บทที่ 788 ได้เวลาสะสางปัญหาเหล่านั้นแล้ว!
“ไปกันเถิด”
บรรพจารย์เหยียนมิได้สนใจว่าเจ้าหลวงคิดอันใดอยู่ มันยกมือคลี่แผ่พลังปกคลุมเจ้าหลวง พาเจ้าหลวงไปจากที่นี่ เดินทางไปยังอาณาจักรแห่งนั้น
…
ฟ้าดินกลับสู่ความสงบ แต่สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้กลับไม่สงบเลยสักนิด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอยู่ทั่วทุกพื้นที่ และประเด็นที่ถกกันอยู่ก็วนอยู่กับหลิงอินและเซี่ยเหยียนอย่างไม่ต้องสงสัย
ฐานะและภูมิหลังของเซี่ยเหยียนถูกเปิดเผยออกมาในไม่ช้า เป็นที่รู้กันทั่ว พวกเขาต่างสะท้อนใจนักหนา ไม่เคยคิดเลยว่า สำนักไท่หัวเล็ก ๆ จะมีผู้ยิ่งใหญ่ระดับนั้นอยู่!
แข็งแกร่งเหลือเกิน บดขยี้สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลได้สบาย แม้ว่าศึกสุดท้ายระหว่างเซี่ยเหยียนและบรรพจารย์เผิงจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างตอนแรก กระนั้นก็มิได้ส่งผลกระทบต่อความดุดันองอาจของเซี่ยเหยียน!
พวกเขาอยากฝากตัวเป็นศิษย์ของสำนักไท่หัว แต่พวกเขามิกล้า กลัวจะรบกวนเซี่ยเหยียน ทำให้นางต้องขุ่นเคืองใจ
เรื่องราวของหลิงอินมีไม่มากเท่าใด ไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดรู้ฐานะและภูมิหลังที่แน่ชัดของหลิงอิน
“มิได้อาศัยอยู่ในแดนบรรพโกลาหลแล้วอย่างไร ก็สามารถบดขยี้สิ่งมีชีวิตในแดนบรรพโกลาหลได้อยู่ดี! ฝึกฝนเข้าเถิด!”
“ใช่แล้ว ยิ่งสิ่งแวดล้อมเลวร้ายเท่าใด ยอดฝีมือที่อุบัติขึ้นยิ่งทรงพลังอย่างแท้จริงเท่านั้น พวกเราควรต้องพากเพียรฝึกฝนขึ้นเป็นเท่าตัว!”
แดนบรรพโกลาหลเกิดกระแสฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง ความกล้าแกร่งที่หลิงอินและเซี่ยเหยียนแสดงออกมากระตุ้นพวกเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย จนพวกเขากระเหี้ยนกระหือรือต้องการฝึกฝนกันหมด
…
นอกเมืองชิงซาน ริมลำธาร
“ได้เวลาไปสะสางปัญหาพวกนั้นแล้ว…”
ต้นหลิวแหงนหน้ามองนภา เตรียมออกเดินทางสะสางปัญหาในอดีตของมัน
มันในยามนี้อยู่ในระดับสูงสุด ความทรงจำต่าง ๆ หวนคืนกลับมาแล้ว มันคือจ้าวแห่งเผ่าหลิวสวรรค์ หยั่งรากอยู่บนเทวโลกชั้นเก้า เคยฝึกฝนจนอยู่ในขอบเขตผู้บงการขั้นเจ็ด ทั้งยังมีโอกาสบรรลุขอบเขตที่สูงยิ่งขึ้นกว่านั้น ทลายขอบเขตผู้บงการ ก้าวสู่ขอบเขตนิรันดร์
ทว่ามันถูกปองร้าย ไม่รู้ว่าตระกูลเทียนได้พิษร้ายแรงมาจากที่ใด แม้แต่มันยังต้านไม่อยู่ มันต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกว่าจะฝ่าออกมา แต่กระนั้นก็เกือบตายอย่างอนาถเพราะพิษร้ายนี่!
ทว่าถึงอย่างไรมันก็มิธรรมดา ท้ายที่สุดยังรักษาขุมปราณชีวิตไว้ได้เสี้ยวหนึ่ง จุติลงในละแวกเมืองชิงซาน งอกต้นอ่อนขึ้นใหม่ กลายเป็นต้นหลิว
แต่มันลืมทุกอย่างไปเสียสิ้น ไม่เคยรู้ปูมหลังตนเอง ทึกทักเอาว่าตนคือต้นหลิวธรรมดา ๆ ต้นหนึ่ง
บัดนี้ มันจำทุกอย่างได้แล้ว มันจะบุกกลับไปยังเทวโลกชั้นเก้า เพื่อล้างแค้นในอดีต
ซีเคยพบสมาชิกตระกูลเทียน
ตระกูลเทียนนั้นมีรกรากเดียวกับตระกูลเทียนที่ต้นหลิวต้องการกำจัด แต่ก็มิได้เกี่ยวข้องกันลึกซึ้งเท่าใด
ตระกูลเทียนที่ซีได้พบดำรงตนอยู่ที่เทวโลกชั้นสอง ห่างจากตระกูลเทียนชั้นเก้าตั้งไม่รู้เท่าใด เรียกได้ว่าเทียบกันมิได้เลย
แท้จริงแล้ว ตระกูลเทียนชั้นสองคือสมาชิกตระกูลเทียนที่กระทำความผิดจนถูกขับไล่ พวกเขาได้ไปอยู่ที่เทวโลกชั้นสอง หลังจากผ่านไปแล้วอย่างยาวนาน พวกเขาก็ค่อย ๆ รุ่งโรจน์ขึ้น
ทว่าแม้ว่าพวกเขารุ่งโรจน์ขึ้นแล้ว พลังอำนาจที่มีก็ยังมิอาจเทียบกับชั้นเก้า พวกเขาอยากกลับไปอยู่ภายใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรเดิมมาตลอด กลับไปอยู่ในอ้อมกอดของตระกูลเดิมที่ชั้นเก้าอีกครั้ง เพราะเหตุนี้ พวกเขาถึงกว้านรับสิ่งมีชีวิตนอกเทวโลกผู้อยู่ในขอบเขตลอยชายขึ้นไป เพื่อให้ตนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นที่ยอมรับของตระกูลเดิมชั้นเก้า
ริมลำธารนั้น ก้อนหินก็อยู่ด้วย มันถูกคุณชายส่งกลับมาที่นี่อีกครั้ง
หลังมันได้ยินคำกล่าวของต้นหลิวก็ลอบยินดีปรีดา ต้นหลิวจะไปจากที่นี่แล้วหรือ ยอดเยี่ยม! แม้จะเป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว มันก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง!
เฮ้อ อย่าให้มันต้องเอ่ยเลย นับแต่คราวก่อนที่มันกำราบต้นหลิวล้มเหลว ชีวิตหลังจากนั้นของมันน่าเวทนาเป็นที่สุด ต้นหลิวไม่เหลือความเป็นมนุษย์ หวดมันอย่างโหดเหี้ยม
เอ๊ะ เหมือนว่าต้นหลิวมิใช่มนุษย์อยู่แล้ว
เอาเถิด เอาเป็นว่ามันนั้นอเนจอนาถมาก อยากให้ต้นหลิวจากมันไปแทบแย่ ยิ่งจากไปนานเท่าไหร่ มันยิ่งปีติ!
ทว่าในตอนนั้นเอง ก้านหลิวก้านหนึ่งกระแทกใส่มัน ฉับพลันนั้น มันรู้สึกเหมือนถูกอสนีบาตฟาด เจ็บจนร้องลั่นออกมา
เกิดอะไรขึ้น?
หรือต้นหลิวรับรู้ความในใจของมันแล้ว?
มิฉะนั้น เหตุใดต้นหลิวต้องหวดมันด้วย!
“เจ้าคิดอะไรอยู่! ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรืออย่างไร” ต้นหลิวตวาด
“หา”
ก้อนหินมึนงง ต้นหลิวหมายความว่าอย่างไร ไยมันถึงไม่เข้าใจเลย
“ไม่ได้ยินหรือว่าข้าต้องไปสะสางปัญหา เจ้ามัวนิ่งงันอันใด ในฐานะลูกสมุน ไม่ควรออกเดินทางกับข้า เบิกทางอยู่ข้างหน้าข้าหรือ” ต้นหลิวกล่าว
เหตุใดถึงต้องพามันไปด้วยเล่า!
ก้อนหินขมขื่นในใจ ไม่อยากร่วมเดินทางกับต้นหลิวเลยสักนิด
กระนั้นมันกล้าเพียงตะโกนในใจเท่านั้น ปากรีบบอกออกไป “ควรแล้ว ควรแล้ว!”
“เช่นนั้นก็ดี เราออกเดินทางกันเถิด”
ต้นหลิวบอก ก่อนจะพาก้อนหินไปจากที่นี่ด้วยกัน
ผ่านไปไม่นาน แทบมิได้ใช้เวลาเลย พวกมันก็มาถึงเทวโลกชั้นเก้าในไม่กี่อึดใจ
หากสิ่งมีชีวิตเทวโลกได้รู้คงต้องตกใจกันยกใหญ่แน่
ต้องรู้ว่าแต่ละชั้นของเทวโลกต่างมีพลังบางอย่าง การลงนั้นง่าย ทว่าการขึ้นมิได้ง่ายนัก แต่ละชั้นมีแต่จะยิ่งทวีความลำบาก
แต่ต้นหลิวและก้อนหินกลับผ่านไปได้ฉลุยไร้อุปสรรค มิเคยพบสิ่งใดเข้ามาหยุดยั้ง น่าครั่นคร้ามเป็นอย่างยิ่ง
เบื้องหน้าต้นหลิวและก้อนหินมีม่านหมอกหนาทึบ ลมปราณสยดสยองแผ่ขยาย ที่นี่คือทุ่งร้างหมอกทึบ ครั้งแรกที่ต้นหลิวมายังที่นี่ ได้รับภยันตรายครั้งใหญ่ เป็นภัยคุกคามที่ถึงแก่ชีวิต
แต่บัดนี้ มันได้มาอยู่ที่นี่อีกครั้ง ที่นี่ไม่อาจสร้างอันตรายต่อมันได้อีก
มันมั่นใจว่าจะทะลวงขึ้นไปถึงชั้นเก้าได้!
หากมิใช่ว่ามีความมั่นใจในระดับนี้ มันคงไม่มายังชั้นเก้า
อันที่จริง มันอยากมานานแล้ว เพียงแต่คราวก่อนที่มันหมายมั่นจะเข้ามา คุณชายกลับมาเสียก่อน มันจึงมิได้เข้าไป
“ไปกันเถิด”
มันกับก้อนหินเหินไปตามท้องฟ้าเหนือทุ่งร้างหมอกทึบ เพื่อเข้าไปยังส่วนลึกสุดของทุ่งร้างหมอกทึบ หรือก็คือแดนแกนกลางของชั้นเก้า
ตระกูลเทียนตั้งอยู่ในแดนแกนกลาง และเผ่าหลิวสวรรค์ก็ตั้งอยู่ในแดนแกนกลาง
ทุ่งร้างหมอกทึบถือเป็นอาณาเขตรอบนอก
ทว่าสิ่งที่แตกต่างจากสถานที่อื่นคือ แม้ว่าทุ่งร้างหมอกทึบถือเป็นอาณาเขตรอบนอก แต่ระดับความน่ากลัวก็มิได้ด้อยไปกว่าแดนแกนกลางซึ่งอยู่ด้านหลังเลย มิหนำซ้ำยังน่าพรั่นพรึงกว่าด้วย
ในทุ่งร้างหมอกทึบแห่งนี้มีความลับอยู่นับคณา สิ่งมีชีวิตเกินหยั่งพำนักอยู่หลากหลาย น่ากลัวถึงขีดสุด น้อยนักจะมีสิ่งมีชีวิตกล้าย่ำกรายเข้าไป
ต้นหลิวและก้อนหินเหินอยู่บนท้องฟ้าเหนือทุ่งร้างหมอกทึบถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งยวด ต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่ สิ่งมีชีวิตสยดสยองในทุ่งร้างหมอกทึบไม่มีทางยอม
และนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มีการเหินบนท้องฟ้าเหนือทุ่งร้างหมอกทึบอย่างต้นหลิวและก้อนหิน ก่อนหน้านี้มิเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เลย
ทว่าต้นหลิวและก้อนหินหาได้แยแส
พวกมันในตอนนี้ไม่อาจนำไปเทียบกับในอดีต ไม่ต้องเอ่ยถึงต้นหลิว ลำพังตัวก้อนหินเองก็มั่นใจว่าสามารถอาละวาดในทุ่งร้างหมอกทึบจนวินาศสันตะโรได้!
นอกจากนี้ คราวก่อน คุณชายเคยสำแดงแสนยานุภาพที่นี่ ขจัดกระโปรงสีขาวแห่งความตายตัวนั้นไป ต้นหลิวคิดว่าที่นี่คงมิมีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้าขวางทางมัน
ตึก! ตึก! ตึก!
เวลานั้นเอง เสียงบางอย่างกระโดดออกมาเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น สยดสยองเป็นที่สุด พลังน่าสะพรึงบางอย่างพุ่งออกจากทุ่งร้างหมอกทึบ
สิ่งนั้นดูคล้ายหัวใจมนุษย์ ส่องแสงสีทองเรืองรองอยู่ทั่วตัว เสียงเต้นที่ดังอยู่ในปฐพีนี้มาจากหัวใจดวงนี้นี่เอง
มันบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว อักขระลึกล้ำซับซ้อนมากมายปรากฏออกจากเปลือกนอกหัวใจ ส่องแสงสีทองเจิดจ้าแยงตา ขจัดม่านหมอกออกไปผืนใหญ่
ตู้ม!
ก้านหลิวก้านหนึ่งของต้นหลิวม้วนก้อนหินขึ้นและเหวี่ยงออกไปกระแทกกับหัวใจสีทอง
โลหิตหลั่งรินออกจากหัวใจสีทอง มันถูกกระแทกจนมีรอยร้าวจึงรีบล่าถอยกลับไปอยู่บนแท่นบูชายัญอีกครั้ง
จากนั้น ภาพร่างพิศวงร่างหนึ่งปรากฏบนแท่นบูชายัญ จ้องมองต้นหลิวและก้อนหินอยู่อย่างนั้น สุดท้าย มันใช้พลังดึงม่านหมอกเข้ามาปกคลุมพื้นที่ด้านมันจนมิด มิกล้าแม้แต่จะโผล่หัวออกมา
ต้นหลิวรู้จักภาพร่างพิศวงนี้ เมื่อครั้งร่างภาพฉายของคุณชายปรากฏตัวที่นี่เพื่อพาพวกมันไป ร่างพิศวงนี้เคยโผล่ออกมา กลืนกินหัวใจสีทองและของเซ่นชิ้นอื่นบนแท่นบูชายัญ ทว่าท้ายที่สุด ก็กลัวจนมิกล้าลงมือ
บัดนี้ น่ากลัวว่าสถานการณ์ก็คงไม่ต่าง ภาพร่างพิศวงนั้นมิกล้าลงมืออีก
“ในฐานะลูกสมุน เจ้าไม่มีจิตสำนึกความเป็นลูกสมุนเลยหรือไร คราวหน้าจำไว้ด้วยว่าต้องเป็นฝ่ายลงมือเอง!”
ต้นหลิวบอกก้อนหิน
น่าแค้นใจนัก!
ก้อนหินร่ำไห้ในใจ นี่แหละคือความเศร้าของผู้เป็นลูกสมุน ไม่ว่าเรื่องใดต่างต้องเชื่อฟังผู้อื่น!
พวกมันเหินต่อไปได้ไม่ไกล ก็ถูกจู่โจมอีกครั้ง
เบื้องหลังพวกมันมีลำธารสีดำขนาดใหญ่สายหนึ่ง น้ำในลำธารข้นเหนียวดั่งหมึก เหม็นคาวเกินทน หลั่งไหลเป็นสายยาวเหยียด ไม่รู้ว่าเริ่มจากที่ใด และไหลไปที่ใด
และบนลำธารสีดำสายนั้น มีศพเน่าเปื่อยลอยอยู่มากมายทั้งเผ่ามนุษย์ เผ่าอสูร และเผ่าต่างอื่น ๆ
เวลานั้น ศพเปื่อยมากมายบุกเข้ามาจากผืนน้ำลำธารสีดำ กลิ่นอายเน่าเฟะชวนให้พะอืดพะอม น่าคลื่นเหียนยิ่งนัก ซ้ำบนตัวพวกมันยังมีหนอนชอนไชอยู่มากมาย
ก้อนหินไม่อยากต่อสู้กับศพเปื่อยจริง ๆ แต่ช่วยไม่ได้ มันต้องเชื่อฟังพี่ต้นหลิวของมัน!
“จงดับสูญ!”
มันบุกออกไปข้างหน้า ตัวหินมีคลื่นแสงพิเศษไหลเวียน ก่อนจะแผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วดั่งคลื่นซัดสาด ทำลายศพเปื่อยทั้งหมดจนราบคาบ
หลังจัดการเรียบร้อยแล้ว มันรีบย้อนกลับมา กลัวเป็นอย่างยิ่งว่าจะเปื้อนพลังปราณเน่าเฟะเหล่านั้น มันคงต้องสะอิดสะเอียนน่าดู
ต้องยอมรับว่า ตัวมันในตอนนี้ไม่เหมือนในอดีต มันแข็งแกร่งกว่าเก่ามาก หากเป็นเมื่อก่อน ต่อให้มันสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มีก็ใช่ว่าจะกำจัดศพเปื่อยเหล่านี้ได้หมด ทว่ามันในบัดนี้สามารถกำจัดศพเปื่อยได้ราบคาบ
ซ่า!
เวลานั้นเอง จู่ ๆ ลำธารสีดำก็โหมกระหน่ำ คล้ายว่าสิ่งมีชีวิตบางอย่างกำลังจะบุกอออกมา
อย่างที่คิด สิ่งมีชีวิตบางอย่างบุกออกมาจริง ๆ เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายเน่าเฟะ อ้าปากกว้างเผยให้เห็นฟันคม ก่อนจะโผเข้ากัดต้นหลิวและก้อนหิน
“ไสหัวไปซะ!”
ก้อนหินตอบโต้ทันที หลอมหอกหินขึ้นมาเล่มหนึ่งอย่างรวดเร็วก่อนจะขว้างไปที่นั่น ทะลุเข้าปากของสิ่งมีชีวิตตนนั้น
เสียงระเบิดตู้มดังออกจากที่นั่น หอกหินระเบิดในปากสิ่งมีชีวิตตนนั้น จนปากของมันเละไม่เหลือทรง ฟันคมในปากร่วงออกมาหมด
มันถลึงตาใส่ก้อนหินด้วยความโกรธเคือง สุดท้ายจมหายไปในลำธารสีดำจนไม่เหลือร่องรอย
“ดูเหมือนจะมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล…”
ต้นหลิวพึมพำเสียงเบา ร่างพิศวงก่อนหน้านั้นไม่เท่าไร ครานั้นมิได้ลงมือกับภาพฉายของคุณชาย จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
ทว่ามันจำสิ่งมีชีวิตเน่าเปื่อยตนนี้ได้ดี ครานั้น มันลงมือกับภาพฉายของคุณชาย ก่อนจะถูกคุณชายกำจัด กลายเป็นน้ำหนองกองหนึ่ง
เหตุใดสิ่งมีชีวิตเน่าเปื่อยตนนี้ถึงฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีก
ตามหลักแล้วไม่ควรเป็นเช่นนั้นเลย ครานั้น ภาพฉายคุณชายกำจัดพลังทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตเน่าเปื่อยตนนี้ไปแล้ว มันไม่ควรคืนชีพขึ้นมาได้อีกถึงจะถูก
นอกจากนี้ เวลานั้นมันอยู่ร่วมกับภาพฉายคุณชาย เหตุใดภาพร่างพิศวงและสิ่งมีชีวิตเน่าเปื่อยตนก่อนหน้านี้ถึงยังกล้าลงมือกับมันอีก
ที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องประหลาด!
“ไปกันเถิด”
ต้นหลิวและก้อนหินรุดหน้าต่อ ไม่ว่าที่นี่ประหลาดเพียงใด มันก็ไม่กลัว
ไม่ว่าจะเป็นภูตผีปีศาจจากแห่งหนใด ขืนบังอาจโผล่ออกมาขวางทางมัน กำจัดเสียก็พอ
ที่นี่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดจริง ๆ ราวกับสิ่งมีชีวิตในนี้ลืมเลือนความสยดสยองของร่างภาพฉายคุณชายไปหมดแล้ว ต้นหลิวและก้อนหินเหินต่อไปได้ไม่ไกล ก็ถูกจู่โจมอีกครั้ง!
ที่นั่นเป็นสุสานแห่งหนึ่งซึ่งมีโลงศพมหึมาเรียงรายโลงแล้วโลงเล่า มีทั้งโลงโลหะ โลงหิน โลงไม้ อีกทั้งโลงศพจากวัสดุอื่น ๆ
เมื่อครั้งภาพฉายคุณชายผ่านมาทางนี้ โลงศพเหล่านี้มิกล้าแม้แต่จะขวาง แต่บัดนี้กลับเข้าจู่โจมต้นหล้วและก้อนหินกันหมด!
“เหตุใดถึงมีตัวน่าขยะแขยงอยู่มากมายปานนี้!”
ก้อนหินด่ากราด ไม่อยากลงมือ กระนั้นยังบุกออกไปเป็นแนวหน้า เข้าต่อสู้ดุเดือดกับโลงศพมหึมาทั้งหลาย
ท้ายที่สุด โลงศพเหล่านี้สู้ไม่ได้ เหินกลับไปยังสุสานตามเดิม ก่อนจะเรียกม่านหมอกเข้ามาบดบังสถานที่นั้น
ต่อจากนั้น พวกมันก็ยังไม่ราบรื่นนัก พบเจอกับการโจมตีนานัปการ
อย่างเช่นในจุดกลับตาลปัตรแห่งหนึ่ง กฎระเบียบสยดสยองมากมายถักทอประสาน ทุกหนแห่งกลับหัวกลับหาง อยู่ในทิศทางตรงข้ามกับความเป็นจริงกันหมด ฟ้าอยู่ล่าง ดินอยู่บน น้ำฝนหยดขึ้นเหนือหัว
ยังมีประตูหินที่ก่อขึ้นด้วยหินต่าง ๆ อีกบานซึ่งมีสิ่งมีชีวิตสยดสยองมากมายพุ่งออกมา มีทั้งผีเสื้อมาร มดจอมพลัง และอื่น ๆ อีกมากมาย
ทว่าการโจมตีและพลังเหล่านั้นมิอาจแผ้วพานต้นหลิวและก้อนหินได้เลย ต้นหลิวไม่ต้องลงมือด้วยซ้ำ ก้อนหินก็กำราบได้หมด
พวกมันมาอยู่ในตำหนักโบราณสีเลือดซึ่งกองขึ้นด้วยกระดูกต่าง ๆ อีกครั้ง ครานั้น ต้นหลิวถูกพลังจากที่นี่ชักจูงเข้ามา
ครานั้น ปีศาจที่นี่ยังจำแลงเป็นนางสวรรค์งามเพริศพริ้งสุดเร่าร้อนเพื่อรั้งต้นหลิวให้อยู่ที่นี่
ครานี้ พวกมันโดนจู่โจมด้วยลูกไม้เดิม นางสวรรค์มากมายเหินออกมาหมายจะล่อลวงพวกมัน
“โง่หรือเปล่า ข้าเป็นก้อนหิน ไฉนเลยจะติดกับพวกเจ้า! พวกเจ้าแปลงกายเป็นก้อนหินก้อนงามข้าถึงมีโอกาสติดกับอยู่บ้าง!”
ก้อนหินมิได้รู้สึกรู้สา ลงมือโดยปราศจากความปรานี สังหารเหล่าปีศาจผู้จำแลงเป็นนางสวรรค์จนสิ้นซาก
สิ่งมีชีวิตสยดสยองพุ่งออกจากตำหนักโบราณสีเลือดอีกครั้ง ทว่าผ่านไปไม่นาน ก็ถูกก้อนหินกำราบไปหมด!
พวกมันใกล้จะออกจากทุ่งร้างหมอกทึบ เข้าไปถึงชั้นเก้าแล้วจริง ๆ!
ทว่าในตอนนั้นเอง ร่างน่าพรั่นพรึงมากมายพุ่งออกมาเพื่อสังหารต้นหลิวและก้อนหิน
ต้นหลิวจำภาพร่างน่ากลัวเหล่านั้นได้ พวกมันคือตัวตนน่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุดในทุ่งร้างหมอกทึบนี้ เคยลงมือกับภาพฉายของคุณชายมาแล้ว ต่อมา ถูกภาพฉายคุณชายเล่นงานจนแหลกลาญ แต่บัดนี้กลับปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง
ก้อนหินดุดันอย่างแท้จริง ตลอดทั้งทางนี้มันนั้นไร้เทียมทาน ต่อให้ภาพร่างสยดสยองเหล่านี้เป็นตัวตนน่าประหวั่นพรั่นพรึงที่สุดในทุ่งร้างหมอกทึบก็เท่านั้น ต้องถูกเล่นงานจนล่าถอยกันหมด มิมีตนใดเป็นข้อยกเว้น!
“ตกลงว่าท่านมาเพื่อสะสางปัญหา หรือข้ามาเพื่อสะสางปัญหากันแน่!”
ก้อนหินร่ำไห้ขณะเอ่ยบอกต้นหลิว
พับผ่าสิ ตลอดทั้งทางนี้มันลงมืออยู่ผู้เดียว เหนื่อยเลือดตาแทบกระเด็น ส่วนต้นหลิวนั้นเสมือนว่ามาชมทิวทัศน์ มิเคยลงมือสักครั้ง
“เป็นลูกสมุน ก็ต้องมีจิตสำนึกของความเป็นลูกสมุน น้องหิน เจ้ายังไม่เข้าใจเรื่องนี้อีกหรือ”
ต้นหลิวเอ่ยยิ้ม ๆ “ไปกันเถิด”
มันกับก้อนหินก้าวผ่านทุ่งร้างหมอกทึบ เข้าไปถึงชั้นเก้าอย่างแท้จริง
หลังต้นหลิวมาถึงที่นี่ก็รู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา ในอดีต ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่มันพำนักอาศัยมาตั้งไม่รู้นานเท่าใด…
มันย่างกรายอยู่ในสถานที่นั้น ดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้มาก ความรู้สึกที่ได้หวนคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้งประเสริฐเป็นที่สุด
“นี่ พี่หลิวว่าข้าก็มีโอกาสเป็นก้อนหินที่ไม่ธรรมดาบ้างหรือไม่ มีภูมิหลังยิ่งใหญ่เฉกเช่นท่าน เพียงแต่ตอนนี้ความทรงจำยังไม่คืนกลับมาเท่านั้น!”
ก้อนหินเอ่ยเสียงอิจฉา “ข้าเองก็อยากมีความรู้สึกได้หวนคืนสู่ภูมิลำเนาบ้าง!”
“เจ้ามีกับผีน่ะสิ! เจ้าเป็นเพียงก้อนหินธรรมดา ครานั้น เจ้าได้อยู่ข้างกายข้าถึงมีวาสนาได้รับการหล่อเลี้ยงจากขุมปราณชีวิตของข้า ถึงได้เปิดพลังญาณ ก้าวสู่เส้นทางฝึกตน”
ต้นหลิวบอกกับก้อนหิน
“จริงหรือ ข้าไม่เชื่อ! อย่างไรข้าก็รู้สึกว่าตัวข้ามีภูมิหลังยิ่งใหญ่ มาจากดินแดนมหัศจรรย์บางแห่ง หลังความทรงจำข้าตื่นขึ้นเมื่อใด ข้าจะผงาดขึ้นฟ้า!”
ก้อนหินเอ่ยเสียงแน่วแน่
“…”
ต้นหลิวหมดคำบรรยาย มีผู้ที่นิสัยเฉกเช่นก้อนหินด้วยหรือ
ทั้งที่ผุดความคิดขึ้นกะทันหัน แต่กลับโน้มน้าวตัวเองให้เชื่อสนิทใจได้!
เรื่องบ้าอะไรกัน!
“ไปกันเถิด”
มันกับก้อนหินไปจากที่นี่ มาถึงสถานที่ตั้งของเผ่าหลิวสวรรค์
หลังมาถึงที่นี่ กลิ่นอายเย็นยะเยือกพลันแผ่ซ่านออกจากตัวต้นหลิว
“ฝีมือผู้ใด!?”
เสียงของต้นหลิวชวนสะท้าน สถานการณ์ที่นี่เกินความคาดหมายของมัน!