ตอนที่ 348 จากลาตลอดกาล
วันหยุดสุดสัปดาห์สองวันเป็นวันสอบตั๋วทนาย
อาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้รออยู่ด้านนอกพร้อมทุกคนเหมือนอย่างตอนสอบใบประกอบโรคศิลปะ แต่ให้เหลียงจีขับเครื่องบินไปส่งที่เมืองหลวงโดยมีเหลยถิงติดตามไปด้วย
เครื่องบินลงจอดที่ลานจอดของวังตระกูลตี้
เจียงเฟิงเหมียน มู่หว่าน อวิ๋นสุ่ยเหยา มารอรับที่ลานจอดพร้อมคนตระกูลตี้
อาจารย์อาเล็กจับมือทักทายราชาตี้ พูดด้วยความเกรงใจเล็กน้อย “พวกเรามาขอรบกวนหน่อยนะครับ”
ราชาตี้ที่รูปงามยิ้มพูดอย่างอารมณ์ดี “สำนักแพทย์โบราณไม่ใช่คนนอกสำหรับตระกูลตี้ รบกงรบกวนอะไรกันครับ อาเจียงเกรงใจเกินไปแล้ว”
เขานับถือหยวนเหยี่ยเป็นผู้อาวุโส เจียงเฉาเป็นศิษย์น้องที่หยวนเหยี่ยเลี้ยงมาจนโตก็ย่อมเป็นผู้อาวุโสเช่นเดียวกัน มิฉะนั้นเขาคงไม่มารับด้วยตัวเอง
“ครับๆๆ งั้นพวกเราไม่เกรงใจแล้ว”
สำนักแพทย์โบราณสนิทสนมกับตระกูลตี้จริงๆ
อวิ๋นเหอยิ้มพูด “อาเจียงคะ ทำไมแม่ของเสี่ยวเหมียนไม่มาด้วยล่ะคะ”
เจียงเฟิงเหมียนวิ่งเข้าไปหาพ่อ คล้องแขนแล้วจับโยก “นั่นสิคะพ่อ ทำไมแม่ไม่มาดูหนู แม่ไม่คิดถึงหนูเหรอ หนูคิดถึงแม่นะ!”
อาจารย์อาเล็กยิ้มมองลูกสาวที่ฝึกระเบียบทหารจนผิวคล้ำขึ้น “วันนี้พี่เยาเยาของเรามีสอบ แม่เราก็เลยอยู่ทำของอร่อยเตรียมไว้ให้”
“พี่เยาเยาสอบอะไรเหรอคะ ทำไมเพิ่งเปิดเทอมไม่นานก็มีสอบแล้วเหรอ”
“สอบทนายน่ะ” เดิมทีเสี่ยวเยาเยาก็มีอะไรต้องสอบมากมายอยู่แล้ว เพราะเธออยากเก็บหน่วยกิตของปริญญาโทให้จบในหนึ่งปี!
เจียงเฟิงเหมียน มู่หว่าน อวิ๋นสุ่ยเหยา ต่างร้องว้าวพร้อมกัน
ตี้อู๋โยวยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยาไม่เหมือนเด็กสาวอายุสิบกว่าเลยนะครับ”
ตี้อู๋เสียยิ้มจนดวงตาคู่งามโค้งมนพลางพูด “นอกจากตี้อู๋เปียนแล้ว คนที่ฉันรู้สึกนับถือมากที่สุดก็เสี่ยวเยาเยานี่แหละ” เรียนแต่อะไรยากๆ !
สุดยอดไปเลยจริงๆ !
ดูเธอสิ โตกว่าเสี่ยวเยาเยาตั้งเจ็ดแปดปียังติดเล่นอยู่เลย!
เฮ้อ เห็นทีวันหน้าต้องขยันหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นเธออาจเป็นพวกไม่เอาไหนในสายตาของเสี่ยวเยาเยา!
