สามีใบ้ของข้าผู้นี้ดีที่สุด – ตอนที่ 564 ลงเรือลำเดียวกัน

สามีใบ้ของข้าผู้นี้ดีที่สุด

ตอนที่ 564 ลงเรือลำเดียวกัน

ซือถูเย่าเงียบงันไม่ส่งเสียง ใคร่ครวญตามวาจานี้ของเขาอยู่

หลีอู๋ฮวากลับหวั่นไหวแล้ว มองไปที่ศิษย์พี่ประมุขอย่างอึกอักลังเล พอเห็นศิษย์พี่ประมุขชักช้าไม่ยอมแสดงท่าที ในที่สุดก็ทนไม่ไหวเอ่ยอ้อนวอนออกไป “คำพูดเขามีเหตุผล เช่นนั้นอาจจะมีหวังช่วยพวกนางแม่ลูกได้มากขึ้น ท่านประมุข ทำตามที่เขาบอกเถิดขอรับ ข้าขอร้องท่านแล้ว!”

ซือถูเย่าเงยหน้ามอง ตำหนิด้วยความโกรธ “เลอะเลือน!”

“ประมุข เห็นแก่ไมตรีในฐานะศิษย์พี่ศิษย์น้องด้วยเถิด…”

“เจ้ายังจะพูดอีกหรือ? มีใครอยู่บ้าง!” ซือถูเย่าตะโกนขึ้นมา มีศิษย์สองสามคนโผล่เข้ามาทันที เขาชี้ไปที่หลีอู๋ฮวา “คุมตัวไปแล้วเฝ้าเอาไว้ หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้าก็ห้ามปล่อยเขาออกมา”

“ศิษย์พี่!” หลีอู๋ฮวาตกใจมาก เขาไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็ถูกคนด้านหลังลงมือควบคุมในทันใดถูกคนสองคนลากตัวออกไปเดี๋ยวนั้น

หนิวโหย่วเต้าที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วมองตาม

ซือถูเย่ามองตามด้วยสีหน้ามืดมน โมโหเต็มที

มิใช่เพราะไม่เห็นด้วยกับความคิดของหนิวโหย่วเต้า แต่โมโหกับท่าทีของหลีอู๋ฮวา พบว่าหลีอู๋ฮวาร้อนใจจนเลอะเลือนไปแล้ว เห็นแก่เรื่องส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ของสำนัก แสดงความคิดออกมาเต็มที่ พูดจาเลอะเทอะ วาจาเช่นนั้นสามารถกล่าวออกมาได้หรือ? บางถ้อยคำสามารถเอ่ยต่อหน้าคนอื่นได้หรือไร? เรื่องบางอย่างลงมือทำได้แต่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้

ต่อให้ทางนี้ประกาศข่าวออกไป แม้ว่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในมณฑลจินโจวแต่ก็ทำไปเพื่อประโยชน์ของวังสวรรค์หมื่นวิมาย มิใช่เพื่อช่วยลูกเมียเจ้า อีกทั้งไม่ได้ตัดสินใจทำเช่นนี้เพราะความสัมพันธ์ศิษย์พี่ศิษย์น้องระหว่างพวกเรา!

หากว่าการตัดสินใจครั้งนี้ก่อให้เรื่องราวเละเทะไป ตัวเขาในฐานะประมุขที่ตัดสินใจทำเช่นนี้เพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัวก็ต้องออกมารับผิดชอบมิใช่หรือ?

หากสูญเสียมณฑลจินโจวไปเพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัว ภาระที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ประมุขอย่างเขาจะแบกรับไหวหรือ? นอกจากยอมรับโทษลงจากำแหน่งแล้วก็คงไม่มีตัวเลือกอื่นอีก!

ทางนี้ไม่ได้ตัดสินใจเพราะสายสัมพันธ์ส่วนตัว การตัดสินใจทุกอย่างที่ทำลงในยามนี้ล้วนทำไปเพื่อสำนักทั้งสิ้น ไม่มีเรื่องไมตรีส่วนตัวใดๆ เข้ามาเจือปนเลย

พูดจาเหลวไหลออกมาเต็มปาก สมองมีปัญหาไปแล้วหรือ!

ด้วยสภาวะอารมณ์ของหลีอู๋ฮวาในยามนี้ เขาไม่กล้าปล่อยให้เพ่นพ่านด้านนอกแล้ว มิเช่นนั้นหากควบคุมไม่อยู่ไม่รู้เลยว่าจะก่อเรื่องใดขึ้นมาบ้าง จำเป็นต้องควบคุมตัวเอาไว้ก่อน

ในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสคนหนึ่งมี่สังเกตการณ์อยู่ในห้องเดินออกมา รายงานว่า “ท่านประมุข สถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว พวกเราไม่เคยพบอาการเช่นนี้มาก่อน ไม่อาจรับมือได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ให้พวกเราพยายามทุ่มกำลังถ่วงเวลาไว้ก็เกรงว่าองค์หญิงใหญ่คงอยู่ได้ไม่ถึงเดือน ส่วนทารกได้อย่างมากสิบวันขอรับ”

สิบนิ้วของหนิวโหย่วเต้าที่กุมกระบี่อยู่กระดิกนิดๆ ผลลัพธ์นี้ไม่ต่างจากที่เขาฟังมาจากหลีอู๋ฮวาเลย

ซือถูเย่าสงบอารมณ์ลงเล็กน้อย ใคร่ครวญจากมุมมองเดียวกับหนิวโหย่วเต้าดูก่อน ขบคิดจนมั่นใจแล้วว่าหนิวโหย่วเต้าน่าจะไม่มีทางคิดร้ายต่อทางนี้ หนิวโหย่วเต้าก็งไม่อยากให้เกิดเรื่องกับมณฑลจินโจวเช่นกัน มิเช่นนั้นจะส่งผลเสียต่อมณฑลหนานโจว

หลังจากวิเคราะห์ได้เช่นนี้ เขาถึงได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย เอ่ยกับผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างว่า “หนิวโหย่วเต้าพูดมีเหตุผล ไม่อาจปล่อยให้ถูกราชสำนักจูงจมูกได้ จำเป็นต้องทำให้ฝ่ายราชสำนักเสียกระบวนบ้าง ถอยเพื่อรุก ชิงเผยความไม่มั่นคงภายในออกไปก่อน ซื้อเวลาให้พวกเขาได้จัดการความปรองดองภายใน รีบส่งข่าวไปแจ้งสำนักใหญ่ต่างๆ ทันที ทำตามวิธีที่น้องหนิวเสนอมา ไปจัดการเดี๋ยวนี้อย่าได้ชักช้า!”

ไม่อาจชักช้าได้แล้วจริงๆ อาการของไห่หรูเยวี่ยยื้อไว้ไม่ได้นานนัก หลังจากทางนี้ส่งข่าวออกไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าหมอผีจะทราบข่าวหรือไม่ ต่อให้ทราบข่าวแล้วมา ก็ไม่รู้อีกว่าคนเขาอยู่ที่ใด ไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาเดินทางนานเท่าไร

เหตุผลที่หนิวโหย่วเต้าต้องการให้วางแผนไปด้วนกันก็เพราะเหตุนี้ จำเป็นต้องซื้อเวลาไว้

“ขอรับ!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งรับคำสั่งแล้วออกไป

มอบหมายงานลงไปแล้ว จะตามหาหมอผีพบหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสวรรค์ลิขิตเท่านั้น แต่สามารถยื้อไว้ได้ก็ต้องยื้อไว้ก่อน สีหน้าซือถูเย่าโอนอ่อนลง เอ่ยกับหนิวโหย่วเต้าว่า “ในเมื่อพวกเราเป็นพันธมิตรกัน จินโวประสบปัญหา คาดว่าหนานโจวคงไม่นิ่งดูดายกระมัง?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ข้าก็มาแล้วมิใช่หรือ?”

ซือถูเย่าส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “ทัพใหญ่ยกกรีธา รุกรานถล่มท้องทุ่งป่าเขาดั่งสายน้ำเชี่ยว เจ้าสามารถสยบฟ้าทลายปฐพีหรือเคลื่อนเขาเขย่าสมุทรได้งั้นหรือ? นี่มิใช่เรื่องที่เจ้าจะสกัดรับมือได้ ความหมายของข้าคือหนานโวสามารถระดมกำลังมาสนับสนุนข้าได้มากน้อยเพียงใด”

หนิวโหย่วเต้าไม่ได้ตอบคำถาม เพียงเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาอย่างอย่าไม่มีปี่มีขลุ่ย “ซางเจี้ยนสยงจะลงมือกับหนานโจว”

เหล่าผู้อาวุโสของวังสวรรค์หมื่นวิมานที่อยู่ด้านข้างตกใจเล็กน้อย นี่มิเท่ากับว่าหนานโจวก็ต้องเอาตัวเองให้รอดจึงไม่อาจส่งกำลังมาสนับสนุนได้หรอกหรือ?

ซือถูเย่าตอบสนองว่องไว ตระหนักบางอย่างขึ้นมาแล้ว หรี่ตาเอ่ยไปว่า “ความหมายของเจ้าคือ ไห่อู๋จี๋ลงมือกับทางจินโจว ส่วนซางเจี้ยนสยงก็ลงมือกับทางหนานโจว เป็นเพราะทั้งสองฝ่ายวางแผนร่วมมือกันแล้วถึงลงมืองั้นหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “มีโอกาสสูงที่จะเป็นเช่นนี้ ตอนแรกข้าคิดเพียงว่าซางเจี้ยสยงจะลงมือกับหนานโจวเท่านั้น เป้าหมายที่ข้ามาครานี้ก็เพื่อหารือเรื่องยืมกำลังทหารเตรียมการป้องกันไว้ หากสถานการณ์ไปถึงจุดที่ต้องปะทะกันอย่างซึ่งหน้า ก็หวังว่าทางฝั่งพวกท่านจะช่วยส่งกำลังไปสนับสนุน ผู้ใดจะคาดว่ากลับมาพบเรื่องเช่นนี้เข้า”

“เมื่อหนานโจวหรือจินโจวเผชิญปัญหาก็น่าจะไม่ต้องเดียวดาย เวลาประเหมาะบังเอิญเกินไป ซางเจี้ยนสยงและไห่อู๋จี๋น่าจะลอบติดต่อกันไว้เรียบร้อยแล้ว ต่างฝ่ายต่างจัดการแต่ละฝั่ง ทำให้พวกเราไม่อาจร่วมมือกันได้ ขณะเดียวกันก็ลดปัญหาของพวกเขาลงไปด้วย ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ ประมุขซือถู คนในเส้นทางบำเพ็ญเพียรอย่างพวกเราล้วนจำเป็นต้องยอมรับเลยว่าในด้านกลยุทธ์เชิงภาพรวม เมื่อเทียบกับพวกเขาเหล่านั้นที่คลุกคลีอยู่ในด้านนี้ พวกเรามีการตอบสนองล่าช้ากว่าเล็กน้อย”

สีหน้าของซือถูเย่าเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “สองแคว้นลงมือในเวลาเดียวกัน เกรงว่าพวกเราคงลำบากแล้ว”

กำลังห่างชั้นกัน หากว่าสองแคว้นไร้ห่วงพะวงแล้วต้องการเล่นงานพวกเขาให้ได้ พวกเขาก็ไม่สามารถสกัดขวางได้เลย

“เชิญประมุขซือถูมาสนทนากันหน่อยเถิด” หนิวโหย่วเต้าผายมือเชิญ

ในเวลานี้ไม่มีอะไรต้องเล่นแง่กันอีกแล้ว ซือถูเย่าเดินตามเขาออกไปด้านข้าง เดินเข้าไปในศาลาหลังหนึ่งที่อยู่ในละแวกนั้นด้วยกัน

กลุ่มคนจากวังสวรรค์หมื่นวิมานสบตากัน

ซือถูเย่าที่เข้าสู่ศาลาแล้วพยักเพยิดไปทางพวกเขา “มีเรื่องใดทถึงจำเป็นต้องเลี่ยงคนในสำนักของข้าเพื่อหารือกัน?”

