ตอนที่ 286 สถานการณ์ของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ (1)
ในเวลาเดียวกัน
หน้าประตูมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
หลิวต้าลี่เอ่ยเสียงดัง “ฉันเป็นเพื่อนของฟางผิงจริงๆ พี่ชาย ให้ฉันเข้าไปเถอะ”
“งั้นนายให้ฟางผิงออกมารับ หรือจะต่อสายหาป้อมยาม…”
“เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องรบกวนเขาหรอก…”
ระหว่างที่พูดก็มีนักศึกษาบางส่วนเดินออกมา ลุงยามเห็นแบบนั้นจึงเอ่ยว่า “ตอนนี้พากันแยกย้ายออกมาแล้ว นายโทรหาฟางผิงได้เลย เขาน่าจะมีเวลาแล้ว”
“ฉัน…”
แม่งเหอะ!
แยกย้ายแล้ว ฉันยังต้องเข้าไปอีกทำไม
ยิ่งไปกว่านั้นโทรหาฟางผิง เจ้าหมอนั่นเรียกคนมาอัดเขาจะทำยังไง?
หลิวต้าลี่เสียใจอยู่บ้าง ไม่คิดยุ่งวุ่นวายอีก หันหลังเดินไป ครั้งนี้พลาดแล้ว ครั้งหน้ามีโอกาสค่อยมาใหม่
น่าเสียดายที่มาไม่ทัน
—
หลิวต้าลี่จากไปอย่างเสียดาย กลับไม่รู้ว่าฟางผิงที่ไม่รู้ว่าเขามาอาจจะเสียดายยิ่งกว่า
หมอนี่ใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วหรือไง นึกไม่ถึงว่าจะกล้าส่งตัวเองมาถึงหน้าประตู!
น่าเสียดายที่ไม่ได้เจอ
ตอนนี้ฟางผิงเข้าสู่ขั้นสี่แล้ว ขาดแคลนเงินอย่างหนัก เห็นใครก็แทบจะใช้ดาบจี้ ฉินเฟิ่งชิงที่บริสุทธิ์ยังเป็นแพะรับบาปไปด้วยเลย หลิวต้าลี่เป็นคนที่ฉวยผลประโยชน์ไปจากฟางผิงอย่างแท้จริงกลับไม่ได้เจอกัน หากเจอก็คงต้องตายสถานเดียวเท่านั้น
—
การประชุมใหญ่ของทั้งมหาวิทยาลัยสิ้นสุดลง
ฟางผิงไม่ได้รีบไปที่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ในทันที อย่าได้แสดงท่าทีเหมือนรอคอยไม่ไหวจะดีกว่า ยังไงก็เป็นช่วงเวลาที่ทิ้งบาดแผลให้กับพวกจางอวี่
เขาไปถึงสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ในช่วงบ่าย
ตอนนี้จางอวี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย สภาพสะบักสะบอมก่อนหน้านี้หายไปแล้ว
พูดถึงเรื่องการวางตัว จางอวี่ยังคงเผยท่าทีเช่นเดิม
เห็นฟางผิง จางอวี่ก็พยักหน้าเล็กน้อย พวกคนที่อยู่ด้านข้างเผยแววตาซับซ้อนอยู่บ้าง
ไม่ได้พิธีรีตองมากมาย จางอวี่เอ่ยขึ้นทันที “นายไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เท่าไหร่ ฉันจะเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้นายฟังก่อน นายจะได้พอเข้าใจ”
“รบกวนประธานแล้ว”
“ไม่เป็นไร สมาคมผู้ฝึกยุทธ์…หลังจากนี้ต้องรบกวนนายแล้ว”
น้ำเสียงของจางอวี่ซับซ้อนอยู่บ้าง ก่อนจะฟื้นฟูรอยยิ้มขึ้นมา “สมาคมผู้ฝึกยุทธ์เซี่ยงไฮ้มีประธานหนึ่งคน รองประธานสี่คน รวมเป็นห้าคน ตอนนี้รองประธานทั้งสี่คือฉินเฟิ่งชิง เซี่ยเหล่ย เฉินเหวินหลง เหลียงเฟิงหวา”
“รุ่นพี่เหลียงก็เป็นรองประธาน?”
