ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 283-2 ไม่กลัวฟางผิง (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 283 ไม่กลัวฟางผิง (2)

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรหรอก แค่ตอนที่ทะลวงด่าน เชื่อมต่อสะพานฟ้าดินทั้งห้าในครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

“แค่กๆ!”

จ้าวเหล่ยกระแอมไอออกมา เอ่ยอย่างเหนื่อยใจว่า “ได้ พวกเรารู้แล้ว ยังไงต่อ?”

ฟางผิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยแววตาไม่พอใจว่า “ขั้นสี่ตอนกลางนับว่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ สินะ?”

ปู่แกเถอะ นายไม่คิดจะพูดชื่นชมบ้างหรือไง?

จ้าวเหล่ยสีหน้าดำคล้ำอีกครั้ง ผ่านไปพักหนึ่งค่อยเอ่ยว่า “เก่งมาก เก่งสุดๆ ไปเลย นายกล้าต่อยฉัน ฉันรับรองว่าพ่อฉันต้องมามหาลัยแน่ นายระดับกลางแล้ว ฉันยังระดับล่างอยู่เลย!”

ไอ้เวรตะไล คิดว่าฉันจัดการนายไม่ได้จริงๆ หรือไง!

นายระดับล่าง ฉันระดับล่าง ถูกนายต่อยก็แล้วไป

นายระดับกลางแล้ว ฉันยังระดับล่าง นายกล้าต่อยฉันอีก คิดว่าฉันไร้ความสามารถหรือไง?

ฟางผิงตกตะลึงไปเล็กน้อย ไอแห้งๆ ว่า “พูดอะไรกัน การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักศึกษา เรียกว่าต่อยคนได้ที่ไหน? ใช่สิ พ่อนายอยู่ขั้นห้าตอนต้นหรือตอนปลายนะ ฉันลืมถามไป”

“ขั้นห้าสูงสุด!”

จ้าวเหล่ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ แข่งกับนายไม่ได้ งั้นก็แข่งพ่อฉันแทนละกัน ขั้นห้าสูงสุด สู้นายเรื่องนี้น่าจะเพียงพอแล้ว!

“ขั้นห้าสูงสุด…” ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่งก่อนเอ่ยว่า “งั้นรออีกไม่กี่เดือน ฉันเข้าสู่ขั้นห้าแล้วค่อยว่ากัน”

จ้าวเหล่ยเหนื่อยใจอย่างถึงที่สุด ก้มหน้าดื่มน้ำซุป ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว

ฟางผิงหัวเราะยกใหญ่ เอ่ยต่อว่า “เอาล่ะ เรื่องพวกนี้ออกนอกประเด็นไปแล้ว ระหว่างนักศึกษาต้องรักและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรื่องต่อยตีนั้นมีที่ไหน ยังต้องทำถึงขั้นเชิญผู้ปกครองมา ไม่น่าอายหรือยังไง?”

“ครั้งนี้เลี้ยงข้าวทุกคนเพราะอยากจะพูดเรื่องสำคัญ…”

หยางเสี่ยวม่านเงยหน้าขึ้นว่า “นายมั่นใจนะว่านายเลี้ยงข้าว?”

“เหลวไหล ข้าวก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือไง? ผู้ฝึกยุทธ์ต้องประหยัดเหมือนกัน จะสิ้นเปลืองไม่ได้”

ฟางผิงวกเข้าประเด็นหลัก เอ่ยทันที “เรื่องของอธิการ ทุกคนน่าจะรู้แล้ว ตอนนี้อธิการบดีมหาวิทยาลัยจะเปลี่ยนเป็นอธิการอู๋ ส่วนสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ฉันคิดว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแล้วเหมือนกัน นักศึกษาปีสี่ไม่อาจทำหน้าที่ประธานสมาคม อันที่จริงเป็นความเห็นร่วมกันของแต่ละมหาวิทยาลัย จางอวี่ควรเป็นฝ่ายถอนตัวจากตำแหน่ง ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าเขายังจะวางแผนให้เฉินเหวินหลงมารับช่วงต่อ นี่เป็นการพลิกประวัติศาสตร์อย่างสิ้นเชิง! นักศึกษาปีสี่ใกล้จะเรียนจบ แยกย้ายกันในอนาคตข้างหน้าแล้ว เฉินเหวินหลงกำลังฝึกฝนในหน่วยทหาร เห็นได้ชัดว่าวางแผนเพื่ออนาคต จะมีเวลามาพัฒนาสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ให้ดีกว่าเดิมได้หรือไง?”

“แต่อีกไม่กี่วันฉันก็ปีสองแล้ว เวลาที่อยู่ในมหาวิทยาลัยยังมีเยอะ ให้ฉันรับตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์แทนจางอวี่ ฉันคิดว่าเหมาะสมเหมือนกัน ส่วนพวกนาย ถือเป็นตัวแทนนักศึกษาปีสองรุ่นนี้ การเลือกประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ พวกนายก็มีอำนาจในการพูดเช่นกัน พวกนายเป็นตัวแทนปีสอง มีคุณสมบัตินี้ ส่วนรุ่นพี่พวกนั้นของฉันก็เพียงพอเป็นตัวแทนพูดให้ปีสามปีสี่ได้เหมือนกัน หากพูดให้เห็นภาพชัดเจนอีกหน่อย บางทีฉันอาจจะขั้นห้าเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยไม่ให้ฉันเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ได้จริงๆ งั้นเหรอ? ฉันไม่ใช่คนที่กำลังจะจบออกไปสักหน่อย ตอนนี้ส่วนมากก็อยู่ในมหาวิทยาลัย คนที่ฝีมืออ่อนด้อยกว่าฉัน ชี้มือชี้นิ้วสั่งการฉัน คิดว่าฉันทนได้หรือไง? ดังนั้นเพื่อความสงบสุขของมหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษามีแบบอย่างที่ดีกว่า…”

ฟู่ชางติ่งยกมือตัดบทว่า “ได้ พวกเราเข้าใจความหมายของนายแล้ว อย่าเยินยอตัวเองอีกเลย สนับสนุนให้นายเป็นประธานสินะ ไม่มีปัญหา ประเด็นอยู่ที่ว่าพวกฉันไม่ใช่คนที่ตัดสินใจได้”

“กระแสส่วนใหญ่!”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “พวกนายเป็นตัวแทนของปีสองหนึ่งพันกว่าคนนี้ การสนับสนุนของพวกนายย่อมมีความหมายอยู่แล้ว”

ฟางผิงมองไปยังจ้าวเหล่ย “นายคิดว่ายังไง?”

“ยังไงก็ได้”

“หยางเสี่ยวม่าน เธอล่ะ?”

“ฉัน…”

หยางเสี่ยวม่านยังพูดไม่ทันจบ ฟางผิงก็เอ่ยด้วยแววตาอันตราย “เธอทำลายชื่อเสียงของฉัน ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอ ถ้าเธอคัดค้านเรื่องนี้อีก พวกเราถือว่าเป็นศัตรูกัน!”

หยางเสี่ยวม่านเผยสีหน้าขุ่นเคือง ผ่านไปพักใหญ่ค่อยเอ่ยอย่างข่มกลั้นว่า “ไม่คัดค้าน!”

“อวิ๋นซี เธอก็ไม่คัดค้านใช่หรือเปล่า?”

เฉินอวิ๋นซีส่ายหัว ครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “ทำไมช่วงนี้ไม่เห็นนายขายยาบำรุง?”

ฟางผิงนิ่งอึ้งไป เธอเบี่ยงประเด็นไปที่ไหนกัน!

“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน มาพูดถึงเรื่องสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ต่อ…”

จ้าวเสวี่ยเหมยเอ่ยตัดบทตรงๆ “พูดอะไรอีก นายเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ พวกเราต่างไม่คัดค้าน กินข้าวเถอะ พูดมากอะไรขนาดนั้น”

ฟางผิงตะลึงไปอีกครั้ง “พวกเธอไม่คิดจะตื่นเต้น ฮึกเหิมบ้างหรือไง? ฉันต้องเป็นผู้นำนักศึกษาทั้งหมดของมหาวิทยาลัย…”

“งั้นนายก็ต้องมีบุคลิกของผู้นำนักศึกษาหน่อย พอใจหรือยัง?”

ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างไร้คำพูดว่า “ชวนพวกเรามากินข้าวแค่นี้ก็ยังจะหลอกล่อพวกเรา?”

“อีกอย่าง ถ้านายเป็นประธานสมาคมแล้วยังไปเร่ขายยาบำรุงอีก นายเชื่อหรือเปล่าว่าพวกปรมาจารย์ทั่วโลกจะไล่ฆ่านายได้ด้วยซ้ำ?”

“คนไม่รู้ยังจะคิดว่านายทุจริตเงินจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ไป”

“อีกอย่าง…”

ฟู่ชางติ่งชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยกระอักกระอ่วน “ฉันว่าโฆษณาเล็กๆ อย่าไปถ่ายเลย อายคนเขา เพื่อนสมัยมอปลายบางคนมาถามฉันว่ารู้จักฟางผิงหรือเปล่า? ฉันบอกว่ารู้จัก…ปรากฏว่าคนอื่นแทบไม่ถามอย่างอื่น กลับมาถามว่าฉันสวมรองเท้าตี๋เค่อจะเดินบนอากาศได้จริงๆ หรือเปล่า ฉันแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว! นายลองคิดเองเถอะ นายมียุคมืดแบบนี้จะส่งผลกระทบเท่าไหร่กัน? เป็นคนที่ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสามดีๆ กลับมามัวหมองซะได้…”

ฟางผิงเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ฉันไม่ได้ไปลักเล็กขโมยน้อยสักหน่อย ถ่ายโฆษณานิดหน่อยจะเป็นไรไป? เด็กบ้านจนอย่างฉันจะเหมือนพวกนายได้งั้นเหรอ? ถ้าไม่หาเงินสักหน่อย จะให้ฝึกวิชายังไง? ฝึกวิชาขั้นสี่ ไม่ทันไรก็ใช้ยาเม็ดเป็นล้านแล้ว ฉันจะไปหาเงินจากที่ไหน? ใครเอาเรื่องนี้มาพูดอีก ฉันจะสั่งสอนให้จดจำสักหน่อย!”

เฉินอวิ๋นซีที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างเห็นใจว่า “ไม่ง่ายจริงๆ นั่นแหละ อันที่จริงฉันคิดว่าแบบนี้ดีแล้ว บนอินเทอร์เน็ตยังมีคนว่าร้ายนายด้วย ใช่สิ นักข่าวคนนั้นไม่รู้ว่ารู้ QQ ของฉันได้ยังไง ยังส่งข้อความส่วนตัวมา บอกว่าก่อนหน้านี้นายเป็นคนสั่งให้เขาปล่อยข่าวลือ คนแบบนี้น่าไม่อายจริงๆ ไม่มีความรับผิดชอบเลยสักนิด”

พวกฟู่ชางติ่งกลับมองฟางผิงด้วยแววตาแปลกๆ อยู่บ้าง ฉินอวิ๋นซีไม่เชื่อ…แต่พวกเขาเชื่ออยู่บ้าง!

ในเวลาเดียวกัน

หลิวต้าลี่ที่อยู่ไกลออกไปพันลี้จามออกมาอย่างแรง พึมพำว่า “เซี่ยงไฮ้มีข่าวใหญ่ จะเปลี่ยนอธิการบดีคนใหม่แล้ว น่าเสียดาย เจ้านั่นอยู่เซี่ยงไฮ้เหมือนกัน…ฉันขั้นสามตอนปลายแล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นคู่มือเขาได้หรือเปล่า?”

ตอนนี้หลิวต้าลี่ยังเชื่ออยู่บ้าง

เขาทะลวงถึงขั้นสามตอนปลาย รับรู้ได้ว่าร่างกายเปลี่ยนแปลงแข็งแกร่งขึ้นมากจริงๆ!

ก่อนหน้านี้พวกฟางผิงเดินเหินบนอากาศ ฟันแยกภูเขาด้วยดาบเดียว เวลานั้นรู้สึกว่าความแตกต่างมีมากเกินไป

ตอนนี้…หลิวต้าลี่คิดว่าตัวเองทำได้เหมือนกัน

“จะไปดีหรือเปล่า?”

“ถ้าไปต้องเข้าไปในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สินะ?”

“หนึ่งในมหาวิทยาลัยชื่อดังเปลี่ยนอธิการคนใหม่ ตอนนี้ก็ถึงฤดูเปิดเทอมแล้ว ต้องดึงดูดความสนใจจากผู้คนแน่”

หลิวต้าลี่สองจิตสองใจอยู่บ้าง เซี่ยงไฮ้เป็นสถานที่ที่ดี ข้อมูลใหม่เยอะ ข่าวสารกว้างขวาง คงไม่อาจให้เขาละทิ้งสมบัติล้ำค่าอย่างเซี่ยงไฮ้เพราะฟางผิงได้หรอกมั้ง?

“ความจริงฉันไม่ได้กลัวเขา แต่หมอนั่นมีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังต่างหาก!”

หลิวต้าลี่ถอนหายใจ คนกับคนเทียบกันแล้วช่างน่าโมโหจริงๆ

ฟางผิงที่เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง มีความฉลาดและกล้าหาญ เขายังไม่เท่าไหร่ แต่หมอนั่นมีอาจารย์ที่เก่งกาจ เซี่ยงไฮ้มีอาจารย์เยอะขนาดนั้น ฟางผิงเรียกคนมาอัดเขาจะทำยังไง?

———————-

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท