ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 187 ไฟชีวิตดวงที่สอง เปิด!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 187 ไฟชีวิตดวงที่สอง เปิด!

‘ไอ้บ้าเอ๊ย!!’

สวี่ชิงเห็นภาพนี้ก็สูดสมหายใจ ในดวงตาฉายแววตื่นตะลึงออกมา

เสี้ยวขณะนี้เขารู้สึกว่านายกองที่ตาแดงก่ำพุ่งตัวเข้าไปหาจวีอิงคนนั้นกลับมาอีกแล้ว

ตอนนี้จากเสียงสะท้อนก้องดังกร๊อบ นายกองกัดเต็มแรงด้วยใจเด็ดเดี่ยว ก็กัดนิ้วเท้าของเทวรูปได้ชิ้นเล็กชิ้นหนึ่ง!

ยิ่งไปกว่านั้นคือทิ้งรอยฟันชัดเจนเอาไว้บนนิ้วเท้านิ้วนั้นอีกด้วย

ความพิเศษของเทวรูปนี้โดยปกติแล้วถูกทำลายได้ยาก ทว่านายกองอาศัยเนื้อของจวีอิงกระตุ้นคุณสมบัติเทพของเขาเต็มกำลัง ถึงจะแลกกัดคำนี้มาได้

และไม่รอให้เทวรูปฟื้นสภาพเอง นายกองก็กลืนหินเทวรูปชิ้นที่กัดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวชิ้นเล็กชิ้นนั้นลงไป

ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่รักษาอาการบาดเจ็บอยู่รอบๆ แต่ละคนต่างอึ้งตะลึงกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอันเฉียบพลันนี้ พากันผุดลุกขึ้นมา

แล้วยังมีผู้บำเพ็ญบนเสาหลายสิบคนนั่น ต่างลืมตาขึ้นมาพร้อมด้วยระลอกคลื่นอารมณ์รุนแรง มองไปทางนายกองทางนั้น

ในขณะเดียวกันนี้ กลิ่นอายแก่นลมปราณน่ากลัวกลุ่มหนึ่งก็พลันปะทุมาจากฝ่ามือที่วางไว้บนหน้าอกของเทวรูปบรรพชนศพข้างนั้น

เด็กระดับแก่นลมปราณคนนั้นตอนนี้ลืมตาทั้งสองขึ้น สีหน้าแฝงด้วยความสงสัย มองลงไปข้างล่าง

เขาเห็นสวี่ชิงแล้ว

สวี่ชิงเหมือนถูกสายฟ้าฟาดทั้งร่าง จิตใจเกิดคลื่นยักษ์ถาโถม

เด็กระดับแก่นลมปราณคนนั้นมองไปทางนายกอง นายกองตัวสั่นสะท้าน ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

เด็กคนนี้ไม่ได้สนใจนายกองที่ถอยไป แต่สายตาจับจ้องอยู่ที่นิ้วเท้าของรูปสลัก

เขามองเห็นรอยฟันที่ตรงนั้นและชิ้นส่วนเล็กๆ ที่หายไป

แม้รูปสลักจะกำลังฟื้นสภาพอย่างรวดเร็ว แค่รอยฟันก็ยังคงปรากฏออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

“ไม่มีใครบุกเข้ามาที่นี่นานแล้ว น่าสนใจ เจ้าสองคนอยากตายอย่างไร”

เด็กระดับแก่นลมปราณเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เห็นได้ชัดว่าเรื่องเล็กๆ อย่างโจรกระจอกระดับสร้างฐานสองคนบุกเข้ามาแบบนี้ เขาไม่ได้สนใจเท่าไรนัก ผู้ที่บุกเข้ามาฆ่าให้ตายก็สิ้นเรื่อง ดังนั้นตอนนี้พลังกดดันระดับแก่นลมปราณทั่วทั้งร่างจึงแผ่มาทั่วทุกทิศ

เพียงเสี้ยวพริบตาสายฟ้าฟาดเปรี้ยงปร้าง ทั่วทุกทิศสั่นคลอน ประดุจมีพลังทำลายล้างโลกสยบทุกสรรพชีวิต

แต่ในเสี้ยวขณะที่เขาเพิ่งพูดจบแล้วลุกขึ้นยืน เด็กระดับแก่นลมปราณที่ดูเหมือนสงบนิ่งคนนี้ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป สะบัดหน้าหันไปมองเทวรูปข้างๆ แวบหนึ่ง

ตอนนี้ในเทวรูปองค์นี้มีคลื่นพลังใต้น้ำที่ไม่เสถียรมากๆ กลุ่มหนึ่งกำลังลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว ผ่านเด็กคนนั้นทะลักไปที่เศียรของเทวรูป ในเสี้ยวพริบตาที่เด็กเพิ่งจะพูด มันก็ทะลักมาถึงบริเวณจมูกของเทวรูป แล้วชนเข้าเบาๆ ข้างในผนังเทวรูป

เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังไปทั่วแดนต้องห้าม แล้วพลันระเบิดออกมาจากบริเวณจมูกของเทวรูปในชั่วเสี้ยวขณะนั้นเอง!

เสียงนี้กึกก้องเลื่อนลั่นนัก!

มิติทั้งแดนต้องห้ามสั่นคลอน กระทั่งว่าส่งผลกระทบไปยังโลกภายนอกด้วย

และพลังของการระเบิดนี้ก็รุนแรงมหาศาลนัก ทำให้…จมูกของเทวรูปพังทลายในทันที

แตกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นเศษหินร่วงลงมา

เด็กระดับแก่นลมปราณคนนั้นอยู่ใกล้ที่สุดจึงถูกกระแทกทั้งตัวจากการระเบิดนี้ก่อนใคร เลือดกระอักออกมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างม้วนกระเด็นไปชนกับกำแพงที่อยู่ห่างออกไปไกลลิบ

ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเผ่าสิงซากสมุทรที่อยู่ข้างล่างก็มีที่ถูกเศษพลังไปด้วยไม่น้อย ต่างกระอักเลือดออกมา ใบหน้าเผยแววตื่นกลัวและไม่อาจเชื่อออกมา พากันมองไปทางเทวรูปที่ตอนนี้ไม่มีจมูกแล้ว

จากนั้น ความโกรธแค้นที่มากพอจะทำให้เผ่าสิงซากสมุทรทุกตนตาแดงก่ำก็ปะทุขึ้นมาในเสี้ยวขณะนี้เอง ลมเมฆทั่วทั้งมิติแดนลับแห่งนี้เปลี่ยนสี จิตสังหารท่วมฟ้า

ยิ่งมีเสียงคำรามน่าครั่นคร้ามดังสะท้อนกึกก้องไปทั่วทั้งแดนลับออกมาจากปากของเด็กระดับแก่นลมปราณที่ถูกซัดไปบนกำแพงที่ไกลๆ กระอักเลือดอย่างบ้าคลั่งคนนั้น

“เจ้าทำอะไร!!!”

เสียงคำรามยิ่งกว่าเสียงอัสนีสวรรค์ ทำให้ที่แห่งนี้สะเทือนเลื่อนลั่น และสายตาทุกคู่ตอนนี้ต่างจับจ้องไปที่นายกองทางนั้นอย่างโกรธเดือดดาล

จิตสังหารท่วมฟ้า!

จริงๆ ที่คำที่นายกองกัดไปก่อนหน้านี้คำนั้นไม่นับเป็นเรื่องอะไรเลย ก็แค่ชิ้นเล็กๆ เท่านั้น ทว่าการพังทลายของจมูกเทวรูปร้ายแรงนัก ความร้ายแรงของทั้งสองเรื่องแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

และทุกอย่างนี้ทุกคนต่างคิดว่าจะต้องมีเหตุผลอยู่

ที่เห็นคือเจ้าคนนั้นที่ปลอมตัวเป็นองค์หญิงสามแทะนิ้วเท้าของเทวรูปไปคำหนึ่ง จากนั้นจมูกของเทวรูปก็ระเบิด เห็นได้ชัดว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างแนบแน่น!

