ตอนที่ 386 หัวใจของเมือง
ช่วงเวลาที่งดงามที่สุดคือช่วงเดือนเมษายน
ท่ามกลางสรรพสิ่งที่เจริญเติบโต ฤดูแห่งแมกไม้เขียวชอุ่ม ต้นไหว[1]ได้ออกดอกสีขาวบานสะพรั่ง
ในหมู่ชาวบ้านได้มีคำพูดยามดอกไหวบานเต็มต้นว่า เดือนเมษายาหรือเรียกอีกชื่อว่าเดือนไหว
ถึงแม้เดือนมีนาคมและเมษายนจะเป็นฤดูที่งดงามที่สุดที่ดอกไม้บานสะพรั่ง อากาศกำลังอบอุ่น แต่สำหรับคนทางใต้แล้ว ขณะเดียวกันมันก็เป็นฤดูที่ยากลำบากที่สุด
เพราะมันมีความเจ็บปวดของคนทางใต้ที่คนทางเหนือไม่เข้าใจ
เมื่อความชื้นในอากาศใกล้อิ่มตัว ตอนที่หนักที่สุดก็คือพื้นกับกำแพงจะมีละอองน้ำจำนวนมากเกาะอยู่ เหมือนมีฝนตกภายในบ้าน
ส่องกระจกไม่ได้ ผ้าห่มชื้นจนไม่อยากนอน เสื้อผ้าตากจนเหม็นก็ยังไม่แห้ง…
ปีนี้กินระยะเวลายาวนานเป็นพิเศษ ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนเมษายน ราวกับว่าสวรรค์เสียใจไม่จบสิ้นสักที
หมู่บ้านเถาหยวนซานอยู่ทางใต้สุด อีกทั้งด้านหลังยังมีป่าดงดิบ ปกติสภาพอากาศชุ่มชื้น
ตอนนี้จึงอยู่ในช่วงที่ไปตรงไหนก็เปียกชื้น ชวนให้รู้สึกแย่ ขนาดดอกไม้บานเต็มภูเขาก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นมา
ขณะเดียวกันสภาพอากาศที่เป็นแบบนี้ก็เป็นช่วงที่คนไม่สบายมากที่สุด โชคดีที่คนหมู่บ้านเถาหยวนซานมีสุขภาพดีเป็นทุนเดิม อีกทั้งมีหมอชื่อดังอยู่ ก่อนหน้านี้ต้มสมุนไพรกินป้องกันไว้ก่อน จึงไม่มีใครป่วย
บ้านครอบครัวหยวนมีกำแพงอุ่น ยามจำเป็นก็ก่อไฟเพื่อให้อากาศภายในบ้านแห้งขึ้น พยายามทำให้คนสูงวัยรู้สึกสบายหน่อย
พอเห็นหยดน้ำเกาะนอกหน้าต่าง มู่เถาเยาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตี้อู๋เปียนถาม “ซาลาเปาน้อย คิดอะไรอยู่เหรอ คิ้วผูกกันแล้ว”
“สภาพอากาศปีนี้ดูผิดปกติไปหน่อย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันกลัวว่าพื้นที่ต่ำจะเกิดน้ำท่วม”
“เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนเป็นหน้าฝนของทางใต้…การระบายน้ำในบางพื้นที่ทำได้ไม่ดี…พวกเราต้องเตรียมรับมือไว้ก่อน…” ตี้อู๋เปียนก็เริ่มขมวดคิ้ว
“สภาพภูมิศาสตร์ตรงหมู่บ้านเถาหยวนซานไม่มีทางเกิดภัยพิบัติอย่างน้ำท่วมหรือภัยแล้ง แต่หมู่บ้านล่างเขาค่อนข้างต่ำ…ตี้อู๋เปียน บอกให้คนระวังเมืองที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำหน่อยนะ”
“อืม เดี๋ยวจะให้คนตรวจสอบระบบระบายน้ำเพื่อเตรียมรับมือ”
“พวกเราก็เตรียมสมุนไพรมากหน่อย เผื่อช่วงน้ำหลาก…” ไม่เกิดก็ดีไป มีไว้จะได้ไม่ต้องลนลานหากถึงช่วงขาดแคลน
แม้นี่จะเป็นเรื่องของรัฐบาล เด็กสาวอย่างเธอไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจ แต่ตระกูลตี้เป็นผู้ปกครอง พวกเขาสนิทกับตระกูลตี้ ช่วยอะไรได้ก็ช่วย
เธออยู่มาสองชาติ รู้ดีว่าภัยพิบัติส่งผลกระทบต่อประชาชนมากขนาดไหน
พวกท่อระบายน้ำก็เป็นแหล่งเพาะพันธุ์โรคระบาดอย่างดี!
