การแข่งขันจบลงแล้ว
การถ่ายทอดสดยังคงดำเนินต่อไป
นักประพันธ์เพลงรวมตัวกันในห้องโถง
ผู้กำกับถงซูเหวินปรากฏตัวขึ้น “หลายวันมานี้นักประพันธ์เพลงได้ทำงานอย่างหนัก สร้างสรรค์ผลงานในระยะเวลาอันสั้น ทุกท่านทำผลงานได้ดีมาก แต่เมื่อพิจารณาถึงความลำบากในการสร้างสรรค์ผลงานแล้ว ช่วงเวลาต่อจากนี้ เราจะกลับมาสู่การแข่งขันระหว่างนักร้องอีกครั้ง…”
ทุกคนต่างพยักหน้า
มาตรฐานของรายการนี้ต่อนักประพันธ์เพลงสูงมาก โดยเฉพาะการประพันธ์เพลงตามหัวข้อในระยะเวลาจำกัด ยิ่งมำให้ทุกคนสูญเสียพลังงานไปอย่างมาก
ถ้าหากเล่นแบบนี้ต่อไปอีกหนึ่งสัปดาห์ เส้นผมของทุกคนอาจร่วงหมดศีรษะได้
“แน่นอนครับ”
ถงซูเหวินกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ให้ทุกท่านพักผ่อน เพื่อให้ทุกท่านมีเวลาเตรียมพร้อมสำหรับมหาสงครามเทพเซียนในช่วงปลายปี ขณะเดียวกันผมยังหวังว่านักประพันธ์เพลงทุกท่านที่เข้าร่วมในมหาสงครามเทพเซียนในครั้งนี้จะได้รับชัยชนะ!”
ผู้คนพลอยหัวเราะตาม
นี่คงเป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมรายการจึงให้นักประพันธ์เพลงหยุดพัก
ขณะนี้คือเดือนพฤศจิกายน ต่อไปคือเดือนธันวาคม!
มหาสงครามเทพเซียนซึ่งเกิดขึ้นปีละครั้งในวงการเพลงนั้นใกล้เข้ามาแล้ว!
พ่อเพลงซึ่งนั่งอยู่ในที่แห่งนี้มีหลายคนซึ่งเตรียมเข้าร่วมมหาสงครามเทพเซียน!
“เสี่ยวอวี๋จะเข้าร่วมด้วยไหม?”
เจิ้งจิงมองไปยังหลินเยวียนซึ่งอยู่ด้านขวามือ
หลินเยวียนพยักหน้า
เขาจะเข้าร่วมมหาสงครามเทพเซียนในเดือนธันวาคมอย่างแน่นอน
เนื่องจากโบนัสค่าความโด่งดังซึ่งเก็บได้จากมหาสงครามเทพเซียนนั้นสูงมา หลายวันมานี้เขาจึงพิจารณาว่าจะใช้เพลงใดในการไต่ชาร์จ
“จุ๊ๆ ”
เจิ้งจิงหยอกล้อ “งั้นปีนี้คุณก็ตกเป็นเป้าหมายแล้ว ชิงตำแหน่งแชมป์มหาสงครามเทพเซียนมาได้สองครั้ง นักประพันธ์เพลงหลายคนอยากจะจัดการคุณ แม้แต่ฉันเองก็ยังคันไม้คันมือ…”
“แล้วคุณเข้าร่วมไหม?”
หยางจงหมิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
เจิ้งจิงส่ายหน้า ยิ้มขื่นตอบว่า “ไม่กี่ปีนี้ลองเข้าร่วมมาแล้ว แต่ในมหาสงครามเทพเซียนมีแต่พวกเพี้ยนๆ สามรอบที่เข้าไปกินพลังมาก แชมป์อะไร ฉันไม่ต้องเป็นก็ได้”
“ผมเข้าร่วม”
หยางจงหมิงเอ่ยปาก
เจิ้งจิงจ้องมองตาโต!
ขณะเดียวกัน เมื่อนักประพันธ์เพลงซึ่งอยู่โดยรอบได้ยินคำพูดของหยางจงหมิง สีหน้าก็เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา
ในบริเวณนั้นเงียบลงทันใด
ผ่านไปหลายวินาที
อู่หลงมองไปยังใบหน้าอันเด็ดเดี่ยวของหยางจงหมิง พลางกลืนน้ำลาย “คุณจะเข้าร่วมจริงหรือ?”
หยางจงหมิงพยักหน้า
อู่หลงกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยราวกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “ผมอยากใช้มหาสงครามเทพเซียนปีนี้ขึ้นเป็นพ่อเพลง คุณไม่ให้ทางรอดผมเลย!”
“พยายามเข้านะ”
หยางจงหมิงตอบ
อู่หลงคลึงขมับ “นี่ไม่ใช่เรื่องพยายามหรือไม่พยายามสักหน่อย ใครไม่รู้บ้างว่าหยางจงหมิงคือราชาแห่งการไต่ชาร์ตเพลง เข้าร่วมมหาสงครามเทพเซียนสามครั้งก็ได้แชมป์ทุกครั้ง!”
ใช่แล้ว
หยางจงหมิงเคยคว้าอันดับหนึ่งในมหาสงครามเทพเซียนมาแล้วถึงสามครั้ง!
แน่นอน ว่านี่ไม่เหมือนการคว้าแชมป์ติดต่อกันของเซี่ยนอวี๋
บางครั้งหยางจงหมิงก็ไม่ปล่อยเพลงตลอดทั้งปี
ทว่าไม่มีใครกล้าสบประมาทหยางจงหมิงด้วยเหตุผลนี้
เพราะเมื่อใดที่หยางจงหมิงลงมือ เขาจะชนะอย่างแน่นอน!
ใช้คำพูดของเจิ้งจิงคือ
หยางจงหมิงแพ้ไม่เป็น!
คนอื่นปล่อยเพลงด้วยความมั่นใจเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อหยางจงหมิงปล่อยเพลง ย่อมมีเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้น
เขามั่นใจถึงเก้าสิบเปอร์เซ็น!
ดังนั้นเมื่อหยางจงหมิงบอกว่าเขาจะเข้าร่วมในมหาสงครามเทพเซียนในช่วงปลายปี ทุกคนต่างเข้าใจว่าหยางจงหมิงหยางจงหมิงคงจะหยิบเพลงที่มั่นใจเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ออกมา!
ไม่ทันไร
นักประพันธ์เพลงซึ่งวางแผนจะปล่อยเพลงในช่วงปลายปีต่างถอยทัพ เพลงที่หยางจงหมิงมั่นใจนั้นต้องไม่ธรรมดา
“กังวลไหม?”
เจิ้งจิงมองชำเลืองมองหลินเยวียน
หลินเยวียนส่ายหน้า
เขาไม่กังวล
ไม่ใช่เพราะเขามั่นใจว่าจะชนะหยางจงหมิง
แต่เป็นเพราะ…
หลินเยวียนสามารถยอมรับความพ่ายแพ้ได้
ไม่มีใครเป็นแม่ทัพไร้พ่ายหรอก
โดยเฉพาะในสถานที่อย่างบลูสตาร์
ในความเป็นจริง
การแข่งขันในวันนี้ทำให้หลินเยวียนตกตะลึงได้มากพอแล้ว
หลายคนบอกว่าหยางจงหมิงและหลินเยวียนมีเพลงคงคลังซึ่งตรงกับคีย์เวิร์ดพอดี เพราะฉะนั้นจึงเขียนเพลงออกมาได้อย่างรวดเร็ว และแสดงศักยภาพออกมาได้เป็นอย่างดี…
หลินเยวียนกลับเข้าใจ
ว่าตนมีเพลงคงคลังจริง
แต่หยางจงหมิง ไม่น่าจะมีเพลงคงคลัง
เพลงฝ่าลมโต้คลื่นซึ่งได้รับคะแนนโหวตเสมอกับตนเพลงนั้น หลินเยวียนสามารถสรุปได้ว่า หยางจงหมิงใช้เวลาสั้นๆ ราวสองชั่วโมงสร้างสรรค์ผลงานออกมา
บางทีหยางจงหมิงอาจเกิดแรงบันดาลใจที่เกี่ยวข้องขึ้นมาพอดี…
แต่ไม่ว่าแรงบันดาลใจจะปะทุแค่ไหน คุณภาพของเพลงที่เขาแต่งขึ้นภายในสองชั่วโมงก็แสดงให้เห็นว่าหยางจงหมิงน่ากลัวเพียงใด!
แล้วทำไมหลินเยวียนถึงมั่นใจเช่นนี้…
ก็เพราะเขาฟังออกถึงข้อบกพร่องในเพลงฝ่าลมโต้คลื่น
ข้อบกพร่องนี้ไม่นับว่าใหญ่ คนทั่วไปฟังไม่ออก แต่หลินเยวียนฟังออก ว่าทำนองหนึ่งในท่อนเวิร์สสามารถทำให้มีอรรถรสได้มากกว่านี้
และดนตรีของหยางจงหมิง ไม่ควรปรากฏข้อบกพร่องประเภทนี้
จะมีข้อบกพร่องก็จากเหตุผลเดียวเท่านั้น
คือเวลากระชั้นเกินไป
หยางจงหมิงไม่มีเวลาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่หลินเยวียนสัมผัสได้ถึงความกลัวของพ่อเพลงระดับหยางจงหมิง!
บนโลก มีพ่อเพลงคนไหนบ้างที่กล้าตบอกกล่าวว่าตนสามารถเขียนบทเพลงที่คุณภาพไม่เป็นรองเพลงฟ้าสูงทะเลกว้างได้ภายในสองชั่วโมง?
แต่นี่เป็นสิ่งที่พ่อเพลงแนวหน้าบนบลูสตาร์ทำได้
แน่นอน
เพียงเพราะหยางจงหมิงเขียนเพลงที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเพลงฟ้าสูงทะเลกว้าง ไม่ได้หมายความว่าหยางจงหมิงจะสามารถเขียนเพลงระดับนี้ออกมาได้อีก
แรงบันดาลใจคือปัจจัยสำคัญ
เพียงแต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนทั่วไปจะสามารถรวบรวมแรงบันดาลใจประเภทนี้และเขียนเพลงที่ทรงพลังออกมาได้ภายในสองชั่วโมง
“เห็นทีปีนี้อาจมีดาร์บีแมตช์ของสตาร์ไลท์”
เยี่ยจือชิวเอ่ยอย่างสะท้อนใจ
เจิ้งจิงนึกสงสารตัวเอง “บริษัทเรามีพวกเพี้ยนอยู่สองคน เสี่ยวอวี๋คือเพี้ยนเด็ก ส่วนหยางจงหมิงคือเพี้ยนแก่!”
หลินเยวียน “…”
หยางจงหมิง “…”
งั้นฉันจะขอถามคำถามที่ทุกคนสนใจ เพลงฟ้าสูงทะเลกว้างคือเพลงที่เขียนขึ้นตอนนั้นหรือเปล่า?” เจิ้งจิงจ้องมองหลินเยวียน
หลินเยวียนส่ายหน้า
เจิ้งจิงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก “เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ฉันว่าแล้วเชียว เขียนเพลงที่สมบูรณ์ขนาดนั้นออกมาภายในสองชั่วโมงก็เกินไป งั้น…ทางเหล่าหยางล่ะ?”
เธอมองไปทางหยางจงหมิงอีกครั้ง
หยางจงหมิงตอบ “โชคดีทีเดียว”
เจิ้งจิง “…”
นักประพันธ์เพลงทุกคน ต่างเผยรอยยิ้มขมขื่น
คำพูดนี้เป็นการยอมรับกลายๆ ว่าเพลงฝ่าลมโต้คลื่นคือบทเพลงที่หยางจงหมิงแต่งขึ้นในช่วงเวลานั้น
ความคิดของหลินเยวียนนั้นถูกต้อง
เจิ้งจิงกล่าวสรุป “เห็นทีเวทีนี้คงนับว่าเสมอไม่ได้ เป็นเจ้าเพี้ยนแก่ที่ร้ายกาจกว่า”
“…”
นักประพันธ์เพลงซึ่งอยู่ด้านข้างมองหยางจงหมิง ก่อนจะจึงมองไปทางหลินเยวียน ทันใดนั้นจึงถอนหายใจ
สตาร์ไลท์ น่ากลัวจริงๆ
หยางจงหมิง เป็นตัวแทนของสตาร์ไลท์ในปัจจุบัน
ส่วนเซี่ยนอวี๋ เป็นตัวแทนของสตาร์ไลท์ในอนาคต
ต่อให้เป็นเพลงคงคลัง…
มีเพลงคงคลังระดับฟ้าสูงทะเลกว้าง ก็แสดงให้เห็นว่าเซี่ยนอวี๋แข็งแกร่งเพียงใด
สิ่งที่น่ายกย่องมากกว่านั้นคือ เซี่ยนอวี๋ยอมรับว่าตนใช้เพลงคงคลัง
อันที่จริงเซี่ยนอวี๋สามารถบอกได้ว่าเพลงฟ้าสูงทะเลกว้างก็เป็นเพลงที่เขาเพิ่งเขียนขึ้นมาในรายการเช่นกัน
ตราบใดที่เขายังมีความหยิ่งทะนงของคนหนุ่มสาวอยู่บ้าง…
ตราบใดที่เขามีการพูดเกินจริงในวัยเยาว์เล็กน้อย…
ถึงอย่างไร ไม่มีใครยืนยัน เรื่องประเภทนี้ได้หรอก
แต่เซี่ยนอวี๋ยังคงยอมรับอย่างใจกว้างว่าเขาใช้เพลงคงคลัง
ความเปิดเผยเช่นนี้ เมื่อเกิดขึ้นกับคนหนุ่มอย่างเซี่ยนอวี๋ อันที่จริงนับว่าน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
————————
ปล. ที่เขียนให้เสมอกันก็เพราะเหล่าหยางใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงในการแต่งเพลงออกมา ซึ่งไม่ได้สะท้อนฝีมือที่แท้จริงของเหล่าหยาง เพราะฉะนั้นหลินเยวียนจึงไม่ต่างอะไรกับพ่ายแพ้ ในเซตติงของนิยายเรื่องนี้ เหล่าหยางคือตัวละครระดับบอส สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจเหมือนจะเป็นการที่ทุกคนยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเอกได้ ฉันคิดว่าทุกคนอยากเห็นแค่ชัยชนะซะอีก?