ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สามเณรก็ยิ่งกลัวว่าทั้งสองจะบังเอิญพบกันอีก ดังนั้นเขาจึงพยายามเลี่ยงไม่ให้ทั้งสองอยู่ในแดนพระพุทธศาสนาในเวลาเดียวกัน
และด้วยเหตุนี้นี่เอง ทุกคนในภพภูมิทั้งหก ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือพระอรหันต์จึงรู้เรื่องการกระทบกระทั่งกันระหว่างหงส์เพลิงและตี้จวินโดยทั่วกัน
ทุกคนต่างพยายามให้ความร่วมมือกับสามเณรเพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกเขาพบกันอย่างสุดความสามารถเช่นกัน
เซียนอาวุโสไท่ไป๋ส่ายหน้าและหัวเราะขึ้น ”สองคนนั้นไม่เคยมีความบาดหมางรุนแรงกันมาก่อน แม้สมัยก่อนพวกเขาจะไม่ชอบหน้ากัน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังพยักหน้าให้กันตามมารยาท แล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาทนกันไม่ไหวในเวลานี้เล่า คงจะเหมือนที่โบราณว่าไว้กระมังว่า ’เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้’”
”เซียนอาวุโส ท่านก็น่าจะรู้ว่าตี้จวินไม่ชอบผู้หญิงที่เก่งเกินไป นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเซียนสาวทุกคนที่เขาเลือกมาถึงได้ทั้งอ่อนโยนและบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ยิ่งกว่านั้น หงส์เพลิงก็ยังเป็นคนนิสัยตรงไปตรงมาเกินไป ดังนั้นความเป็นมิตรของทั้งสองจะหมดลงเมื่อใดก็คงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”
”ในความเห็นของข้า ตี้จวินควรลงหลักปักฐานด้วยการแต่งงานได้แล้ว ทั้งดอกบัวทองคำจากพระพุทธศาสนาและเทพธิดาเสวี่ยซานจากภพสวรรค์ของพวกเราต่างก็เป็นตัวเลือกที่ดีทั้งนั้น”
”จะว่าไป ที่วังมังกรก็มีตัวเลือกดีๆ อยู่เหมือนกัน ความงามของนางนั้นยากจะหาผู้ใดมาเปรียบได้ ข้าอยากแนะนำนางให้ตี้จวินมานานแล้ว”
”เดี๋ยวก่อน ข้ารู้จักภูตสาวจากภูเขาโม่ชางที่แอบชอบตี้จวินมานานอยู่นางหนึ่ง นอกจากนางจะมีรูปโฉมงดงามแล้ว นางยังมีความสามารถอย่างมากมายอีกด้วย และนั่นยิ่งทำให้นางเหมาะสมกับตี้จวินที่สุด…”
บรรดาเซียนอาวุโสจากภพสวรรค์แย่งกันพูด ความคิดเห็นของพวกเขาทำให้ทั่วทั้งโดมสั่นสะเทือน
แต่ชายที่นั่งอยู่บนจุดสูงสุดกลับไม่ได้คิดที่จะเข้าร่วมการสนทนาของพวกเขา เขากลับทำเพียงแค่นั่งไขว่ห้างอยู่บนนั้นด้วยท่าทางสบายๆ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกสงสัย
”เจ้าปลา” นี่คือชื่อเล่นที่เทพหนุ่มมอบให้กับบรรดาปีศาจเมื่อไม่นานมานี้
ปีศาจสีดำเหล่านั้นรวมตัวเข้าหากันและกลายร่างเป็นปลาทองทันที ”ขอรับ”
”ข้ากับเหยื่อผู้งดงามของข้า พวกเราดูไม่เหมาะสมกันหรือ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยสีหน้าสงสัย
ปีศาจทุกตนถึงกับพูดไม่ออก พวกมันได้แต่คิดในใจว่า ทุกคนในภพทั้งหกต่างก็รู้ว่าพวกท่านทั้งสองเป็นศัตรูกัน เข้าใจหรือไม่ขอรับ! ท่านหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าพวกท่านดูไม่เหมาะสมกันหรือ ท่านทั้งสองไม่เคยลงรอยกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ! ถ้าพวกข้าไม่ได้ติดตามอยู่ข้างหลังท่าน พวกข้าคงได้คิดเหมือนกันว่าท่านอยากทำให้หงส์เพลิงกลายเป็นคนพิการทุกครั้งที่ท่านพบนาง แต่ที่ท่านไม่ทำเช่นนั้นก็เพียงเพราะว่านางเป็นคนของพระพุทธศาสนา แน่นอนว่าตอนนี้พวกข้ารู้แล้วว่าท่านไม่ได้สนใจหน้าตาของผู้ใด แต่พวกข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะมีความคิดสกปรกเช่นนี้ให้กับหงส์เพลิง!