“มิใช่ว่าต้องการหลบเลี่ยงพวกเขา แต่เรื่องราวมีความสำคัญเป็นอันมาก ไม่อาจปล่อยใหมีข่าวรั่วไหลได้ ที่นี่คือถิ่นของท่าน เรื่องบางอย่างก็จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากประมุขซือถู เท่าที่ข้าทราบมา ราชทูตของแคว้นเยี่ยนและแคว้นซ่งล้วนมาถึงที่นี่แล้ว ข้าต้องการให้เกิดเหตุขัดแย้งเล็กน้อยขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองฝ่าย” หนิวโหย่วเต้ากดเสียวแผ่วต่ำ กระซิบงึมงำอยู่ข้างหูซือถูเย่าพักหนึ่ง

ซือถูเย่าไม่เข้าใจ “เจ้าคิดจะทำอะไร?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ประมุขซือถูอย่าได้ถามมากเลย รอดูผลลัพธ์ก็พอ”

ซือถูเย่ากล่าวว่า “เจ้าไม่บอกให้ชัดเจน ข้าไหนเลยจะช่วยเจ้าโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ได้?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เพียงทำให้เกิดเหตุขัดแย้งระหว่างพวกเขาเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ทำให้วังสวรรค์หมื่นวิมานต้องแปลืองกำลังอันใดเลยและไม่มีทางปล่อยให้เกิดปัญหาใดขึ้นกับวังสวรรค์หมื่นวิมานด้วย”

ซือถูเย่าเอ่ยว่า “แต่ข้าก็ยังอยากรู้รายละเอียดอยู่ดี ข้าไม่อาจหลับหูหลับตาทำเรื่องเช่นนี้ลงไปได้”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “รายละเอียดเชื่อมโยงภายในมีความสำคัญต่อข้ามาก ข้าไม่สามารถบอกทุกอย่างต่อประมุขซือถูได้ แต่ข้าอยากเตือนประมุขไว้สักหน่อย ข้าลองใคร่ครวญเรื่องจินโจวดูแล้ว ได้ยินว่าทางแคว้นฉีและแคว้นเว่ยเพิ่มกำลังทหารในเขตพรมแดนแคว้นจิ้น อีกทั้งแคว้นหานก็ขัดแย้งกับแคว้นเยี่ยนอยู่ ประกอบกับแคว้นเยี่ยนกำลังจะลงมือกับหนานโจว ทำให้ไร้ข้อจำกัดผูกมัดรอบเขตแคว้นจ้าว เกรงว่านี่จะเป็นสาเหตุที่ไห่อู๋จี๋กล้าลงมือ ดังนั้นเคราะห์ที่จินโจวเผชิญในครานี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไห่อู๋จี๋จำต้องส่งทหารเข้าโจมตีจินโจวแน่นอน”

“ขอเพียงคลี่คลายวิกฤตการณ์ของหนานโจวได้ หนานโจวถึงจะยื่นมือออกมาหาได้ เคลื่อนกำลังพลบุกเข้าสู่เขตแคว้นจ้าวได้ ช่วยเสริทกำลังทลายวงล้อมให้จินโจวได้!”

แววตาซือถูเย่าวูบไหว คล้ายจะเดาออกแล้ว “เจ้าคิดจะดึงแคว้นซ่งเข้ามากดข่มแคว้นเยี่ยนหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าชูมือขึ้นไปด้านบน เปรียบเทียบตำแหน่งของสี่แคว้นฝั่งตะวันออก “เหนือหาน เยี่ยนใต้ จ้าวซ้าย ซ่งขวา ทางเป่ยโจวมีข้อพิพาทกับแคว้นหาน แต่ซางเจี้ยนสยงก็ยังคงไม่สนใจสถานการณ์เลือกลงมือกับหนานโจวให้ได้ เห็นได้ชัดว่าตัดสินแน่วแน่แล้ว ดังนั้นหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป พวกเราจำเป็นต้องหาเหตุสักอย่างที่ทำให้แคว้นซ่งทนไม่ไหวจนต้องส่งกองทัพมา!”