กลุ่มคนพากันไปขึ้นรถ กลับไปยังอาคารที่พัก
เจียงเฟิงเหมียนนั่งข้างพ่อ จากนั้นก็ถามด้วยความแปลกใจ “ทำไมพ่อกับศิษย์พี่ใหญ่มาตอนนี้ล่ะคะ อีกหนึ่งอาทิตย์ก็หยุดวันชาติกับเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว พวกเราก็ต้องกลับไปอยู่ดี”
“พ่อกับศิษย์พี่ใหญ่ของลูกมาทำธุระน่ะ”
“อ่อๆ”
เจียงเฟิงเหมียนคิดว่าคงมีโรงพยาบาลสักแห่งขอให้พ่อของเธอมาช่วย ก็เลยไม่ได้ถามมากอีก
อวิ๋นเหอให้คนเอาสัมภาระของทุกคนไปเก็บที่ห้องพักแขก จากนั้นก็ยิ้มถาม “อาเจียงคะ งั้นพวกเรากินข้าวกันก่อนไหมคะ”
“ได้ครับ”
เหลยถิงอยู่ข้างน้าตัวเองตลอด ความรู้สึกตอนแรกคือช็อก จนถึงตอนนี้ใจสงบลงแล้ว
แม้จะรู้สถานะของเจ้าของบ้าน แต่เขาก็ไม่มีทางเสียมารยาทขอร้องแทนครอบครัวเจียง
สงสารแฟนก็เรื่องหนึ่ง แต่พ่อของเธอ…สมควรรับโทษ
เขาไม่ถือสาหาความเรื่องที่วางยาเขาก็ได้ อย่างไรเสียลุงเจียงก็ไม่ได้คิดเอาชีวิตเขาจริงๆ
แต่ชีวิตคนอื่นล่ะ
ถ้าขอร้องแทนก็เท่ากับดูแคลนชีวิตคนที่ตายไปแล้ว
เจียงเย่ว์ไม่ได้ขอให้เขาช่วย ก็เพราะรู้ว่าไม่มีใครหนีพ้นกฎหมายได้
กฎหมายไม่ยอมปล่อยคนผิด
ตอนนี้เขารู้สึกสับสน ยังไม่มีอารมณ์คิดว่าอนาคตจะเอายังไงต่อ
“อาถิง?”
“อ๊ะ ผมไม่เป็นไรครับน้า ก็แค่อยู่ๆ นึกถึงเจียงเย่ว์”
“อย่าคิดมากเลย ปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ”
เหลยถิงพยักหน้า
หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จ คนตระกูลตี้ก็จัดรถที่ดูสมถะไปส่งอาจารย์อาเล็ก ศิษย์พี่ใหญ่ และเหลยถิงยังสถานที่ที่คุมตัวเจียงจี๋ไว้
“อาจารย์อาเล็ก ศิษย์พี่ใหญ่ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ!” เจียงจี๋รู้สึกเซอร์ไพรส์นิดหน่อย
เดิมทีเขาคิดว่าสองคนนี้จะไม่ยอมมาพบเขาแล้ว
ใจจริงคนที่อยากเจอที่สุดคืออาจารย์ แต่อาจารย์อายุมากแล้ว เขาไม่อยากรบกวน
อาจารย์อาเล็กมองนักโทษที่ดูสภาพจิตใจยังถือว่าดีอยู่ รู้สึกได้ว่าไม่กลัวตายจริงๆ เขาอดเศร้าใจไม่ได้
“ไม่เจอกันยี่สิบสามสิบปีได้แล้วนะเจียงจี๋”
“นั่นสิครับ นึกไม่ถึงว่าจะยังมีวันได้พบอาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่อีก ผมดีใจมากครับ”
“…อะไรกันแน่ที่ทำให้นายเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ เมื่อก่อนนาย…ทะเยอทะยานขนาดนั้น” ตอนนี้ดูกร้านโลก
แบบที่ไม่แคร์ใครหน้าไหนหรืออะไรทั้งนั้น ราวกับทุกสิ่งที่มีชีวิตล้วนไม่เกี่ยวกับเขา ราวกับตัวเองไม่ใช่สิ่งมีชีวิต…
“เมื่อก่อนเหรอ…แม่ผมสอนให้ทะเยอทะยาน ต้องเป็นที่หนึ่ง ต้องได้หน้า…ต่อมาพอออกจากสำนักแพทย์โบราณ ผมคิดอะไรได้เยอะแยะ…อยากใช้ชีวิตให้ดี อยากอยู่แบบสงบๆ…ถึงจะรักคนผิด แต่กลับไม่เคยเสียใจ…มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมไม่รู้ว่าควรทำอะไร พยายามไปเพื่ออะไร…”
อาจารย์อาเล็กพูดด้วยความเจ็บปวด “ทำไมนายไม่นึกถึงลูกสาวให้มากๆ”
“เจียงเย่ว์…คนที่ผมรู้สึกผิดด้วยเป็นคนแรกคืออาจารย์ ต่อมาคือเจียงเย่ว์…”
ศิษย์พี่ใหญ่ “เจียงจี๋ อันที่จริงอาจารย์รอนายคิดได้มาตลอด ช่วงนั้นอาจารย์มักพูดกับพวกเราว่า ใครๆ ก็ทำผิดกันได้ ถ้าไม่รู้จักให้โอกาสได้กลับตัวก็อาจบีบให้คนๆ หนึ่งที่เดิมทีไม่ได้มีจิตใจโหดร้าย แค่พลั้งผิดไป ต้องเข้าใกล้ความเป็นคนเลวขึ้นเรื่อยๆ…”บราวนี่ออนไลน์
เจียงจี๋นั่งนึกย้อนอยู่สักพัก จากนั้นก็ยิ้มเศร้า “สรุปว่า ผมมันก็แค่มีพรสวรรค์ด้านการแพทย์…ไม่สิไม่ พรสวรรค์ผมไม่สูง ก็แค่กล้าคิดแต่พรสวรรค์ไม่พอ แม้แต่เรื่องที่ชัดเจนขนาดนั้นก็ยังคิดไม่ได้ ถ้าตอนนั้น…”
อาจารย์อาเล็ก “ตอนนี้พูดอะไรมันก็สายไปแล้ว”
“ครับ สายไปแล้ว” ชีวิตคนไม่มีการซ้อมแสดง เอาใหม่ไม่ได้
ศิษย์พี่ใหญ่ถามด้วยความรู้สึกแย่เล็กน้อย “เจียงจี๋ มีอะไรอยากบอกอาจารย์ไหม”
“…ไม่มีครับ อย่ารบกวนอาจารย์เลย คิดเสียว่าไม่เคยมีข่าวคราวของผมแล้วกัน”
“งั้นนายมีความปรารถนาอะไรอีกไหม”
เจียงจี๋ส่ายหน้า
ตายไปก็ไม่รับรู้อะไรแล้ว มีความปรารถนาจะมีประโยชน์อะไร
อาจารย์อาเล็ก “ถ้าเจียงเย่ว์ยังกลับมาเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูอีก พวกเราจะช่วยดูแลให้”
“ขอบคุณครับอาจารย์อาเล็ก เจียงเย่ว์ถูกผมกับเหมียวฉีเลี้ยงดูจนมีนิสัยไม่น่าเอ็นดูแบบนั้น แต่แกเป็นเด็กดี ฉลาดเฉลียว…เหลยถิง…ช่างเถอะ ผมยุ่งไม่ได้แล้ว”
เหลยถิงไม่ได้ตามเข้ามา เขาอยู่ข้างนอกเป็นเพื่อนเจียงเย่ว์ จึงไม่รู้ว่าเจียงจี๋อยากฝากลูกสาวไว้กับเขา
“พี่เขยฉันบอกว่าให้สิทธิ์เหลยถิงตัดสินใจเอง พี่สาวฉันกับปู่ย่าของเขาไม่รู้เรื่องนี้”
เดิมทีพวกเขาไม่ชอบเจียงเย่ว์เพราะเจียงเย่ว์ไม่ได้รักเหลยถิง แต่กลับคบกับเขา ไม่เกี่ยวกับชาติกำเนิด
เจียงจี๋ยิ้มแล้วถอนหายใจ “ผมรู้จักลูกสาวผมดี แกพึ่งพาตัวเองแต่เด็ก เลยเป็นเด็กคิดเยอะ แกคงจะรู้สึกผิดต่อเหลยถิงเพราะผม คงจะไม่…ไม่พูดดีกว่า ผมแค่อยากเจออาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่อีกครั้งแค่นั้นจริงๆ”
ศิษย์พี่ใหญ่ “อาหลิงอยู่เมืองหลวง อยากเจอเขาหน่อยไหม”
“ไม่ล่ะ อย่ารบกวนศิษย์พี่สามเลย เขากำลังช่วยผมล้างบาปอยู่”
เมื่อก่อนเขาเคยบังเอิญเจอศิษย์พี่สาม เพียงแต่ตอนนั้นศิษย์พี่สามมัวแต่สนใจเด็กข้างกาย ก็เลยไม่ทันสังเกตเห็นเขา
ถ้าเขาแค้นสำนักแพทย์โบราณ อยากแก้แค้น แบบนั้นคนที่จะโดนก่อนเป็นคนแรกคือศิษย์พี่สามแน่นอน ไม่ใช่เหลยถิง
ศิษย์พี่ใหญ่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดคลิปที่ถ่ายไว้ตอนกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานช่วงปิดเทอมหน้าร้อนให้เจียงจี๋ดู “อาจารย์แข็งแรงทั้งกายและใจ อยู่ได้อีกหลายสิบปีไม่มีปัญหา”
“งั้นก็ดี”
“แล้วก็ อาจารย์รับศิษย์ปิดสำนักด้วย เพิ่งจะสิบแปดก็เก่งเกินใครไปแล้ว”
“ผมดีใจกับอาจารย์ด้วยจริงๆ !” นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เรียกอาจารย์แล้ว “ตอนนี้ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว อาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่กลับไปเถอะครับ”
“…อืม”
อาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่เดินออกจากห้องคุมขังด้วยความรู้สึกที่หนักหน่วง
การจากลาครั้งนี้คือการจากลาตลอดกาล