ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 296 สิบปรมาจารย์ใหญ่รวมตัวที่ปักกิ่ง (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 296 สิบปรมาจารย์ใหญ่รวมตัวที่ปักกิ่ง (1)

เรื่องที่มหาวิทยาลัยขอระดมทุนกับศิษย์เก่าสร้างความเคลื่อนไหวไม่ใช่น้อย

ข่าวที่ว่าประธานจางจากอวี้กงกรุ๊ป ตอนแรกบริจาคสิบสองล้าน ภายหลังบริจาคเพิ่มอีกหนึ่งร้อยล้านแพร่กระจายไปทั่ว

ความจริงแล้วประธานจางจากอวี้กงกรุ๊ปบอกจะบริจาคเพิ่มห้าสิบล้านเท่านั้น

แต่รอข่าวแพร่กระจายออกมา ไม่นานเงินห้าสิบล้านจึงกลายเป็นหนึ่งร้อยล้านจริงๆ อีกฝ่ายแทบไม่มีความลังเล ทั้งไม่คิดจะถามว่าเป็นฝีมือของมหาวิทยาลัยที่เผยแพร่ข่าวผิดหรือเปล่า

เป็นคนฉลาดกันทั้งนั้น อย่าเห็นใครเป็นคนโง่จะดีกว่า

ในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองขั้นสามหลายสิบคนได้รับแจ้งให้ไม่ต้องเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยน คลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ก็ไม่ต้องเปิดแล้ว ช่วงนี้ให้เตรียมตัวไปถ้ำใต้ดิน ทำภารกิจตามลำพังโดยไม่มีอาจารย์คอยคุ้มครอง บังคับให้ต้องไปเท่านั้น!

คนหัวไวต่างแยกออกว่านี่ความคิดของมหาวิทยาลัยหรือเป็นความคิดของฟางผิงกันแน่

ห้องทำงานอธิการบดี

อู๋ขุยซานและหวงจิ่ง ปรมาจารย์ทั้งสองคนแม้จะยุ่งตัวเป็นเกลียว ตอนนี้กลับหาเวลามารวมตัวกันได้

ฝั่งตรงข้ามมีฟางผิงยืนหลังตรงอยู่

“อธิการ คณบดี ครั้งนี้การบริจาคลุล่วงไปด้วยดี รวมแล้วมีศิษย์เก่าหนึ่งพันหกร้อยหกสิบแปดคนจากทุกแวดวงอาชีพให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ คำนวณแล้วตอนนี้มีเงินบริจาคทั้งหมด สามพันหกร้อยแปดสิบล้าน…”

หวงจิ่งถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้เธอให้คนไประดมทุน ฉันสนับสนุน แต่ตอนหลังเธอ…มีศิษย์เก่าจำนวนไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์มหาวิทยาลัย ฟางผิง บังคับให้คนบางส่วนลงถ้ำใต้ดิน นี่ไม่สอดคล้องกับกฎของมหาวิทยาลัย…”

“กฏ?”

ฟางผิงแค่นยิ้ม “ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยถึงจะเป็นกฏ! เอาแต่พูดว่าสถานการณ์ถ้ำใต้ดินเลวร้าย คนอื่นไปได้ ทำไมพวกเขาไปไม่ได้?”

หวงจิ่งส่ายหัวอีกครั้ง กลับไม่พูดอะไรอีก

อู๋ขุยซานไม่พูดประเด็นนี้ต่อเช่นกัน เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “เธออยากขยายขนาดการผลิตยาบำรุงและอาวุธของมหาวิทยาลัย?”

“ครับ ตอนนี้มหาวิทยาลัยมีนักศึกษาทั้งหมดหกพันห้าร้อยแปดสิบคน ในนั้นมีคนธรรมดาเกือบสองพันคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเกือบสี่พันคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองมากกว่าห้าร้อยคน คำนวณจากเกณฑ์ต่ำสุด ทุกเดือนคนธรรมดาต้องสิ้นเปลืองยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งเม็ด นี่เป็นความต้องการที่ต่ำที่สุดซึ่งเพียงพอต่อการฝึกวิชา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งหนึ่งเม็ดต่อเดือนก็เพียงพอแล้วเช่นกัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกเดือนมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องผลิตยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาสองพันเม็ด ขั้นหนึ่งสี่พันเม็ด ขั้นสองมากกว่าห้าร้อยเม็ดถึงจะเพียงพอต่อความต้องการของมหาวิทยาลัยได้ ในความเป็นจริงกลับห่างไกลอยู่มาก!”

ฟางผิงส่ายหัวว่า “ทำไมนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ถึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การฝึกวิชาในสามระดับล่างยาบำรุงเป็นวิธีเดียวที่จะเพิ่มความเร็วได้ พวกเขาไม่อาจเป็นฝ่ายดูดซับพลังงาน ไม่สามารถดำเนินการแลกเปลี่ยน ดังนั้นยาบำรุงจึงกลายเป็นของจำเป็น ในความคิดของผม ทุกคนควรจะได้รับยาบำรุงตามระดับขั้นสิบวันต่อหนึ่งเม็ด นี่ถึงจะไม่เป็นการสิ้นเปลือง ทั้งดูดซับเสร็จแล้ว จะแสดงประสิทธิภาพได้มากที่สุด นี่หมายความว่าทุกเดือนมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องจัดสรรยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาให้นักศึกษาหกพันเม็ด ขั้นหนึ่งหนึ่งหมื่นสองพันเม็ด ขั้นสองสองพันเม็ดถึงจะเพียงพอ”

อธิการบดีทั้งสองคนปวดหัวขึ้นมา

นี่หมายความว่าอะไร?

ราคาขายในโลกข้างนอก ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งเม็ดราคาหนึ่งแสน ขั้นหนึ่งสามแสน ขั้นสองเจ็ดแสน

แน่นอนว่านี่เป็นการกำหนดราคาของโลกข้างนอก

ถ้าคำนวณตามมูลค่านี้ ทุกเดือนมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องเสียค่ายาบำรุงห้าพันหกร้อยล้าน อันที่จริงยังไม่เพียงพอด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยยังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่ รวมถึงอาจารย์ก็ต้องฝึกวิชาด้วย

ความจริงนั้นระดับกลางไม่ได้ใช้ยาบำรุงเลือดและปราณมากมาย ช่วงเวลานี้ยาบำรุงเลือดและปราณไม่ใช่ความต้องการหลักของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางอีกแล้ว

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขีดจำกัดปราณแตะถึงสองพันแคล

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าขีดจำกัดปราณอยู่ที่สี่พันแคลเป็นอย่างต่ำ

พอถึงขั้นหกขีดจำกัดปราณจะสูงมากกว่านี้ กระทั่งถึงหนึ่งหมื่นแคลได้ด้วยซ้ำ

เมื่อถึงเวลานี้สิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญไม่ใช่เรื่องปราณไม่พอใช้อีกแล้ว ประมือกับยอดฝีมือ ต้องใช้ความเร็วอย่างมาก เดิมทีปราณก็ใช้ไม่หมดอยู่แล้ว อาจจะถูกคนฆ่าหรือฆ่าคนอื่นตายก่อน

ไม่มีใครจะผลาญปราณกับคุณในเวลานี้ เว้นเสียแต่ว่าพลังจะพอๆ กับศัตรู ต่อสู้กันอย่างสูสี

นอกจากยาบำรุงกำลัง ยังมียาป้องกันอวัยวะภายในและยาหลอมกระดูกเป็นต้น

จากความต้องการของฟางผิง ในหนึ่งเดือนอย่างน้อยที่สุดมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องจัดสรรยาบำรุงเป็นมูลค่ากว่าแปดพันล้าน แต่ละปีสูงถึงหลักแสนล้าน

ปรมาจารย์ทั้งสองคนมีพลังจิตใจกล้าแกร่ง ความคิดฉับไว ไม่นานอู๋ขุยซานก็เอ่ยว่า “จากความคิดของเธอ ทุกปีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องผลิตยาบำรุงมูลค่าในตลาดสูงถึงแสนล้าน แต่ราคาต้นทุนก็สูงกว่าสามหมื่นล้านเช่นกัน เธออย่าลืมว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองต้องทำภารกิจ หรืออาจจะได้รับรางวัลอย่างอื่นอีกเช่นกัน อันที่จริงนั่นเป็นการชดเชยจากมหาวิทยาลัยแล้ว พวกเขาเสร็จสิ้นภารกิจ อันที่จริงไม่ได้สร้างผลงานอะไรให้มหาวิทยาลัย”

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองทำภารกิจบนพื้นโลก นอกจากไล่จับผู้ฝึกยุทธ์ที่ทำความผิดก็มีแต่สังหารผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต

เรื่องพวกนี้แทบไม่เกิดผลประโยชน์อะไร

รางวัลภารกิจของพวกเขา รวมทั้งรางวัลของมหาวิทยาลัย อันที่จริงมหาวิทยาลัยเพิ่มเติมให้ส่วนหนึ่งแล้ว ทางหน่วยทหารไม่ได้ให้รางวัลมากมายอะไร และรางวัลก็เป็นนักศึกษาที่ได้เอง

แม้จะคำนวณตามราคาต้นทุน ทุกปีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ต้องสมทบเงินให้ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้อีกกว่าสามหมื่นล้าน

ทั้งก่อนเริ่มเรื่องพวกนี้ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องได้รับการอนุญาตให้ขยายขนาดการผลิตภายในเสียก่อน

อู๋ขุยซานเอ่ยต่อ “ยังมีอาวุธอีก รวมกันแล้ว ทุกปีอย่างน้อยต้องจัดสรรเงินสี่หมื่นล้านถึงจะเพียงพอ ทั้งผลประโยชน์ที่พวกนักศึกษามอบให้มหาวิทยาลัย…ยังน้อยมาก ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่ไม่ได้มีเยอะ นอกจากนี้ทุกปีมหาวิทยาลัยมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากเช่นกัน รวมถึงการให้บริการของมหาวิทยาลัย เงินเดือนอาจารย์ เงินช่วยเหลือผู้วายชนม์ เงินค่าเลี้ยงดูครอบครัวของอาจารย์และนักศึกษาที่เสียชีวิตบางส่วน รวมแล้วทุกปีมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหนึ่งหมื่นล้าน! นี่ยังไม่รวมกับค่าใช้จ่ายของสระปราณ ห้องแหล่งพลังงานพวกนี้ ไหนจะค่าดูแลรักษาห้องคุมอานุภาพที่สูงลิ่วอีก ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงอย่างพวกเรา อันที่จริงเงินเดือนไม่ได้มาจากมหาวิทยาลัย แต่เป็นรัฐบาล ทว่าพวกอาจารย์ระดับกลางขั้นห้าขั้นหกบางคนก็มีเงินเดือนสูงเช่นกัน”

อู๋ขุยซานพูดมาถึงท้ายสุดก็ส่ายหัวว่า “จากความต้องการของเธอ ทุกปีมหาวิทยาลัยต้องจ่ายอย่างต่ำหกหมื่นล้าน เป็นแบบนี้ต่อไปเกรงว่ามหาวิทยาลัยคงต้องปิดตัวลงเร็วๆ นี้แล้ว”

“ทุกปีรัฐบาลจัดสรรเงินให้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้สูงถึงสามแสนล้าน”

ตัวเลขที่อู๋ขุยซานพูดออกมาสร้างความตกตะลึงอย่างมาก!

นึกไม่ถึงว่าแต่ละปีรัฐบาลจะจัดสรรเงินให้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้สูงนับแสนล้าน

อย่าลืมว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้มีนักศึกษาแค่ไม่กี่คน ทั่วประเทศมีเพียงเก้าสิบเก้าแห่ง สองปีนี้เพราะทยอยขยายการรับสมัคร คนถึงเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ตอนนี้นักศึกษาสี่รุ่นในมหาวิทยาลัยมีประมาณหนึ่งแสนสองหมื่นคน หรืออาจจะมากกว่านั้นเล็กน้อย

แน่นอนว่านี่ยังไม่ได้รวมอาจารย์ หากนับรวมน่าจะเกินหนึ่งแสนห้าหมื่นคน

เฉลี่ยแล้วจะได้สองล้านต่อคน เหมือนว่าจะไม่ได้เยอะเท่าไหร่เช่นกัน ยังไงผู้ฝึกยุทธ์ก็สิ้นเปลืองอยู่แล้ว

อู๋ขุยซานเอ่ยต่อว่า “เพราะมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีนักศึกษามาก ฝีมือแข็งแกร่ง ค่าใช้จ่ายจึงเยอะ เงินจัดสรรได้รองลงมาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง ทุกปีจะอยู่ระหว่างสองหมื่นห้าพันล้านถึงสองหมื่นแปดพันล้าน แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังมีหุ้นของบริษัทยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธ…อันที่จริงก่อนหน้านี้ก็นำมาแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงและอาวุธทั้งหมด พวกเราเองมีขนาดการผลิตไม่ใหญ่นัก ด้านบริษัทยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธจึงแทบไม่มีรายได้ กิจการอื่นๆ อย่างเช่นคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ก็แทบไม่มีเหลือ เวลาหนึ่งปีหารายได้เข้ากระเป๋าให้เซี่ยงไฮ้ประมาณสามหมื่นล้าน แต่ค่าใช้จ่ายที่ผ่านมา อันที่จริงก็พอๆ กัน นี่ถึงพอจะฝืนประคองการให้บริการของมหาวิทยาลัยได้ หากทำตามความคิดของเธอจะขาดทุนมากกว่านี้!”

ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “หุ้นของพวกเราที่อยู่ในบริษัทยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงและอาวุธได้เล็กน้อยแค่นี้?”

หวงจิ่งอธิบายว่า “พูดแบบนี้เถอะ ปัจจุบันนี้แต่ละปีพวกเราให้เงินช่วยเหลือค่ายาบำรุงและอาวุธของมหาวิทยาลัยกว่าสี่หมื่นล้านตามราคาตลาด มหาวิทยาลัยจัดสรรให้ครึ่งหนึ่ง ทั้งสองบริษัทอีกครึ่งหนึ่ง…”

“คุณบอกว่าราคาตลาด งั้นก็หมายความว่าพวกเขาให้เงินจัดสรรยาบำรุงและอาวุธตามราคาตลาดสองหมื่นล้าน ราคาต้นทุนจะอยู่ที่ประมาณห้าสิบหกสิบล้าน นี่ก็คือกำไรจากหุ้นที่ได้จากสองบริษัทในแต่ละปี?”

หวงจิ่งพยักหน้าเบาๆ เห็นฟางผิงเหมือนไม่พอใจเท่าไหร่ จึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ไอ้หนู เธอคิดว่าพวกเราเป็นคนเปิดสองบริษัทจริงๆ หรือไง? ให้ได้มากขนาดนี้ ความจริงถือว่าไม่เลวแล้ว ตอนนี้ความคิดของเธอคือสร้างสายการผลิตของมหาวิทยาลัยให้มียอดขายเกินแสนล้านต่อปี นั่นหมายความว่าต้องขยายขนาดการผลิตถึงห้าเท่า! อยากจะสำเร็จเงื่อนไขนี้ หมายความว่าหลังจากนี้ผลผลิตทุกอย่างของเซี่ยงไฮ้ รวมถึงอาจารย์ต้องจัดสรรให้มหาวิทยาลัยทั้งหมด ขนาดการขายมูลค่าแสนล้าน หมายความว่าอย่างน้อยต้องจัดหาวัตถุดิบถึงสองหมื่นล้าน อันที่จริงปัจจุบันนี้แต่ละปีมหาวิทยาลัยมีรายได้ไม่เยอะถึงขั้นนั้น เธอทำแบบนี้ บริษัทยาบำรุงและผลิตอาวุธคงไม่รับปากเช่นกัน ทั้งจะไม่ให้หุ้นพวกเราอีก เธอเข้าใจความหมายของฉันหรือเปล่า?”

หลายบริษัทใหญ่ให้หุ้นและเงินปันผลกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นเพราะนักศึกษาและอาจารย์ พอได้รางวัลจากถ้ำใต้ดินก็แทบจะมอบให้พวกเขาทั้งหมด

ตอนนี้ไม่จัดสรรให้อีก แล้วทำไมพวกเขายังต้องให้หุ้นกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อีก?

———————–

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน ฟางผิงกลับมาเกิดใหม่ในวัย 18 ปีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมพร้อมระบบประหลาด และที่นี่เองที่เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกของการฝึกยุทธ์รายละเอียด อีกหนึ่งผลงานแฟนตาซี-กำลังภายในที่มาพร้อมระบบสุดโกง จากนักเขียนเดียวกับ STARGATE ปริศนาประตูแห่งดาราฟางผิงย้อนเวลามาอยู่ในร่างของตัวเองในวัย 18 ปีผู้คนรอบข้างยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่โลกนี้กลับยังมีการฝึกยุทธ์ และให้ความสำคัญกับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือสังคมนี้โหดร้ายกับเขาเป็นอย่างยิ่ง!หากไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่เป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าตัวเองจะกลับมาเกิดใหม่เกรงว่าคงทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเป็นคนชนชั้นล่างเท่านั้นด้วยเหตุนั้นเขาจึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อให้ตนและครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในสังคมแห่งนี้แต่แน่นอนว่าเส้นทางของการเป็นผู้แข็งแกร่งย่อมไม่ง่ายดายขนาดนั้นแม้เขาจะมีระบบประหลาดคอยช่วยเหลืออยู่ก็ตามเรื่อง : ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนานผู้เขียน : เหล่าอิงชือเสี่ยวจี (老鹰吃小鸡)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท