ตอนที่ 810 มาเยือนกลางดึก
หลินม่ายเพิ่งกลับมาจากการซื้อของกับเถาจืออวิ๋นและคนอื่นๆ เธอแค่ต้องการอาบน้ำร้อนและนอนหลับพักผ่อนให้สบาย
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู หลินม่ายจำต้องบังคับตัวเองลุกไปเปิดประตู
ด้านนอกประตูเป็นเสิ่นเสี่ยวผิงและหญิงสาววัยกลางคนยืนอยู่ เธอเป็นคนรู้จักการแต่งกายและอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของฮ่องกง
เสิ่นเสี่ยวผิงแนะนำหล่อนให้หลินม่ายรู้จัก “ประธานหลิน นี่คือคุณอวี่ลี่หวา โปรดิวเซอร์ละครโทรทัศน์ของ TVB เธอต้องการพบคุณเพื่อพูดคุยถึงบางสิ่งค่ะ”
หลินม่ายมองไปที่คุณอวี่ลี่หวา
ชุดทำงานที่สมบูรณ์แบบพร้อมต่างหูมุกและสร้อยคอมุกเส้นใหญ่
เมื่อหันกลับมามองตัวเอง สวมใส่ชุดนอนแสนสบาย ซึ่งคงไม่เจริญตาสำหรับคุณอวี่ลี่หวานัก
เธอต้อนรับคุณอวี่ลี่หวาและกล่าวยิ้มอย่างขอโทษ “ขอเวลาฉันเปลี่ยนชุดสักครู่ แล้วจึงกลับมาคุยกับคุณนะคะ”
หลังจากนั้นเธอหยิบกระโปรงและกำลังจะเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
อวี่ลี่หวาโบกมือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่จำเป็น ฉันไม่ถือสาเรื่องพวกนี้หรอกค่ะ”
หลินม่ายจึงโยนกระโปรงลงบนเตียง
เถาจืออวิ๋นเทกาแฟให้กับอวี่ลี่หวา ก่อนเลี่ยงออกจากห้องเพื่อปล่อยให้ทั้งสองอยู่ตามลำพัง
หลินม่ายนั่งลงตรงข้ามกับอวี่ลี่ฮวา เธอถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณอวี่มีธุระอะไรถึงมาหาฉันเวลานี้คะ?”
อวี่ลี่หวายกกาแฟขึ้นดื่มและวางลง เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “คือแบบนี้ค่ะ ทาง TVB ของเรากำลังถ่ายทำละครทีวีชื่อคลื่นทะเลผกผัน”
นี่คือละครทีวีที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ซึ่งต้องใช้เครื่องประดับในการเข้าฉากจำนวนมาก
ฉันเห็นว่าเครื่องประดับที่นางแบบของคุณสวมใส่ในเทศกาลแฟชั่นนานาชาติฮ่องกงนั้นละเอียดอ่อนและสวยงามมาก
แม้ไม่ใช่เครื่องประดับแท้จริง หรือทำจากอัญมณีราคาแพง แต่มันเหมาะกับละครทีวีเรื่องนี้มาก
ฉันจึงอยากขอความสนับสนุนจากคุณโดยการมอบเครื่องประดับลิลลี่แก่เรา คุณมีความเห็นว่าอย่างไรคะ?”
สิ้นเสียง เธอเห็นว่าหลินม่ายนิ่งเงียบ ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงผลประโยชน์ในการยอมทำตาม
อวี่ลี่หวาจึงพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณจะไม่ขาดทุนแน่นอนหากสนับสนุนเครื่องประดับลิลลี่แก่เรา
เมื่อนักแสดงของเราสวมใส่เครื่องประดับลิลลี่ในละคร มันเท่ากับเป็นการโฆษณาให้คุณแบบฟรีๆ
และในตอนท้ายของละครทีวี เราจะพิมพ์กำกับไว้ว่า เครื่องประดับทั้งหมดในภาพยนตร์เรื่องนี้จัดทำแบรนด์เครื่องประดับลิลลี่”
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายยังคงครุ่นคิดอยู่ เธอจึงพูดต่อว่า “คุณเคยดูละครทีวีฮ่องกงหรือเปล่าคะ?”
หลินม่ายตอบด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าเคยค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยมีเวลา”
“คุณสังเกตไหมว่าตอนจบของละครทีวีของฮ่องกงทุกเรื่อง ชื่อของห้องเสื้อกวนเหม่ยเป็นผู้จัดหาเครื่องแต่งงานทั้งหมดให้
ห้องเสื้อกวนเหม่ยมอบเสื้อผ้าให้เราแบบไม่คิดเงิน
ความร่วมมือของเราเป็นการได้ผลประโยชน์ทั้งคู่
ทางเราประหยัดค่าเช่าเสื้อผ้า และยังช่วยโฆษณาห้องเสื้อกวนเหม่ย
แบรนด์เครื่องประดับลิลลี่ของคุณก็สามารถเป็นหุ้นส่วนกับเราแบบนี้ได้เช่นกัน คุณไม่คิดเหมือนกันนี้หรือ?”
หลินม่ายนึกเห็นด้วยกับข้อเสนอของอวี่ลี่หวาอยู่ในใจ
เธอจงใจแสร้งทำเป็นลังเล และไม่ต้องการตกลงเร็วเกินไป
โดยการทำให้อวี่ลี่หวารู้สึกประหม่า และกลัวว่าจะพลาดการเจรจาขอเครื่องประดับ
ตอนนี้เมื่อเห็นสมควรแล้ว หลินม่ายจึงพยักหน้าเห็นด้วย
อวี่ลี่หวาถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงลุกขึ้นเพื่อกล่าวคำอำลา
แต่หลินม่ายขอให้อีกฝ่ายนั่งลงก่อนสักครู่ โดยบอกว่าเธอยังมีคำขออื่นอยู่
อวี่ลี่หวามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า ในใจคิดว่าหญิงจากแผ่นดินใหญ่คนนี้ต้องการสิ่งใดอีกกันแน่?
หากคำขอมากเกินไป เธอจะยกเลิกความร่วมมือกับอีกฝ่าย
คำขอของหลินม่ายคือ เครื่องแต่งกายของนักแสดงนำสามอันดับแรกในละครจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าจากห้องเสื้อของเธอ
เธอต้องการให้ห้องเสื้อของเธอปรากฏอยู่ในละครทีวีของทาง TVB จากฮ่องกงมานานแล้ว
ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ห้องเสื้อของเธอจะเจาะเข้าสู่ตลาดฮ่องกงได้
แม้ว่าครั้งนี้เธอจะเจรจากับคำสั่งซื้อขนาดใหญ่หลายรายการ แต่ก็ไม่มีคำสั่งซื้อใดที่มาจากฮ่องกงเลย เธอมีความต้องการเปิดการขายในฮ่องกงโดยเร็ว
คงต้องยอมถอยออกมาหนึ่งก้าว แม้ว่าจะไม่สามารถหาตลาดในฮ่องกงได้เลย
การให้ผู้บริโภคในประเทศต่างๆ ของแถบเอเชียตะวันออกได้รู้จักห้องเสื้อของเธอผ่านทาง TVB ยังถือเป็นการประหยัดต้นทุนอีกด้วย
ยังต้องพูดถึงอีกว่า อิทธิพลของฮ่องกงในเอเชียตะวันออกในยุคสมัยนี้มีค่อนข้างมาก
ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ของฮ่องกงได้รับความนิยมอย่างมากในเอเชียตะวันออก
อวี่ลี่หวาตกตะลึง เธอไม่คาดคิดว่าหลินม่ายจะเอ่ยคำขอเช่นนี้
เธอได้เห็นเสื้อผ้าทั้งหมดที่ถูกจัดแสดงโดยร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วที่เทศกาลแฟชั่นนานาชาติฮ่องกงแล้ว ซึ่งพวกมันล้วนมีรูปแบบการตัดเย็บและออกแบบดีกว่าห้องเสื้อกวนเหม่ยมาก
หากทีมงานใช้เครื่องแต่งงานที่ร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วจัดหาให้ มันไม่เพียงทำให้ดูทันสมัย แต่ยังทำให้ละครทีวีเรื่องคลื่นทะเลผกผันมีระดับมากขึ้นอีกด้วย
เนื่องจากเสื้อผ้าของร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วนั้นให้ความรู้สึกที่หรูหรากว่าของห้องเสื้อกวนเหม่ย
แม้ว่าอวี่ลี่หวาต้องการตกลงเห็นด้วยกับคำขอหลินม่าย แต่ห้องเสื้อกวนเหม่ยและ TVB ได้ร่วมมือกันมาหลายปีแล้ว
หากเปลี่ยนแปลงการตกลงกับห้องเสื้อกวนเหม่ยอย่างกะทันหัน ประธานของห้องเสื้อกวนเหม่ยอาจไม่ร่วมมือกับพวกเขาอีกภายภาคหน้า
อวี่ลี่หวาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้ คงต้องกลับไปรายงานเบื้องบนก่อนว่าพวกเขาคิดอย่างไร”
หลินม่ายพยักหน้ารับรู้ และส่งอวี่ลี่หวาออกไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เถาจืออวิ๋นและคนอื่นๆ เดินทางกลับปักกิ่งตามกำหนดการที่วางไว้
แต่หญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่าเผยซู่อวิ๋นไม่ยอมเดินทางกลับไป
บอกว่าเธอเจอกับแฟนหนุ่มที่ฮ่องกง ซึ่งเขาชวนเธอเที่ยวเล่นต่ออีกสองถึงสามวันก่อนกลับ
หลินม่ายถามเธอว่ารู้จักกับแฟนหนุ่มชาวฮ่องกงคนนั้นมานานแค่ไหนแล้ว
เผยซู่อวิ๋นตอบกลับด้วยความเขินอาย พวกเขาพบกันในวันแรกที่เธอมาถึงฮ่องกง
หลินม่ายแทบพูดไม่ออกหลังจากได้ฟังคำตอบ “คุณไม่กลัวว่าจะเจอคนหลอกลวงหรือ?”
เผยซู่อวิ๋นส่ายหัวและพูดอย่างแน่วแน่ “เขาไม่ใช่คนหลอกลวง และปฏิบัติต่อฉันเป็นอย่างดี”
คำพูดไพเราะไม่สามารถเกลี้ยกล่อมวิญญาณที่ถูกสาปแช่ง
หลินม่ายไม่ต้องการเสียเวลาคุยกับอีกฝ่ายต่อ เธอจึงขอความร่วมมือกับเถาจืออวิ๋นและเสิ่นเสี่ยวผิงบังคับให้หล่อนขึ้นเรือ
หลินม่ายให้เหตุผลกับเผยซู่อวิ๋นว่า เธอขอให้เสิ่นเสี่ยวผิงพาหญิงสาวทั้งหมดมา ดังนั้นเสิ่นเสี่ยวผิงก็ต้องพาทุกคนกลับไป
หลังจากส่งเธอกลับสู่อ้อมกอดครอบครัวแล้ว เธอจะเดินทางมาฮ่องกงอีกครั้งเพื่อตามหาแฟนหนุ่มก็ได้ ซึ่งจะไม่มีใครบังคับเธออีก
แต่หลินม่ายยังคงกล่าวเตือนเผยซู่อวิ๋นครั้งแล้วครั้งเล่าว่า แฟนหนุ่มที่พูดถึงอาจเป็นคนโลเลที่ชอบพูดคำหวานเพื่อหลอกหญิงสาว
หลังจากที่เถาจืออวิ๋นและคนอื่นๆ ถูกส่งตัวกลับไป หลินม่ายอยู่ในฮ่องกงตามลำพังต่อเพื่อรอฟังคำตอบจากอวี่ลี่หวา
เธอยังไม่ได้รับการตอบกลับของอวี่ลี่หวา แต่กลับได้รับโทรศัพท์จากหน่วยงานอสังหาริมทรัพย์
บอกเธอว่ามีคนต้องการเช่าวิลล่าที่เธอครอบครอง ทว่าขอเช่าในราคาต่ำกว่าที่เธอตั้งไว้เล็กน้อย
เนื่องจากมันต่ำกว่าเพียงเล็กน้อย หลินม่ายจึงยอมรับได้ และตอบรับให้ปล่อยเช่า
กระทั่งราวบ่ายสองเกือบบ่ายสามโมง อวี่ลี่หวาเดินทางมาหาหลินม่ายอีกครั้ง
โดยบอกว่า เบื้องบนขอให้เธอมาถามหลินม่าย หากจะให้ร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วจัดหาเสื้อผ้าแก่ทีมงาน TVB ทุกคน
หากเป็นไปได้ TVB จะเปลี่ยนไปร่วมมือกับร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วนับจากนี้เป็นต้นไป
หลินม่ายพยักหน้ารับ “ได้แน่นอนค่ะ”
อย่างน้อยหลินม่ายรับประกันได้ว่า เธอสามารถจัดหาเสื้อผ้าสำหรับละครทีวีของ TVB ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 จนล่วงเลยถึงสหัสวรรษ
แต่หลังจากพันปี เธอไม่สามารถรับประกันได้อีก
เพราะหลังจากสหัสวรรษไป เสื้อผ้าสไตล์ฮั่นตกต่ำลงมาก และเกือบถูกกำจัดออกจากตลาดในท้ายที่สุด
หลินม่ายไม่สามารถรับประกันได้ว่าร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วของเธอจะรอดพ้นจากหายนะครั้งนั้นได้หรือไม่
หลังจากบรรลุข้อตกลงกับอวี่ลี่หวาแล้ว หลินม่ายจึงเดินทางกลับไปที่เมืองหลวง
วันนี้คือวันที่ 10 พฤษภาคม ปู่ฟาง ย่าฟาง และโต้วโต้วกลับมาเมืองหลวงเมื่อสองวันก่อน
เถาจืออวิ๋นไม่มาที่บ้านของเธอตามที่สัญญาไว้
หรือเธอจะเปลี่ยนใจไม่อยากไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วหรือเปล่า?
หลินม่ายโทรไปถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เถาจืออวิ๋นอธิบายว่า เธอพบกับนักศึกษาหญิงชาวอิตาลีของมหาวิทยาลัยในเมืองเจียงเฉิง ซึ่งมีความกระตือรือร้นมาก
เธอขอให้นักศึกษาหญิงชาวอิตาลีคนนั้นสอนภาษาอิตาลีให้ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องอยู่ในเมืองหลวงอีก
หลินม่ายลืมคิดไปว่ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียงเฉิงมีการเชิญนักเรียนต่างชาติเข้ามาศึกษาเช่นกัน
วันที่สองหลังจากหลินม่ายกลับมาถึงเมืองหลวง เธอพลันได้รับข่าวใหญ่
หลังจากที่ฟางจั๋วหรานติดตั้งกล้องในร้านซาลาเปาแสนอร่อยได้สองวัน ลูกค้าคนหนึ่งเจอผ้าอนามัยขณะรับประทานหม้อไฟในร้าน ซึ่งทำให้ลูกค้าคนอื่นในร้านล้วนอาเจียนออกมาด้วยอาการคลื่นไส้
ลูกค้าที่เจอผ้าอนามัยโวยวายและขอให้ผู้จัดการร้านชดเชย
ผู้จัดการร้านไม่ได้ส่งพวกเขาไปที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ แต่กลับต่อสายหาตำรวจโดยตรง
ลูกค้าโต๊ะนั้นไม่ได้ท่าทีว่าเกรงกลัว พวกเขาพบผ้าอนามัยในหม้อไฟจริง และลูกค้าอีกหลายคนในร้านต่างก็เห็นเหมือนกัน
ดังนั้นเมื่อตำรวจมาสอบสวน ลูกค้าโต๊ะนั้นยืนยันว่าพวกเขาเจอผ้าอนามัยในหม้อไฟ
ในเวลานั้นลูกค้าคนอื่นที่พบเห็นเหตุการณ์ต่างเป็นสักขีพยานให้ โดยบอกว่าพวกเขาล้วนเห็นมันด้วยตาตัวเอง
แต่เมื่อผู้จัดการร้านพาเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนาย ลูกค้าโต๊ะที่มีปัญหา และตัวแทนสักขีพยานที่สุ่มเลือกมาให้ตามไปที่หลังร้าน
หลังจากเล่นวิดีโอที่ถ่ายได้จากกล้อง ลูกค้าโต๊ะนั้นมีสีหน้าซีดเซียวและต้องการหลบหนี แต่ประตูถูกขวางโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และยังรู้อีกว่าสักขีพยานเหล่านั้นล้วนพูดโกหก
ในความเป็นจริงไม่มีใครเห็นด้วยตาตัวเองว่าลูกค้าโต๊ะนั้นตักผ้าอนามัยออกจากหม้อไฟ
เพียงได้ยินพวกเขาโวยว่าเจอผ้าอนามัยในหม้อไฟเท่านั้น
เมื่อลูกค้าคนอื่นมองตามเสียง พวกเขาเห็นลูกค้าโต๊ะนั้นคีบผ้าอนามัยด้วยตะเกียบ
พวกเขาจึงด่วนตัดสินว่าลูกค้าโต๊ะนั้นเจอผ้าอนามัยในหม้อไฟตามที่กล่าวหา
หลังจากดูวิดีโอวงจรปิดเสร็จ ทุกคนจึงรู้ว่าลูกค้าโต๊ะนั้นเตรียมผ้าอนามัยที่น่าขยะแขยงมาเอง จากนั้นพวกเขาแสร้งทำเป็นตะโกนโวยวาย โดยบอกว่าพวกเขาเจอผ้าอนามัยในหม้อไฟ
เมื่อความจริงปรากฏให้เห็นชัด ลูกค้าโต๊ะนั้นจึงถูกตำรวจจับตัวไป
