ตอนที่ 388 ผมก็อยากแต่งงาน
วันที่หนึ่งพฤษภาคม ณ เมืองหลวง
วันนี้เป็นวันมงคลครั้งใหญ่
เจ้าหญิงอู๋เสียพระราชธิดาของราชาตี้อภิเษกสมรสกับบุตรชายของตระกูลเซี่ยที่เป็นตระกูลบัณฑิตของประเทศเหยียนหวง
ตระกูลเซี่ยเป็นตระกูลใหญ่ มาสายวิชาการแทบจะทั้งหมด ถ้าไม่ทำงานวิจัยก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัย
ใช้คำว่าได้ดีทั้งตระกูลก็คงไม่มากเกินไปสำหรับตระกูลนี้
ด้วยเหตุนี้ตระกูลเซี่ยจึงมีอิทธิพลและสถานะที่สูงมากในเมืองหลวงหรือแม้กระทั่งทั้งประเทศ
ในรุ่นนี้ ตระกูลเซี่ยได้ให้กำเนิด ‘แกะดำ’ หรือก็คือเจ้าบ่าวคุณชายสามเซี่ยซิงเหยียนที่ชอบ ‘กลิ่นเงิน’มากกว่า ‘กลิ่นหนังสือ’
แต่ถึงแม้เซี่ยซิงเหยียนจะไม่ชอบงานสายวิชาการ แต่เขาก็ไวต่อตัวเลขไม่แพ้ตี้อู๋เสีย
ด้วยเหตุนี้สองสามีภรรยาจึงร่วมใจเปิดบริษัทการเงินขึ้นมา
งานแต่งงานนี้เป็นที่จับตามอง
อาจารย์ทั้งสองที่หมู่บ้านเถาหยวนซานและอาจารย์แม่รองก็มากันหมด และยังมีผู้ใหญ่บ้านมู่อี้กับภรรยามาในนามของตัวแทนหมู่บ้านเถาหยวนซาน
สองผู้อาวุโสตระกูลตี้ เจ้าถุงลมน้อย ตี้อู๋เปียน อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานนานขนาดนั้น สนิทสนมกับชาวหมู่บ้าน จึงขอเชิญผู้ใหญ่บ้านและภรรยาเป็นตัวแทนหมู่บ้านมาดื่มสุรามงคล
ถึงแม้ตระกูลเซี่ยจะเป็นตระกูลนักวิชาการ แต่กลับไม่มีความหยิ่งทะนงตนเลยสักนิด และไม่ใช่คนโอ้อวดหรือยกตนข่มท่าน ไม่อย่างนั้นคงไม่สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน พวกเขาจึงมีท่าทีเป็นกันเองกับผู้ใหญ่บ้านจากหมู่บ้านเล็กๆ และภรรยา
แขกที่ตระกูลตี้เชิญมา ไม่ว่าจะมีสถานะแบบไหน ยังไงก็ต้องให้เกียรติ
มู่เถาเยานั่งโต๊ะเดียวกับปู่ย่าตายายของเธอ อาสาว อาจารย์สาม อาจารย์แม่รอง ผู้ใหญ่บ้านกับภรรยา และยังมีเสี่ยวหว่านเสี่ยวเหมียนที่เรียนอยู่ในเมืองหลวง รวมถึงอวิ๋นไป๋
อวิ๋นไป๋ไม่ได้นั่งกับคนตระกูลอวิ๋น เขาอยากเกาะติดเย่ว์เลี่ยง
เรื่องที่เหนือความคาดหมายของมู่เถาเยาคือ ไม่เพียงแต่ตี้อู่หลันฉือเพื่อนร่วมคลาสเรียนของเธอจะมากับพ่อ แม้แต่หยางซีอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนก็มาด้วย
“น้าเล็กคะ คุณอาตี้อู่กับพี่หลันฉือเป็นญาติของตระกูลเซี่ยเหรอคะ”
อวิ๋นไป๋ยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยายังไม่รู้ใช่ไหม พี่สาวแท้ๆ ของคุณอาตี้อู่ของหนูเป็นแม่ของเจ้าบ่าว” ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้จักกับคนของตระกูลที่เก็บเนื้อเก็บตัวได้อย่างไร
ต่อให้รู้จักกันโดยบังเอิญเขาก็ไม่มีทางรู้ว่าตระกูลตี้อู่เป็นตระกูลเก่งกาจที่ซ่อนตัว
“บังเอิญจริงๆ ค่ะ! งั้นคนที่อยู่ข้างคุณอาตี้อู่กับพี่หลันฉือก็คือสองผู้อาวุโสกับหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลตี้อู่ใช่ไหมคะ”
“ใช่แล้ว”
มู่เถาเยาพยักหน้า มองไปอีกด้าน “งั้นตระกูลหยางล่ะคะ ก็เป็นญาติของตระกูลเซี่ยเหรอ”
“เสี่ยวเยาเยารู้จักคนตระกูลหยางด้วยเหรอ” อวิ๋นไป๋แอบคาดไม่ถึง
“หนูรู้จักแค่หยางซีค่ะ เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนป.ตรี และยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอ้ายโยว ตอนนี้อ้ายโยวเป็นเพื่อนร่วมงานของพี่สะใภ้ใหญ่กับอาสะใภ้ด้วยค่ะ”
“ตระกูลหยางไม่ใช่ญาติตระกูลเซี่ยหรอก ก็แค่พ่อของหยางซีเป็นลูกศิษย์คนเก่งของสองผู้อาวุโสตระกูลเซี่ย ตระกูลหยางก็เลยเข้าออกบ้านตระกูลเซี่ยบ่อย หยางซีก็เรียกเจ้าบ่าวว่าพี่สามมาตั้งแต่เด็ก”
“ที่แท้ก็แบบนี้”
มู่หว่านยกมือ “เสี่ยวเยาเยา ครอบครัวเถียนซินเพื่อนร่วมชั้นเรียนของฉันก็อยู่ด้วยนะ”
มู่เถาเยาอึ้ง เธอถาม “เถียนซินเหรอ พ่อของเถียนซินเป็นโค้ชฝึกขี่ม้าไม่ใช่เหรอ”
มู่หว่านพยักหน้า “เถียนซินยังเป็นนักกีฬาศิลปะบังคับม้าของงานกีฬาระดับนานาชาติครั้งก่อนด้วย ได้รางวัลด้วยนะ”
เธอดูงานแข่งขันกีฬาก็เลยรู้จักเถียนซิน
ตอนเปิดเรียนพอเธอเห็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนก็ตกใจมาก
มู่เถาเยา “…โลกใบนี้มันเล็กจริงๆ”
“ภรรยาของโค้ชเถียนเป็นลูกสาวคนเล็กของสองผู้อาวุโสตระกูลเซี่ย เป็นอาเล็กของเจ้าบ่าว” อวิ๋นไป๋ยิ้มพลางคลายข้อสงสัยให้ทุกคน
เย่ว์เลี่ยงยิ้มพูด “คนเหล่านี้ตอนไม่รู้จักยังไม่เท่าไร แต่พอรู้จักแล้วจะพบว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางอ้อม”
ยายหลานพยักหน้า “เป็นอย่างนั้นจริงๆ”
มองบ่าวสาวที่หน้าตาดีทั้งคู่บนเวที ดวงตาของแขกเหรื่อเต็มไปด้วยความยินดี
อวิ๋นไป๋หันไปมองเย่ว์เลี่ยงด้วยความคาดหวัง “ผมก็อยากแต่งงาน”
ถึงแม้จะมีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการแล้ว แต่เขาก็อยากได้สถานะที่มั่นคง จากนั้นก็จะรีบมีลูก
ก็ไม่เชิงว่าจะต้องมีลูกให้ได้ แต่เขารู้สึกได้ว่าเย่ว์เลี่ยงอยากมีลูก เพราะตอนนั้นเย่ว์เลี่ยงดูกระตือรือร้น ถึงขั้นที่ดูรีบร้อนด้วยซ้ำ
ดังนั้นเขาต้องรีบจัดการให้ไว ไม่อย่างนั้นอายุมากเข้า เย่ว์เลี่ยงจะเผชิญกับความลำบากในการตั้งท้อง เช่น อายุเยอะ ปัญหาเรื่องน้ำนม เป็นต้น
พอมีลูกแล้วเขาจะไปทำหมัน เย่ว์เลี่ยงจะได้ไม่ต้องลำบากตั้งท้องลูกคนที่สอง
เย่ว์เลี่ยง “…”
ทุกคนกลั้นขำ
“เย่ว์เลี่ยง…”
“…รอไปก่อน” ตอนนี้ยังมีงานต้องทำ ยังทิ้งไม่ได้
ปู่เย่ว์ยิ้มพูด “เสี่ยวไป๋ไม่ต้องรีบร้อน ช่วงนี้เย่ว์เลี่ยงค่อนข้างยุ่ง ไว้ผ่านไปก่อนค่อยว่ากัน”
“ได้ครับ” อวิ๋นไป๋วางใจแล้ว
มู่เถาเยามองช่อดอกไม้เจ้าสาวที่อยู่ข้างอาตัวเองแล้วสบตากับลู่จือฉิน เธอยิ้ม
เมื่อครู่ช่อดอกไม้เจ้าสาวมาตกที่อาพอดี
งานมงคลคงใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ
หลังจากงานฉลองแต่งงานเสร็จสิ้น มู่เถาเยากับพวกคนตระกูลเย่ว์ก็พักที่วังตระกูลตี้
วันรุ่งขึ้นหลินหลิงศิษย์พี่สามของมู่เถาเยาพาภรรยากับลูกมาเยี่ยมอาจารย์กับศิษย์น้องเล็กที่วังตระกูลตี้
ศิษย์พี่สามเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลผิงคังสาขาเมืองหลวง เขาก็รู้จักคนตระกูลตี้ด้วยเพราะหยวนเหยี่ย
วันที่สาม มู่เถาเยาพามู่หว่าน เจียงเฟิงเหมียน สองพี่น้องอวิ๋นสุ่ยเหยา ตี้อู่หลันฉือและหยางซีไปฟาร์มของตัวเองที่อยู่ตรงชายแดนติดกับประเทศที่เลี้ยงสัตว์เป็นหลัก
เมื่อคืนเธอนัดกับโค้ชเถียนไว้แล้ว
เนื่องจากเถียนซินลูกสาวของเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของมู่หว่าน จึงตั้งใจบอกเขาให้พาลูกสาวมาด้วย
พอโค้ชเถียนเจอมู่เถาเยาก็ถามถึงเสี่ยวเหยี่ยชนิดที่แทบทนรอไม่ไหว
“เสี่ยวเยาเยา ทำไมเสี่ยวเหยี่ยยังไม่กลับมาที่นี่อีกล่ะ”
“เสี่ยวเหยี่ยอยู่เย่ว์ตูค่ะ แม่ของมันเพิ่งคลอดน้องชายให้ ชื่อหลิวซิงค่ะ”
โค้ชเถียนสองตาเปล่งประกาย “เกิดจากการผสมของเสี่ยวเซวี่ยกับราชาม้าป่าเหมือนกันเหรอ”
“ใช่ค่ะ รอปิดเทอมหน้าร้อนหนูจะพาพวกมันกลับไปอยู่เขตป่าชั้นนอกของป่าเซียนโหยว พอโตเป็นหนุ่มพ่อของมันจะต้องพาพวกมันเข้าเขตป่าชั้นในแน่นอนค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยา เขตป่าชั้นในอันตรายจะตาย…”
“เกาหม่าเป็นจ่าฝูงของฝูงม้ามันใช้ชีวิตรอดมาได้ในเขตป่าชั้นใน พวกมันต้องมีวิธีดำรงชีวิตของตัวเองแน่ค่ะ เสี่ยวเหยี่ยกับหลิวซิงเป็นลูกของราชาม้าป่า การเข้าเขตป่าชั้นในเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการใช้ชีวิตของพวกมันค่ะ”
“…ก็ได้ งั้นการแข่งขันครั้งหน้าจะเอาตัวไหนลงเหรอ เสี่ยวเหยี่ยไหม”
“ค่ะ พอหนูเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูก็จะมาเมืองหลวง พอถึงตอนนั้นเสี่ยวเซวี่ย เสี่ยวเหยี่ย หลิวซิงก็จะมาด้วยกันค่ะ”
เกาหม่าอาจไม่ยินดีมาด้วย อย่างไรเสียมันก็มีฝูงม้าต้องดูแล
“เสี่ยวเยาเยา พอถึงตอนนั้นโค้ชจะดูแลพวกมันด้วยตัวเอง” โค้ชเถียนดีใจจนเสียงเพี้ยน
“โค้ชอาจลูบพวกมันไม่ได้นะคะ”
โค้ชเถียน “…” แทงใจดำอีกแล้ว!
“โค้ชคะ ทำไมเถียนซินไปเรียนการแสดงล่ะคะ เธอเริ่มขี่ม้าตอนสามขวบ เข้าแข่งขันศิลปะบังคับม้าระดับสูงสุดตอนอายุสิบสอง ปีที่แล้วร่วมแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ แถมยังได้เหรียญเงินในการแข่งข้ามสิ่งกีดขวางประเภทเดี่ยว เมล็ดพันธุ์ชั้นดีแบบนี้ วันหน้าจะเปลี่ยนเป็นเข้าวงการบันเทิงเหรอคะ”
มู่เถาเยาไม่ได้มีอคติกับอาชีพไหน แต่นักแสดงมีได้เยอะแยะ แชมป์กีฬากลับมีไม่เยอะ
โค้ชเถียนยิ้มพูด “เถียนซินไม่ทิ้งการขี่ม้าหรอก เธอชอบม้าตั้งแต่เด็ก เธอดูแลม้าสีขาวชื่อเพชรของเธอมาตั้งแต่เด็กจนโต ส่วนเรื่องเรียนการแสดง…พูดออกไปหนูอาจไม่เชื่อ เถียนซินเลือกมหาวิทยาลัยนี้เพราะอยู่ใกล้สนามฝึกม้า!”
“เด็กคนนี้…”
พอมู่เถาเยาพูดขึ้น โค้ชเถียนก็หัวเราะเสียงดัง
“เธอเป็นเด็กแล้วหนูไม่ใช่เหรอ อายุก็สิบแปดเท่ากัน จะว่าไปเถียนซินโตกว่าหนูแค่เดือนเดียว จริงสิ เถียนซินเกิดวันเดียวกับเสี่ยวหว่านด้วยนะ”
เดิมทีเถียนซินกับมู่หว่านเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันธรรมดาๆ แต่เนื่องจากเกิดวันเดียวกันก็เลยรู้สึกใกล้ชิดกันมาก
พอลองคุยกันก็พบว่านิสัยคล้ายกัน คุยกันถูกคอ จึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
เมื่อวานซืนโค้ชเถียนก็ได้ยินลูกสาวบอกว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนก็มางานแต่งงานด้วย เขาเลยถามดู ได้รู้ว่าแซ่มู่
เมื่อคืนตอนคุยโทรศัพท์กับเสี่ยวเยาเยาเธอก็พูดถึงลูกสาวของเขา คุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่ามู่หว่านเป็นเพื่อนสนิทของเธอที่โตมาด้วยกัน
มู่เถาเยายิ้มเขิน
นั่นสินะ เธอชอบลืมว่าตัวเองยังเป็นเด็กในยุคนี้