บทที่ 147 กล่องปรารถนา
ในเสี้ยวขณะที่เห็นกล่องใบนี้ รูม่านตาของสวี่ชิงก็หดเล็ก
กล่องใบนี้เขาเคยเห็นมาสองครั้ง
ครั้งหนึ่งคือที่เจ้าม้าในฐานที่มั่นคนเก็บกวาดตอนนั้น อีกครั้งหนึ่งคือที่เด็กหนุ่มเผ่าเงือก
แต่แม้จนถึงตอนนี้สวี่ชิงก็ยังไม่รู้ว่าของสิ่งนี้คืออะไร และเขาก็เคยหาในร้านค้าเมืองหลัก แต่ก็หาของที่เหมือนกับสิ่งนี้ไม่ได้เลย
วันนี้สวี่ชิงได้เห็นเป็นครั้งที่สาม
แทบจะในชั่วเวลาเดียวกับที่สวี่ชิงมองไป ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนั้นก็กอดของสิ่งนี้เอาไว้ในอ้อมแขน มองสวี่ชิงด้วยสีหน้าระแวดระวัง เอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
“วันนี้กระอักเลือดสามร้อนครา แบ่งสมบัติเท่าๆ กันองอาจคุณธรรมที่สุด!”
“พูดภาษาคน” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเย็นเยือก มือขวายกขึ้นการป้องกันเรือเวทก็เปิดขึ้นทันที ป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายจากไป
ชายหนุ่มยอดเขาที่เจ็ดเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจ ชกตัวเองหมัดหนึ่ง เค้นเลือดดำออกมา หลังจากแน่ใจว่าตัวเองโดนพิษอีกครั้ง ก็ใช้เคล็ดวิชาลับสะกดลงไปอีกหน มองสวี่ชิงอย่างจนปัญญา แอบพูดในใจว่าคนยอดเขาที่เจ็ดล้วนเป็นไอ้พวกเวรตะไลทั้งนั้น
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ภายใต้การจับตามองอย่างสงบนิ่งของสวี่ชิง องค์ชายเก้าแห่งยอดเขาที่หนึ่งก็ถอนหายใจ ทำได้แค่เพียงพูดออกมา
“ก่อนหน้านี้พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะแบ่งให้ข้า ข้าเอาแค่อันนี้ ที่เหลือเป็นของเจ้าหมด”
สวี่ชิงไม่พูดอะไร เก็บของบนพื้นทั้งหมด ในนั้นเขาค้นเจอป้ายฐานะเจ็ดสีแผ่นหนึ่ง
ป้ายแผ่นนี้ทำจากไม้ เหมือนจะเป็นหลักฐานแสดงตัวตน เพียงแต่เสียหายเล็กน้อย
แต่เมื่อมองไปอย่างละเอียดก็จะเห็นรอยด่างบนนั้น เห็นได้ชัดว่าถือเอาไว้ประจำถึงได้เป็นแบบนี้ ดังนั้นจึงมองไปทางชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่ง
“สุดปลายขอบฟ้า มนุษย์เมฆาเชื่อมต่อเป็นผืนเดียว…” ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งเพิ่งพูดออกมาประโยคเดียว หลังจากสังเกตเห็นสวี่ชิงขมวดคิ้ว เขาก็ทุกข์ระทม กังวลขึ้นมาเล็กๆ ว่าหากตนไม่พูดให้ดี อีกฝ่ายจะเลือกเอาชีวิตมาล้อเล่นอีกครั้ง ดังนั้นจึงฝืนพูดขึ้นว่า
“นี่คือป้ายของพันธมิตรเจ็ดสำนัก เผ่าสิงซากสมุทรที่พวกเราฆ่าตายตอนมีชีวิตอยู่น่าจะเป็นผู้บำเพ็ญของพันธมิตรเจ็ดสำนัก”
“ของที่เจ้าถืออยู่คือสิ่งใด” สวี่ชิงถามขึ้น
ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งลังเล เขามองออกว่าลูกศิษย์ยอดเขาที่เจ็ดข้างหน้าคนนี้ไม่รู้เรื่องกล่องปรารถนา เดิมคิดจะปิดบัง แต่คิดถึงว่านี่ก็ไม่ใช่ความลับอะไร อีกทั้งหากอีกฝ่ายเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของวิเศษเลิศล้ำอัศจรรย์อะไร ตนเองจะมีความเสี่ยงเพิ่มไปโดยไม่จำเป็น
ดังนั้นจึงส่ายหน้า พูดตามความจริง
“นี่คือกล่องปรารถนา
“กล่องปรารถนาคือของกำนัลที่ผู้บำเพ็ญศักราชที่แล้วทิ้งไว้ให้ผู้บำเพ็ญศักราชต่อมา
“หลังจากที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้ามาเยือน ทุกศักราชของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ล้วนมีจุดสิ้นสุด ดังนั้นจึงมีประเพณีสืบทอดแบบนี้ ส่วนมากในช่วงปลายศักราชก็เริ่มใช้วัสดุพิเศษทำกล่องปรารถนา ดังนั้นนับตั้งแต่โบราณมา กล่องปรารถนาที่ตกทอดมามีมากมาย”
ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งในตอนแรกก็ไม่ค่อยชินกับการพูดปกติเท่าไร แต่พูดๆ ไปก็เริ่มคล่องขึ้น กระทั่งว่าในใจยังเกิดความโปร่งโล่งบางอย่างมากๆ อีกด้วย
“วัสดุของกล่องปรารถนาค่อนข้างพิเศษ สามารถหลงเหลือตกทอดมาได้เมื่อศักราชสิ้นสุด แต่ได้ยินมาว่า แต่ก่อนมีคนเคยได้กล่องขอพรที่เหมือนโลงด้วย แต่ผู้บำเพ็ญในนั้นล้วนตายไปหมดแล้ว แล้วก็มีคนที่ได้กล่องปรารถนาที่ข้างในว่างเปล่าก็มีเหมือนกัน ดังนั้นเป็นหลักการอะไรที่ทำให้วัตถุหลงเหลือตกทอด ไม่มีใครรู้
“ในขณะเดียวกันต่อให้มีอะไรในนั้น แต่เนื่องจากผู้แข็งแกร่งแต่ละคนทำการใส่ของเอาไว้และผนึกเอง ดังนั้นในนั้นมีอะไร นอกจากคนที่ผนึกก็ไม่มีใครรู้ได้เหมือนกัน
“แต่ได้ยินมาว่ามีคนเปิดได้ของวิเศษเวทหรือไม่ก็เคล็ดวิชาของศักราชก่อนๆ ต่างๆ แล้วก็มีคนที่เปิดได้ของไร้สาระอย่างใบไม้อะไรพวกนี้เหมือนกัน สรุปแล้วเจ้าของสิ่งนี้จะพูดว่าสูงค่าไม่อาจประเมินก็ได้ จะบอกว่าธรรมดาพื้นๆ ก็ได้ สรุปแล้วดูที่ว่าโชคเป็นอย่างไร 艾琳小說
“ข้าเปิดมาสามใบแล้ว สิ่งที่ได้ธรรมดาๆ แต่ข้าเชื่อว่าโชคของข้าไม่เลว
“วิธีเปิดมันก็ง่ายมาก ใช้พลังเวทของตัวเองหล่อเลี้ยงให้จนถึงขีดจำกัดสูงสุดก็สามารถเปิดออกได้แล้ว
“โดยปกติขั้นตอนนี้ยาวนานมาก เหตุที่ข้าต้องการใบนี้เพราะมันได้รับการหล่อเลี้ยงจนใกล้จะเปิดออกแล้ว” อัจฉริยะยอดเขาที่หนึ่งไม่พูดก็แล้วไปเถิด แต่ตอนนี้พอได้พูด ก็ไม่รอให้สวี่ชิงถาม พูดทุกอย่างที่ตัวเองรู้ทั้งหมดออกมาทีเดียว
พูดจบก็ถอยหลังไปสามสี่ก้าว มองสวี่ชิงอย่างระแวงระวัง
“หากเจ้าไม่ตกลง ของชิ้นนี้ให้เจ้าก็ได้ แต่ข้าจะเอาอาวุธเวทกับของวิเศษอักขระหยกสองแผ่นนั่น”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง หลังจากขบคิดก็สะบัดมือเปิดเกราะป้องกันเรือเวทออก ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งเข้าใจความหมายส่งแขกของสวี่ชิงจึงรีบบินออกไปทันที
จนเมื่อมองอีกฝ่ายไปจากเรือเวท เหยียบกระบี่ใหญ่ตามอยู่ข้างๆ สวี่ชิงก็ถอนสายตากลับมา หลังจากนั่งขัดสมาธิลงก็ควบคุมเรือเวทมุ่งหน้าไปทางสำนักเจ็ดเนตรโลหิต
เขาอยากกลับไปถอนยันต์พันธะชีวินของสองคนให้เร็วที่สุด ส่วนเงาแม้จะค่อยๆ กัดกินได้ แต่ขั้นตอนนี้ช้ามาก สวี่ชิงไม่อยากเสียเวลา
ตอนนี้เขาเริ่มจัดระเบียบผลเก็บเกี่ยวของตัวเองครั้งนี้ขณะนั่งขัดสมาธิ
ต้องพูดเลยว่าความอู้ฟู่ในถุงเก็บของของผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณที่อยู่ขั้นเดียวกับผู้อาวุโสช่างน่าตื่นตะลึงเสียจริง ลำพังแค่มูลค่าของตั๋ววิญญาณความกันแล้วก็เหมือนจะมีค่าถึงสองแสนกว่า
แม้ตั๋ววิญญาณจะไม่ใช่สำนักเจ็ดโลหิตแจกจ่าย แต่สำนักก็มีที่ให้แลก เพียงแต่มีเสียหายจำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่มาก
ของอื่นๆ สวี่ชิงประเมินแล้วก็ขายได้แสนกว่าๆ หินวิญญาณ
ส่วนยันต์หยกสองแผ่นนั้น เมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตมีขายขั้นต้นหลายหมื่นหินวิญญาณ รายละเอียดต้องดูที่คุณสมบัติ
ส่วนของที่ราคาต่ำที่สุดคือของวิเศษเวทขนนกนั่น
ผลเก็บเกี่ยวแบบนี้ทำให้สวี่ชิงตื่นตะลึง ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าสิ่งสะสมของอีกฝ่ายจะต้องไม่ใช่แค่ของพวกนี้เท่านั้นแน่ สิ่งที่ตนได้มาน่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง
ในเมื่อวัตถุอย่างถุงเก็บของประเภทนี้โดยปกติแล้วไม่มีทางมีเพียงแค่ใบเดียว
‘น่าเสียดาย หากไม่ถูกคนที่ทำให้มันบาดเจ็บสาหัสชิงไป ก็ผู้บำเพ็ญคนนี้ก็คงเอามันเก็บไว้ที่อื่น’ สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก หลังจากหยุดความคิดคาดเดา ก็สัมผัสเศษเสี้ยววิญญาณที่กำลังถูกเผาไหม้เหมือนฟืนสักหน่อย ดวงตาฉายประกายวาววาบ
‘ดูซิว่าเศษเสี้ยววิญญาณระดับผู้อาวุโส อีกทั้งยังเป็นเผ่าสิงซากสมุทรที่คัมภีร์เพลิงพิฆาตกลืนวิญญาณบอกว่ามีผลลัพธ์ที่น่าทึ่งจะเปิดช่องเวทให้ข้าได้กี่ช่อง!’
คิดถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็ตรวจสอบเกราะป้องกันรอบๆ แล้วมองไปยังชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งที่จ้องมองมาด้วยความระแวงระวังฉายเต็มอยู่บนใบหน้า จากนั้นก็หลับตา เพลิงดำในร่างก็พลันลุกไหม้
ทันใดนั้นช่องเวททั้งสิบสามช่องของเขาก็ส่งเสียงดังลั่นพร้อมกันทันที ในขณะที่เปลวไฟพวยพุ่ง เศษเสี้ยววิญญาณเผ่าสิงซากสมุทรที่ถูกเผาก็พุ่งไปยังช่องเวทที่สิบสี่ภายใต้การควบคุมของสวี่ชิง
ช่องเวทสั่นสะเทือนทันที แล้วถูกทะลวงเปิดออก
ยังไม่จบแค่นั้น สวี่ชิงควบคุมเศษเสี้ยววิญญาณที่ถูกเผาราวฟืนดวงนี้ให้ไปทะลวงช่องเวทที่สิบห้าต่อ ซึ่งก็ทะลวงเปิดขึ้นเหมือนกัน!
ต่อจากนั้นก็เป็นช่องที่สิบหก ช่องที่สิบเจ็ด…
สุดท้ายยามเมื่อช่องเวทที่ยี่สิบทะลวงออก เศษเสี้ยววิญญาณกลุ่มนี้ถึงได้สลายไป ใช้จนหมดสิ้น
‘ทะลวงช่องเวทได้ถึงเจ็ดช่อง!!’ สวี่ชิงดวงตาฉายประกายวาบ หัวใจเต้นเร็วขึ้น แม้เขาจะคาดเดาผลลัพธ์เรื่องนี้เอาไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังตื่นตะลึงอยู่ดี
การทะลวงช่วงเวทยิ่งทะลวงต่อไปก็ยิ่งยากลำบาก ก่อนหน้านี้เขาก็สัมผัสได้แล้ว นับจากช่องเวทช่องที่สิบมา พลังวิญญาณที่ต้องใช้ในการทะลวงช่องเวททุกช่องล้วนมหาศาล
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เศษเสี้ยววิญญาณกลุ่มนี้ก็เปิดช่องเวทให้เขาได้เจ็ดช่อง นี่มากพอจะบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของมัน ทำให้ในใจสวี่ชิงมีความปรารถนาอยากได้เศษเสี้ยววิญญาณประเภทนี้มากขึ้น
‘แต่ว่าระดับความยากมากๆ เหมือนกัน’ สวี่ชิงรู้ดี ผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้ การช่วยเหลือจากชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งมากเลยทีเดียว หากก่อนหน้านี้เขาไม่ให้แผ่นหยกรักษาชีวิตกับเขาจำนวนมาก และไม่ได้คอยช่วยสนับสนุนอยู่ข้างๆ แล้วล่ะก็ เกรงว่าตอนนี้ตนก็ยังคงไม่อาจได้มา
‘ผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้มากมายนัก ต้องรีบกลับสำนักถอนยันต์พันธะชีวินแล้วก็ทำการจัดระเบียบสักหน่อย แล้วค่อยออกทะเลอีกครั้ง ก่อไฟชีวิตให้ได้ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ให้ได้!’
ดวงตาสวี่ชิงฉายแวววาดหวัง หลังจากสัมผัสได้ถึงเสียงคำรามในช่องเวททั้งยี่สิบช่อง เขาก็หล่อเลี้ยงช่องเวทพวกนี้พลางหยิบเอาอาวุธเวทขนนกออกมา
หลังจากถือไว้ในมือ ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ถ่ายพลังเวทเข้าไป เริ่มทำการศึกษา
เวลาไหลผ่านไปช้าๆ ไม่นานก็ผ่านไปสามวัน
ในขณะที่ทางสวี่ชิงหล่อเลี้ยงช่องเวทและทำการศึกษาอาวุธเวท ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งที่ตามอยู่ข้างๆ นอกเรือในที่สุดก็หลอมเศษเสี้ยวสุดท้ายของกล่องขอพรใบนั้นสำเร็จ
ในเสี้ยวพริบตาที่สำเร็จ สีหน้าของเขาตื่นเต้นมา กวาดตามองสวี่ชิงทางนั้นอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง หลังจากสังเกตว่าเขายังฝึกบำเพ็ญอยู่ ก็จงใจลดความเร็วลง ทิ้งระยะห่างกับเรือเวทช่วงหนึ่ง เขารีบสะบัดมือ ทันใดนั้นก็มีเกราะป้องกันปกปิดสายตาปรากฏขึ้นรอบๆ
คราวนี้ถึงได้ก้มหน้ามองกล่องเหล็กที่อยู่ในมือ ดวงตาฉายประกายความตื่นเต้น
เขาไม่ได้หลอกสวี่ชิง เขาเปิดกล่องปรารถนามาแล้วสามกล่องจริงๆ แต่เรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้พูดคือ ในกล่องปรารถนาใบแรกที่เขาเปิดเป็นม้วนตำราโบราณม้วนหนึ่ง
ม้วนตำราโบราณม้วนนี้ไม่มีค่าอะไร แต่เนื้อหาที่บันทึกในนั้นเกี่ยวกับเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณ
วัตถุใดก็ตามขอเพียงเกี่ยวข้องกับเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณก็มีราคามหาศาล และในม้วนตำราโบราณม้วนนั้นบันทึกเรื่องราวของเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณสามองค์
แม้จะเป็นเพียงแค่คำบรรยาย แต่นี่ก็ทำให้หลังจากที่ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนี้ได้อ่านก็เฝ้าปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคำบรรยายที่เกี่ยวกับจักรพรรดิโบราณแห่งความมืดในนั้น บอกว่าเขาซ่อนความอัศจรรย์ทั้งชีวิตของเขาเอาไว้ในบทกลอน