“ฉันจะไปห้องหนังสือ” มู่เถาเยาเริ่มนั่งไม่ติดแล้ว
เธออยากดูเมืองที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำทั้งหมด เพื่อดูว่าเมืองไหนอุ้มน้ำได้ง่ายที่สุด
ประเทศเหยียนหวงพื้นที่กว้างใหญ่ มีเมืองที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำเยอะ
มีนักวิชาการที่โด่งดังในต่างประเทศเคยบอกว่า ทางระบายน้ำคือหัวใจของเมือง
หากต้องการตรวจสอบระดับความเจริญของเมือง แค่ฝนเทหนักลงมาสักหนึ่งรอบก็พอแล้ว
ดังนั้นหากต้องการป้องกันน้ำขังในตัวเมืองก็ต้องยกระดับมาตรฐานการระบายน้ำของท่อข้างใต้
ตี้อู๋เปียนเข้าใจว่ามู่เถาเยาคิดจะทำอะไร เขาลุกขึ้นด้วย “ฉันไปด้วย มีรูปหนึ่งที่อยากให้เธอดูพอดี”
“อืม”
ทั้งสองคนบอกพวกผู้ใหญ่แล้วขึ้นชั้นสองไปห้องหนังสือ
มู่เถาเยาเปิดคอมพิวเตอร์ ฉายภาพไปที่กำแพง
“ตี้อู๋เปียน หากมองในภาพรวมทั้งประเทศ หมู่บ้านที่อยู่ล่างเขาของพวกเรายังไม่ถือว่าต่ำมาก…คุณดูเมืองนี้สิ แทบจะน้ำท่วมทุกสองสามปีเลยนะ เมื่อก่อนมีครั้งหนึ่งที่หนักมาก มิดชั้นหนึ่ง…”
มู่เถาเยาดึงข้อมูลออกมา วิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมในอดีตของเมืองนี้
ใช้เลเซอร์ชี้ไปที่รูป “ไม่ต้องย้อนไปไกล เอาแค่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ เมืองนี้ฝนตกติดต่อกันหลายเดือน…”
ตอนนั้นการจราจรรอบเมืองนี้เป็นอัมพาต ถนนหลายสายในเมืองจมน้ำ…อุทกภัยครั้งนั้นกินพื้นที่ไปหลายมณฑล
นี่เป็นบทเรียนอันแสนเจ็บปวดของงานด้านชลประทาน
อานุภาพทำลายล้างของอุทกภัยใหญ่ครั้งนั้นไม่ด้อยไปกว่าสึนามิ
“ตี้อู๋เปียน สถานการณ์ในปีนี้แอบคล้ายตอนนั้น ฝนเริ่มตกหลังจากตรุษจีน…”
“ไม่ต้องห่วง พวกเรายังมีเวลาป้องกัน”
“อืม ทำอะไรได้ก็รีบทำไว้ก่อน”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดๆ แล้วส่งเข้าคอมพิวเตอร์ของมู่เถาเยา “ฉันส่งระบบระบายน้ำที่ฉันออกแบบให้เธอดู ฉันวาดเมื่อเดือนที่แล้ว เธอลองดูนะ”
มู่เถาเยาพูดด้วยความตกใจ “คุณคิดเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
“ช่วงตรุษจีน เมืองหลวงก็ฝนตกไม่หยุด ฉันเลยนึกถึงอุทกภัย…เมืองลุ่มต่ำในประเทศเรามีอยู่ไม่น้อย บางเมืองมีการระบายน้ำไม่ดี ถ้าน้ำมาเยอะ น้ำจากแม่น้ำก็จะทะลักเข้าตัวเมืองได้ง่าย เกิดน้ำท่วมขังอย่างรุนแรง…ฉันก็เลยหาระบบระบายน้ำสิบอันดับแรกของทั้งโลกมาศึกษาดู…”