ฟางผิงแปลกใจอยู่บ้าง จางอวี่พยักหน้า “ก่อนหน้านี้มีรองประธานหลายคน เป็นนักศึกษารุ่นก่อนทั้งหมด หลังเรียนจบก็ออกจากตำแหน่งไป เหลียงเฟิงหวาทะลวงขั้นสี่แล้ว ดังนั้นจึงรับตำแหน่งรองประธาน ตอนนี้รองประธานทั้งสี่อยู่ขั้นสี่ทั้งหมด ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้รวมฉันและนายแล้วมีทั้งหมดเก้าคน…”
“น้อยขนาดนี้เลย?”
ฟางผิงตะลึงไปเล็กน้อย รองประธานสี่คน รวมกับเขาและจางอวี่ นี่เป็นหกคนแล้ว นั่นหมายความว่าที่เหลืออยู่มีอีกสามคน?
จางอวี่ถอนหายใจเบาๆ “ตอนนี้รุ่นของเซี่ยเหล่ย มีแค่เขาคนเดียวที่ทะลวงถึงขั้นสี่ รุ่นของพวกนายก็มีแค่นาย รุ่นของพวกฉันมีเจ็ดคน อันที่จริงไม่นับว่าน้อยจนเกินไป แต่ก่อนหน้านี้ยังมีหลายคน…น่าเสียดายที่การเดินทางเข้าถ้ำครั้งก่อน…”
การเดินทางเข้าถ้ำครั้งก่อน นักศึกษาขั้นสี่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ตายในสนามรบไปสองสามคน รุ่นของจางอวี่เสียไปสองคน
ไม่งั้นเปิดเทอมใหม่ นับรวมขั้นสี่อีกสองคนก็ไม่ถือว่าน้อยแล้ว
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปอย่างหนานเจียงนั้น หวังจินหยางเป็นกรณีพิเศษ หลายมหาวิทยาลัยไม่มีแม้แต่นักศึกษาขั้นสี่ด้วยซ้ำ
จางอวี่ไม่พูดมากอีก เอ่ยต่อว่า “นอกจากรองประธานพวกนั้น สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ยังแบ่งเป็นหกฝ่าย ฝ่ายสำนักงาน ฝ่ายกิจการภายนอก ฝ่ายกิจการภายใน ฝ่ายการเงิน ฝ่ายตรวจสอบ ฝ่ายรับนักศึกษา…”
“เดี๋ยวก่อน!”
ฟางผิงแทรกบทสนทนา “ฝ่ายรับนักศึกษา?”
จางอวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อืม เรื่องรับนักศึกษา อันที่จริงเป็นความรับผิดชอบของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ร่วมกับอาจารย์ของมหาวิทยาลัย รวมถึงการกำหนดมาตรฐานด้วย เป็นหน้าที่ของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ที่กำหนดมาตรฐานแล้วส่งต่อให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบ หลังจากนั้นเรื่องการรับนักศึกษาก็จะอยู่ในความรับผิดชอบของสมาคม”
ฟางผิงตกตะลึง เรื่องรับนักศึกษายังปล่อยให้สมาคมรับผิดชอบ?
เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ฉินเฟิ่งชิงเคยบอกว่าเซี่ยเหล่ยวิ่งวุ่นอยู่กับการรับนักศึกษา ฟางผิงยังคิดว่าเซี่ยเหล่ยไปช่วยพวกอาจารย์ ตอนนี้มาคิดดูแล้ว อาจารย์น่าจะจัดการร่วมกับสมาคมผู้ฝึกยุทธ์สินะ!
