ตอนที่ 305 ครั้งนี้ตัวเป้งมาเยอะจริงๆ (1)
ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงวิ่งไปได้ไม่นานก็เกิดปัญหาขึ้นแล้ว!
ไม่ใช่ว่าเจ้าของตำหนักนั้นไล่ตามมา แต่เป็นฝูงปีศาจหมาป่าโบราณ!
“จบเห่แล้ว!”
ฉินเฟิ่งชิงสีหน้าเปลี่ยนทันที ฟางผิงก็ไม่ต่างกัน
ทำไมถึงล่อปีศาจพวกนี้ออกมาได้ ทั้งสองคนรู้ดีแก่ใจ พวกเขาเก็บของมามากเกินไป พลังงานไม่ใช่น้อยๆ อยู่แล้ว
ตอนนี้ในสายตาของสัตว์ประหลาดพวกนั้น พวกเขาทั้งสองก็คือแร่พลังงานขนาดย่อม
ไม่ล่าฆ่าพวกเขาแล้วจะให้ฆ่าใคร?
“ทำยังไงดี?”
ฟางผิงถามออกมา ฉินเฟิ่งชิงครุ่นคิดพักหนึ่ง “อย่างแรกทิ้งของไปส่วนหนึ่ง…”
“ไม่มีทาง!”
ฉินเฟิ่งชิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ใช่แล้ว ไม่มีทาง
“อย่างที่สอง แยกกันวิ่ง พวกเราไปด้วยกัน พลังงานจะยิ่งเข้มข้น!”
“ใครจะเป็นคนอ้อม?”
แยกกันวิ่ง งั้นก็ต้องมีคนหนึ่งเป็นคนอ้อม ทั้งเป็นแบบนี้ย่อมอันตรายกว่า
“นาย!”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยทันที “ปราณนายแข็งแกร่งกว่าฉัน วิ่งได้นานกว่า ฉันเชื่อมั่นในตัวนาย!”
“ไสหัวไปเลย!
ฟางผิงไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก โง่หรือเปล่า ตัวเองหลงทางนั่นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“งั้นนายว่าควรทำยังไง?”
“วิ่งไปด้วยกัน ใครซวยคนนั้นก็อยู่ท้าย”
ฉินเฟิ่งชิงแทบจะหลุดปากด่าออกมา ตอนนี้ระยะห่างจากเขตเมืองความหวังยังเหลืออีกกว่าสามร้อยสี่ร้อยลี้ จนถึงตอนนี้ปราณเขายังไม่ได้ฟื้นฟูเต็มเปี่ยม วิ่งกลับไปรวดเดียวไม่ได้อย่างแน่นอน
ฟางผิงอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป
ถึงเวลานั้นเขาต้องรั้งท้าย…
มองดูปีศาจหมาป่าขั้นสี่ขั้นห้านับร้อยตัวที่อยู่ด้านหลัง ถึงกระทั่งเขายังเห็นจ่าฝูงขั้นหกอย่างรางๆ ฉินเฟิ่งชิงก็เร่งฝีเท้าขึ้น ละล่ำละลักว่า “ฟางผิง อย่าทิ้งฉัน ไปด้วยกัน ไม่ไหวนายก็แบกฉันสักช่วงหนึ่ง”
“ฝันไปเถอะ!”
ตอนนี้ฟางผิงก็วิ่งจนหอบอยู่บ้างเหมือนกัน ตอนเย็นยังกระอักเลือดเป็นชาม บาดแผลแขนขวาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดี ทั้งยังฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ไปไม่น้อย ปราณไม่มีปัญหา แต่กำลังกายลดลงอยู่บ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นยังแบกน้ำหนักอีกเป็นร้อยจิน เขาก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน
ฉินเฟิ่งชิงกัดฟันว่า “ฉันเอาหนังสือให้นายหมดเลย ฉันไม่เอาแล้ว ตกลงหรือเปล่า?”
‘ไม่เอา!”
ฟางผิงปฏิเสธทันที หนังสือหนักเกินไป ฉินเฟิ่งชิงหอบมากองใหญ่ ตอนนี้จึงวิ่งช้ากว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย
“งั้นฉันทิ้งนะ!”
“นายทิ้งไปสิ”
ฉินเฟิ่งชิงเผยท่าทีเสียดาย ฉันไม่ทิ้งหรอก เงินทั้งนั้น
เสียงคำรามดังขึ้นข้างหลัง ดุดันขึ้นเรื่อยๆ
ฝูงปีศาจหมาป่าโบราณกำลังไล่ตามทั้งสองคนมาอย่างบ้าคลั่ง
ในสายตาของปีศาจหมาป่าโบราณพวกนี้ ด้านหน้าคือสิ่งที่ยั่วยวนใจอย่างมาก
ในหุบเขาก่อนหน้านี้พวกมันไม่กล้าไป แต่ตอนนี้จ่าฝูงปีศาจหมาป่าโบราณไม่ได้รับรู้ถึงภัยคุกคาม จะไม่ไล่ฆ่าพวกเขาได้ยังไงอีก
—
เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังสะท้านฟ้า
ในเวลาเดียวกัน
เมืองซีเฟิ่งที่อยู่ไกลออกไปร้อยกว่าลี้
จวนเจ้าเมือง
ตอนนี้สว่างราวกับกลางวันแสกๆ จวนเจ้าเมืองกำลังจัดงานเลี้ยงยามราตรี
โถงใหญ่ใจกลางจวนเจ้าเมือง เจ้าเมืองซีเฟิ่งผมสีเปลวเพลิงนั่งอยู่ตรงกลาง ผมสีเปลวเพลิงยาวประบ่า ใบหน้าอ่อนเยาว์ แต่แววตากลับดำดิ่งลึก มองผู้ใต้บังคับบัญชาด้านล่างที่บอกเล่าเรื่องราว เจ้าเมืองผมแดงเคาะแก้วโลหะในมือตัวเองเบาๆ
วัฒนธรรมการดื่มสุรา แม้อารยธรรมจะไม่เหมือนกัน ตอนนี้กลับเป็นที่ยอมรับโดยทั่ว
เสียงก้องของโลหะที่ดังขึ้นทำให้พวกใต้บังคับบัญชาค่อยๆ เงียบลง
“ทุกคน เยาขุยและเยามู่ทั้งสองเมือง ครั้งนี้เชิญพวกเราเมืองเยาเฟิ่งก่อตั้งกองทหารพันธมิตรสามเมือง โจมตีเมืองความหวังร่วมกันเพื่อบุกเบิกทางเดิน เข้าสู่ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ ทุกคนมีความเห็นว่าอย่างไร?”
“เฟิ่งหวัง ไม่ได้เด็ดขาด!”
ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นยอดฝีมือเฒ่าคนหนึ่ง เอ่ยขึ้นทันที “เมืองเยามู่โจมตีเมืองความหวังมาหลายปี ทั้งเคยเข้าสู่ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ กลับไม่ได้เมล็ดพันธุ์คืนชีพกลับมาแต่อย่างใด ข้าสงสัยว่าเมล็ดพันธุ์คืนชีพอาจจะเป็นข่าวลือ…”
เจ้าเมืองผมแดงเอ่ยอย่างเนิบช้า “เรื่องนี้เขตหวงห้ามเป็นผู้กระจายข่าว”
“งั้นก็เป็นยอดฝีมือเยาจื๋อในเขตหวงห้ามที่แพร่ข่าว เชื้อสายของข้าเยามิ่งนั้นไม่มีข่าวอะไรเลย…”
ระหว่างที่ชายชราพูดก็เอ่ยต่อว่า “แม้จะมีเมล็ดพันธุ์คืนชีพจริงๆ ผู้ที่ได้ประโยชน์ก็เป็นเชื้อสายของเยาจื๋ออยู่ดี”
“เชื้อสายเยาจื๋อนอกจากจะเปิดทางเดินในเจ็ดเขตแดนทางใต้ของเรา ในเขตแดนอื่นๆ ก็บุกเบิกทางเดินเช่นกัน ข้าสงสัยว่าบางทีอาจไม่ใช่เพราะดินแดนแห่งการเกิดใหม่เพียงอย่างเดียว แต่อาจมีเป้าหมายอื่นที่อีกฝ่ายไม่ได้เปิดเผยออกมา เฟิ่งหวัง ในสถานการณ์ที่ยังไม่รู้สถานการณ์อย่างชัดแจ้ง เฟิ่งหวังอย่าได้เข้าร่วมกับเชื้อสายเยาจื๋อโดยพลการเด็ดขาด…”
พูดจบ เจ้าเมืองผมแดงก็มองไปทางผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่ง เอ่ยเรียบนิ่งว่า “แม่ทัพเทียนหลาง หลายปีนี้เจ้าอาศัยที่เขาเทียนหลาง คบค้าสมาคมกับเมืองเยามู่อย่างแน่นแฟ้น เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?”
ผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนที่เป็นบริวารคนหนึ่งเงยหน้าขึ้น เห็นแค่แขนขาเรียวยาว ใบหน้าขาวผ่องไร้หนวด น้ำเสียงจึงแหลมสูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “เฟิ่งหวัง สามารถผนวกกำลังทหารกับสามเมืองได้ ครั้งนี้เมืองเยามู่บาดเจ็บล้มตายไปมาก หู่ เป้า หลางสามแม่ทัพใหญ่ตายในสงคราม ข้าคิดว่าสามารถร่วมมือกับเมืองเยามู่ได้ ถือโอกาสกินรวบเมืองเยามู่ ยึดมาเป็นของพวกเรา!”
มีคนเอ่ยอย่างแผ่วเบา “แม่ทัพเทียนหลาง หากข้าจำไม่ผิด แม่ทัพหลางเมืองเยามู่เป็นน้องชายของเจ้านี่ ตอนนี้เจ้าให้เฟิ่งหวังเข้าร่วมพันธมิตรกับสามเมือง วางแผนอะไรอยู่กัน? เมืองความหวังไม่ได้ฝีมืออ่อนด้อย ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ยังมียอดฝีมือชั้นยอดที่ไม่เผยหน้าค่าตาออกมา เมืองเยาเฟิ่งอยู่เจ็ดเขตแดนทางใต้กลับไม่มีศัตรู เมืองเทียนมู่หลายปีนี้บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน เจ้าอยากให้เมืองเยาเฟิ่งจมปลักกับสงครามเหมือนกันอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านอารยะไป๋เฟิ่ง ข้าหาได้มีความหมายนี้ไม่…”
แม่ทัพเทียนหลางเอ่ยต่อ “ข้าคิดเพื่อเมืองเยาเฟิ่งเท่านั้น…”
“งั้นเหตุใดอยู่ในเขาเทียนหลางตั้งนานไม่ออกมา? เมืองเยามู่เสนอเรื่องพันธมิตร เจ้ากลับออกมาจากเขาทันที?”
“อยู่ในเขานานก็เพื่อปกป้องม่านเขตแดนเมืองเยาเฟิ่งให้แข็งแรง ทางตะวันออกมีราชาเขาทอง ช่วงนี้ทะลวงถึงขั้นอารยะแล้ว ป่าเขาทองกำลังขยับขยายอย่างไม่หยุดหย่อน ครั้งนี้กลับเมืองเป็นเพราะโอกาสประจวบเหมาะเท่านั้น ข้าตั้งใจมาเพราะเรื่องของราชาเขาทอง”
“เรื่องที่ราชาเขาทองทะลวงด่าน เฟิ่งหวังทราบแล้ว แม้ว่าจะขยับขยาย เยามู่และเยาขุยทั้งสองเมืองก็ควรเป็นฝ่ายที่ร้อนใจ ไม่ใช่เมืองเยาเฟิ่งของข้า!”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังพูด จู่ๆ ด้านนอกประตูก็มีคนมารายงานว่า เขาเทียนหลางมีเสียงปีศาจร้องระงม สงสัยว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติ
แม่ทัพเทียนหลางสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย หยัดกายขึ้นว่า “เฟิ่งหวัง ข้า…”
เจ้าเมืองผมแดงพยักหน้า “ไปเถอะ”
รอแม่ทัพเทียนหลางจากไปอย่างรีบร้อนแล้ว ในหมู่บริวารก็มีคนประชดขึ้นมา “ใจของเทียนหลางไม่ได้อยู่ที่เมืองเยาเฟิ่งตั้งนานแล้ว แต่เป็นเมืองเยามู่ หลายปีมานี้เป็นแม่ทัพในนามของเมืองเยาเฟิ่ง ปกป้องม่านพลังให้เรา ความเป็นจริงเขาเทียนหลางเป็นของเมืองเยามู่ไปแล้ว ครั้งนี้รวมพันธมิตรสามเมือง เทียนหลางก็ทำหน้าที่เชิญชวนเท่านั้น…”
เจ้าเมืองผมแดงไม่ได้พูดอะไร เอ่ยเบาๆ ว่า “เขาเทียนหลางเกิดความผิดปกติ เกิดอะไรขึ้นกัน?”
เจ้าเมืองผมแดงว่าแล้วก็เอ่ยต่อ “คงไม่ใช่ราชาเขาทองออกจากป่าหรอกนะ?”
บริวารพวกนั้นถกประเด็นกันพักหนึ่ง ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร หากเทียนหลางถูกราชาเขาทองสังหาร นั่นก็สมควรแล้ว ตอนแรกใครใช้ให้หมอนั่นคิดกวาดล้างป่าเขาทองเพื่อขยับขยายให้เมืองเยามู่กันล่ะ
ครั้งนี้เทียนหลางบอกว่ากลับมารายงานเรื่องราชาเขาทอง ทุกคนเชื่อเหมือนกัน เพราะราชาเขาทองทะลวงถึงขั้นอารยะแล้ว มีความเป็นได้ที่จะล้างแค้นเทียนหลาง
ตอนนี้เมืองเยามู่บาดเจ็บล้มตายอย่างหนัก น้องชายเทียนหลางตายในสงคราม เทียนหลางก็ทำได้แค่กลับมาสนับสนุนเมืองเยาเฟิ่ง
“ดินแดนแห่งการเกิดใหม่…”
เฟิ่งหวังพึมพำเบาๆ ไม่พูดอะไรอีก ยกแก้วสุราดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะจมดิ่งในความเงียบ
——————-