บทที่ 178 สะเทือนสมุทรสยบอสูร!
ทะเลส่งเสียงดังกึกก้อง
สวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเรือเวท ร่างกายก็ค่อยๆ สั่นสะท้านขึ้นมาจากการแผ่กระจายออกไปของระลอกคลื่น ลมหายใจของเขาหอบถี่ขึ้น ความเย็นเยียบในแววตาไม่นานนักก็แปรเปลี่ยนเป็นความคลุ้มคลั่ง
เพราะว่า เขาหิว!
เป็นความหิวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
ต้นเหตุความหิวนี้ด้านหนึ่งคือกายเนื้อที่แห้งเหี่ยวของเขาตอนนี้ต้องการพลังงานมหาศาลซ่อมแซมถึงจะกลับมาเป็นปกติ และในเรื่องนี้ต่อให้เป็นผลึกวารีสีม่วงก็ไม่สามารถช่วยได้
ผลึกวารีสีม่วงสามารถช่วยเร่งการฟื้นฟูบาดแผล แต่ไม่สามารถมอบเลือดลมและสารอาหารให้เขาจากความว่างเปล่าได้
และอีกต้นเหตุหนึ่งของความหิวคือข้างหลังสวี่ชิง!
ข้างหลังของเขากว้างเวิ้งว้าง เหมือนไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นบรรพจารย์สำนักวัชระหรือจะเป็นเงา ตอนนี้ต่างตื่นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ตามประสาทสัมผัสของพวกมัน ข้างหลังสวี่ชิงเหมือนมีอันตรายและความเหี้ยมเกรียมอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
สวี่ชิงรู้ ข้างหลังของเขาไม่ได้ว่างเปล่า
พูดให้ถูกต้องคือ สิ่งที่ทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระและเจ้าเงาระแวงและหวาดกลัวสุดขีดเป็นแผ่นหลังใต้อาภรณ์ของเขา ในนั้นเกิดเป็นภาพสัญลักษณ์ภาพหนึ่งขึ้นจากการลืมตาของวิหคทองก่อนหน้านี้
ภาพสัญลักษณ์นี้คือรูปลักษณ์ของวิหคทอง แผ่กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวออกมาเป็นระลอกๆ
นี่คือขั้นที่สองของการกระตุ้นเมล็ดพันธุ์สืบทอด!
สิบวันก่อนหน้านี้สวี่ชิงศึกษาข้อมูลของวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ รู้ดีว่าการกระตุ้นเมล็ดพันธุ์สืบทอดของวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณมีสองขั้นตอน
ขั้นแรกคือกระตุ้นเมล็ดพันธุ์สืบทอดแปลงเป็นภาพสัญลักษณ์ ประทับไว้บนร่างกาย
ขั้นที่สองคือให้ภาพสัญลักษณ์นี้ปรากฏข้างนอก หลอมเลือดลมเป็นเงา เช่นนี้แล้วถึงจะนับว่ากระตุ้นเมล็ดพันธุ์สืบทอดโดยสมบูรณ์!
และขั้นที่สองต้องการเลือดลมมหาศาลมาหล่อเลี้ยง ดังนั้นเขาถึงได้รู้สึกหิว!
ตอนนี้ระหว่างที่ลมหายใจหอบถี่ ในดวงตาสวี่ชิงก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด หันมามองทางบรรพจารย์สำนักวัชระ
บรรพจารย์สำนักวัชระตัวสั่นเทิ้มทันที ถูกสวี่ชิงมองมาเช่นนี้ ความรู้สึกเหมือนจะถูกอีกฝ่ายดูดกลืน ในระหว่างที่ตัวสั่นเทิ้มก็รีบสำแดงกาย จงใจให้ร่างโปร่งแสงอีกเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่มีเลือดลม
สวี่ชิงเบนสายตามองไปทางเจ้าเงา
เจ้าเงาสั่นเทิ้มภายใต้สายตาของเขาเช่นกัน
“เอาพวกมันขึ้นมา” เพราะร่างเหี่ยวแห้ง เสียงของสวี่ชิงเปลี่ยนมาแหบแห้งเหลือประมาณ ตอนนี้เมื่อดังออกมา ทางเจ้าเงาก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่ผสานอยู่ในทะเลสะบัดขึ้นมาทันที ทันใดนั้นก็มีปลาเกราะเหล็กตัวมหึมาตัวหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำ มาอยู่ข้างหน้าสวี่ชิง
สวี่ชิงจ้องปลาหลังเหล็กตัวนี้เขม็ง ภาพสัญลักษณ์ที่หลังพลันร้อนวาบขึ้น เหมือนจะอยากแปลงออกมา แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้ ทำได้เพียงแปลงออกมาเป็นขนนกสีทองที่เหมือนกับขนหงส์อยู่รอบกายสวี่ชิง
ในขณะที่ขนนกเหล่านี้หมุนวนอย่างรวดเร็วรอบตัวเขา เกิดเป็นแรงดูดหอบม้วนไปหาปลาเกราะเหล็ก
เสี้ยวพริบตาต่อมาตัวปลาเกราะเหล็กตัวขนาดร้อยจั้งตัวสั่นสะท้าน พลังเลือดลมทั้งหมดในกายไหลออกไปจากร่าง
เลือดลมพวกนี้รวมอยู่ด้วยกันเกิดเป็นก้อนเลือดขนาดถึงหลายสิบจั้ง ตอนนี้มันหดเล็กไม่หยุด ถูกหลอมไม่หยุด จนสุดท้ายสลายไปถึงเก้าส่วน เกิดเป็นเลือดสีทองจางๆ หยดหนึ่ง
ขนนกสีทองห่อหุ้นทันที ในขณะดูดซับมัน สวี่ชิงก็สะบัดเพลิงดังกลุ่มหนึ่งออกไปห่อหุ้มปลาเกราะเหล็ก ดึงวิญญาณมันออกมา
ส่วนเจ้าเงาก็สูดปากอย่างอดไม่ได้ กลืนกินพลังวิญญาณที่ไอพลังประหลาดลอยตลบที่ไร้ซึ่งวิญญาณ และไร้ซึ่งเลือดลมหลงเหลือเอาไว้อย่างไม่ให้สิ้นเปลืองเลยแม้แต่น้อย
เหมือนกินข้าว ไม่นานนักเจ้าเงาก็ส่งอสูรทะเลตัวที่สองขึ้นมา จากนั้นก็เป็นตัวที่สาม ตัวที่สี่
สิบวันก่อนหน้านี้ หลังจากที่สวี่ชิงศึกษาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็ตั้งใจเลี้ยงอสูรทะเลจำนวนหนึ่งเอาไว้แล้ว ดังนั้น ไม่นานนัก ขนหงส์ที่แปลงมาจากภาพสัญลักษณ์ข้างหลังก็ดูดซับอสูรทะเลไปถึงยี่สิบสามตัว
จากการดูดซับของขนหงส์ ไม่ใช่แค่ส่วนขนที่ปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น ขณะเดียวกันยังมีผลต่อการหล่อเลี้ยงของสวี่ชิงทางนี้ด้วย ทำให้สวี่ชิงไม่เหี่ยวแห้งแบบนั้นแล้ว ฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย
และเขาก็สัมผัสพลังกายเนื้อของตัวเองได้อย่างชัดเจนว่ามันพัฒนาขึ้นมาเล็กน้อยจากสภาวะที่หยุดนิ่ง ความเร็วเร็วขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกับที่พลังเพิ่มมากขึ้น เขาก็มีประสาทรับรู้ที่น่าอัศจรรย์บางอย่างด้วย
การรับรู้ประเภทนี้เหมือนการขานตอบรับจากวิชาเวทบางอย่าง สวี่ชิงรู้สึกเลาๆ ว่าตัวเองเหมือนไม่จำเป็นต้องประสานปางมือก็สามารถสามารถสำแดงวิชาเวทที่ตัวเองไม่เคยเรียนมาก่อนบางวิชาได้
แต่หลังจากที่เขาทดลองก็ทำไม่สำเร็จ
‘หรือว่า นี่ก็คือสิ่งที่บอกเล่าจากในวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ…แย่งชิงพรสวรรค์เผ่าพันธุ์ แต่ตอนนี้ข้ายังฝึกฝนน้อยเกินไป ดังนั้นยังไม่อาจสำแดงได้!’