งั้นผู้มีอำนาจของมหาวิทยาลัยรับผิดชอบอะไรกัน?
ครุ่นคิดอย่างละเอียดดู เหมือนว่าจะรับผิดชอบทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น!
แน่นอนว่าเรื่องใหญ่ต้องเป็นการตัดสินใจของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว แม้จะพูดว่าสมาคมผู้ฝึกยุทธ์รับหน้าที่กำหนดมาตรฐานรับนักศึกษา แต่ก็ต้องได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยก่อนอยู่ดี
จางอวี่เอ่ยต่อ “โจวเหยียนเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการภายนอก ทั้งรับตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานด้วยเหมือนกัน”
โจวเหยียนที่อยู่ด้านข้างไม่พูดไม่จา พอได้ยินจางอวี่แนะนำตัวเองค่อยเอ่ยขึ้นว่า “ฉันขึ้นปีสี่แล้ว ฉันจะลาออกจากตำแหน่งในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์”
ฟางผิงเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รุ่นพี่โจวจำเป็นด้วยหรือไง? ผมเพิ่งจะมา พี่ก็จะไปซะแล้ว…”
“ฉันจะไปฝึกประสบการณ์ในบริษัท กลัวว่าจะไม่มีเวลาอยู่ในสมาคมและจัดการเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ” โจวเหยียน
ฟางผิงแค่นยิ้ม “งั้นขอให้รุ่นพี่โจวโชคดี”
จางอวี่ถอนหายใจเบาๆ เปลี่ยนตัวนายก็ต้องเปลี่ยนลูกน้องเป็นธรรมดา โจวเหยียนรับหลายตำแหน่งจึงมีข่าวลือว่ามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว…กับจางอวี่
ตอนนี้ลาออกจากตำแหน่งไม่ใช่เพราะโมโหเพียงอย่างเดียว แต่ยังดีกว่าการที่ถูกฟางผิงเตะออกมาเป็นไหนๆ
ฟางผิงเห็นเธอยืนกรานแบบนั้นก็ผลักเรือตามน้ำ อวยพรออกไปตรงๆ
จางอวี่ไม่สนใจเรื่องนี้ เอ่ยต่อว่า “สำนักงานรับผิบชอบภาระงานภายในของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ รวมถึงการเปิดสมาคม การประชุมในวันปกติ…ฝ่ายกิจการภายนอกรับผิดชอบภาระงานภายนอกของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ อย่างเช่นจัดการแข่งขันบางอย่าง จัดการแลกเปลี่ยนความรู้ จัดการแลกเปลี่ยนนักศึกษา รวมถึงติดต่อกับนักศึกษาที่จบการศึกษาไปแล้วของเซี่ยงไฮ้ รวมถึงมอบโอกาสให้นักศึกษาฝึกงาน…”
“ฝ่ายรับนักศึกษาฉันคงไม่จำเป็นต้องพูดมาก ฝ่ายการเงินหลักๆ จะรับผิดชอบบริหารกิจการบางส่วนที่อยู่ภายใต้ความดูแลของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อันที่จริงมหาวิทยาลัยก็มีฝ่ายรับผิดชอบเรื่องนี้เช่นกัน หลักๆ พวกเราจะดูแลร่วมกัน อีกอย่างก็คือการมอบสวัสดิการให้สมาชิกสมาคมบางส่วน ฝ่ายตรวจสอบรับผิดชอบปรับปรุงแก้ไขบรรยากาศของมหาวิทยาลัย รวมถึงส่งคนไปลาดตระเวนในวันปกติ เรื่องเฝ้ายามก็อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายตรวจสอบเช่นกัน ส่วนฝ่ายกิจการภายใน…”
พูดถึงฝ่ายกิจการภายใน จางอวี่ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “ฝ่ายกิจการภายในเป็นแค่คำเรียกอย่างหนึ่ง อันที่จริงควรจะเรียกว่าฝ่ายภารกิจถ้ำใต้ดิน ฝ่ายกิจการภายในมีสมาชิกน้อย ฉันและรองประธานไม่กี่คนรวมอยู่ในนี้ด้วย ออกไปทำภารกิจบางอย่างในถ้ำใต้ดิน พามือใหม่เข้าไปในถ้ำใต้ดิน…นายจะเข้าใจว่าเป็นกองกำลังของสมาคมก็ได้”
ฟางผิงเข้าใจ ถามว่า “เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทั้งหมด?”
“ไม่เสมอไป ขั้นสามตอนปลายสามารถยื่นคำร้องเข้าร่วมได้ บางครั้งออกทำภารกิจเป็นทีม สามารถรวมทีมนักศึกษาที่แข็งแกร่งปฏิบัติร่วมกันได้”
จางอวี่พูดจบก็ลังเลเล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยต่อ “ฝ่ายกิจการภายในของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ประธานสามารถบังคับสมาชิกให้เข้าร่วมภารกิจบางอย่างได้ แน่นอนว่าต้องได้รับความยินยอมจากคนส่วนใหญ่ด้วย ฟางผิง นายควบคุมสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ฉันหวังว่านายจะไม่ส่งทุกคนไปตาย”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รุ่นพี่จางกังวลเกินไปแล้ว ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
“นั่นย่อมดีที่สุด ยังไงเป้าหมายสุดท้ายของทุกคนก็คือกำจัดปัญหาของถ้ำใต้ดิน”
แนะนำองค์ประกอบหลักๆ ของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์แล้ว จางอวี่ก็เริ่มพาฟางผิงขึ้นตึกไปสำรวจ
ระหว่างทางเดินผ่านสมาชิกสมาคมบางส่วน พวกเขาต่างจมดิ่งในความเงียบ มองทั้งสองส่งมอบงานด้วยแววตาที่ซับซ้อน
—
รอจนมาถึงห้องทำงานของประธาน ฟางผิงจำต้องตกตะลึง หรูหราชะมัด!
บอกว่าเป็นห้องทำงาน แต่ขนาดนั้นใหญ่กว่าที่คิดอยู่บ้าง
โซนทำงาน โซนรับแขก ห้องนอน ห้องฝึกวิชา ห้องน้ำ มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งสถานที่ยังกว้างขวางอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าจางอวี่อยู่ที่นี่เป็นประจำ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันมีอย่างครบครัน
ห้องทำงานถูกจัดเก็บอย่างสะอาดสะอ้าน เห็นโจวเหยียนเผยท่าทีอาลัยอาวรณ์ ฟางผิงเดาว่าผู้หญิงคนนี้อาจเป็นคนช่วยเก็บกวาด ผู้ชายแมนๆ อย่างจางอวี่ ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จะมีเวลาว่างมาเก็บกวาดทำเรื่องพวกนี้ได้ยังไง
สำรวจห้องทำงานคร่าวๆ แล้ว จางอวี่ก็พาฟางผิงมาเดินเล่นที่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ต่อ
สมาคมผู้ฝึกยุทธ์นั้นใหญ่อย่างมาก!
ที่นี่ไม่ใช่ตึกเดี่ยวๆ แต่เป็นกลุ่มอาคารใหญ่
รวมถึงสนามประลอง ห้องฝึกวิชา และห้องทำงานหลายแห่ง
เดินดูรอบๆ ก็ใช้เวลาไปไม่น้อยแล้ว หากพูดให้เห็นภาพหน่อย สำนักงานของสมาคมผิงหยวนก็อยู่ในอาณาเขตของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เช่นกัน
เดินดูสิ่งเหล่านี้แล้ว โจวเหยียนจึงมอบเอกสารจำนวนหนึ่งให้ฟางผิง
เป็นเอกสารง่ายๆ มีทั้งหมดสามฉบับ
———————–