นายกองอึ้งตะลึง

ในชั่วขณะนี้ ไม่ต้องพูดว่าผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรคิดแบบนี้ ต่อให้เป็นตัวเขาเองก็คิดว่าน่าจะเกี่ยวกับตนเองเช่นกัน น่าจะเป็นคำที่ตัวเองกัดไปคำนั้นทำให้เกิดปฏิกิริยาอะไร ดังนั้นเทวรูปบรรพชนศพจึงจมูกระเบิด

“แต่ห่างกันเกินไปกระมัง…”

นายกองหายใจถี่กระชั้น ในเสี้ยวขณะที่ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณคำรามอย่างโกรธแค้น สวี่ชิงก็เก็บเศษจมูกเทวรูปที่ตกอยู่ข้างตัวชิ้นนั้นไปอย่างไม่ลังเล หมุนตัวก็พุ่งออกไปข้างนอกทันที

ตอนนี้เขาไม่ใช่จุดที่สำคัญเท่าไรแล้ว ความบ้าคลั่งและโกรธแค้นกว่าครึ่งของที่นี่ตอนนี้ล้วนถูกนายกองดึงดูดไปหมดแล้ว

จากเสียงคำรามอย่างโกรธแค้นของเด็กระดับแก่นลมปราณดังขึ้น เงาร่างของเด็กคนนี้ก็พุ่งออกไปหานายกองทันที ขณะเดียวกันทางสวี่ชิงทางนั้น แม้เขาจะไม่มีเวลาไปสนใจ และไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไร แต่ก็ไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาดเช่นกัน

“ไปเอาหัวของไอ้อีกคนมาให้ข้า!”

นายกองตาเบิกโพลง เก็บเศษจมูกชิ้นหนึ่งข้างตัว ความเร็วปะทุขึ้น ผนึกในร่างแต่ละทางๆ ปลดออก จากไฟชีวิตที่สองเป็นไฟชีวิตดวงที่สามทันที จากนั้นก็ปะทุอีกครั้ง มาถึงขั้นงไฟชีวิตดวงที่สี่ ยิ่งมีคุณสมบัติเทพมหาศาลแผ่ออกมาจากร่างของเขา แล้วพลันทะยานจากไปไกลทันที

แม้เขาจะเร็ว แต่เด็กระดับแก่นลมปราณเร็วกว่า เพียงพริบตาก็ตามมาแล้ว นายกองกระอักเลือดออกท่ามกลางเสียงดังสนั่นมา แต่ไม่รู้ว่าสำแดงเคล็ดวิชาลับอะไรจึงหนีมาได้อีกครั้ง

เด็กระดับแก่นลมปราณดวงตาแดงก่ำ บ้าคลั่งไม่มีใครเปรียบ ในช่วงเวลาที่เขาดูแลเกิดเรื่องที่ร้ายแรงถึงเพียงนี้ นี่เป็นความอัปยศอย่างยิ่งยวดสำหรับเขา จิตสังหารทางนายกองจึงรุนแรงจนถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว

โดยเฉพาะเรื่องร้ายแรงแบบนี้ไม่เกิดขึ้นในเผ่าสิงซากสมุทรนานหลายปีมากแล้ว หากผู้บำเพ็ญที่มาเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจต่อกรได้ก็ช่างเถิด แต่นี่กลับเป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานเท่านั้น

นี่ทำให้เด็กระดับแก่นลมปราณคนนี้โมโหจนเกิดคลื่นอารมณ์รุนแรง และสิ่งที่ยิ่งทำให้เขาจิตใจเกิดคลื่นยักษ์ซัดโหมปั่นป่วนคือเขาพบว่า…นิ้วเท้าของเทวรูปบรรพชนศพฟื้นสภาพเดิมแล้ว แต่จมูกกลับไม่คืนสภาพเดิม

“เป็นไปไม่ได้ น่าจะเพราะแตกเป็นชิ้นค่อนข้างใหญ่ แต่จะต้องคืนสภาพได้อย่างแน่นอน!” ภาพนี้ทำให้ในใจของเด็กระดับแก่นลมปราณสั่นสะท้าน คืนสภาพได้หรือไม่สำหรับเผ่าสิงซากสมุทรแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสองเรื่อง

หากคืนสภาพได้ เรื่องนี้แม้จะร้ายแรง แต่ขอเพียงฆ่าคนร้ายแจ้งทุกฝ่ายแล้ว เรื่องนี้ก็นับว่าคลี่คลาย

อย่างมากการป้องกันในวันข้างหน้าหนาแน่นขึ้นอีกเล็กน้อยก็เท่านั้น

แต่หากคืนสภาพไม่ได้…

เรื่องนี้เด็กระดับแก่นลมปราณไม่กล้าไปคิด เขารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ นับแต่โบราณมาเทวรูปเผ่าสิงซากสมุทรก็มีการเสียหายและถูกคนระเบิดทำลายเช่นกัน แค่ทั้งหมดล้วนคืนสภาพกลับมาเหมือนเดิมได้ในเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น

ต่อให้ระดับความเสียหายมากกว่า แค่เพียงหนึ่งก้านธูปก็คืนสภาพกลับมาได้

“ดังนั้น เป็นไปไม่ได้!” เด็กระดับแก่นลมปราณสูดลมหายใจ อดมองไปอีกครั้งไม่ได้ พบว่าจมูกของเทวรูปก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นี่ทำให้ความกระวนกระวายในใจของเขากลายเป็นความโกรธแค้นที่ท่วมฟ้ารุนแรงยิ่งกว่าเดิม ไล่ตามนายกองไปอย่างบ้าคลั่ง

เขาจะต้องเอาสมาธิไปไว้กับการไล่ตามจับ ไม่เช่นนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะไปคิดถึงผลน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นหากว่าคืนสภาพกลับมาไม่ได้จริงๆ

เพราะความพิเศษของวัสดุ หากคืนสภาพกลับมาไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นจมูกที่หายไปก็จะกลายเป็นตลอดกาล

ซึ่งก็หมายความว่าในอนาคตไม่ว่าจะอีกกี่ปี เผ่าสิงซากสมุทรเมื่อใดก็ตามที่ใช้หรือเห็นเทวรูปบรรพชนศพที่เจ็ดก็จะสัมผัสได้ถึงความอัปยศโต้งๆ แบบนี้ทุกครั้งไป!

และเมื่อขยายขอบเขตความคิด หากอีกฝ่ายมีพลังในการทำลายเทวรูปจริงๆ เช่นนั้น…ก็เท่ากับว่ามีพลังในการลบอนาคตของเผ่าสิงซากสมุทรทั้งเผ่า!

เรื่องนี้ส่งผลกระทบวงกว้างมาก กระทั่งว่าเหนือกว่าสงครามกับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตในตอนนี้

ดังนั้นเด็กระดับแก่นลมปราณคนนี้บ้าคลั่งไปแล้วโดยสมบูรณ์

ส่วนสวี่ชิงในตอนนี้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ กำลังหลบหนีอย่างรวดเร็ว

ดีที่เป้าหมายของเด็กระดับแก่นลมปราณไม่ใช่เขา ดังนั้นในการห้อตะบึงในตอนนี้ ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่ไล่สังหารเขาจึงเป็นระดับสร้างฐานทั้งหมด

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้รูม่านตาสวี่ชิงหดเล็ก เพราะผู้ที่เปิดสภาวะแสงนภามาถึงยี่สิบกว่าคน ในนั้นส่วนมากล้วนเป็นผู้บำเพ็ญระดับฟชีวิตสองดวง กระทั่งว่าสามดวงก็มีหนึ่งคน!

