เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包] – บทที่ 1173 งั้นก็รื้อถอนซะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

บทที่ 1173 งั้นก็รื้อถอนซะ

บทที่ 1173 งั้นก็รื้อถอนซะ

ซูเสี่ยวเถียนได้ยินทุกอย่าง รวมถึงคำพูดคำจาโอหังของเจ้าพวกนั้นด้วย

เธอเสียใจมากที่ปู่ย่าต้องจัดการด้วยตัวเอง

เด็กสาวเดินไปอยู่เบื้องหน้า

แต่ชายชราดึงหลานกลับไปข้างหลังแทน

“เสี่ยวเถียนอยู่ข้างหลังซะ ไปตามพ่อมา!”

ซูเสี่ยวเถียนส่ายหัว

ให้คนแก่ออกไปต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพย์สินจากคนอื่นที่มาละเมิด ส่วนตัวเองซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเนี่ยนะ?

อีกอย่างเจ้าพวกนี้ก็แปลก ๆ ด้วย

ถ้าไม่เผชิญหน้าเพื่อตามหาความจริง พวกมันก็ไม่บอกแน่ว่าแท้จริงแล้วมีจุดประสงค์อะไร

“บอกมา พวกคุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”

เจ้าพวกนั้นได้ยินถึงกับหัวเราะ

“คนฉลาดมาแล้วหรือเนี่ย แต่ในเมื่อเธอถามพวกเราก็ไม่ปิดบังหรอกนะ” คนเอ่ยน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม

“พูด!”

จากที่เดาไว้คือมีคนส่งพวกนี้มา ว่ากันตรง ๆ เป็นแค่ลูกน้องเท่านั้น

“อย่าโทษเราเลย มีคนสั่งพวกเรามา”

เมื่อเห็นท่าทางไม่แยแส ฝ่ายนั้นก็ได้แต่ผิดหวัง

เบื้องหน้าเป็นคนแก่สองคนและเด็กอีกคนหนึ่ง ทว่าเมื่อยืนรวมกันกลับทำให้รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

ราวกับไม่ควรทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองใจ

“ไม่ต้องพูดให้มันมากความ พูดมาตรง ๆ ซะ!” เด็กสาวไม่คิดอดทน

ช่างน่าผิดหวังจริง ๆ

น่าจะเป็นคนของรัฐบาลแท้ ๆ แต่ดันทำเรื่องชั่วร้ายเสียอย่างนั้น

สังคมดี ๆ ต้องมาถูกทำลายเพราะคนแบบนี้หรือนี่

น้ำเสียงเย็นเฉียบทำให้อีกฝ่ายอับอาย แต่มาถึงขั้นนี้แล้วไม่ว่ายังไงก็ต้องไปให้ถึงที่สุด

“มีคนชอบตึกของพวกคุณ และอยากให้ขายน่ะ!”

ซูเสี่ยวเถียนหัวเราะ

แบบนี้สินะ มันไปเข้าตาใครจริง ๆ ด้วย!

ซูเสี่ยวเถียนถามต่อ “ถ้าชอบจนอยากให้เราขาย ทำไมไม่เจรจา จะมาข่มขู่กันทำไม?”

“ก่อนหน้านี้เคยส่งคนมาถามแล้ว แต่คนแก่บ้านเธอบอกไม่ขาย”

ซูเสี่ยวเถียนไม่รู้เรื่องนี้

คุณปู่คุณย่าซูมองหน้ากันเช่นกัน

มีคนมาถามจริง ๆ แต่เราปฏิเสธไป

เพราะมันเป็นของหลาน ไม่มีทางขายอยู่แล้ว

แต่ไม่คิดเลยว่าจะส่งผลเช่นนี้

“มีคนอยากได้ แต่พวกคุณกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว เลยทำได้แค่ใช้วิธีนี้เท่านั้นหรือ!”

“ไม่กลัวเบื้องบนรู้หรือไงว่าทำอะไรแบบนี้น่ะ? งานนี้มันไม่ได้ทำกันง่าย ๆ สินะ?” สีหน้าเด็กสาวยังคงเรียบนิ่ง

“เรื่องนี้เธอไม่ต้องลำบากใส่ใจหรอก ฝ่ายนั้นยินดีจ่ายห้าหมื่น ถ้ายังมองไม่เห็นความหวังนี้อีกเผลอ ๆ ห้าหมื่นคงปลิวไปกับสายลมเหมือนกัน”

คนที่คุยด้วยคือตัวหัวหน้า

ส่วนคนอื่น ๆ ยืนอยู่ข้างหลัง ไม่พูดไม่จาสักคำ

เด็กสาวเหลือบมองสีหน้าที่ไม่มีร่องรอยของความรู้สึกผิด

คงไม่ได้ทำครั้งแรกสินะ?

