ตอนที่ 404 ให้ทองแท่งในพิธีจับของ
ฤดูใบไม้ร่วงผ่านไป ฤดูหนาวมาเยือน เข้าสู่ปีใหม่อีกครั้ง
เจ้าถุงลมน้อยห้าขวบแล้ว เด็กน้อยมีความเป็นสุภาพบุรุษมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะนิ่งๆ และมีความอ่อนโยน ยกเว้นตอนฝึกยุทธ์ที่มีความดุดันตั้งใจ
เดี๋ยวนี้เวลาเจอมู่เถาเยาจะไม่เข้าไปกอดขาแล้ว เพราะเขารู้จักเปลี่ยนเป็นจับมือแทนเวลาเขินอาย
เสี่ยวเหยียนเหยียนสองขวบกว่า ไม่เพียงแต่จะพูดเก่ง ยังรู้จักกระโดดโลดเต้น มักทำให้พี่มู่เถาเยาของเขาสนุกสนานได้เสมอ
เด็กน้อยเยี่ยจั๋วใกล้อายุครบหนึ่งปีแล้ว พูดเป็นเดินได้ เรียก ‘อา’ ได้มีความพิเศษ วันๆ หนึ่งพูดถึงหลายรอบ
ม้าน้อยหลิวซิงอายุเก้าเดือนแล้ว ร่าเริงจนแม้แต่เสี่ยวเหยี่ยกับไป๋เสวี่ยยังรำคาญ สัตว์ทั้งฟาร์มต่างอยากอยู่ให้ห่างจากมัน
สุดสัปดาห์ของเทอมนี้มู่เถาเยาแทบจะไม่ได้กลับหมู่บ้านเถาหยวนซาน ตอนนี้อายุครรภ์ของเย่ว์เลี่ยงพ้นช่วงตั้งครรภ์สามเดือนแรกแล้ว หยวนเหยี่ย ซย่าโหวโซ่ว และถังหยวนจึงกลับมาที่เมืองเย่ว์ตูสัปดาห์หนึ่ง กะว่าจะกลับหมู่บ้านเถาหยวนซานพร้อมลูกศิษย์คนเล็กตอนปิดเทอมหน้าหนาว
ตอนนี้มีหลายมหาวิทยาลัยทยอยปิดเทอมแล้ว แต่ไหนแต่ไรมามหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูจะอยู่ในกลุ่มที่ปิดเทอมช้า
มู่เถาเยามีสอบสารพัดทุกวัน
หลังสอบเสร็จเธอรู้สึกมึนเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะเหนื่อย แต่เป็นเพราะสมองยังมีพวกข้อสอบวนเวียนอยู่
พักไปหนึ่งวันถึงดีขึ้นเพราะได้เจอเยี่ยจั๋วน้อย
เดี๋ยวนี้คนที่เข้ามากอดขาเธอเปลี่ยนจากเจ้าถุงลมน้อยเป็นเยี่ยจั๋วน้อยแทน
ทุกครั้งที่เจอกัน เยี่ยจั๋วน้อยก็จะวิ่งเตาะแตะเข้ามากอดขาเธอ ทำตัวเหมือนเนื้อชิ้นโตที่ถูกแขวนไว้
ถังถังมองต้นขาตัวเอง “ขาของพี่ก็ยาว ทำไมเยี่ยจั๋วน้อยไม่มากอดบ้างล่ะ”
เหลียงจียิ้มพูด “นั่นสิ ทั้งๆ ที่เสี่ยวเยาเยาของพวกเราไม่ค่อยยิ้ม แต่กลับเป็นที่ชื่นชอบของพวกเด็กๆ แบบนี้มันน่าแปลกจริงๆ !”
ปาอินพยักหน้าหงึกๆ “นั่นสิ ตราบใดที่เสี่ยวเยาเยาอยู่ ขนาดคนน่ารักอย่างฉันยังต้องตกกระป๋อง”
มู่เถาเยาไม่สนคำพูดแซวของพวกเธอ โน้มตัวลงไปอุ้มแล้วยิ้มถามเด็กน้อยที่สวมชุดสีแดงมีหมวกฮู้ดเป็นหัวเสือ “จั๋วจั๋วคิดถึงอาหรือเปล่าจ๊ะ”
“อา”
เด็กน้อยทำปากจู๋จุ๊บมู่เถาเยา น้ำลายเยิ้มติดใบหน้า
มู่เถาเยา “…”
ถึงแม้เธอจะไม่ได้รังเกียจที่เด็กน้อยจุ๊บแก้ม แต่ก็ไม่ได้ชอบที่น้ำลายติดใบหน้า
ศิษย์พี่หญิงห้าช่วยหยิบกระดาษให้มู่เถาเยาเช็ดหน้าอย่างอารมณ์ดี จากนั้นก็แกล้งจิ้มหน้าผากลูกชายตัวเอง “ห้ามละเลงน้ำลายใส่คุณอานะ”
เด็กน้อยคิดว่าแม่ไม่ให้เขาจุ๊บ สองมือจึงคล้องคอมู่เถาเยา “ยักอา ยักอา”
คนที่นั่งอยู่พากันหัวเราะ
มู่เถาเยายิ้มพลางจุ๊บแก้มเยี่ยจั๋วแล้ววางเขาลง “จั๋วจั๋วไปหาอาจารย์ทวดเร็ว”
เด็กน้อยวิ่งเตาะแตะไปหาหยวนเหยี่ย เขาจำคนได้แล้ว!
