บทที่ 1002 ผู้ไร้พ่าย
เมื่อเผชิญหน้ากับคำท้าทายของหานฮวง อู๋เซียงเทียนเซี่ยย่อมไม่ปฏิเสธ พวกเขาล้วนต้องการคว้าตำแหน่งบุตรแห่งสวรรค์ผู้เลิศล้ำหมื่นยุคมา ย่อมไม่มีทางหลีกเลี่ยงการปะทะ
บุตรแห่งสวรรค์ที่เหลือเริ่มหาคู่ต่อสู้แล้ว
เต้าจื้อจุนปะทะหวงจุนเทียน
กวนปู้ไป้ปะทะราชันเทวาฟ้าไพศาล
มู่หรงฉี่ปะทะกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุน
เทพมารขุนพลสวรรค์ปะทะมหามรรคอัมพรโจวซ่ง
รูปการณ์นี้ทำให้ความคิดเห็นของเหล่าผู้ชมในเมืองทศพิธเปลี่ยนไป เริ่มพากันชื่นชมสำนักซ่อนเร้น
เห็นกันอยู่ชัดๆ สามารถรวมกลุ่มสู้ได้ แต่กลับเลือกท้าประลองตัวต่อตัว
นี่คือความซื่อตรงมีคุณธรรม!
“สมกับเป็นสำนักซ่อนเร้น”
“ก่อนหน้านี้ผู้ใดกันที่กล่าวว่าสำนักซ่อนเร้นจะอาศัยอำนาจข่มเหงคน”
“อริยะสวรรค์เกรียงไกรแข็งแกร่งถึงขั้นไหนแล้ว จำเป็นต้องใช้วิธีการเช่นนี้ด้วยหรือ”
“จุ๊ๆ นี่ต้องเป็นการจัดสรรของอริยะสวรรค์แน่นอน อันที่จริงจะกล่าวโทษสำนักซ่อนเร้นก็ไม่ได้ ผู้ใดใช้ให้สำนักซ่อนเร้นมีบุตรแห่งสวรรค์แข็งแกร่งอยู่มากมายเล่า ในความเห็นของข้า อริยะสวรรค์ยังคงรักหน้าตาเกินไป หากเป็นข้า คงจะยึดเลิศล้ำหมื่นยุคเอาไว้เสียเลย!”
“ตอนนี้น่าสนุกขึ้นมาแล้ว แต่สถานที่แห่งนี้คือที่ใดกัน สามารถรองรับพลังเวทของบุตรแห่งสวรรค์ชั้นเลิศทั้งสิบคนได้หรือ”
….
เต้าจื้อจุนสำแดงอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรค อัญเชิญแม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาลออกมา แม่น้ำใหญ่ไหลคดเคี้ยว หมุนวนพัวพันรอบตัวเขา ครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีสิบล้านลี้ บีบให้บุตรแห่งสวรรค์ที่เหลือจำเป็นต้องถอยห่างออกไป เทพมหาทัณฑ์ก็แบ่งแยกฉากบนท้องนภาออกเป็นห้าส่วน ฉายฉากต่อสู้ของทั้งห้าคู่
“ฮ่าๆๆ เจ้าชะตา ข้ารู้จักเจ้า ผู้กำหนดชะตาเคราะห์เลิศล้ำโดยแท้ แม้แต่หลี่เต้าคงก็ยังถูกเจ้าพาตัวไปได้ แต่โทษฐานที่มาขุดรากฐานของสำนักซ่อนเร้นไป เจ้ารู้หรือไม่ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนเช่นใด”
เต้าจื้อจุนพูดจาโอหัง เขาอยากพูดประโยคนี้มานานแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไม่สบจังหวะเท่านั้น
หวงจุนเทียนบ่นในใจ ‘อันที่จริงข้าก็เป็นสมาชิกสำนักซ่อนเร้นเช่นกัน ทุกคนล้วนเป็นคนกันเองทั้งสิ้น’
แต่ไม่สะดวกจะพูดออกไป ตอนนี้นายท่านยังไม่ได้สั่งให้เผยตัว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ต้องแสดงต่อไป ยิ่งสมจริงเท่าไรก็ยิ่งดี!
“อำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคเช่นนั้นหรือ ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่สิ่งที่เจ้ามีข้าก็มีเช่นกัน”
หวงจุนเทียนพลันย่อตัวกระโจนขึ้นไป หัวเราะเสียงดัง สองแขนอ้าออก อักขระสีดำบนหน้าผากกลายเป็นไอดำอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมอยู่รอบกาย
ณ คฤหาสน์ภายในเมืองทศพิธ พอชิงเทียนเสวียนจีได้ฟังประโยคนี้ สีหน้าพลันไม่น่ามองขึ้นมา
เมื่อรวมตัวเขาเข้าไป ก็มีตัวตนที่ได้ครอบครองอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคถึงสามคนแล้ว!
อีกอย่างคือทั้งสองล้วนเปิดฉากแย่งชิงตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคแล้ว ทว่าตัวเขาทำได้เพียงชมการต่อสู้อยู่ที่นี่
ในใจของชิงเทียนเสวียนจีเสมือนมีเพลิงลุกโหม
เต้าจื้อจุนก็ผงะไปเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าหวงจุนเทียนก็ครอบครองอำนาจศักดิ์สิทธิ์ชะตามหามรรคด้วย
สองเนตรของหวงจุนเทียนพลันแปรเปลี่ยนเป็นมืดดำ กวานครอบผมแตกกระจาย เรือนผมยาวปลิวไสวยุ่งเหยิง เสมือนจอมมารเข้าประทับร่าง กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงประการหนึ่งพลันระเบิดออกมา ทำให้เต้าจื้อจุนหน้าเปลี่ยนสีไปทันที
กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งกว่าบุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมดที่เต้าจื้อจุนเคยประสบพบพานมาก่อนหน้านี้!
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน!
“ดีมาก! เช่นนี้ถึงจะสนุก!”
เต้าจื้อจุนหัวเราะดังลั่น เงาร่างเลือนรางมากมายพุ่งออกมาจากแม่น้ำดวงชะตาฟ้าบุพกาล เป็นผู้แข็งแกร่งนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ต่างเป็นยอดนักสู้
อีกด้านหนึ่ง บุตรแห่งสวรรค์คนอื่นๆ ก็ต่อสู้กันอย่างดุเดือดเช่นกัน แผ่นดินของโลกมหามรรคอวิชชาโยกไหวรุนแรง หน้าดินพังทลายต่อเนื่อง ราวกับวันสิ้นโลกมาเยือนแล้ว!
หานฮวงและอู๋เซียงเทียนเซี่ยอาศัยกายเนื้อเข้าห้ำหั่นกัน ทั้งสองฝ่ายมีพลังเวทครอบคลุมร่าง ดูราวกับแสงรุ้งสอง สายที่ปะทะพัวพันกันอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ไร้ความกริ่งเกรง ทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างล้วนถูกกระแทกจนสลายเป็นเถ้าปลิดปลิว แม้แต่ขอบฟ้าก็ยังถูกฉีกทึ้งจนปริร้าว เกิดรอยแยกมิติคดเคี้ยวเส้นแล้วเส้นเล่า
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองดึงดูดสายตาคนที่สุด รูปลักษณ์กลิ่นอายของทั้งสองฝ่ายล้วนโดดเด่นเหนือชั้นจากเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ทั้งหมด ด้านพลังเองก็เป็นเช่นนี้ เมื่อทั้งสองคนนี้ปะทะกัน ต่างแผ่รัศมีทรงพลังกดดันไร้สิ่งหยุดยั้ง!
ผู้ไร้พ่ายปะทะกับผู้ไร้พ่าย!
รัศมีของหานฮวงดั่งสายรุ้ง สำแดงฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรออกมาอย่างต่อเนื่อง โจมตีจนฟ้าถล่มดินทลาย กระจัดกระจายดั่งละอองควัน
เสื้อคลุมของอู๋เซียงเทียนเซี่ยโบกกระพือเสียงดังพึ่บพั่บ ลูกปัดหยกสามสิบหกเม็ดที่มีสีสันแตกต่างกันไปรายล้อมอยู่รอบกาย เสมือนเขาถูกโอบอุ้มไว้ด้วยแสงหลากสีสัน แม้จะเผชิญหน้ากับหานฮวงที่ทรงอำนาจเผด็จการ เขายังคงสงบไม่ลนลาน ขณะที่หลบเลี่ยงพลังวิเศษก็สำแดงการโจมตีตอบโต้เช่นกัน
หากว่าหานฮวงคือแม่ทัพเทพที่มีชัยในสงครามเสมอมา เช่นนั้นอู๋เซียงเทียนเซี่ยก็ราวกับจักรพรรดิที่ปกครองมวลชนเทพเทวา ทุกท่วงท่าล้วนแฝงบารมีอันยิ่งใหญ่ของผู้เป็นมหาจักรพรรดิไว้ ราวกับสามารถคลี่คลายมรรควิถีทั้งหมดบนโลกหล้าได้
ส่วนกวนปู้ไป้ ราชันเทวาฟ้าไพศาล มู่หรงฉี่ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เฉียนคุน เทพมารขุนพลสวรรค์และมหามรรคอัมพรโจวซ่งล้วนยากจะตัดสินความแข็งแกร่งได้
ศึกตัดสินตำแหน่งครั้งนี้ไม่มีทางจบลงภายในระยะเวลาสั้นๆ!
ภายในห้อง หานเจวี๋ยรับชมอย่างได้อรรถรส ส่วนหานหลิงค่อนข้างกังวล
“ท่านพ่อ อู๋เซียงเทียนเซี่ยคนนี้ร้ายกาจนัก พี่รองจะล้างแค้นให้พวกพี่ใหญ่สำเร็จหรือไม่” หานหลิงถ่ายทอดเสียงถามใหม่ ไม่ต้องการให้เหล่าผู้ทรงพลังได้ยินประโยคนี้ เลี่ยงไม่ให้คิดมากความไป
หานเจวี๋ยถ่ายทอดเสียงกลับ “อู๋เซียงเทียนเซี่ยร้ายกาจจริงๆ แต่ยังไม่เพียงพอจะเอาชนะพี่รองของเจ้าได้”
ล้อเล่นอะไรอยู่ คุณสมบัติพื้นฐานของเทพมารอนธการแข็งแกร่งยิ่งกว่ามหาเทวาพ้นนิวรณ์ด้วยซ้ำ จะพ่ายแพ้ต่อผู้สืบทอดมรดกของเขาได้อย่างไร!
เห็นได้ชัดว่าอู๋เซียงเทียนเซี่ยปกปิดฝีมือเอาไว้ แต่หานฮวงเองก็เช่นกัน ถึงขั้นที่หานฮวงยังไม่ได้สำแดงพลังแห่งเทพมารอนธการออกมาด้วยซ้ำ
ส่วนคนที่เหลือ หานเจวี๋ยรู้สึกว่าพวกเขาล้วนไม่มีความหวังเลย
เว้นแต่อู๋เซียงเทียนเซี่ยและหานฮวงจะพ่ายแพ้ตกรอบไปด้วยกัน ทำให้คนอื่นได้คว้าโอกาสไว้
ฉากต่อสู้อย่างเต็มกำลังของสิบยอดฟ้าตระการตาโดยแท้ เหนือชั้นยิ่งกว่าการต่อสู้ทั้งหมดที่ผ่านมา มองจากอาการตื่นเต้นหวีดอุทานภายในเมืองทศพิธแล้ว ถึงขั้นที่มีสิ่งมีชีวิตตะโกนเรียกชื่อบุตรแห่งสวรรค์ที่ตนเคารพนับถือออกมาด้วย
ในเวลานี้เอง
ภายในคฤหาสน์
ขณะที่ชิงเทียนเสวียนจีกำลังชมการต่อสู้อยู่ เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในใจเขา ‘มาสิ…มานี่…’
พอได้ยินเสียงชิงเทียนเสวียนจีหันมองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณ ทุกคนล้วนชมการต่อสู้อยู่ ไม่มีผู้ใดเรียกเขาเลย
ผิดปกติ!
หรือจะเป็นการถ่ายทอดเสียง
ชิงเทียนเสวียนจีขมวดคิ้ว ขณะที่เขากำลังจะปล่อยผ่านไป กลับพบว่าพลังเวทในกายจับตัวแข็งขึ้นมากะทันหัน
สีหน้าเขาพลันแปรเปลี่ยน ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด จู่ๆ สีหน้าก็สงบราบเรียบลง แววตาว่างเปล่าเลื่อนลอยยิ่งนัก
เขาหันหลังกลับ ก่อนจากไปอย่างเงียบเชียบ
จ้าวซวงเฉวียนเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง นึกว่าเขาได้รับความสะเทือนใจจึงไม่ได้ให้ความสนใจ รับชมการประลองต่อไป
จี้เซียนเสินสังเกตเห็นว่าเขาเดินออกไป ลังเลอยู่ครู่หนึ่งทว่ายังคงตามเขาไป
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นคนพาชิงเทียนเสวียนจีมา ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์อาจารย์แล้ว แต่ยังคงมีความผูกพันอยู่
เดินทีจี้เซียนเสินนึกว่าชิงเทียนเสวียนจีเพียงได้รับความสะเทือนใจ อยากกลับไปพักผ่อนแต่ไม่คิดเลยว่าชิงเทียนเสวียนจีจะมุ่งหน้าออกจากเมืองทศพิธ
จี้เซียนเสินสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว
‘ถึงแม้เสวียนจีจะจองหอง แต่ก็ไม่มีทางบุกเข้าสู่สนามประลองเลิศล้ำหมื่นยุค เกิดอะไรขึ้น’
จี้เซียนเสินขมวดคิ้ว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยังคงตัดสินใจตามไป
….
ตูม!
หานฮวงร่วงลงมาจากฟากฟ้า พื้นดินในรัศมีร้อยล้านลี้พังทลาย สะเก็ดหินนับไม่ถ้วนลอยกระเด็นขึ้นมา อู๋เซียงเทียนเซี่ยพลันเคลื่อนกายพุ่งสู่นภาอย่างต่อเนื่อง ทิ้งห่างจากหานฮวง
หานฮวงเงยหน้ามองขึ้นไป เอ่ยถากถาง “เจ้าจะหลบไปถึงเมื่อไร”
อู๋เซียงเทียนเซี่ยทอดมองเขาจากมุมสูง เอ่ยขึ้นว่า “ข้ากำลังวัดขีดจำกัดของเจ้าอยู่ แต่หากเป็นเช่นนี้ในเมื่อเจ้าไม่ร้อนรนเช่นนั้นก็เตรียมตัวตกรอบไปเถิด!”
ลูกปัดหยกสามสิบหกเม็ดพลันรวมตัวกัน ก่อตัวเป็นกระบี่สีรุ้งเล่มหนึ่ง อู๋เซียงเทียนเซี่ยถือดาบตวัดฟัน ปราณกระบี่พุ่งกวาดออกไป กวาดผ่านฟ้าดิน
หานฮวงก็ไม่หลบเลี่ยง ยกฝ่ามือซัดออกไป ฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรโจมตีปราณกระบี่นี้จนหักเป็นสองท่อน
จากนั้นปราณกระบี่สองท่อนที่เหลืออยู่ก็พังทลาย กลายเป็นปราณกระบี่นับไม่ถ้วนครอบงำท้องนภา ระเบิดธรณี
หานฮวงผลักสองมือออกไป ต้านรับปราณกระบี่ที่ระเบิดแยกตัว สองเท้าก้าวเดินขึ้นสู่นภา สายตาจ้องอู๋เซียงเทียนเซี่ยเขม็ง
อู๋เซียงเทียนเซี่ยผงะไป ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด แววตาของหานฮวงทำให้เขาหนาวสะท้านอยู่ในใจอย่างน่าประหลาด
‘เป็นไปไม่ได้! พลังของข้าไร้พ่าย…ตัวตนสูงสุดที่หลุดพ้นจากฟ้าบุพกาลแล้วเคยกล่าวเอาไว้…’
แววตาของอู๋เซียงเทียนเซี่ยพลันฉายแววแน่วแน่ รอยยิ้มประหลาดผุดขึ้นบนใบหน้า
………………………………………………………………