บทที่ 782 เจ้าเชื่อใจต้นหลิวได้เสมอ!
แสงราตรีเรียบนิ่งดุจผืนน้ำ พระจันทร์สีเงินยวงลอยเด่น ถนนหนทางเงียบสงัด คนในเมืองหลับใหลไปนานแล้ว
พวกหลี่จิ่วเต้ากลับถึงเมืองชิงซานท่ามกลางแสงจันทร์ หลิงอิน เสี่ยวหยา และพี่ชายเสี่ยวหยากลับไปยังบ้านของหลิงอิน หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยกลับไปยังลานเล็ก
สุนัขดำและกิเลนไฟก็อยู่ด้วย ส่วนต้าเต๋อ อ้ายฉานกลับไปยังที่พำนักของตน
“ต่อให้ข้างนอกนั่นยอดเยี่ยมเพียงใด ก็ดีมิสู้บ้านของตน!”
หลี่จิ่วเต้ากลับถึงลานเล็กด้วยความสะท้อนใจเหลือคณา
ออกไปคราวนี้นานเหลือเกิน หลังกลับมาถึงบ้าน เขารู้สึกคุ้นเคยคิดถึงเป็นหนักหนา ทุกอย่างในบ้านยังคงเดิม มิเปื้อนฝุ่นแม้แต่น้อย ดูท่านางกำนัลของเซี่ยเหยียนจะปฏิบัติหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เข้ามาปัดกวาดทำความสะอาดอยู่บ่อย ๆ
ชายหนุ่มเดินมาอยู่ข้างบ่อน้ำ ปลาต่าง ๆ ในบ่อต่างอยู่ในสภาพดี หลังได้เห็นเขา ก็พากันสะบัดหางกระโจนตัวใส่เขาอย่างพร้อมเพรียง ราวกับต้อนรับการกลับมาของเขา
‘สรรพสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ ไม่เสียแรงที่ก่อนหน้านี้ข้าเลี้ยงพวกเจ้ามาตั้งนาน’
เขาหัวเราะพลางเอ่ยในใจ
มัจฉาสัตมายาก็กลับมานานแล้ว ต้นหลิวเป็นผู้ส่งข่าวให้เขาว่าคุณชายกำลังจะกลับมาถึง ให้เขารีบเดินทางกลับ อย่ามัวเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอก
ชางเหยาอาลัยอาวรณ์อยู่นิดหน่อย ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงคุณชาย นางได้แต่ปล่อยมัจฉาสัตมายากลับมา
เรื่องนี้สร้างความดีใจให้มัจฉาสัตมายาอย่างยิ่งยวด เขาอยากหนีจาก ‘เงื้อมมือปีศาจ’ ของชางเหยามานานแล้ว ผู้ใดใช้ให้ชางเหยา ‘โหดเหี้ยมอำมหิต’ ขึ้นเรื่อย ๆ เล่า เขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ
หลี่จิ่วเต้านำขวดหยกพิสุทธิ์ออกมา แล้วปล่อยปลาหมึกในนั้นลงในบ่อน้ำ เขาบอกกับปลาหมึก “ว่านอนสอนง่ายหน่อยล่ะ อย่าก่อเรื่อง เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจ เข้าใจ!”
ปลาหมึกรีบตอบ ต่อให้มันอยากก่อเรื่องก็มิกล้าอยู่ดี!
สิ่งที่อยู่ในลานเล็กแห่งนี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไปแล้ว แดนบรรพโกลาหลเทียบกับลานเล็กแห่งนี้ไม่ได้เลยแม้เพียงเสี้ยวมุม ห่างชั้นตั้งไม่รู้เท่าใด!
“เสี่ยวเฮย ถ้ามันคิดหนีหรือก่อความวุ่นวายในลาน เจ้ากินมันได้เลย”
หลี่จิ่วเต้าลูบหัวสุนัขดำพร้อมบอกกับมันให้จับตาดูปลาหมึก
“เข้าใจแล้ว!”
สุนัขดำคลี่ยิ้มกว้างขณะตอบ ตกลงโดยไม่อิดออด
มันชำเลืองมองปลาหมึกแวบหนึ่ง สายตาราวกับต้องการบอกว่าเจ้ารีบหนีเถิด หรือไม่เจ้าก็รีบก่อความวุ่นวายเข้าเถิด ปลาหมึกตัวนั้นกลัวจนรีบเผ่นไปยังส่วนลึกของบ่อน้ำ
ปลาหมึกไฉนเลยจะไม่รู้ว่าสุนัขดำคิดสิ่งใดอยู่ สุนัขดำคิดอยากกินมันเข้าไป!
ใช่แล้ว สุนัขดำมีความตั้งใจเช่นนั้นจริง ๆ
มันเคยกินเนื้อปลาหมึกแล้ว รสชาตินั้นวิเศษเป็นที่สุด มันอยากให้ปลาหมึกตัวนั้นหนีไปหรือก่อเรื่องแทบแย่ เช่นนี้มันจะได้กินปลาหมึกเข้าไปทั้งตัว
หลี่จิ่วเต้าเข้าไปดูพวกลูกวัวที่ลานด้านข้าง บัดนี้ พวกลูกวัวก็เติบโตขึ้นเป็นอย่างดี แข็งแรงกำยำ ลูกวัวน้อยสูงขึ้น ตัวใหญ่ขึ้น
เขาพึงพอใจมาก อุ้มจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงกลับไปที่ห้องตัวเอง ส่วนจิ้งจอกขาวเย็นชา เขาขอให้ลั่วสุ่ยช่วยจัดที่พำนักให้
อันที่จริง เขาช่วยให้จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงก้าวสู่เส้นทางฝึกตนก็ได้ เขาแลกดินโกลาหลจากบรรพจารย์ฝูมา จึงปลูกหญ้าวิเศษและสมุนไพรวิเศษขึ้นมาได้คณานับ
จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงฉลาดเช่นนี้ หากได้กินหญ้าวิเศษและสมุนไพรวิเศษเหล่านี้ ย่อมเพิ่มโอกาสก้าวสู่เส้นทางฝึกตนได้อีกมาก
ทว่าเขามิได้ทำเช่นนั้น อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ต้องการทำเช่นนั้น
เหตุผลหลักคือเขากอดจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและหลับไปจนชินแล้ว หากจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงก้าวสู่เส้นทางฝึกตน จำแลงเป็นร่างมนุษย์ เขาก็ไม่สามารถกอดจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงยามนอนหลับได้อีก
เพราะอย่างนั้น เขาจึงอยากรอต่อไปอีกหน่อย
หลังกลับไปที่ห้อง เขาถอดแหวนบรรจุที่มือออก แล้วล้มตัวลงบนเตียง อย่าให้เอ่ยเลยว่าสบายเพียงใด เตียงที่เขานอนมาหลายปีได้อภิรมย์ในการนอนกว่าจริง ๆ
ในไม่ช้า เขาก็กอดจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงจนหลับไป
รัตติกาลเงียบเชียบ ดวงดาวดารดาษ ภายในลานเล็กคึกคักขึ้นมา
คุณชายพาก้อนหินกลับมาที่นี่ด้วย มิได้พาไปไว้ที่ริมลำธาร มันจึงเรียกเหล่ายอดศาสตราออกมา ชักชวนให้ไปกำราบต้นหลิวด้วยกัน
หินห้าสี ต้นวิเศษสัตตะ และยอดศาสตราชิ้นอื่นพากันเหินออกจากแหวนบรรจุ ขานรับเสียงเรียกจากก้อนหิน เมื่อครั้งอยู่ข้างนอก พวกมันต่างสานไมตรีกับก้อนหินอย่างแน่นแฟ้น พวกมันต้องช่วยเรื่องนี้แน่ และรับปากไว้นานแล้วด้วย
“วางใจเถิด ข้าจะเปิดฉากการต่อสู้เอง!”
สุนัขดำตบหน้าอกพลางกล่าว รักสหายเป็นอย่างยิ่ง แสดงตนว่าจะบุกอยู่แนวหน้าสุด
“พวกเจ้าจะไปทำอะไรหรือ”
บรรดาของวิเศษในลานพากันเหินเข้ามาด้วยความแปลกใจว่าพวกก้อนหินคิดจะไปทำการใด
“กำราบต้นหลิว!”
ก้อนหินมิได้ปิดบัง บัดนี้มันมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่เหลือข้อกังวลแม้แต่น้อย ไม่ต้องกลัวว่าข่าวจะรั่วไหล
“กำราบต้นหลิวหรือ! ได้ ๆ พาเราไปด้วย!”
“เฮ้อ อย่าให้ข้าต้องกล่าวถึงเลย ต้นหลิวเหมือนเป็นพวกโจรป่าเถื่อน ชอบมารังแกเราที่ลานเล็กอยู่บ่อย ๆ ชีวิตของพวกเราขมขื่นจนมิอาจบรรยาย!”
“พวกเราอยากจัดการต้นหลิวมานานแล้ว อนิจจา พลังของพวกเราไม่ถึง มิใช่คู่มือของมัน บัดนี้มีพี่ก้อนหินนำทัพต่อกรกับมัน พวกเรามั่นใจขึ้นมาก ยินดีตามพี่ก้อนหินไปจัดการต้นหลิว!”
เหล่าของวิเศษในลานกล่าว วาจานั้นอย่าให้เอ่ยเลยว่าเคียดแค้นต้นหลิวเพียงใด
“ต้นหลิวกำเริบสืบสานถึงเพียงนั้นเชียวหรือ!? บังอาจเข้ามาทำตามอำเภอใจในลานเล็กของคุณชายเลยหรือ!”
ก้อนหินตวาด ฟังคำกล่าวของเหล่าของวิเศษแล้วเดือดดาลเป็นที่สุด
มันเอ่ยต่อ “ดี เช่นนั้นทุกคนร่วมเดินทางไปด้วยกันเถิด ถึงเวลานั้น ทุกคนจะได้สะสางความแค้นของตน!”
“ได้เลย!”
“ไปกันเถิด!”
เหล่าของวิเศษขานรับด้วยความตื่นเต้น จากนั้น ก้อนหินนำทัพทั้งหมดออกจากลานเล็ก มุ่งหน้าไปหาต้นหลิว
ไม่นานนัก พวกมันก็มาถึงที่ตั้งของต้นหลิว
ต้นหลิวดูจากท่าที ไยจะไม่รู้ว่าก้อนหินต้องการสิ่งใด
มันเอ่ยยิ้ม ๆ “เจ้าก้อนหินเส็งเคร็ง คราวก่อนเจ้ายังโดนหวดไม่พอใช่หรือไม่ ยังกล้ามาอีกรึ? ลืมเรื่องคราวก่อนแล้วหรือไร”
“พูดอะไรของเจ้าน้องหลิว!”
ก้อนหินเอ่ยด้วยท่าทีลำพอง “น้องหลิวของข้า วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน เรื่องนี้เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะเรื่องคราวก่อน! ข้าต้องการแก้แค้น!”
มันกล่าวต่อ “ผู้ตั้งตนอยู่ในธรรมย่อมมีผู้ให้การช่วยเหลือ ผู้ขาดธรรมย่อมมีแต่คนตีจาก ต้นหลิว เจ้าดูเอาเถิดว่าด้านหลังข้ามีผู้สนับสนุนตั้งเท่าไหร่ เจ้าจะรู้ว่าตัวเจ้าน่าชิงชังปานใด!”
“อย่างนั้นหรือ”
ต้นหลิวส่งเสียงอีกครั้งด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คิดถือสา พวกนั้นสนับสนุนก้อนหินกันหมดเลยจริง ๆ หรือ
“เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไรเล่า! วันนี้ ข้าจะผดุงคุณธรรมแทนสวรรค์ กำราบต้นหลิวเช่นเจ้า เปลี่ยนเจ้าเป็นลูกน้องของทุกคน ให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่เจ้าเคยมอบให้พวกเรา!”
ก้อนหินตวาดลั่น
“ข้าเอง โฮ่ง!”
สุนัขดำตะโกน ลุยเข้าไปเป็นลำดับแรก ทว่าท้ายสุดกลับฟาดฝ่ามือใส่ตัวก้อนหิน!
“สหาย เจ้าทำอะไร ราตรีมืดมนเช่นนี้ สหายมองเห็นไม่ชัดหรืออย่างไร”
ก้อนหินเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหน
ก่อนนี้ตกลงกันแล้วมิใช่หรือว่าจะร่วมต่อกรกับต้นหลิว โดยมีสุนัขดำเป็นผู้เปิดฉาก เหตุใดสุนัขดำกลับลงมือกับเขาแทนเล่า!?
“พี่หลิวดีขนาดนั้น ข้าจะจัดการพี่หลิวได้อย่างไร! ที่ข้าเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้เพราะข้าต้องอดกลั้นเพื่อการใหญ่ หัวใจของข้าอยู่ข้างเดียวกับพี่หลิว!”
สุนัขดำตะโกนบอก
ก้อนหินโมโหจนแทบกระอักเลือด หมายความว่าอย่างไรที่ว่าพี่หลิวดีขนาดนั้น
มันนึกในใจไปว่า สุนัขดำ ก่อนนี้เจ้าเคยข้องแวะกับต้นหลิวมาแล้วหรือถึงกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้!
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้สุนัขดำมิเคยข้องแวะกับต้นหลิวมาก่อนจริง ๆ ทว่ามันนั้นอยู่ระดับไหน ด้วยกำลังของสุนัขเพียงหนึ่งตัว ซ้ำยังเป็นสุนัขพันธุ์ทางธรรมดา มันสามารถรุ่งโรจน์ขึ้นในแดนบรรพโกลาหลทีละก้าว จนท้ายที่สุดกลายเป็นตัวตนระดับเคียงบ่าเคียงไหล่กับจ้าวแห่งดินแดนต่าง ๆ
ความสามารถในการจับสีหน้าท่าทาง วิเคราะห์สถานการณ์ของมันโดดเด่นอย่างยิ่งยวด
มิฉะนั้น มันไม่มีทางสร้างชื่อในแดนบรรพโกลาหลได้เลย
ก้อนหินทรงพลังมากก็จริง มันเองก็ไม่รู้ว่าต้นหลิวนั้นมีพลังเพียงใด ทว่ามันไม่รู้ แต่พวกลั่วสุ่ยรู้
เมื่อคราวก้อนหินผนวกกำลังพวกมัน บางทีตัวก้อนหินเองอาจไม่ทันสังเกต แต่มันนั้นสังเกตเห็นว่า พวกลั่วสุ่ยต่างกลั้นขำกันถ้วนหน้า
เรื่องนั้นสะท้อนถึงสิ่งใด? สะท้อนให้เห็นว่าต้นหลิวนั้นไม่ธรรมดา หากก้อนหินมุ่งหน้าไปจัดการต้นหลิวคงต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่!
มันจับสังเกตเหตุการณ์เหล่านี้ได้ เพราะเหตุนี้ มันจึงไม่คิดอยู่ฝ่ายเดียวกับก้อนหินเลยสักนิด
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นไม่หยุด สุนัขดำมิใช่ตนเดียวที่ลงมือกับก้อนหิน หากแต่เป็นตนแรกเท่านั้น ตามหลังมันยังมีเหล่าของวิเศษในลานที่เคลื่อนไหวกันถ้วนหน้า จู่โจมก้อนหินอย่างพร้อมเพรียง!
เหล่าของวิเศษเคารพนับถือต้นหลิวเป็นที่สุด ไฉนเลยจะร่วมมือกับก้อนหินต่อกรกับต้นหลิว เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้เลย!
“พวกเจ้าก็หลอกข้าเหมือนกันหรือ!”
ก้อนหินตะโกนด้วยความเดือดดาล เจ้าพวกนี้ไยถึงหลอกมันกันหมด
“พวกเรามิได้หลอกเจ้า พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกับเจ้าเสมอ!”
“ใช่แล้ว!”
ยอดศาสตราอย่างพวกหินห้าสีลงมือโจมตี เข้าต่อสู้กับเหล่าของวิเศษในลาน พวกมันมิเคยข้องแวะกับต้นหลิวมาก่อน อยู่ร่วมกับก้อนหินมาตลอด จึงไม่มีทางเป็นฝ่ายเดียวกับต้นหลิว
“ข้าขอติดตามราชันสุนัข!”
กิเลนไฟเคลื่อนไหวเช่นกัน มันเลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับสุนัขดำ สำหรับมัน สุนัขดำคือต้นแบบที่มันนับถือตลอดไป!
“พวกเจ้าต้องเสียใจ!”
ก้อนหินร้องลั่น อารมณ์หม่นหมองอย่างยิ่งยวด นี่ยังไม่ทันเริ่ม มันก็ต้องพบเจอกับการทรยศตั้งมากมาย เหตุใดชีวิตของมันถึงรันทดเช่นนี้!
“หยุดสร้างปัญหาเสียทีก้อนหิน เจ้าสู้ไม่ไหวหรอก”
ต้นหลิวเคลื่อนไหว ก้านหลิวก้านหนึ่งพุ่งออกไปหวดก้อนหินทันควัน
ก้อนหินเปล่งแสงเจิดจ้าทั่วตัว พลังปราณสยดสยองโถมทับออกไปสู่ฟ้าดิน มันบุกทะลวงไปข้างหน้า ดุดันเหลือคณา ด้วยพลังของมัน ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตขอบเขตผู้บงการตอนปลายก็สู้มิได้ ต้องถูกมันสังหารลงในบัดดล
ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าต้นหลิว มันยังห่างชั้นอีกไกล ก้านหลิวก้านหนึ่งของต้นหลิวพุ่งออกไป ลบล้างพลังทั้งหมดของก้อนหินได้ทันที ทั้งยังจับก้อนหินห้อยหัว
“อะไรกัน!?”
ก้อนหินไม่อาจทำใจเชื่อได้เลย ต้นหลิวฝืนวิถีสวรรค์ได้จริงหรือ เหตุใดถึงกล้าแกร่งได้ถึงปานนี้!
“ข้ายกระดับพลังได้ไม่ช้าไปกว่าเจ้า…”
ต้นหลิวกล่าว “หลายวันมานี้ ข้าต่อสู้ห้ำหั่นโดยมีชีวิตเป็นเดิมพันทุกคืนวัน มิเคยผ่อนคลายลงแม้เสี้ยวลมหายใจ!”
สิ่งที่มันกล่าวมาล้วนเป็นความจริง
ช่วงที่ผ่านมา มันต่อสู้อยู่ทุกลมหายใจ ซ้ำยังเป็นการห้ำหั่นแบบเอาชีวิต นอกจากแดนแกนกลางแห่งเทวโลก เบื้องบนเทวโลก และเทวโลกชั้นเก้า ชั้นที่เหลือถูกมันทะลวงได้หมด ยามสิ่งมีชีวิตในนั้นได้ยินเสียงของมันต่างอกสั่นขวัญแขวน หวาดกลัวถึงขีดสุด
การห้ำหั่นแบบเอาชีวิตเช่นนี้มีส่วนช่วยให้พลังยกระดับขึ้นมากนัก ประกอบกับตัวมันนั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว มีความเข้าใจในวิชาและหลักเต๋าของคุณชายอย่างลึกซึ้ง
ในสถานการณ์เช่นนี้ มันนั้นไม่เหมือนกับในอดีต ก้าวสู่ขอบเขตที่สูงกว่านั้นมาก
หากมันได้พบดาบใหญ่สีเลือดซึ่งถือกำเนิดขึ้นจากความมืดมิดอีกครั้ง มันย่อมมีกำลังพอให้ต่อกร ไม่มีทางหมดเรี่ยวแรงต่อสู้อย่างก่อน
อันที่จริง มันในเวลานี้สามารถบุกขึ้นไปถึงเทวโลกชั้นเก้าได้แน่นอน เพียงแต่มันบุกไม่ทันเท่านั้น มันเพิ่งขึ้นไปถึงเทวโลกชั้นเก้า พอได้รับรู้ข้อมูลของเทวโลกชั้นเก้ามาบ้าง คุณชายก็กลับมาแล้ว
มันจึงถอนตัวจากเทวโลกชั้นเก้า
ส่วนแดนแกนกลางเทวโลก และเบื้องบนเทวโลกนั้น มันก็มีความมั่นใจเช่นกัน
ก้อนหินคิดจะล้างแค้นกับมัน นับว่าหาเรื่องลำบากใส่ตนเองแท้ ๆ
หลังหินห้าสีและยอดศาสตราชิ้นอื่นเห็นก้อนหินถูกต้นหลิวจับห้อยหัวและหวด ก็แปรทัพทันที
“ก้อนหิน เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!? พี่ต้นหลิวต้องลำบากปกปักษ์รักษาที่นี่ เพื่อรับรองความปลอดภัยของที่ประทับคุณชาย เหตุใดเจ้าถึงยังคิดต่อกรกับพี่ต้นหลิวอีก!?”
“ข้ารังเกียจพฤติกรรมเช่นนี้ของเจ้ามาก! เจ้ายังไม่รีบกล่าวขอโทษพี่ต้นหลิวอีก!”
หินห้าสีและยอดศาสตราชิ้นอื่นพากันตำหนิก้อนหิน
“เจ้าพวกไร้ศักดิ์ศรี!”
ก้อนหินร่ำไห้ มิมีผู้ใดพึ่งพาได้เลยสักตน
ทว่าหลังผ่านเหตุการณ์คราวนี้ มันไม่มีความคิดอยากเป็นพี่ใหญ่อีก ต้นหลิวพิสดารเกินผู้ใดจริง ๆ!
…
ขณะเดียวกัน ภายในแดนบรรพโกลาหลเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่
“พวกเราจะกลับกันแล้วหรือ!?”
“พลังผนึกหย่อนลง พวกเราได้หวนคืนสู่อาณาจักรดั้งเดิมของเราจริง ๆ แล้ว!”
สิ่งมีชีวิตในดินแดนชายขอบมากมายพากันตื่นเต้นดีใจ แม้ว่าแดนบรรพโกลาหลนั้นยอดเยี่ยม กระนั้นก็มิใช่มาตุภูมิของพวกเขา
พวกเขาต่างคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตน อยากกลับไปที่นั่น
ในสถานการณ์อย่างเวลานี้ พวกเขาจะได้กลับไปจริง ๆ แล้ว!