“ศิษย์พี่หญิงห้าคะ เริ่มพิธีจับของเสี่ยงทายกี่โมงคะ”
“พ่อแม่พี่กับพ่อแม่สามีกำลังจัดวางของในห้องหนังสือชั้นบน เห็นบอกว่าจะเริ่มก่อนกินบะหมี่อายุยืนตอนกลางวัน”
“งั้นพวกเราเอาของขวัญที่พกมาใส่เข้าไปด้วย ดูว่าเขาจะจับอะไร”
“เอาสิ”
พากันขึ้นไปชั้นบน ทักทายพ่อแม่ศิษย์พี่หญิงห้ากับพ่อแม่สามีเสร็จก็หยิบของขวัญครบขวบที่จะให้เยี่ยจั๋วออกมา แกะกล่องแล้ววางบนผ้าสีแดง
เครื่องประดับหยก เครื่องประดับทอง พู่กันกระดาษแท่นฝนหมึก หนังสือโบราณ ภาพเขียน ลูกคิดขนาดเล็ก รองเท้า ลูกปิงปอง ไวโอลิน เป็นต้น มีของสารพัดครบครัน
ปาอินเห็นทุกคนวางของขวัญของตัวเองเสร็จก็ค่อยๆ ล้วงออกมาจากกระเป๋าบ้าง
อุ๊บ…
พอทุกคนเห็นของขวัญชิ้นนี้ก็พากันหัวเราะ
ใบหน้าขาวนวลของปาอินแดงเล็กน้อย อธิบายกับทุกคนว่า “อะไรที่ฉันนึกออกก็มีคนซื้อแล้ว เลยต้องพกทองแท่ง…สีของมันสวยจะตาย จั๋วจั๋วต้องชอบแน่นอน!”
แต่ละคนขำไม่ไหว
เหลียงจีเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมา พูดตะกุกตะกัก “สุดสัปดาห์ที่แล้วเธอ…ทำตัวลึกลับ…ออกไป ที่แท้ก็…ไปซื้อ…ทองแท่ง”
ลู่หันซูกลั้นขำแทบตาย “นั่นสิ ใส่กระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้ พวกเราก็นึกว่าของชิ้นใหญ่”
หลี่อวี้เสวี่ยพูดด้วยความจนปัญญาเล็กน้อย “เด็กคนนี้นี่! มีใครบ้างให้ทองแท่งใหญ่แบบนี้กับเด็กเล็ก”
ย่าของเยี่ยจั๋วยิ้มพลางเดินเข้ามา “เสี่ยวอิน รีบเก็บเข้ากระเป๋าไป เยี่ยจั๋วรับไว้ไม่ได้”
ปู่ของเยี่ยจั๋วพยักหน้า “ใช่ๆ พรุ่งนี้เอามันไปฝากธนาคารนะ”
ปาอินเอาทองแท่งที่ได้น้ำหนักตามมาตรฐานสากลวางบนผ้าแดง “คนในเผ่าเรามีทองแท่งกันทุกบ้าน ไม่ได้มีค่าอะไร ก็แค่เอามาเป็นของขวัญมันออกจะเชยไปหน่อยค่ะ”
“ทองแท่งใหญ่ขนาดนี้อย่างน้อยก็ต้องสองล้านขึ้นไป เสี่ยวอิน จั๋วจั๋วรับของแพงขนาดนี้ไว้ไม่ได้” คุณตาของเยี่ยจั๋วหยิบทองแท่งที่ปาอินวางไว้ขึ้นมาจะช่วยยัดใส่กระเป๋าคืน
ปาอินถอยหลังหลบ
มู่เถาเยารับทองแท่งจากมือคุณตาของเยี่ยจั๋ว จากนั้นก็ยัดกลับเข้ากระเป๋าของปาอิน
“เสี่ยวอิน ไม่ต้องคิดมากเรื่องให้ของขวัญ มันก็แค่พิธีหนึ่ง เธอชอบเยี่ยจั๋ว งั้นก็รอวันไหนเจอของที่เขาเล่นได้ค่อยซื้อกลับมาให้ก็เหมือนกัน”
ปาอินตอบเสียงเบา “ทองแท่งก็เล่นได้…”
ทุกคน “…”
มีใครบ้างเอาทองแท่งมาเล่น แล้วนับประสาอะไรกับเด็กเล็ก! มันไม่ใช่ของเล่นด้วยซ้ำ!
มู่เถาเยาลูบศีรษะของปาอิน “ไม่ดื้อ ไว้วันไหนฉันจะไปช่วยเลือกของขวัญให้เยี่ยจั๋วเป็นเพื่อนนะ”
“…ก็ได้”
เหลียงจี ถังถัง ลู่หันซู ตี้อู่หลันฉือ พากันหัวเราะหยุดไม่ได้
ปาอินใบหน้าแดงก่ำ
มู่เถาเยาเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างเอาใจใส่ “ศิษย์พี่หญิงห้าคะ เอากระดานวาดภาพของพี่เขยออกมาหน่อยสิคะ เดี๋ยวฉันจะวาดจั๋วจั๋ว”
“ได้เลย”
คุณยายของเยี่ยจั๋วมองนาฬิกาแขวนบนผนังแล้วพูด “นี่ก็ได้เวลาแล้ว เหล่าชิง ลงไปบอกในห้องครัวให้ทุกคนขึ้นมาดูจั๋วจั๋วจับของกัน”
“ได้ๆ”
หลังจากพวกผู้ชายขึ้นมาแล้ว หยวนเหยี่ยก็จับเด็กน้อยไปวางบนผ้าแดง “จั๋วจั๋ว ไปหยิบของมาให้อาจารย์ทวดเร็ว”
เยี่ยจั๋วน้อยคลานไปด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็คลานเข้าไปจับตำราแพทย์โบราณที่อยู่ตรงกลาง สองมืออุ้มขึ้นมาอยากยื่นให้อาจารย์ทวด
หยวนเหยี่ยหัวเราะด้วยความดีใจ “สำนักแพทย์โบราณของฉันมีคนสืบทอดแล้ว”
ทุกคนพลอยดีใจตามไปด้วย
ศิษย์พี่หญิงห้ายิ้มพูด “อาจารย์คะ ไว้เยี่ยจั๋วโตอีกหน่อยจะเอาไปฝากให้อาจารย์ช่วยสั่งสอนที่หมู่บ้านเถาหยวนซานนะคะ”
“ทำใจได้เหรอ”
ปู่ของเยี่ยจั๋วหัวเราะหึหึ “ให้คนที่เลี้ยงเสี่ยวเยาเยามาจนโตดูแล พวกเราจะทำใจไม่ได้ได้ยังไงครับ ก็แค่กลัวอาจารย์จะเหนื่อย”
ต่อให้ต้องไปอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แล้วอย่างไร เสี่ยวเยาเยาก็คือสุดยอดของความเก่งที่ใครๆ ก็ชื่นชม!
ศิษย์พี่หญิงห้า “พวกคุณพ่อคุณแม่ก็ไปด้วยเลยสิคะ ที่นั่นมีห้องสมุดด้วย ไม่เบื่อแน่นอน”
คุณตาของเยี่ยจั๋วชักสนใจ
มู่เถาเยาวาดเยี่ยจั๋วพลางพูด “คุณลุงคุณป้าไปได้นะคะ พักที่หมู่บ้านได้ค่ะ” แค่สองห้องเอง
พี่เขยห้า “พ่อครับแม่ครับ ไปสิครับ อยู่หมู่บ้านเถาหยวนซานดีกว่าอุดอู้อยู่ในเมืองเย่ว์ตูเยอะเลย ถ้าได้ไปอยู่ที่นู่นรับรองว่าไม่อยากกลับมากันแน่”
ถ้าไม่ติดว่าต้องอยู่กับเมีย เขาก็อยากไปเปิดสตูดิโอที่นู่นอยู่ยาวๆ ไปเลย!
พวกอาจารย์อาเล็กกับศิษย์พี่ใหญ่ต่างยิ้มพลางพยักหน้า
ย่าของเยี่ยจั๋วถามด้วยความเกรงใจ “แล้วพวกเราไปอยู่นานจะสะดวกเหรอจ๊ะ”
มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เดิมทีก็มีคนไปอยู่ที่หมู่บ้านเราระยะยาวจำนวนมาก เยี่ยจั๋วไปอยู่ที่หมู่บ้านจะได้มีเด็กๆ เล่นกับเขาด้วยค่ะ”
ยายของเยี่ยจั๋วยิ้มพูด “ในเมื่อสะดวก งั้นพวกเรารอเยี่ยจั๋วโตหน่อยจะไปจ้ะ”
“ค่ะ”