ผู้บำเพ็ญระดับไฟชีวิตสามดวงเป็นชายชรา สร้างความกดดันให้สวี่ชิงมหาศาลนัก

ระลอกคลื่นความน่ากลัวในตัวชายชราบิดม้วนพื้นที่รอบกาย ปกติแล้วพลังบำเพ็ญระดับไฟชีวิตสามดวงไล่โจมตีระดับสองดวงแค่พริบตาก็ได้แล้ว แต่ภายใต้การปะทุพลังกายเนื้อของสวี่ชิง รวมกับการฝ่าทะลวงไปด้วยพลังตะเกียงแห่งชีวิตในร่างทำให้ผู้บำเพ็ญระดับไฟชีวิตสามดวงตนนั้นไม่อาจไม่ตามได้ทันในทันที แต่ระยะห่างของพวกเขาก็ใกล้กันเข้ามาด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

และหากถูกไล่ตามมาได้ทัน ภายใต้การลงมือจากผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานมากมายเช่นนี้ สวี่ชิงรู้ดีว่าตัวเองยากที่จะรับมือได้ โดยเฉพาะระลอกคลื่นที่นี่ใหญ่ขนาดนี้ จินตนาการได้ว่าเผ่าสิงซากสมุทรต่อจากนี้จะโกรธแค้นเดือดดาลรุนแรงเพียงใด

ถึงตอนนั้นมีระดับแก่นลมปราณปรากฏตัวเพิ่มขึ้นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

เมื่อนึกถึงผลลัพธ์เช่นนี้ สวี่ชิงก็หนังศีรษะชาวาบ ครั้งนี้เขารู้ดีว่า เรื่องที่เขากับนายกองทำใหญ่ไปนิดหนึ่งแล้ว

และตอนนี้คืออยู่ในมิติแดนลับ ยันต์ส่งข้ามไร้ขั้นตอนไม่อาจใช้ได้ หากจะใช้ก็ต้องไปจากพื้นที่ต้องห้าม ฝ่าทะลวงออกไปแล้วถึงจะใช้ได้

“ต้องทะลวงเปิดช่องเวทเท่านั้น!” สวี่ชิงดวงตาแดงก่ำ เขารู้ว่าวิธีเพียงหนึ่งเดียวของตัวเองก็คือทะลวงเปิดช่องเวทอย่างรวดเร็ว ให้ตัวเองก่อดวงไฟชีวิตดวงที่สองให้ได้ท่ามกลางการหนีอย่างบ้าคลั่งนี้

หากก่อไฟชีวิตดวงที่สองได้ รวมกับตะเกียงแห่งชีวิตของเขาในตอนนี้ เขาก็จะเท่ากับว่ามีพลังไฟชีวิตสามดวง รวมกับกายเนื้อที่แปลงจากวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณของเขา เขามั่นใจว่าสามารถกำราบผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสามดวงได้ทั้งหมด!

เขารู้สึกกระทั่งว่าตัวเองในตอนนั้นน่าจะทำลายความเข้าใจที่ว่าระหว่างผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานด้วยกันไม่สามารถสู้ข้ามระดับได้ หากเผชิญหน้ากับไฟชีวิตสี่ดวงก็สามารถสู้ข้ามระดับได้เช่นกัน

สวี่ชิงขับเคลื่อนวารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดในกายที่ดูดซับมาจนเต็มในตันเถียนไปด้วยความคิดเช่นนี้ ทะลวงไปยังช่องเวทช่องที่ห้าสิบของตัวเองทันที

ชั่วขณะต่อมา สวี่ชิงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ช่องเวทที่ห้าสิบเปิดในทันที!

