่นพวกลั่วสุ่ย ได้บรรลุขอบเขตบ้าง
ระหว่างทางกลับ ก้อนหินตื่นเต้นเป็นพิเศษ มันติดต่อหินห้าสีและยอดศาสตราอื่น ๆ ไว้แล้ว อีกทั้งสุนัขดำ กิเลนไฟที่พร้อมช่วยเขาต่อกรกับต้นหลิว ให้มันได้เป็นพี่ใหญ่!
มันไม่เคยลืมเลือนเรื่องนี้ คิดอยากกำราบต้นหลิวอยู่ตลอด แม้ว่าต้นหลิวนั้นแข็งแกร่งกว่ามันมาก ทว่านั่นก็เป็นอดีตไปแล้ว
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มันแข็งแกร่งขึ้นมหาศาล หากมันในตอนนี้ได้ไปยังป่าหมอกทึบ มันสามารถเอาชนะสิ่งมีชีวิตทุกตนที่นั่น
มันมั่นใจว่าเป็นพี่ใหญ่ได้!
อีกอย่าง ระยะนี้ มันกระชับมิตรกับหินห้าสี และยอดศาสตราชิ้นอื่นเรื่อยมา หินห้าสีและยอดศาสตราชิ้นอื่นต่างแสดงเจตจำนงว่าพร้อมช่วยเหลือมันอย่างถึงที่สุด ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้มันเข้าไปใหญ่
ลั่วสุ่ยเห็นการกระทำของก้อนหินที่ดึงหินห้าสีและยอดศาสตราอื่น ๆ สุนัขดำ กิเลนไฟเข้าเป็นพวก นางอยากจะหัวเราะยิ่งนัก
หินห้าสีและยอดศาสตราอื่น ๆ สุนัขดำ กิเลนไฟถูกผลักเข้ากองไฟชัด ๆ!
แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา นางเห็นว่าก้อนหินแข็งแกร่งขึ้นแล้วหลายเท่า แต่ในใจของนาง ต้นหลิวคือผู้ใต้บัญชาคุณชายที่แข็งแกร่งที่สุด!
ตามหลักแล้ว ต้นหลิวมิได้อยู่ข้างกายคุณชาย คงไม่แข็งแกร่งไปกว่าก้อนหิน แต่นางกลับรู้สึกว่าก้อนหินมิอาจสู้ต้นหลิว
นี่คงเพราะท่าทางไร้เทียมทานที่ต้นหลิวแสดงให้เห็นอยู่ตลอดกระมัง!
“วางใจเถิด ถึงครานั้นข้าจะออกลุยคนแรก เปิดฉากการต่อสู้ให้!”
สุนัขดำเอ่ย
“ได้!”
ก้อนหินคลี่ยิ้มกว้าง “ขอบคุณสหายที่ช่วย!”
“ระหว่างเราไม่ต้องเกรงใจกันปานนั้น!”
สุนัขดำหมอบอยู่ข้างกายก้อนหิน ช่วงที่ผ่านมามันสนิทกับก้อนหินจนไม่อาจสนิทไปกว่านี้ได้แล้ว
…
ภายในจักรวาลโกลาหลอึมครึมเยียบเย็นแห่งหนึ่ง
ผืนดินสีเทาผืนหนึ่งลอยอยู่เงียบเชียบ โลหิตผุดออกมาไม่หยุดหย่อน สสารพิศวงลางร้ายมีให้เห็นอยู่ทั่วไป เข้มข้นจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ที่นี่คือแดนกำเนิดความพิศวงลางร้ายที่แท้จริง มิใช่กองกำลังย่อย
ตอนนี้ ต้นบรรพจารย์ทุกตนที่นี่ทยอยตื่นขึ้นกันหมด พวกมันต่างมีร่างกายมหึมา ขนยาวพิศวงปกคลุมเต็มกาย ชุมนุมกันในสถานที่หนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
วันนี้เป็นช่วงเวลาที่พวกมันต้องเข้า ‘พิธีบรรพชา’!
พวกมันต้องเข้า ‘พิธีบรรพชา’ เป็นระยะ ความแข็งแกร่งของพวกมันล้วนเกี่ยวข้องกับ ‘พิธีบรรพชา’ นี้
เริ่มแรก พวกมันนั้นไร้น้ำยา มิได้แข็งแกร่งเลยสักนิด จนกระทั่งได้เข้า ‘พิธีบรรพชา’ พวกมันถึงสยดสยองน่าครั่นคร้าม กลายเป็นฝันร้ายของสิ่งมีชีวิตในจักรวาลโกลาหลทั้งปวง
พวกมันไม่รู้ว่า ‘พิธีบรรพชา’ นี้คือสิ่งใดกันแน่ รู้เพียง ‘พิธีบรรพชา’ นี้เป็นพลังที่รั่วไหลออกจากเทวโลก
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เวลานั้นเอง เสียงระเบิดน่ากลัวดังขึ้น ห้วงมิติบิดเบี้ยว สสารไร้รูปร่างลุกโชนอยู่ในที่แห่งนี้ นภาฉีกออกเป็นรอยใหญ่ คล้ายว่ามีบางอย่างกำลังจะตกลงมา
ต้นบรรพจารย์พิศวงทั้งหลายต่างมีสีหน้าคร่ำเครียดระคนเต็มตื้น ทุกครั้งหลังผ่าน ‘พิธีบรรพชา’ พวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างกลับตาลปัตร ขอบเขตพลังทวีคูณเป็นเท่าตัว!
ฟึ่บ!
ลำแสงพิศวงสาดส่องลงมา พลังขวัญผวาบางอย่างไหลเวียน บรรดาต้นบรรพจารย์พิศวงเตรียมก้าวเข้าไปรับการบรรพชา กลับพบว่าลำแสงนี้ดูมิใช่ลำแสงที่ใช้ในพิธีบรรพชา แต่เหมือนว่ากำลังก่อสร้างบางอย่าง
พวกมันถอยหลังอย่างเด็ดขาด มิกล้าเข้าใกล้
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ลำแสงพิศวงสาดส่องลงมาไวขึ้นเรื่อย ๆ มันกำลังก่อสร้างบางอย่างอยู่จริง ๆ ไม่นานนักก็เป็นโครงให้เห็น
นั่นคือโลงศพโลงหนึ่ง แดงฉานไร้ใดเปรียบ ดูหนักเป็นอย่างมาก มีพลังสยดสยองไหลเวียนอยู่ทั่ว จนต้นบรรพจารย์ทั้งหลายอกสั่นขวัญแขวน หวาดกลัวเป็นที่สุด!
สุดท้าย โลงศพนี้เป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์ ลอยอยู่กลางอากาศท่ามกลางความเงียบงัน เหล่าต้นบรรพจารย์ได้เห็นรูปลักษณ์ของโลงศพนี้เต็ม ๆ
นี่คือโลงกระดูก เป็นโลงศพที่ก่อร่างด้วยกระดูกมากมาย ที่มันมีสีแดงฉานไร้ใดเปรียบปานนั้นก็เพราะกระดูกเหล่านั้นมีโลหิตหลั่งไหลไม่ขาดสาย
“นี่มันอะไรกัน!?”
เหล่าต้นบรรพจารย์โกลาหลขวัญผวา แม้แต่กระดูกมือท่อนเล็กบนโลงนั้นยังสร้างภัยคุกคามต่อพวกมันได้อย่างมหาศาล
พวกมันไม่นึกกังขาเลยว่า ลำพังกระดูกมือท่อนนั้นก็เพียงพอจะสังหารพวกมันจนเกลี้ยงได้แล้ว!
ระหว่างพิธีบรรพชากลับมีโลงศพปรากฏ นี่เป็นเรื่องที่มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน ในอดีต จะต้องมีลำแสงสีดำสาดส่องลงมา แล้วพวกเขาจะเข้าอาบลำแสงสีดำนั้นเป็นอันว่าผ่านพิธีบรรพชา
ในโลงนั้นมีสิ่งใดอยู่!?
คงมิใช่จ้าวแห่งพลังมืดมิดกระมัง!
พวกมันคิดในใจอย่างอดมิได้
เวลานั้น ภาพพิศวงปรากฏ โลหิตที่ไหลรินลงจากโลงกระดูกลอยมาหาพวกมัน
เร็วเกินไป แม้นแข็งแกร่งเช่นพวกมันก็มิอาจตอบสนองได้ทัน โลหิตเหล่านั้นหยดลงบนตัวพวกมันทันที
โฮก! โฮก! โฮก!
พวกมันส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด รู้สึกเหมือนตกลงไปในทะเลเพลิง โลหิตที่หยดลงบนตัวพวกมันกำลังแผดเผาร่างกายของพวกมันอยู่
และร่างกายของพวกมันก็เปลี่ยนแปลงไปภายใต้การแผดเผานี้ บ้างมีหัวกะโหลกงอกเงย บ้างมีหนามกระดูกงอกเต็มกาย บ้างมีกระดูกหางออกมาถึงสิบแปดหาง!
พวกมันกลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้คำนิยาม!
ทว่าความเจ็บปวดนี้มิได้ดำเนินต่อไปได้นาน ในไม่ช้าพวกมันก็รู้สึกเปรมปรีดิ์อย่างที่สุด ถูกความสบายชื่นมื่นห่อหุ้มเอาไว้
ขณะเดียวกัน พลังแต่ละด้านของพวกมันก็ยกระดับอย่างบ้าคลั่ง ทรงพลังยิ่งขึ้น!
พวกมันเข้าใจแล้ว นี่คือพิธีบรรพชาเช่นกัน เพียงแต่ต่างจากพิธีบรรพชารูปแบบเดิมที่พวกมันเคยผ่านมา แต่พลังที่ยกระดับขึ้นจากพิธีบรรพชาเช่นนี้กลับเหนือชั้นกว่าที่พวกมันเคยได้รับจากพิธีบรรพชาในอดีตมาก!
ผ่านไประยะหนึ่ง โลหิตหยุดไหลออกจากโลงกระดูก พิธีบรรพชาของพวกมันเสร็จสิ้น พลังปราณของแต่ละตนต่างเหนือกว่าเก่ามาก เรียกได้ว่าห่างกันราวฟ้ากับเหว!
“เตรียมเคลื่อนไหวกันเถิด ยึดครองจักรวาลโกลาหลผืนนั้นให้ได้ก่อน!”
“บัดนี้ พวกเรามิต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีก! คนผู้นั้นฆ่าเสวี่ยเทียน พวกเราจะจับตัวคนผู้นั้นไว้ ให้เขาต้องยอมโอบกอดความพิศวงลางร้าย เขาจะกลายเป็นขุนศึกใต้บัญชาเรา!”
“ใช่แล้ว!”
พวกมันหัวเราะเสียงเย็น ไม่เคยลืมภาระหน้าที่ของตนเอง นับแต่ครั้งแรกที่พวกมันผ่านพิธีบรรพชาก็ได้รับคำสั่งอย่างชัดแจ้ง ว่าต้องทำให้ความพิศวงลางร้ายยึดครองจักรวาลโกลาหลทั้งปวง!
ทว่าพวกมันมิได้ลงมือทันที หากแต่เรียกสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายตนอื่นเข้ามาอีกมาก
พวกมันจะทำพิธีบรรพชาให้กับสิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายเหล่านี้ ช่วยให้สิ่งมีชีวิตพิศวงลางร้ายเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แล้วไปทำศึกพิชิตจักรวาลโกลาหลผืนนั้นให้จงได้
…
อีกด้าน พวกหลี่จิ่วเต้าเดินทางกลับอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงไม่นานก็กลับถึงแดนบูรพาทิศ เหยียนโจว
“ต้นหลิวเอ๋ย ทีใครทีมัน เจ้าเป็นพี่ใหญ่มานานมากแล้ว ถึงเวลาของข้าเสียที!”
ก้อนหินเอ่ยด้วยรอยยิ้มแป้น
อีกเดี๋ยวมันก็ได้พบต้นหลิวแล้ว!