นี่จุดประกายให้เขาได้เป็นอย่างมาก
ในความตื่นเต้นตอนนี้ ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งสูดลมหายใจลึก หลังจากที่ยืนยันอีกครั้งว่าสวี่ชิงไม่ได้ให้ความสนใจกับทางนี้ อีกทั้งรอบๆ ก็สงบดี เขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นถู แล้วตบไปที่หน้าผากของตัวเอง จากนั้นก็ทุบอกของตัวเองสองสามครั้ง
เหมือนกำลังทำพิธีขอพรอะไรบางอย่าง ดวงตาปิดลง หลังจากนั้นครึ่งก้านธูป ดวงตาทั้งสองของเขาก็ลืมขึ้น ในขณะเดียวกับที่ฉายประกายแสงออกมา มือทั้งสองก็เปิดกล่องอย่างรวดเร็ว
เสียงแกร๊กดังขึ้น
ก่อนหน้านี้ไม่มีรอยใดๆ ทั้งสิ้น กล่องเล็กทั้งใบก็เหมือนกล่องจริงๆ เปิดออกทันที เผยให้เห็นขวดหยกขนาดนิ้วมือใบหนึ่งในนั้น
ขวดใบนี้มีจุดดำเล็กน้อย เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณ เหมือนบรรจุยาอะไรเอาไว้ ข้างๆ ยังมีม้วนตำราโบราณเล่มหนึ่งวางอยู่ด้วย
ภาพนี้ทำให้ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนี้ตื่นเต้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น
เพราะหลายปีนี้นอกจากกล่องใบที่หนึ่งแล้ว อีกสองกล่องที่เหลือล้วนเปิดออกมาได้ของไร้ประโยชน์
ตอนนี้เขาเห็นกล่องใบที่สี่ใบนี้นอกจากจะมีม้วนตำราโบราณแล้วยังมีขวดที่เหมือนบรรจุยาเอาไว้ด้วย นี่ทำให้เขาฮึกเหิมเหลือเกิน
“กำไรสุดๆ เลย!” ในขณะที่เอ่ยพึมพำ ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งจู่ๆ ก็ระแวดระวังขึ้นมา เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองมีแนวโน้มที่จะพูดเป็นปกติ นี่ทำให้เขาได้สติตื่นขึ้นมาทันที ดังนั้นแล้วจึงรีบแก้
“ไม่เสียที่ที่ออกทะเลพบเจอแต่เรื่องอเนจอนาถน่าสังเวช มีเหตุให้ร่ำรวยเหลือล้ำในพริบตา”
หลังจากพึมพำใหม่อีกรอบ ในใจของเขาก็เบาสบาย หยิบขวดเล็กขึ้นมาอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้ว หลังจากมองไปรอบๆ ก็เปิดออกอย่างรวดเร็ว ยกขึ้นมาข้างหน้าแล้วสูดดม
ของชิ้นนี้เก็บรักษาเอาไว้อย่างดี แต่หลังจากที่เปิดออกก็ยังคงมีกลิ่นเปรี้ยวๆ แปลกๆ แผ่ซ่านออกมาอยู่ดี
ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งไม่รู้ว่านี่คืออะไร แต่กลิ่นนี้ทำให้เขาฮึกเหิม เพราะเขารู้สึกว่ามีกลิ่นก็หมายถึงของเหลวข้างในยังมีสรรพคุณยาอยู่
“ชะตามังกรหยกวิญญาณสวรรค์ มีเพียงข้าที่เป็นใหญ่คือวาสนา!”
แต่เขาก็ไม่กล้ากลืนมันลงไปในทันที ดังนั้นจึงดมอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง ใบหน้าเคลิบเคลิ้ม จากนั้นก็รีบปิดขวดก้มหน้ามองไปยังม้วนตำราโบราณในกล่อง
เอามันออกมาอ่านอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักข้อความในนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา
“ผู้มีวาสนา ขอให้โชคดี
“ข้าเกิดในศักราชแห่งความมืด จักรพรรดิโบราณมอบมรรคาให้ มิทราบว่าเทพหรู่ชางยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ กล่องปรารถนาใบนี้คงเป็นสิ่งล้ำค่าของสหาย มีเพียงข้าที่คิดว่าไร้ค่า จึงทิ้งไปราวของไร้ราคา
“สมบัติของข้าอยู่ในสายเลือด โฉมตรูผู้เปิดกล่องปรารถนาใบนี้ ข้าขอมอบบุตรให้
“ผู้มีวาสนา มิต้องขอบคุณ ลาก่อน”