ครั้งนี้ ลูกค้าผู้สร้างเรื่องไม่ได้โชคดีเหมือนครอบครัวที่เจอหนูจากหม้อไฟครั้งที่แล้ว
ด้วยหลักฐานที่มัดตัวแน่นหนา ศาลจึงตัดสินให้พวกเขาได้รับโทษหนักในข้อหากรรโชกทรัพย์
เหตุที่ต้องรับโทษหนักก็เพราะว่า วิธีการก่ออาชญากรรมของพวกเขานั้นแย่มาก
ถ้าทำสำเร็จ กิจการของร้านค้าอาจถูกทำลายชื่อเสียงจนต้องปิดร้าน
สิ่งนี้บั่นทอนความกระตือรือร้นของผู้ประกอบอาชีพอิสระทางอ้อมในการทำธุรกิจ ซึ่งส่งผลเสียต่อการปฏิรูปและการเปิดประเทศอย่างมาก
ลูกค้าทุกคนจากโต๊ะดังกล่าวตื่นตระหนก พูดละล่ำละลักสารภาพเกี่ยวกับผู้บงการเบื้องหลัง
ปรากฏว่ามันเป็นแผนของร้านซาลาเปาเจ้าเก่าสองร้าน
หลินม่ายจึงตระหนักได้ว่า เหตุใดร้านซาลาเปาเก่าแก่ทั้งสองแก่งจึงยังสามารถยืนหยัดในเมืองหลวงนี้ได้
พวกเขาไม่ได้เปิดสาขาเพิ่มนอกเมืองหลวง ซึ่งหมายความว่าซาลาเปาของพวกเขาไม่ได้มีรสยอดเยี่ยมจนสามารถขยับขยายเปิดสาขาเพิ่ม
เธอยังเข้าใจอีกว่า เหตุใดร้านซาลาเปาแห่งอื่นที่เปิดตัวได้ไม่นานกลับต้องปิดตัวลง เพราะเถ้าแก่ร้านซาลาเปาเก่าแก่ทั้งสองแอบกดราคาและสร้างสถานการณ์ว่าร้ายเพื่อให้พวกเขาต้องปิดตัวลง
โชคดีที่ฟางจั๋วหรานติดต้องกล้องไว้ในร้าน มิฉะนั้นหลินม่ายอาจไม่สามารถรักษาชื่อเสียงของร้านซาลาเปาแสนอร่อยไว้ได้ และต้องล้มละลายไม่เป็นท่า
และเธออาจต้องติดตามเพื่อนฝูงเดินทางมาเมืองหลวง เพื่อเปิดร้านซาลาเปายัดไส้ที่น่าเวทนาเหมือนกับชีวิตที่แล้ว
มันเป็นเวลาหลายวันแล้วที่เธอไม่ได้เข้าเรียน
ในช่วงบ่ายของวันที่เดินทางกลับมาถึง หลินม่ายสะพายกระเป๋านักเรียนและกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
ทันทีที่มาถึงมหาวิทยาลัย ที่ปรึกษาก็เรียกเธอไปหาที่สำนักงาน
ที่ปรึกษาขอให้เธอจัดเวลาให้ดีในอนาคต และขอไม่ให้เธอลาหยุดยาวเช่นนี้อีก
ไม่ว่าพรสวรรค์ในการเรียนของเธอจะดีแค่ไหน แต่การหยุดเรียนอาจส่งผลต่อการเรียนของเธอ
หลินม่ายพยักหน้ารับหงึกๆ เหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าว
หลังออกจากสำนักงาน หลินม่ายพลันเหลือบไปเห็นฉวีชิงหยา
เธอไม่เจออีกฝ่ายมาเกือบสองเดือนแล้ว ฉวีชิงหยามีรูปร่างท้วมกว่าเดิมเล็กน้อย
หลินม่ายไม่มีความตั้งใจเข้าไปทักทายอีกฝ่าย หลังเหลือบมองเพียงครู่ เธอจึงตัดสินใจเดินไปเข้าชั้นเรียน
ทว่าฉวีชิงหยากลับหยุดเธอไว้ก่อน