“เมื่อแคว้นซ่งมีเรื่องวิวาทกับแคว้นเยี่ยนขึ้นมาแล้วภายในแคว้นเยี่ยนยังลงมือกับหนานโจว อีกทั้งแคว้นจ้าวก็ต้องการลงมือกับจินโจว แคว้นหานก็ปราศจากความกังวลจากทางแคว้นจ้าวแล้ว ข้อพิพาททั้งฝั่งเป่ยโจวก็อาจกลายเป็นการลงมือจริงขึ้นมา”

“ไม่ว่าแคว้นหานจะร่วมมือกับแคว้นซ่งรุกเข้าโมตีหรือไม่ ขอเพียงได้เห็นแคว้นหานฉวยโอกาสชุลมุนเข้าโจมตีแคว้นเยี่ยน แคว้นซ่งที่มีข้ออ้างอย่างดีในการลงมือแล้วจะอดใจไม่ยื่นมือมาแย่งส่วนแบ่งได้หรือ?”

“หากแคว้นเยี่ยนต่อสู้กับแคว้นหานแบบตัวต่อตัว ก็อาจจะพองัดคานกันได้ แต่หากแคว้นหานและแคว้นซ่งเข้าโจมตีพร้อมกัน แคว้นเยี่ยนก็เผชิญวิกฤตล่มแคว้นแล้ว ผลลัพธ์ที่รุนแรงเช่นนี้ซางเจี้ยนสยงจะแบกรับไหวหรือ! ว่าซางเจี้ยนสยงจะยังกล้าบุกโมตีหนานโจวหรือไม่ก็ตาม สามสำนักหลักแคว้นเยี่ยนเป็นรายแรกที่ออกมาบังคับขัดขวางทันที”

“ขอเพียงซางเจี้ยนสยงไม่กล้าลงมือรุกรานหนานโจวอีก หนานโจวก็สามารถส่งกำลังทหารรุดหน้ามาช่วยจินโจวได้ เมื่อทัพหนานโจวมาถึง มีกำลังมาเสริมทัพ ขวัญกำลังใจของจินโจวย่อมมั่นคง เมื่อเผชิญหน้ากับสองมณฑลที่ร่วมมือกัน เกรงว่าไห่อู๋จี๋ก็ต้องทบทวนถึงผลลัพธ์ของศึกนี้เช่นกัน หากถูกสงครามถ่วงรั้งล่าช้า ด้วยรูปการณ์ตึงเครียดสุ่มเสี่ยงระหว่าแคว้นเยี่ยนและแคว้นซ่ง แคว้นหานอาจจะเลือกถอนตัวออกมาโจมตีหาประโยชน์จากแคว้นจ้าวแทน”

“เวลานี้ถึงแม้แคว้นจ้าวจะไร้ห่วงพะวง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีกำลังเสริมจากแคว้นอื่นอยู่เลย เกรงว่าไห่อู๋จี๋คงไม่กล้าหุนหันพลันแล่นกับจินโจว วิกฤตย่อมจะคลี่คลายไป!”

ซือถูเย่าได้ฟังก็ตื่นเต้นอย่างยิ่ง อดไม่ได้ที่จะยกกำปั้นทุบฝ่ามือพลางร้องชมเชยว่า “ดี!”

เขาสะบัดแจนเสื้อไปด้านหลัง เดินวนกลับไปกลับมาอยู่พักหนึ่ง หากเป็นเช่นนี้ต่อให้ช่วยพวกไห่หรูเยวี่ยแม่ลูกไม่ได้ก็ยังสามารถปกป้องจินโจวเอาไว้ได้ ทำให้ทางนี้มีเวลาพอที่จะจัดระเบียบสถานการณ์ในจินโจว

เมื่อกลุ่มคนที่อยู่ห่างออกไปล้วนมองออกถึงความตื่นเต้นของประมุข ต่างมองหน้ากันเหลอหลา

“ไม่แปลกเลยที่น้องหนิวจะสามารถเตะส่งสำนักหยกสวรรค์ออกจากหนานโจวได้” ซือถูเย่าอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปตบไหล่หนิวโหย่วเต้า “แผนนี้ยอดเยี่ยม! เพียงแต่…”

สีหน้าตื่นเต้นชะงักลงไปอีกครั้ง เอ่ยถามขึ้นมาอีก “ยุแยงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้แคว้นซ่งมีข้ออ้างให้หมดความอดทนจนส่งทัพมาได้หรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากดมือข้างหนึ่งลงเล็กน้อย “ในวังสวรรค์หมื่นมีวิมานมีคนปากเปราะมากมาย เรื่องนี้ไม่อาจปล่อยให้มีข่าวรั่วไหลออกไปได้แม้แต่น้อย ประมุขซือถูโปรดคัดเลือกคนที่ไว้ใจได้มาดำเนินการ เพื่อให้รักษาความลับไว้ได้ ข้าจะดำเนินในส่วนที่เหลือเอง วังสวรรค์หมื่นวิมานไม่จำเป็นต้องกังวล”

“ดี หนนี้นับว่าพวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ร่วมฝ่ามรสุมนี้ไปด้วยกัน…” ซือถูเย่าคว้าข้อมือเขาให้ความสนิทชิดเชื้ออย่างยิ่ง ทั้งสองคนอยู่ในศาลากระซิบกระซาบหารือกันอยู่นานสองนาน

….

ณ เรือนอวลสุคนธา ค่ำคืนเงียบสงัดแต่คนกลับไม่สงบ ราชทูตแคว้นต่างๆ มาถึงแล้ว ไปพบปะกันบ้างก็เป็นเรื่องปกติ

เกาเส่าหมิงราชทูตแคว้นเยี่ยนนำคณะติดตามมาถึงด้านนอกเรือนพำนักของจ้าวเซินแล้ว องครักษ์เข้าไปรายงาน พวกเกาเซ่าหมิงรออยู่ด้านนอก

ราชทูตแคว้นเยี่ยนคนก่อนหน้านี้ถูกสังหาร หลังจากแคว้นเยี่ยนและแคว้นจ้าวยุติข้อพิพาทลงแล้ว เกาเซ่าหมิงจึงเดินทางมารับตำแหน่งราชทูตแคว้นเยี่ยนประจำแคว้นจ้าว

คนผู้นี้คุ้นเคยกับแคว้นจ้าวดี เดิมทีเขาก็เป็นคนในหน่วยข่าวลับของแคว้นเยี่ยนอยู่แล้ว เคยใช้ฐานะพ่อค้านามเฉวียนเส่าคังแฝงตัวอยู่ในแคว้นจ้าวมาหลายปี ปีนั้นที่แคว้นเยี่ยนตามไล่ล่าสังหารหนิวโหย่วเต้า เขาเคยปะทะกับหนิวโหย่วเต้าแบบห่างๆ มาแล้ว ภายหลังเนื่องจากทำพลาดจึงทำให้หน่วยข่าวกรองของแคว้นเยี่ยนประสบความสูญเสียมหาศาลจำต้องล่าถอยกลับสู่แคว้นเยี่ยน

ได้กลับมาเป็นราชทูตที่แคว้นจ้าวอีกครั้ง ไม่เป็นปัญหาต่อตัวเขาที่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในแคว้นจ้าวดี

…………………………………………………………………………

สามีใบ้ของข้าผู้นี้ดีที่สุด

สามีใบ้ของข้าผู้นี้ดีที่สุด

Status: Ongoing
หลังจากฟื้นขึ้นมา ไป๋เสวี่ยเหมยพบว่าตนกำลังเปลือยเปล่าอยู่กับอาช่าน...บ่าวใบ้ผู้ต่ำต้อย เมื่อความทรงจำต่างๆ ย้อนคืน จึงระลึกได้ว่านางกลับมาเกิดใหม่ในร่างเดิม เป็นคุณหนูใหญ่ไป๋แสนร้ายกาจเมื่อสองปีก่อนที่วางแผนทำลายน้องสาว...ไป๋มู่หลานให้เสียตัวเป็นเมียบ่าวใบ้ เพื่อจะแย่งชิงรองแม่ทัพหวังอี้หาน ชายหนุ่มหล่อเหลาอนาคตไกลผู้ปักใจรักน้องสาวมาเป็นคนรักตนแผนกลับผิดคาด นอกจากเล่นงานน้องสาวที่มีแต่คนรุมรักไม่สำเร็จ นางยังตกเป็นเมียบ่าวใบ้แทน ทว่าสิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือชาตินี้ตัวตนนางได้เปลี่ยนไปแล้ว นอกจากไม่โวยวาย ยังน้อมรับชะตากรรมแสนบัดซบอย่างยินดี...ในห้วงเวลาเป็นตายสุดท้าย นางได้รู้แล้วว่าอาช่านดีต่อตนเพียงใด ทั้งที่นางตบตีด่าทอเขาสารพัดในชาติก่อน เพราะคิดว่าอีกฝ่ายทำให้ตนมีชะตากรรมเลวร้าย เขากลับยังทำทุกอย่างเพื่อนาง...กระทั่งยอมถูกโจรป่าฆ่าเพื่อช่วยชีวิตนางเอาไว้ไป๋เสวี่ยเหมยไม่คิดเลยว่าการยอมรับชะตากรรมครั้งนี้เพื่อไถ่โทษให้อาช่าน หลังเปิดใจยอมรับเขาเป็นสามี...อาช่านเจ้าลูกเต่าขี้อาย แท้จริงกลับเป็นเสือร้ายหิวกระหาย ‘รัก’ นางอย่างหิวโหยร้อนแรงเสียเหลือเกิน!วันหนึ่งเมื่อทั้งสองเข้าป่าไปพบสุสานถ้ำหยกปริศนา อาช่านได้แช่ตัวในสระหยกและสัมผัสกับแหวนรัตนบุปผา ความทรงจำตลอดจนพละกำลังของเขาพลันกลับคืน ทั้งยังหายเป็นใบ้ ไป๋เสวี่ยเหมยจึงรู้ว่าตนได้ครอบครองสามีที่เป็นดุจพลอยชั้นดียิ่งกว่าสตรีนางใด หาใช่คนเร่ร่อนต่ำต้อยที่นางรับมาเป็นบ่าวแค่เพราะถูกใจดวงตาสีอำพัน อาช่านตัวจริงเป็นถึงตงฟางหงจวิ้น ประมุขหุบเขาโลหิตผู้รวยล้นฟ้า ทั้งยังมากด้วยบารมี เก่งกล้าจนใต้หล้าต้องยำเกรง ด้วยเหตุนี้จึงถูกคนในริษยา ลอบทำร้ายด้วยการวางยาพิษเพื่อสังหาร เขาจึงความจำเสื่อม พูดไม่ได้และพลังหดหายเพราะยาพิษ กระทั่งกลายเป็นอาช่านบ่าวใบ้ของไป๋เสวี่ยเหมย ฮ่องเต้แคว้นอู่ยังต้องเกรงใจเขาเกินสิบส่วน ภายหลังจึงสมคบคิดกับคนในหุบเขา ซึ่งเป็นญาติเพียงหนึ่งเดียวอย่างตงฟางหลี่เฉิน อาแท้ๆ ของตงฟางหงจวิ้น วางแผนยึดครองหุบเขาโลหิต โดยฝ่ายหลังต้องการเพียง ‘แหวนรัตนบุปผา’ ที่ผู้เป็นหลานครอบครอง และเขาก็คือคนที่ทำร้ายตั้งแต่พ่อของหงจวิ้น กระทั่งหงจวิ้นขึ้นเป็นประมุขยังไม่เลิกรา โดนเขาทำร้ายซ้ำจนเกือบจะสำเร็จ เพื่อให้ได้ครอบครองแหวนและขึ้นเป็นประมุขหุบเขา ความร่วมมือกันครั้งนี้ก่อให้เกิดศึกใหญ่ระหว่างแคว้นอู่กับเจ้าหุบเขาศึกระหว่างแคว้นอู่กับประมุขหุบเขาโลหิตจะลงเอยเช่นไร เมื่อสุดท้ายไป๋เสวี่ยเหมยถูกจับตัวไปต่อรองกับแหวนรัตนบุปผา หากความจริงปรากฏว่าชาติก่อนนางเคยทำให้เขาตายมาแล้ว อาช่านหรือตงฟางหงจวิ้นผู้นี้จะอภัยให้นาง...ช่วยชีวิตนางอีกครั้งหรือไม่!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท