บทที่ 783 ผนึกแดนบรรพโกลาหลคลาย สิ่งมีชีวิต ณ ชายขอบพุ่งออกไป!
ที่นี่คือดินแดนชายขอบในแดนบรรพโกลาหล มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
พวกเขาไม่รู้แล้วว่ามาอยู่ในแดนบรรพโกลาหลตั้งนานเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไร พวกเขาก็มิใช่สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นของแดนบรรพโกลาหล ถูกผลักไสมาโดยตลอด ผ่านไปแล้วเนิ่นนาน พวกเขาก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนชายขอบของแดนบรรพโกลาหล ไม่สามารถเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลได้จริง ๆ
สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลก็มิได้ยอมรับพวกเขา เรียกพวกเขาว่าคนเถื่อน พวกเขาต้องใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมอันย่ำแย่
ทว่าแม้จะเป็นสิ่งแวดล้อมย่ำแย่เช่นนี้ ก็ยังทรงพลังกว่าด้านนอกนั่นตั้งไม่รู้กี่เท่า สำหรับพวกเขาในอดีต เซียนเป็นเพียงจินตนาการฝันเฟื่องที่ไม่มีวันเป็นจริง ทว่าบัดนี้ ในหมู่พวกเขาแทบเต็มไปด้วยกำลังรบระดับเซียน มากมายจนนับไม่ถ้วน
กระทั่งสิ่งมีชีวิตเหนือขอบเขตโกลาหลก็ยังมีอยู่นับคณา!
ก่อนกาลเวลาอันยาวนาน เคยมียุคสมัยหนึ่งหายไป จู่ ๆ สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนในยุคสมัยนั้นก็อันตรธานไปหมด ไม่เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย ส่งผลให้อารยธรรมฝึกตนที่ถดถอยอยู่แล้วยิ่งขาดช่วงเข้าไปใหญ่
จนกระทั่งผ่านไปเนิ่นนาน ถึงมีอารยธรรมการฝึกตนปรากฏขึ้นใหม่
และพวกเขาคือเหล่าสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนที่หายไป!
พวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าเกิดเรื่องใดขึ้น กว่าพวกเขาจะรู้ตัว ก็มาถึงแดนบรรพโกลาหลเสียแล้ว
“ข้าคิดคะนึงถึงบ้านเกิดเมืองนอนยิ่งนัก ไม่รู้ว่าป่านนี้ภูมิลำเนาของเราเป็นอย่างไรบ้าง!”
“ข้าตื้นตันเหลือเกิน ข้าอยากไปจากที่นี่ หวนคืนสู่บ้านเกิดมานานแล้ว และบัดนี้ ในที่สุดความต้องการนั้นก็จะเป็นจริง!”
พวกเขาเต็มตื้นเป็นอย่างยิ่ง เตรียมตัวให้พร้อม
ผนึกในแดนบรรพโกลาหลหลวมลงมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อ อีกไม่นานพวกเขาก็สามารถไปจากแดนบรรพโกลาหล กลับไปยังมาตุภูมิของพวกเขา
พวกเขาเตรียมถอนกำลังออกจากแดนบรรพโกลาหลเต็มรูปแบบ นำทุกสิ่งที่ติดตัวไปได้ไปด้วย พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับ ชีวิตในแดนบรรพโกลาหลของพวกเขายากแค้นอย่างยิ่ง พวกเขาไม่นึกอาลัยอาวรณ์แดนบรรพโกลาหลเลยสักนิด
นอกจากนี้ พวกเขาเองก็ระแวงซึ่งกันและกันอยู่ด้วย
ทันทีที่กลับไปถึงบ้านเกิด พวกเขาจะต้องมีศึกแย่งชิงกันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องเลือกดินแดนเพื่อตั้งรกรากกันใหม่
ส่วนสิ่งมีชีวิตที่บ้านเกิดนั้น พวกเขาไม่นึกกังวลแม้แต่น้อย
มีสิ่งใดให้กังวลกันเล่า
ต่อให้สิ่งมีชีวิตที่บ้านเกิดจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็คงไม่แข็งแกร่งไปกว่าพวกเขา
จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า!
ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็เคยใช้ชีวิตในแดนบรรพโกลาหลมา สิ่งมีชีวิตที่บ้านเกิดมิอาจเทียบชั้นพวกเขาได้ไม่ว่าด้านใด พวกนั้นไม่อาจเป็นภัยคุกคามสำหรับพวกเขา
ศึกแย่งชิงที่จะอุบัติในยามนั้น เป็นศึกระหว่างสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนอย่างพวกเขาเท่านั้น
…
ณ เมืองชิงซาน
หลี่จิ่วเต้าหลับจนถึงเที่ยง อย่างไรเสีย เตียงที่บ้านเขาเองก็หลับสบายกว่า นับแต่อยู่ข้างนอกมา เขามิเคยนอนนานขนาดนี้เลย
หลังจากนั้นก็ออกไปทักทายเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง บอกพวกเขาว่าตนกลับมาแล้ว เพื่อนบ้านเหล่านั้นดีใจมากเช่นกัน เอ่ยว่าช่วงที่เขาไม่อยู่ต่างก็คิดถึงเขากันมาก
“ไปเที่ยวครานี้ จะให้เสียเปล่าไม่ได้…”
เขาหัวเราะ บอกให้ลั่วสุ่ยช่วยฝนหมึก เขาจะวาดทัศนียภาพระหว่างทางที่สลักอยู่ในใจเขาออกมาให้หมด
นี่คืองานใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย ใช้เวลานานแน่นอน ทว่าสิ่งที่เขามีมากที่สุดก็คือเวลา ถึงอย่างไรก็มิมีเรื่องอื่นให้ทำแล้ว
ชายหนุ่มตวัดพู่กันวาดภาพ เริ่มจากดินแดนหยินที่เขาอาศัยอยู่ เขาไปจนครบสิบแปดโจวในดินแดนหยินแล้ว ที่นี่มีทิวทัศน์งดงามมากมายที่ฝังลงไปในใจเขา
และเขามิได้ผุดความคิดกะทันหัน หากแต่วางแผนไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งยังออกท่องเที่ยวไปทั่ว อย่างไรเสีย ภาพเหล่านี้ล้วนต้องกลายเป็นความทรงจำอันแสนหวาน
ขณะเดียวกัน เขาวาดแบบร่างไว้มากมาย ยามพบเจอทัศนียภาพที่เขาชื่นชอบ เขาจะร่างโครงออกมาพอสังเขปเพื่อเก็บไว้
หากมิใช่เช่นนั้น ลำพังจินตนาการของเขา ต่อให้เขาความจำเป็นเลิศเพียงใด ก็ยากจะวาดทัศนียภาพเหล่านั้นออกมาให้หมด
อาณาจักรนี้กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก ซ้ำยังมีทิวทัศน์ตระการตาอยู่ตั้งหลายที่ หวังพึ่งเพียงความทรงจำยากจะวาดทัศนียภาพเหล่านั้นออกมาได้จริง ๆ
เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อย ๆ เขาวาดภาพสถานที่ออกมาได้หลายแห่งจากแบบร่างเหล่านี้ แต่ละที่ล้วนสมจริงเป็นที่สุด ราวกับได้อยู่ที่นั่นจริง ๆ
ระหว่างนั้น ชางเหยามาเยี่ยมหลี่จิ่วเต้า เอ่ยว่านางสนอกสนใจในการวาดภาพมาก อยากอยู่เรียนวิชาวาดภาพข้างกายคุณชาย
หลี่จิ่วเต้าตกลงด้วยความเต็มใจ เขามีภาพจำดี ๆ กับชางเหยา นางเป็นเด็กสาวน่ารักและตลก ลานของเขายังเหลือห้องว่างอยู่มาก จึงบอกให้ลั่วสุ่ยทำความสะอาดไว้สักห้องให้ชางเหยาพำนัก
หากเป็นเมื่อก่อน เขามิกล้าให้ชางเหยาพักที่นี่จริง ๆ
แต่บัดนี้มิมีปัญหา มีลั่วสุ่ยอยู่ หาได้กระอักกระอ่วนไม่
ทว่าด้านมัจฉาสัตมายานั้นน่าสงสารยิ่ง
“ข้าแด่สวรรค์ ข้าแด่ธรณี ไยจึงทำกับข้าเช่นนี้! ข้าเพิ่งเอ่ยว่าได้มีเวลาสงบเสียบ้าง เหตุใดชางเหยาถึงมาอีกแล้วเล่า!”
เขาร้องไห้ด้วยความชอกช้ำ ปวดใจที่สุด ร้าวรานเหลือแสน
หลังชางเหยาเข้ามาพำนักที่นี่ ชีวิตเขาหลังจากนี้คงแย่แน่
อย่างที่คิด เขาคาดการณ์ไว้ไม่ผิด หลังชางเหยาเข้ามาอยู่ด้วย เขานั้นอนาถาเหลือคณา
ทุกครั้งหลังคุณชายปรุงอาหารเลิศรสไว้มากมาย ชางเหยาจะนำอาหารเลิศรสเหล่านั้นมาเดินวนเวียนอยู่แถว ๆ ขอบสระเพื่อยั่วน้ำลายเขา เขาทรมานเหลือเกิน!
นอกจากนี้ ยามชางเหยาว่าง ๆ จะจับตัวเขาออกมาปู้ยี่ปู้ยำ เขาเองก็มิกล้าขัดขืนอันใด โดนชางเหยากลั่นแกล้งจนช้ำ
…
เวลาผันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ครึ่งเดือนผ่านไป ผนึกในแดนบรรพโกลาหลบางเบาขึ้นเรื่อย ๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อ อีกไม่นาน แดนบรรพโกลาหลก็จะเผยออกไปสู่ใต้หล้า
สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนตามชายขอบเตรียมตัวไว้แล้วแต่เนิ่น ๆ หลังผนึกในแดนบรรพโกลาหลคลาย พวกเขาไม่มีลังเล ไปจากแดนบรรพโกลาหล คืนกลับไปยังบ้านเกิดอย่างรวดเร็ว
พวกเขากลัวเป็นอย่างยิ่งว่าขืนชักช้า จะมิได้ภูมิทัศน์ดี ๆ ช่วงชิงกันออกมาด้วยกลัวจะเสียเปรียบ
ส่วนสิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลนั้น ไม่มีทีท่าอยากไปจากที่นี่เลยสักนิด ที่ใดเล่าจะสู้แดนบรรพโกลาหล
อีกอย่าง แดนบรรพโกลาหลคือบ้านของพวกเขา ไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนที่อาศัยตามพื้นที่ชายขอบ
“ไปเสียได้ก็ดี คนเถื่อนเฉกเช่นพวกเขาควรไปนานแล้ว!”
“จำเป็นต้องปีติยินดีถึงปานนั้นด้วยหรือ แม้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ชายขอบ สภาพแวดล้อมเลวร้ายนักหนา กระนั้นก็ยังดีกว่าข้างนอกกว่าหมื่นเท่า!”
สิ่งมีชีวิตมากมายในแดนบรรพโกลาหลต่างดูถูกดูแคลนสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนตามชายขอบ เห็นว่าสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนเหล่านี้จะไปกันแล้ว พวกเขาต่างยินดีเป็นอย่างยิ่ง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาต่างดูหมิ่นสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนที่อาศัยอยู่ตามชายขอบ หากมิใช่จ้าวแห่งดินแดนต่าง ๆ สั่งห้ามมิให้พวกเขาก่อกรรมทำเข็ญสังหารพวกนั้น พวกเขาฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนที่อาศัยตามพื้นที่ชายขอบไปนานแล้ว
พวกเขามองว่า สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนตามชายขอบทำให้แดนบรรพโกลาหลแปดเปื้อน
“ผนึกในแดนบรรพโกลาหลนั้นหย่อนมากแล้ว อีกไม่นานก็จะเผยตัวตนออกไป ถึงครานั้น คงมีสิ่งมีชีวิตข้างนอกอยากเข้ามากันนับคณา พวกเราจะปล่อยให้พวกเขามาทำให้แดนบรรพโกลาหลต้องเปื้อนมลทินมิได้เด็ดขาด!”
“ใช่แล้ว! ขืนพวกเขากล้าเข้ามา เราจะเชือดพวกเขาให้หมด ให้พวกเขาไม่อาจกลับไปได้อีก!”
สายตาพวกเขาเปล่งประกายดุดัน แดนบรรพโกลาหลต้องเผยตัวสู่ใต้หล้าแน่แล้ว เรื่องนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง
พวกเขาต้องรักษาแดนบรรพโกลาหลไว้ มิให้สิ่งมีชีวิตข้างนอกเข้ามาในนี้ได้
ขณะเดียวกัน สิ่งมีชีวิตตามชายขอบจำนวนหนึ่งได้ก้าวออกจากแดนบรรพโกลาหลแล้ว
“สิ่งแวดล้อมเลวร้ายเพียงนี้เชียวหรือ”
“ใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ได้ด้วยหรือ”
สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนไม่น้อยขมวดคิ้ว หน้าตาเต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่ออาณาจักรแห่งนี้
แย่จริง ๆ ไม่มีสสารฝึกฝนระดับสูงอยู่เลย พวกเขาถึงขั้นต้องกลั้นหายใจ ไม่ต้องการหายใจด้วยอากาศในอาณาจักรนี้ ด้วยมองว่า ‘สกปรก’ เกินไป
ก่อนออกมา พวกเขาคาดคะเนในใจไว้แล้วว่า สิ่งแวดล้อมในบ้านเกิดคงไม่ดีเท่าใด ถึงอย่างไร บ้านเกิดพวกเขาก็ผ่านอะไรมามาก สิ่งแวดล้อมดีสิแปลก
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายเพียงนี้!
ชั่วขณะนั้น พวกเขาหมดความสนใจ ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไป อยากกลับไปที่เดิมอีกครั้ง
ทว่าไม่นานนัก พวกเขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป
แม้ว่าสิ่งแวดล้อมในภูมิลำเนาย่ำแย่เสียจนพวกเขาแทบอยู่ต่อมิไหว กระนั้นก็แค่ชั่วคราว
พวกเขารู้ดีว่า ผนึกในแดนบรรพโกลาหลจะต้องแหลกเหลวเมื่อถึงเวลา และเผยออกมาทั้งหมด ถึงครานั้น สิ่งแวดล้อมในบ้านเกิดย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปเพราะการมีแดนบรรพโกลาหลปรากฏ
ถึงอย่างไร หากผนึกไม่อยู่แล้ว สสารโกลาหลในแดนบรรพโกลาหลย่อมต้องรั่วไหลออกมา
การช่วงชิงในดินแดนมาตุภูมินี้ยังคงสำคัญอยู่มาก หากเวลานี้ได้ยึดครองพื้นที่ดี ๆ ภายหน้าย่อมเป็นประโยชน์มหาศาล!
“ที่นั่นเป็นของข้า!”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งพุ่งออกมา มันคืองูเหิน ลำตัวมโหฬาร ขณะอ้าปากมีอัสนีพวยพุ่งออกมา มันหมายตาเทือกเขาแห่งหนึ่งไว้
และไปถึงที่นั่นในชั่วพริบตา อ้าปากพ่นอสนีบาตสายหนึ่งด้วยความเย็นชาไร้เยื่อใย สังหารสิ่งมีชีวิตในเทือกเขานั้นจนหมดสิ้น!
แต่เดิมที่นี่มีเผ่าใหญ่อาศัยอยู่เผ่าหนึ่ง เผ่าสุวรรณสิงห์ มีสมาชิกในเผ่าอยู่มากมาย หลังถูกงูเหินฆ่าล้าง โลหิตไหลนองไปทั่วทั้งเทือกเขา
“ที่นี่เป็นของพวกเราเผ่าแมงป่องหยก!”
ร่างสะโอดสะองงามล้ำมากมายคลี่ยิ้มเบาบาง ท่วงท่าพราวเสน่ห์ พวกนางมาอยู่ในลานเต๋าแห่งหนึ่ง พริบตาที่ยกมือก็สังหารสิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนในลานเต๋านี้จนเกลี้ยง
ซ้ำพวกนางยังหลอกล้อกันท่ามกลางโลหิตไหลนอง เหยียบย่ำศพของสิ่งมีชีวิตที่ตายไป ฉลองให้พวกตนที่ยึดครองลานเต๋าแห่งนี้มาได้
สิ่งมีชีวิตผู้ฝึกตนในสถานที่นี้มิได้อ่อนแอ พวกเขามาจากอาณาจักรอื่น ๆ ทั้งปวง เพิ่งสร้างลานเต๋าแห่งนี้ขึ้นได้ไม่นาน เรียกได้ว่านั่งก้นยังไม่ทันอุ่น ก็ถูกล้างบางไปอย่างน่าเวทนา
ฟ้าดินเปลี่ยนสี ภาพเช่นเดียวกันนี้ปรากฏออกไปในหลาย ๆ พื้นที่ แสงสีชาดทะยานขึ้นนภา บรรดาสิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากแดนบรรพโกลาหลดุดันเกินไป อย่าว่าแต่สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้เลย แม้แต่สิ่งมีชีวิตในแดนมรณา หรือแดนเซียนก็มิอาจต้านทาน ถูกสังหารในพริบตา!
นี่หรือคือท่าทีที่มีต่อภูมิลำเนา
พวกเขาเลือดเย็นไร้ความรู้สึก ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้อยู่ในสายตาสักนิด ฆ่าแกงกันได้ง่าย ๆ ราวกับกำลังฆ่ามดอยู่ก็มิปาน ไม่นึกยี่หระแม้แต่น้อย
สำหรับพวกเขา สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้มิได้แตกต่างจากมดปลวก พวกเขาไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย
“ที่นี่ไม่เลว…”
สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งมาถึงแดนบูรพาทิศในเหยียนโจว เขาประกาศเสียงดังฟังชัด “พื้นที่นี้เป็นของพวกเราแล้ว!”
เขามีรูปร่างสูงใหญ่ เป็นเผ่ามนุษย์ กระนั้นก็มิได้มีเมตตากว่าสัตว์อสูรเผ่าต่าง ๆ เหล่านั้นนัก ทันทีที่เขามาถึงที่นี่ ก็ตัดสินใจล้างบางพื้นที่นี้
ข้างกายเขามีผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ติดตามมาด้วยไม่น้อย
พวกเขามาจากราชวงศ์หนึ่ง เตรียมกำจัดสิ่งมีชีวิตในพื้นที่นี้แล้วค่อยเริ่มดำเนินแผนการอื่น
มดปลวกไม่มีความจำเป็นต้องดำรงอยู่…