มู่เถาเยาฟังเขาพูดพลางดูคอมพิวเตอร์
“…ตี้อู๋เปียน ถ้าระบบที่คุณออกแบบใช้ได้จริงจะต้องช่วยป้องกันน้ำทะลักเข้าเมืองได้แน่…หลังจากเกิดอุทกภัยเมื่อหลายปีก่อนฉันก็เคยศึกษาระบบระบายน้ำ…คุณดูสิ ตรงนี้…”
ทั้งสองคนคุยกันเรื่องแผนภาพทางระบายน้ำจนเวลาช่วงบ่ายหมดไปอย่างไม่รู้ตัว
จนกระทั่งเจ้าถุงลมน้อยมาเรียกพวกเขาลงไปกินข้าว ถึงได้รู้ว่าเวลาผ่านมานานมากแล้ว
มู่เถาเยาปิดคอมพิวเตอร์ จูงเจ้าถุงลมน้อยลงชั้นล่างพลางพูด “ตี้อู๋เปียน คุณลองให้ผู้เชี่ยวชาญดูแผนภาพนะว่าใช้ได้ไหม”
“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าควรทำยังไง”
“อืม หวังว่าปีนี้จะไม่เกิดน้ำท่วม” มู่เถาเยามองด้านนอกที่เปียกชุ่มด้วยสายตากังวล
“อย่าคิดมากเกินไป ระยะนี้ฝนแค่ตกโปรยๆ”
“กลัวว่าช่วงเดือนมิถุนาถึงเดือนสิงหาจะตกหนัก ครั้งสองครั้งยังพอไหว ถ้าเป็นแบบตอนนี้ที่ตกต่อเนื่อง ผลลัพธ์คงสาหัสน่าดู”
“ซาลาเปาน้อย เธอตั้งใจเรียนไป เรื่องอื่นไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง ถ้ามีอะไรฉันจะมาปรึกษาเธอ”
“…ได้”
“รอดูได้เลย ในห้าปีฉันจะทำโปรเจกต์ใหญ่นี้ให้สำเร็จ รับรองว่าต่อไปน้ำท่วมไม่ใช่ปัญหา”
“อืม เริ่มลงมือกับเมืองที่ท่วมหนักสุดก่อน”
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า
พอไปถึงห้องอาหารทั้งสองคนก็เลิกพูดเรื่องนี้อย่างรู้กัน ผู้ใหญ่จะได้ไม่กลุ้มใจตามไปด้วย
อาจารย์แม่รองเห็นพวกเขามาแล้วจึงยิ้มบอกให้นั่งลง “เสี่ยวเยาเยา อู๋เปียน อันเหยี่ย กินข้าวกันจ้ะ”
“ค่ะ”
ทั้งสามคนไปล้างมือแล้วนั่งตรงที่ว่าง
ย่าเย่ว์ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยากับอู๋เปียนคุยกันถูกคอดีจริงๆ”
ระยะนี้พอเสี่ยวเยาเยากลับมาอู๋เปียนก็จะเกาะติด…ดูไม่ออกเลยว่ามีอะไรให้คุยกันเยอะขนาดนั้น!
มู่เถาเยายิ้มให้ทุกคน “พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษากันน่ะค่ะ”
เวลาเธอกลับมาช่วงสุดสัปดาห์ คนตระกูลเย่ว์กับตระกูลตี้ก็จะมากินข้าวด้วยกัน
ถูกต้อง คนตระกูลตี้ก็ย้ายไปอยู่บ้านที่อวิ๋นไป๋สร้างแล้ว
ตอนนี้บ้านครอบครัวหยวนมีแค่ศิษย์อาจารย์และปู่ทวดถังอยู่
ถ้าถังถังกลับมาก็พักที่นี่เช่นกัน
ต้นไหว[1] ต้นเจดีย์ญี่ปุ่น