”ทำไม คำถามของข้าตอบยากนักหรือ” ชายหนุ่มหัวเราะราวกับเหน็บแนมพร้อมกับมองมาที่พวกมัน
ปีศาจเหล่านั้นพยายามอย่างมากที่จะรักษาร่างปลาทองของตัวเองไว้ แต่พวกมันก็ยังพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้ว่า ”จริงๆ ก็ไม่ค่อยเหมาะกันนิดหน่อยขอรับ”
”โอ้?” ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นอีกครั้ง เสียงหัวเราะนั้นฟังดูมีเลศนัย มันฟังดูลึกล้ำเสียจนปีศาจทุกตนคิดไม่ออกว่าเขากำลังวางแผนอะไรไว้ในใจ
อันที่จริง สิ่งที่ชายหนุ่มต้องการทำนั้นช่างเรียบง่าย ในเมื่อทุกคนคิดว่าพวกเขาไม่เหมาะสมกัน เช่นนั้นสิ่งที่เขาต้องทำก็คือการเปลี่ยนความคิดของทุกคนใหม่เสีย
จากนั้นทุกคนจะได้เลิกกวนใจเขาด้วยการบอกว่าวันนี้เขาควรพบใคร และวันถัดไปควรจะออกไปพบใครเสียที
เทพหนุ่มชำเลืองมองภาพที่อยู่บนโต๊ะอีกครั้ง ความใจร้อนปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
แต่เขาก็สามารถปกปิดความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี
วันถัดมาตอนที่เขาเดินทางไปยังดินแดนของพระพุทธศาสนา สามเณรกำลังจะนำทางเขาขึ้นภูเขา แต่เขากลับเปลี่ยนเส้นทางอย่างกะทันหัน
เมื่อเห็นดังนั้น สามเณรก็ตื่นตระหนก เขารีบวิ่งตามหลังชายหนุ่มไปทันที ”ตี้จวินขอรับ ทางเส้นนี้มีแต่สิ่งกีดขวาง รอเดี๋ยว รอเดี๋ยวก่อนขอรับ!”
จริงดังว่า มันเป็นเส้นทางที่จัดว่าหินทีเดียว
เพราะกว่าครึ่งของเส้นทางนั้นมีของแทนใจถูกกองทิ้งไว้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
และด้านหลังของแทนใจที่ว่านั่นก็คือสามเณรตัวน้อยที่กำลังยืนเขย่งปลายเท้าสุดความสามารถเพราะเขาตัวเตี้ยเกินไป เขากำลังคุยกับเทพจากภูเขาเทียนซานที่มาที่นี่เพื่อขอใครบางคนแต่งงาน ”ท่านเซียนได้โปรดกลับไปเถิดขอรับ พระอรหันต์ยังจำเป็นต้องสวดมนต์ทำวัดต่อ นางไม่มีทางยอมรับของแทนใจจากท่านอย่างแน่นอน”
”เณรน้อย ช่วยแจ้งนางอีกสักครั้งเถิด หากหงส์เพลิงยอมรับคำขอแต่งงานนี้ นางจะได้รับการปฏิบัติในเทียนซานเช่นเดียวกันกับที่นางได้ในพระพุทธศาสนา ข้าเชื่อว่าอรหันต์หงส์เพลิงย่อมสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง อย่างไรนางก็ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว” เทพจากภูเขาเทียนซานเอ่ยอย่างหนักแน่นพร้อมกับเหลือบมองดอกบัวทองคำผู้เป็นแม่สื่อ
ดอกบัวทองคำหัวเราะด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน ”เขาพูดถูก เณรน้อยช่วยนำเรื่องนี้ไปแจ้งนางอีกสักครั้งเถิด ท่านเซียนผู้นี้เป็นสุภาพบุรุษตัวจริง เขาย่อมมีคุณสมบัติดีพอ ที่สำคัญที่สุด เขาเป็นคนมีความอดทนอย่างมาก ดังนั้นจึงเหมาะสมกับอรหันต์หงส์เพลิงยิ่งนัก”
”แต่…” สามเณรน้อยกำลังจะพูดอะไรขึ้น
แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงหาวอย่างเกียจคร้าน ”พอแค่นั้นล่ะ ข้าได้ทำการตัดสินใจที่ถูกต้องลงไปแล้ว”
เป็นหงส์เพลิงนั่นเอง นางเดินเท้าเปล่าเข้ามาพร้อมกับถือม้วนพระไตรปิฎกไว้ในมือ ริมฝีปากของนางกระตุกขึ้น ดวงตาของนางสบเข้ากับสายตาตกใจของเทพจากภูเขาเทียนซาน แล้วจึงเอ่ยต่อ ”ท่านเซียน ข้าหมายความว่าท่านควรไสหัวกลับไปพร้อมกับของแทนใจที่ว่านั่นได้แล้ว พูดเช่นนี้ชัดเจนพอหรือยัง”
”ท่าน ท่าน!” เทพจากภูเขาเทียนซานหลงใหลในรูปลักษณ์ของหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็จริง แต่ทันทีที่นางพูดขึ้น เขาก็รู้สึกอยากสู้กับนางเสียเดี๋ยวนั้น แต่น่าเสียดายยิ่งนักที่เขาไม่ใช่คู่มือของหงส์เพลิง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่โจมตีนางด้วยคำพูดเท่านั้น ”ดูเหมือนครั้งนี้ข้าจะเข้าใจผิดไป ข่าวลือเป็นความจริง นางไม่สมกับเป็นพระอรหันต์เลยแม้แต่น้อย ต่อให้นางจะหน้าตางดงามเพียงใด แต่นางก็มีดีแค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น!”