สวี่ชิงคล้ายครุ่นคิด แต่ตอนนี้ความหิวของเขาแค่คลายลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังคงหิวมากเช่นเดิม นี่ทำให้เขาไม่มีเวลาครุ่นคิดมากนัก เขาผุดลุกขึ้นมาทั้งที่ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด เก็บเรือเวทลงไปแล้วพุ่งสู่ทะเล
เสี้ยวพริบตาที่ดำลงไปใต้ทะเล ร่างของสวี่ชิงก็ส่งเสียงครืนครันเปิดสภาวะแสงนภาทันที ภาพสัญลักษณ์ข้างหลังแผ่กลิ่นอายสยบทั่วทุกสารทิศออกมา ทำให้ร่างของสวี่ชิงแผ่พลังกดดันออกมาอย่างหนักหน่วง
บรรพจารย์สำนักวัชระข้างกายเขาอัสนีลอยเอ่อทั่วร่าง บนเหล็กแหลมสีดำอักขระอัสนีกะพริบวูบวาบ คอยติดตามอย่างรวดเร็วอยู่ข้างกายสวี่ชิง
เจ้าเงาแผ่มาผสานไปทั่ว จะเห็นดวงตาร้อยกว่าดวงกระจายอยู่รอบๆ อย่างรางเลือน จากการลืมตาขึ้นก็วาดเป็นเค้าโครงของต้นไม่ใหญ่ น่าขนลุกสยดสยอง
สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้ ความแข็งแกร่งของกำลังรบโดยรวมเหนือกว่าในอดีตตั้งนานแล้ว ในทะเลต้องห้ามนี้แม้จะยังไม่ขั้นไม่หวาดกลัวเกรงสิ่งใด แต่ในระดับหนึ่งก็สามารถสยบกำราบฟากฝั่งหนึ่งได้อยู่เหมือนกัน
ผิวน้ำระเบิดดังสนั่น ใต้ทะเลกระแสน้ำซัดโหม เงาร่างของสวี่ชิงหายไปในพริบตา ไปปรากฏอยู่ที่ไกล เริ่มทำการสังหาร
เขาต้องการอสูรทะเลมากขึ้น ต้องการเลือดของรากฐานเพิ่มขึ้น มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถคลายความหิวที่ชวนคลุ้มคลั่งนี้ได้ ถึงจะทำให้เมล็ดพันธุ์สืบทอดของตัวเองสำเร็จขั้นที่สอง กระตุ้นขึ้นได้โดยสมบูรณ์จากขั้นตอนทั้งหมดนี้
เวลาผ่านไปแต่ละวันๆ หลังจากนั้นครึ่งเดือน
ผิวน้ำที่ห่างไกลในทะเลต้องห้ามแห่งหนึ่ง จู่ๆ น้ำทะเลก็เดือดพล่าน ระเบิดขึ้นทันที อสูรสมุทรบรรพกาลตัวมหึมาที่มีขนาดถึงห้าร้อยกว่าจั้งตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากใต้ทะเล
รูปลักษณ์ภายนอกที่เหี้ยมเกรียม กลิ่นอายที่น่ากลัว และฟันคมกริบที่ของมันที่ต่อให้หุบปากสนิทก็ยังคงเผยออกมาข้างนอก ทำให้ปกติแค่ปรากฏตัวขึ้นก็จะเป็นฝันร้ายของเรือสินค้าและผู้บำเพ็ญมากมายในทะเลต้องห้าม!
อสูรสมุทรบรรพกาล ในบันทึกท้องทะเลของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตมีคำอธิบายที่ชัดเจนว่านี่เป็นกลุ่มนักล่าระดับสุดยอดในทะเลต้องห้าม ความเหี้ยมโหดและร่างกายที่น่ากลัวของพวกมัน รวมกับพลังบำเพ็ญกลายพันธุ์ทำให้ด้านกำลังรบของมันน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก
และอสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้ในตอนนี้ยิ่งไม่ธรรมดา ในเสี้ยวพริบตาที่มันกระโดดออกมาจากผิวน้ำ ก็เห็นเปลวไฟสีแดงสองกลุ่มกำลังลุกไหม้อยู่ในตัวมัน นี่เป็นอสูรสมุทรบรรพกาลที่ฝึกบำเพ็ญจนถึงระดับไฟชีวิตสองดวง
ความแข็งแกร่งของรัศมีอำนาจ ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏตัวก็ส่งเสียงดังเลื่อนลั่นไปทั่วทุกสารทิศ
ผิวน้ำระเบิดเป็นอาณาบริเวณถึงพันจั้ง เพียงแต่ในดวงตาของมันตอนนี้ไม่มีความเย็นชาอย่างในอดีต ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ
หากมองไปอย่างละเอียดจะเห็นว่าที่ท้องของมันมีตราประทับที่เหมือนภาพสัญลักษณ์ภาพหนึ่งคืบคลานอยู่
ลักษณะของตราประทับนี้เหมือนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง บนนั้นมีดวงตาร้อยกว่าดวงลืมอยู่ กะพริบไม่หยุดเหมือนปากขนาดมหึมามากมายกำลังกัดกินเงาของมันอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะเดียวกันใต้ผิวน้ำที่มันพุ่งขึ้นมามีสายฟ้าฟาดสะเทือนฟ้าสะเทือนดินรัวเป็นชุดฟาดผ่ามาอย่างรวดเร็ว ในนั้นจะเห็นเหล็กแหลมสีดำอันหนึ่งที่พันล้อมไปด้วยสายฟ้าอย่างชัดเจน ประชิดเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วที่น่าพรั่นพรึง พุ่งทะลุร่างของอสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้
เสียงบึ้มดังขึ้น ร่างของอสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้สั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง ตำแหน่งที่ถูกพุ่งทะลุระเบิดออกทันที ความเจ็บปวดมหาศาลทำให้ปากที่หุบสนิทของมันต้องอ้าออกอย่างสุดแรง อยากส่งเสียงร้องครวญครางออกมา
แต่ว่า…ปากมหึมาของมันกลับอ้าไม่ได้!
ไม่อาจส่งเสียงร้องครวญครางออกมาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงกลายเป็นเสียงอู้อี้และตอนนี้ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ก็จะเห็นเงาร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ในปากของมัน!
เด็กหนุ่มคนนี้สวมชุดนักพรตสีม่วงทั้งตัว ตอนนี้กำลังยืนอยู่ระหว่างฟันสองซี่ของอสูรสมุทรบรรพกาล ผมยาวประดุจหยกดำมีประกายแสงจางๆ เห็นได้ว่าเป็นหยดน้ำ
จากการสะบัดอย่างเต็มแรงของอสูรสมุทรบรรพกาล ผมยาวของเด็กหนุ่มสะบัดพริ้ว หยดน้ำบนนั้นวิ่งเป็นทาง แต่ละหยดดำดุจหมึก ประดุจหยดฝนโปรยปราย
ยิ่งมีบางหยดกระเซ็นมาบนใบหน้าของเขา ทำให้ในขณะเดียวกันกับที่วิ่งไหลไปบนผิวที่ละเอียดเนียนดุจเครื่องกระเบื้องงดงามก็เผยให้เห็นใบหน้าของเขาในแสงอาทิตย์
นั่นเป็นใบหน้าที่งดงามยิ่งนัก คิ้วยาวดุจใบหลิว สง่างามองอาจ ผมดำยาวสยายอยู่ที่ท้ายทอย ในขณะที่ดูดุดันก็มีความงดงามอย่างน่าอัศจรรย์
ในดวงตามีแววที่ชวนให้คนหลงใหล ความน่าหลงใหลของเขาไม่ใช่แค่ใบหน้าที่ชวนให้คนลุ่มหลงดวงนี้เท่านั้น แต่เป็นบุคลิกลึกลับที่แผ่ออกมาจากทั่วทั้งตัวของเขา
ตอนนี้เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นดึงฟันบนด้านในของอสูรสมุทรบรรพกาล เท้าทั้งสองดุจตะปู แทงลึกลงไปในฟันล่างของมัน
ใช้พลังของตัวเองตรึงปากมหึมาของอสูรสมุทรบรรพกาลเอาไว้ ไม่ให้มันอ้าได้!
เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือสวี่ชิงนั่นเอง!
ครึ่งเดือนมานี้ เขาฆ่าอสูรทะเลไปมากมาย ทำให้ภาพสัญลักษณ์ข้างหลังอยู่ไม่ไกลจากขั้นที่สองเสร็จบริบูรณ์แล้ว และตัวของเขาภายใต้การกลืนกินเลือดพลังดั้งเดิมจากภาพสัญลักษณ์วิหคทอง ภายใต้การหล่อเลี้ยงของเคล็ดวิชาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ไม่ใช่เพียงร่างกายฟื้นฟูเป็นปกติ การเพิ่มขึ้นของพลังและความเร็วก็พูดได้กระทั่งว่าน่ากลัวเหนือกว่าในอดีตมหาศาลนัก กระทั่งว่าตอนนี้ลำพังเพียงกายเนื้ออย่างเดียวก็สามารถทำให้อสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้ไม่สามารถดิ้นรนอ้าปากได้แล้ว
เพียงเรื่องนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นได้หมด!
ตอนนี้ประกายแสงเย็นเยียบฉายวาบในดวงตาของเขา เพลิงสีดำพลันปะทุขึ้น ในขณะที่ปกคลุมไปยังอสูรสมุทรบรรพกาลที่เขาไล่ฆ่ามาครึ่งวันตัวนี้ ภาพสัญลักษณ์ที่หลังของเขาก็แปลงขนหงส์สีทองนับไม่ถ้วนออกมา
ขนหงส์พวกนี้หมุนวนไม่หยุด สำแดงแรงดูด ดูดซับอสูรสมุทรบรรพกาล
อสูรสมุทรบรรพกาลคำราม ดิ้นรนสุดพลังทิ้งตัวสู่ทะเลอีกครั้ง และในเสี้ยวพริบตาที่มันดำดิ่งลงไป ใต้ทะเลก็พลันมีอสูรคอยาวบรรพกาลตัวหนึ่งพุ่งเข้าชนอย่างเต็มแรง ทำให้มันถูกขัดขวาง
แม้อสูรคอยาวบรรพกาลจะแตกสลายไปในทันที แต่การขัดขวางนี้ สวี่ชิงก็สามารถใช้เพลิงสีดำปกคลุมมันได้สำเร็จ และวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็สำแดงได้โดยสมบูรณ์ในเสี้ยวขณะนี้เอง
เสียงคำรามดังออกมาจากไรฟันของมัน ร่างของอสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้ส่งเสียงดังตูมออกมา เลือดลมมหาศาลแผ่ซ่าน ถูกหลอมรวมดูดซับไม่หยุด สุดท้ายก็กลายเป็นเลือดพลังดั้งเดิมกลุ่มหนึ่ง ผสานเข้าไปในขนหงส์
และวิญญาณของมันในเสี้ยวขณะนี้ก็ปรากฏขึ้นในร่างกายของสวี่ชิง กลายเป็นฟืนลุกไหม้ ทะลวงเปิดช่องเวทที่สี่สิบเจ็ดและสี่สิบแปดสองช่องนี้ของเขา!
เวลาในช่วงนี้ การฆ่าสังหารของสวี่ชิงจำนวนมหาศาลนัก ช่องเวทก่อนหน้านี้ทะลวงเปิดได้สี่สิบหกช่อง
ในขณะเดียวกับที่พลังเวทในกายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในพริบตาจากการทะลวงเปิดในตอนนี้ การหล่อเลี้ยงจากวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็ทะลักมาอีกครั้ง ทำให้ในขณะเดียวกับที่ทั่วทั้งร่างมีเสียงกร๊อบๆ ดังขึ้น ใบหน้าที่แต่เดิมก็งดงามอยู่แล้วของเขายิ่งเป็นที่ดึงดูด พลังกายเนื้อเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง!
“ขอแค่กลืนกินอสูรทะเลอีกไม่ที่ตัว ขั้นที่สองของวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นเมื่อภาพสัญลักษณ์แปลงออกมา ก็นับว่าเคล็ดวิชาระดับราชันของข้าวิชานี้ผสานไปในร่างกายได้อย่างแท้จริง ไม่มีทางถูกช่วงชิงไป”
ในขณะที่พึมพำ สวี่ชิงร่างกายไหวววูบไปที่ไกลทันที ส่วนอสูรสมุทรบรรพกาลที่สูญเสียทุกอย่างกลายเป็นซากแห้ง ตอนนี้ก็จมสู่ก้นทะเล เจ้าเงาพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว รีบร้อนติดตามสวี่ชิง ในขณะเดียวกันก็ส่งอารมณ์หงุดหงิดออกมา
มันรู้สึกตัวเองกลืนเงาช้าเหลือเกิน…ยังไม่ทันจะได้แสดงศักดา อสูรสมุทรบรรพกาลก็ถูกจัดการไปแล้ว ดังนั้นแล้วจึงส่งอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจบางอย่างออกมาไปหาบรรพจารย์สำนักวัชระที่อยู่ข้างๆ
บรรพจารย์สำนักวัชระไม่ได้ฉวยโอกาสรังแกเจ้าเงาอย่างหาได้ยาก เขาเงยหน้ามองสวี่ชิงที่จากไปไกล มองเงาแผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่รัศมีมงคลเปล่งประกาย ผมยาวสะบัดพริ้วใต้แสงอาทิตย์นั่น ในใจเกิดระลอกคลื่นมหาศาลตั้งนานแล้ว
เขาเห็นการฆ่าของสวี่ชิง เห็นความบ้าคลั่งของสวี่ชิง เห็นเสน่ห์ดึงดูดอันรุนแรงของสวี่ชิงต่อต่างเพศ ยิ่งเห็นเส้นทางที่อีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อยู่ตลอด
ทั้งหมดนี้ทำให้ในใจของเขามีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างแรงกล้า
‘นี่ถึงจะเป็นตัวละครหลักในนิยาย!
‘หากมีโอกาสข้าจะต้องบันทึกเอาไว้ ในอนาคตจะเขียนนิยายขายสักเรื่อง!’