พลังเวทยิ่งมาก ความเร็วของสวี่ชิงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น แต่เขายังไม่สิ้นสุดการทะลวงเปิดช่องเวท ตอนนี้ยังทะลวงเปิดต่อไป เสี้ยวพริบตาต่อมา ในร่างของสวี่ชิงก็เสียงดังเลื่อนลั่นปานอัสนีสวรรค์ ในขณะที่ดังกึกก้องไปทั่ว ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญที่ไล่ตามมาข้างหลังต่างจิตใจสั่นสะท้าน

พลังเวทปะทุขึ้นต่อเนื่องระลอกแล้วระลอกเล่าในตัวสวี่ชิง

ช่องเวทช่องที่ห้าสิบเอ็ด ช่องเวทช่องที่ห้าสิบสอง ช่องเวทช่องที่ห้าสิบสาม ทะลวงเปิดอย่างต่อเนื่อง

ยังไม่สิ้นสุด วารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดที่สวี่ชิงดูดซับมาตอนนี้ยังคงปะทุบ้าคลั่ง เพียงพริบตาช่องเวทช่องที่ห้าสิบสี่ของเขาก็เปิดออก ช่องเวทช่องที่ห้าสิบห้าก็เช่นกัน

เหตุการณ์ทั้งหมดไม่มีหยุดชะงักเลย หนึ่งอึดใจทะลวงเปิดหนึ่งช่อง!

หลังจากผ่านไปเจ็ดอึดใจ ช่องเวทช่องที่ห้าสิบหกในร่างสวี่ชิงก็เปิดออกอีก!

อึดใจที่แปด ช่องเวทช่องที่ห้าสิบเจ็ดของเขาก็เปิดออก พลังเวททั้งร่างส่งเสียงดังเลื่อนลั่น ไฟชีวิตลุกไหม้โชติช่วงยิ่งขึ้น การโหมกระหน่ำจากพลังกระทั่งว่าทำให้เกิดลมพายุ ทำให้ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรข้างหลังเขาพวกนั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี

โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสามดวงเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้น ตอนนี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขามองสวี่ชิงที่หลบหนีข้างหน้าก็เกิดความรู้สึกหวาดผวา

เห็นผู้บำเพ็ญข้างหน้าทะลวงเปิดช่องเวทน่ากลัวถึงเพียงนี้ เขาจึงกัดฟันสำแดงเคล็ดวิชาลับ ความเร็วเพิ่มพลังขึ้นทันที ทำให้ในขณะที่ทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ในสายตาดูช้าเนิบ พุ่งประชิดเข้าไปหาสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

“ตายซะ!”

ช่วงวิกฤตอันตราย สวี่ชิงตาแดงก่ำ ไม่สนใจอะไรมากแล้ว ใช้พลังกายเนื้อเป็นสิ่งค้ำจุนของตัวเอง ปะทุวารีศักดิ์สิทธิ์สีเลือดในร่างกายทั้งหมดเพียงเสี้ยวพริบตาทันที!

“เปิดๆๆ!!”

ในดวงตาสวี่ชิงฉายความคลุ้มคลั่ง เพียงพริบตาในกายของเขาก็ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ช่องเวทช่องที่ห้าสิบแปด ช่องเวทช่องที่ห้าสิบเก้า ช่องเวทช่องที่หกสิบ เปิดออกทั้งหมด!

กระทั่งว่ายังทีพลังทะลวงเปิดต่อไปจนเปิดได้ถึงช่องเวทช่องที่หกสิบห้า!

“ไฟชีวิต!” สวี่ชิงตาแดงก่ำ ทั่วร่างสั่นสะท้านรุนแรง เส้นนับไม่ถ้วนจากในช่องเวทช่องที่สามสิบเอ็ดจนถึงช่องเวทช่องที่หกสิบพวยพุ่งมารวมในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงดังครืนท่ามกลางการปะทุขึ้นจากแสงสีทองทั่วทั้งร่างสวี่ชิง

ไฟชีวิตดวงที่สองส่องประกายทั่วผืนนภา!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท