ตอนที่ 647 สามฝ่ามือพิชิตมังกรฉบับดั้งเดิม
เยี่ยเว่ยหมิงแม้จะให้ซานเย่ว์ถามต่อ แต่มาถึงตอนนี้แล้ว ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็เดาความจริงได้แล้วแปดเก้าส่วน
คังหมิ่นคงจะควบคุมเฉวียนกวนชิงด้วยวิธีเดียวกับไป๋ซื่อจิ้ง ส่วนเฉวียนกวนชิงเดิมทีก็ไม่ใช่พวกสงบเสงี่ยมอยู่แล้ว หลังจากได้ยินข้อเสนอของคังหมิ่น นอกจากจะไม่ปฏิเสธใดๆ กลับรู้สึกว่านี่คือโอกาสด้วยซ้ำ เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ไต่เต้าขึ้นตำแหน่งที่สูงกว่านี้!
เพราะ…
ความวุ่นวายก็คือบันได!
เขาจึงให้ความร่วมมืออย่างกระตือรือร้น เป็นชู้กับคังหมิ่นพร้อมร่วมวางแผนปลุกระดมความวุ่นวายของวันนี้ เพราะอยากฉวยโอกาสจับปลาในน้ำขุ่น ทำให้ฐานะของตนเองในพรรคกระยาจกก้าวหน้าไปอีกขั้น
เมื่อซานเย่ว์ถาม ความจริงก็เหมือนที่ทุกคนเดาอยู่ในใจ ไม่ได้หักมุมเหมือนละครที่ต้องใช้สมองคิดเยอะ
อย่างไรเสีย ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็เป็นเกมที่มีพื้นหลังเป็นยุทธภพ ไม่ใช่แนวนักสืบที่ต้องใช้สมองคิดเยอะ
กระทั่งตอนนี้ ความจริงทุกอย่างก็เปิดเผยกระจ่างแล้ว
ไม่มีใครสงสัยว่าคังหมิ่นพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาเพราะถูกซานเย่ว์ควบคุมหรือไม่
เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเลย
เพราะเรื่องจริงก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว!
ต่อให้คังหมิ่นถูกคนควบคุม เช่นนั้นการตอบสนองของไป๋ซื่อจิ้งกับเฉวียนกวนชิงจะอธิบายว่าอย่างไร
พวกเขาสองคนจะถูกซานเย่ว์ควบคุมอย่างเงียบเชียบด้วยเชียวหรือ
จะเป็นไปได้อย่างไร!
เพี้ยะ! ตอนนี้เฉียวเฟิงพลันสกัดจุดเฉวียนกวนชิงอย่างสบายมือแล้วเดินมาตรงหน้าพวกเยี่ยเว่ยหมิง กุมหมัดคารวะพร้อมเอ่ยว่า “ขอบคุณใต้เท้าทั้งสามจากสำนักมือปราบเทพที่ยื่นมือช่วยคืนความบริสุทธิ์ให้เฉียวเฟิง ทั้งยังเปิดเผยความจริงและทวงความเป็นธรรมให้พี่ใหญ่หม่า เฉียวเฟิงซาบซึ้งมาก จะจดจำบุญคุณนี้ไว้ในใจ!”
พอพูดจบ จู่ๆ เขาก็ตบบนบ่าเยี่ยเว่ยหมิงเบาๆ สามที แล้วตบบนบ่าเฟยอวี๋กับซานเย่ว์อีกคนละที
ขณะเดียวกัน เสียงแจ้งเตือนระบบที่ต่างกันก็ดังขึ้นข้างหูของทั้งสาม
สิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินก็คือ…
[ติ๊ง! คุณทำภารกิจสำนัก ‘งานชุมนุมใหญ่สวนบ๊วย’ สำเร็จ ได้รับรางวัลภารกิจ: เนื้อหาเคล็ดฝ่ามือ ‘สัมผัสน้ำแข็งเหน็บหนาวกาย’ ‘มังกรพิโรธ’ ‘มังกรสะบัดหาง’ ในตำราลับ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ กรุณาอ่านทำความเข้าใจเอง!]
หลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อึ้งก่อน จากนั้นก็ดีใจมาก
ต้องทราบไว้ว่านี่คือ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’!
‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ตั้งสามกระบวนท่า!
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เฉียวเฟิงช่วยตนเปิดใช้งานแล้วด้วย ทั้งยังเปิดตั้งสามกระบวนท่า!
เยี่ยเว่ยหมิงที่ฝึก ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ จนเชี่ยวชาญจนถึงขั้นสร้างเอกลักษณ์ของตนเองได้ ย่อมเข้าใจเคล็ดฝ่ามือนี้อย่างลึกซึ้งอยู่แล้ว
พูดจากภาพรวม ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ยอดเยี่ยมทุกกระบวนท่า เมื่อใช้รับมือกับสถานการณ์ที่ต่างกัน ความแยบยลที่แสดงออกมาก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แยกข้อดีและข้อเสียได้ยากมาก
แต่หากจะบอกว่าเคล็ดฝ่ามือทั้งสิบแปดกระบวนท่าล้ำค่าจนไม่มีวิชาไหนเทียบติด กลับยังไม่ถึงขั้นนั้น
ประการแรก ในฐานะที่ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ล้ำค่าที่สุดใน ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ หากมีมันแล้วก็จะรวมกระบวนท่าฝ่ามือพิชิตมังกรทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้ แล้ววางไว้ในแถบสุดยอดวิชาเดียวกัน
ประการต่อมา ก็คือ ‘สัมผัสน้ำแข็งเหน็บหนาวกาย’ ‘มังกรพิโรธ’ และ ‘มังกรสะบัดหาง’!
หากถามว่าเพราะอะไรสามกระบวนท่านี้จึงล้ำค่า
ก็ต้องเริ่มเล่าจากหนทางหลักที่ผู้เล่นได้รับ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ มา หรือหงชีกงนั่นเอง
ที่จริงแล้ว ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ที่หงชีกงเรียนตอนแรกยังไม่ใช่แบบสมบูรณ์ ชื่อของมันคือสิบแปดฝ่ามือ แต่ในจำนวนนั้นกลับมีสามกระบวนท่าหายไป แม้ตอนหลังหงชีกงจะชดเชยด้วยสุดยอดวิชาที่คิดค้นขึ้นเอง แต่สามฝ่ามือที่ชดเชยเข้ามาในตอนหลัง ก็เป็นเพียงเวอร์ชันอ่อนแอเท่านั้น ยังแย่กว่าเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของเวอร์ชั่นเดิม
หงชีกงใช้สามฝ่ามือที่ไม่ใช่ของแท้ เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นกัวจิ้งหรือผู้สืบทอดวิชาคนอื่นๆ ก็ย่อมไม่ได้ใช้ของแท้เช่นกัน
ทั้งเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ มีเพียง NPC คนเดียวที่ได้ใช้ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ของแท้ฉบับสมบูรณ์ นั่นก็คือเฉียวเฟิง!
แต่หากผู้เล่นอยากได้รับถ่ายทอดวิชา ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ หนทางที่ง่ายที่สุดก็คือรับจากหงชีกง
ถึงอย่างไรตอนนี้เฉียวเฟิงก็เพิ่งอายุประมาณสามสิบ ยังไม่ถึงช่วงอายุที่ต้องคำนึงถึงการตามหาผู้สืบทอดวิชา
ดังนั้นในสถานการณ์ส่วนใหญ่ ผู้เล่นทำได้เพียงรับวิชาจากหงชีกงให้หมดก่อน จากนั้นค่อยเรียนเคล็ดฝ่ามือสามกระบวนท่าสุดท้ายที่เป็นเวอร์ชันที่อ่อนแอที่สุด
นึกไม่ถึงว่าเฉียวเฟิงจะเป็นคนเปิดเผยเช่นนี้ พอลงมือก็มอบสามฝ่ามือสุดท้ายเวอร์ชันดั้งเดิมที่ล้ำค่าที่สุดให้เขาแล้ว!
ต้องทราบไว้ว่าฉบับแท้กับฉบับเถื่อนให้ความรู้สึกต่างกัน! (ไม่ได้อธิบายฉบับเถื่อนอย่างละเอียด)
มองตำราลับ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ในกระเป๋าตนเองอย่างพอใจปราดหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็หันไปมองซานเย่ว์กับเฟยอวี๋ พบว่าทั้งสองแสดงสีหน้าพอใจมากเช่นกัน
สิ่งที่พวกเขาได้รับอาจไม่ดีเท่าเยี่ยเว่ยหมิง แต่ย่อมไม่แย่
โดยเฉพาะซานเย่ว์ ในฐานะคนที่ออกแรงมากที่สุดในภารกิจนี้ ต่อให้อิงตามกติกาของระบบ รางวัลที่นางได้รับจะต้องไม่ด้อยกว่าเยี่ยเว่ยหมิงแน่นอน
หลังจากแจกรางวัลเสร็จแล้ว เฉียวเฟิงก็หันมาพูดกับซานเย่ว์อีก “แม่นางซานเย่ว์ ท่านช่วยถามหม่าฮูหยินให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ ว่าพี่ใหญ่ที่เป็นผู้นำนอกด่านเยี่ยนเหมินคือใคร”
“ไม่ได้!”
เฉียวเฟิงเพิ่งจะพูดเกริ่น จื้อกวงไต้ซือที่เพิ่งออกมาเป็นพยานก็กล่าวเสียงดัง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้ที่มีบารมีมากท่านหนึ่งในยุทธภพ ให้นางบอกไม่ได้!”
จ้าวเฉียนซุนกล่าวเสริมเช่นกัน “จะฆ่าก็ฆ่า พุ่งเป้ามาที่พวกเราสองคนก็พอ ศีรษะบนบ่าข้าเตรียมไว้มอบให้ทุกเมื่อ”
เมื่อเห็นว่ามีคนยืนกรานคัดค้าน เยี่ยเว่ยหมิงผู้จิตใจงามและรักความยุติธรรมรู้สึกว่าตนควรจะคล้อยตามกระแสที่ถูกต้อง เคารพความเห็นของคนส่วนใหญ่สักหน่อย จึงหันไปมองกลุ่มคนระดับสูงของพรรคกระยาจก “ทุกท่านคิดว่าตัวตนของพี่ใหญ่ผู้นำ คือสิ่งที่ไม่ควรถามอย่างนั้นหรือ”
ผู้อาวุโสสวีได้ยินแล้วตอบทันที “ที่จื้อกวงไต้ซือกับจ้าวเฉียนซุนกล่าวมาก็มีเหตุผล อย่าถามเรื่องนี้ดีกว่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของพรรคกระยาจกก็ทยอยกันแสดงออกว่าเห็นด้วย ไม่ควรถามถึงเรื่องนี้อีก
เฉียวเฟิงเห็นแล้วร้อนใจมาก “ใต้เท้าเยี่ย…”
“อย่าใจร้อน” เยี่ยเว่ยหมิงขยิบตาให้เฉียวเฟิง สื่อว่าให้เขารอฟังอย่างเงียบๆ ก็พอ จากนั้นก็หันไปพูดกับซานเย่ว์ว่า “ซานเย่ว์ ในเมื่อทุกคนไม่เห็นด้วยที่ถามเรื่องพี่ใหญ่ผู้นำ พวกเราก็เคารพความเห็นของทุกคนดีกว่า ถามเรื่องที่เกี่ยวกับคังหมิ่นให้กระจ่างก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
หลังจากชะงักครู่หนึ่ง ก็เสนอทันทีว่า “พวกเราถามคังหมิ่นก่อนดีกว่า นอกจากไป๋ซื่อจิ้งกับเฉวียนกวนชิงแล้ว ในพรรคกระยาจกยังมีใครที่มีความสัมพันธ์เกินมิตรสหายกับนางอีก”
“เอ่อ คือ…” พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถามซานเย่ว์เรื่องนี้ ผู้อาวุโสสวีก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าทันที แล้วกล่าวอย่างลังเลนิดหน่อยว่า “ใต้เท้าเยี่ย ในเมื่อสืบความจริงเรื่องสหายหม่าต้าหยวนกระจ่างแล้ว ข้าว่าไม่จำเป็นต้องถามเรื่องนี้อีก”
เฉียวเฟิงได้ยินแล้วเถียงกลับทันที “จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรากฐานของพรรคกระยาจก ต้องถามให้กระจ่างสิ!”
หลังจากลังเลสองวินาที ผู้อาวุโสสวีก็เสนอทันทีว่า “หรือไม่อย่างนั้น พวกเราให้แม่นางซานเย่ว์ถามเรื่องพี่ใหญ่ผู้นำดีกว่า”
“ไม่ได้!” จื้อกวงไต้ซือปฏิเสธ
เมื่อผู้อาวุโสสวีส่งสายตาให้ ผู้อาวุโสพรรคกระยาจกอีกสองคนก็ลงมือทันที ควบคุมตัวจื้อกวงไต้ซือกับจ้าวเฉียนซุนไว้พร้อมกัน
ตันเจิ้งกับลูกชาย ถานกงกับภรรยากำลังจะพูด แต่ค่ายกลตีสุนัขของพรรคกระยาจกกลับล้อมพวกเขาไว้แล้ว
หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้โดยสมบูรณ์ ผู้อาวุโสสวีถึงได้หันมาพูดกับเยี่ยเว่ยหมิง “ทุกคนของพรรคกระยาจกเห็นพ้องต้องกัน ว่าจำเป็นต้องถามถึงตัวตนของพี่ใหญ่ผู้นำคนนี้สักหน่อย เพราะมีเพียงการทำอย่างนี้เท่านั้น ถึงจะรู้ความจริงเรื่องนอกด่านเยี่ยนเหมินในปีนั้น!”