หลังจากพูดจบ เทพจากภูเขาเทียนซานก็หมุนตัวกลับทันที แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญพบเทพหนุ่มยืนอยู่ตรงนั้น!
”ตี้จวินหรือ ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะขอรับ” ภพสวรรค์กลายมาเป็นผู้นำของภพทั้งหกอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นทุกคนจึงพยายามประจบเอาใจเทพจากภพสวรรค์ผู้นี้ รวมถึงเทพจากภูเขาเทียนซานเช่นกัน
เทพหนุ่มเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นมิตร ”ทำไม ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ”
”เปล่าเลยขอรับ! ไม่ใช่อย่างนั้น! ท่านย่อมอยู่ที่นี่ได้อยู่แล้วขอรับ” เทพจากภูเขาเทียนซานกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ”ท่านคงมาที่นี่เพราะดอกบัวทองคำสินะขอรับ ดูข้าสิ ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน”
ชายหนุ่มยังคงเงียบ เขาทำเพียงมองอีกฝ่ายพร้อมกับกระตุกริมฝีปากขึ้น แต่ในดวงตาของเขาไม่มีประกายแห่งความสุขอยู่แม้แต่นิดเดียว
ตอนแรกเทพจากภูเขาเทียนซานไม่ได้สังเกตเห็นเรื่องนั้น แต่เมื่อผ่านไปพักหนึ่ง เขาจึงเริ่มรู้สึกขนลุกขึ้นมา เขาขยับตัวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ แล้วถามว่า ”ตี้จวิน บนใบหน้าของข้ามีอะไรติดอยู่หรือขอรับ”
”ไม่มี” ชายหนุ่มยิ้ม ความชั่วร้ายปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ”ข้าเพียงแต่สงสัยว่าทำไมเจ้าถึงยังกล้าออกมาข้างนอกด้วยใบหน้าอัปลักษณ์เช่นนี้”
เทพจากภูเขาเทียนซานชะงักไปครู่หนึ่ง เขาอ้าปาก แต่ไม่แน่ใจว่าควรจะตอบโต้อีกฝ่ายดีหรือไม่
”แต่เจ้าไม่ต้องห่วง จะไม่มีใครตำหนิว่าเจ้ามีดีเพียงแค่หน้าตาอีกตลอดชีวิต” ชายหนุ่มตบบ่าเทพจากภูเขาเทียนซาน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า ”เพราะคำพูดนั้นไม่เหมาะกับเจ้า”
ทันทีที่ได้ยินดังนี้ สามเณรทุกคนก็มองไปที่ใบหน้าของเทพจากภูเขาเทียนแล้ว แล้วระเบิดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว
สีหน้าของเทพจากภูเขาเทียนซานย่ำแย่เหมือนเขาเพิ่งกลืนคางคกเข้าไปทั้งตัว มันดูน่าเวทนาจนยากที่จะมอง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจ เขาจะเสียมารยาทต่อใครก็ได้ แต่ไม่ใช่กับตี้จวิน เขารีบวิ่งลงจากเขาด้วยความอับอายพร้อมกับปิดใบหน้าของตัวเองเอาไว้ และได้แต่สงสัยว่าเขาทำตัวเสียมารยาทต่อตี้จวินตั้งแต่เมื่อใดกันแน่