ไม่รู้ต้องมีอีกี่คนที่เผชิญหน้ากับคนชั่ว ๆ แบบนี้

“ห้าหมื่น? ไม่อายปากหรือ? กล้าพูดออกมาต่อหน้าคนขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”

เธออยากจะหัวเราะ

นับตั้งแต่ที่สร้างจนถึงตอนนี้ ซูเสี่ยวเถียนลงทุนไปหลายแสนแล้ว ไหนจะอุปกรณ์ที่เพิ่งซื้อไปเมื่อเร็ว ๆ นี้อีก ห้าหมื่นเอาอะไรไปพอ

ต้องการบีบบังคับให้ตายสินะ

ไม่รู้คนที่หนุนหลังมันเป็นใคร!

เธอถอนหายใจ กล้าเหลือเกิน!

พูดออกมาได้หน้าด้าน ๆ ไม่คิดปิดบังอะไรเลยสักนิด

ไม่เห็นหัวกฎหมายบ้านเราเลยจริง ๆ

“ห้าหมื่นก็ไม่แย่นะสาวน้อย ขอแนะนำให้รีบ ๆ รับเงินไปซะ ตัวตนของครอบครัวพวกเธอเราไปสืบมาแล้ว ก็แค่คนธรรมดา อาศัยฝีมือมาตั้งหลักในเมืองหลวงเท่านั้น!”

ซูเสี่ยวเถียนตกใจมาก

แต่ทำการบ้านมาไม่ดีเลยนะ!

ไม่ได้รู้เรื่องคนที่คุ้มกะลาหัวเราสักนิด

ถ้าอย่างนั้นก็จงเป็นฝ่ายเสียเปรียบซะ

ซูเสี่ยวเถียนไม่คิดสักนิดว่าเวลาแบบนี้ การไปตามคนมาช่วยมันจะมีปัญหาตรงไหน

ถึงยังไงในช่วงเวลาคับขัน หากโดนรังแกข่มเหงแล้วยังไม่รู้จักไปตามคนมาช่วยคุ้มครองนั่นก็โง่เต็มทนแล้ว

“งั้นก็ทุบตึกเลย!” เธอเอ่ยเสียงเย็น “ในเมื่อไม่กลัวผลที่ตามมาอยู่แล้ว ฉันก็ไม่กลัวเหมือนกัน!”

ฝ่ายตรงข้ามได้แต่ตกตะลึง

เพราะมันต่างจากที่คิดไว้เลย ต้องเสนอขอเงินเพิ่มอีกไม่ใช่หรือ?

ทำไมให้เรารื้อตึกแทนล่ะ?

ตึกดี ๆ แบบนี้จะสูญเปล่าเอานะ!

คนรอบข้างยังตกใจ เด็กคนนี้กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง?

พูดจาดูไม่สนใจไยดีเลย

คนรอบข้างรู้ดีว่าเจ้าพวกนี้มันมีเบื้องบนสั่งการอยู่ เลยทำเรื่องชั่วช้าไว้เพียบ

เมื่อปีที่แล้วพื้นที่นี้เพิ่งจะได้พัฒนาขึ้นมา เจ้าพวกนั้นก็กระตือรือร้นทันที

หลาย ๆ ครอบครัวโดนบังคับให้ขายบ้านในราคาถูก เราก็คิดว่าตัวเองโชคไม่ดี

หลังจากซูเสี่ยวเถียนพูดจบก็หันไปบอกปู่กับย่า “คุณปู่ คุณย่า พวกเราเข้าไปข้างในกันค่ะ รอเอกสารจากทางการพร้อมให้เขารื้อถอนตึกเรากัน!”

เด็กสาวสงบมาก ในขณะที่ผู้ใหญ่อีกสองคนไม่เป็นเช่นนั้น

พวกเขาใช้ชีวิตอยู่มานานหลายสิบปี ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน

แม้การข่มเหงจะเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อย ๆ แต่ก็กลัวว่าตึกสวย ๆ แบบนี้จะโดนทำลายเหมือนกัน

ต่อให้ได้รับความเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทุกข์ใจจนนอนไม่หลับแล้ว

แต่ซูเสี่ยวเถียนบังคับให้กลับเข้ามา แล้วคอยดูแลคนอื่น ๆ และทำงานกันตามปกติ

คนที่คอยยืนหยัดเคียงข้างคุณปู่คุณย่าจะดูแลพวกเขาอย่างดี หลังจากนี้จะได้เป็นพนักงานของที่นี่อย่างเป็นทางการ

แม้ว่าส่วนใหญ่จะต้องทำงานหนัก และไม่ได้เรียนมาสูงก็ตาม

แต่ในศูนย์การค้าแห่งนี้ พวกเขาหางานที่เหมาะกับตัวเองทำได้

แค่เรื่องจิตใจก็ทำคนรู้สึกสบายใจและวางใจแล้ว!

เหล่าคนที่ได้รับการว่าจ้างจากตระกูลซูไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์วันนี้ทำให้อนาคตพวกเขาได้เปลี่ยนไป

เมื่อฟ่านชูฟางลงจากรถมา สิ่งแรกที่เห็นคือซูเสี่ยวเถียนพาผู้อาวุโสทั้งสองเข้าไปในตึก

เห็นแบบนั้นก็สบายใจ

แต่เสี่ยวเถียนก็เหลือเกินจริง ๆ ในเวลาแบบนี้น่าจะบอกกันบ้าง

โชคดีที่ได้ถังผิงเล่าให้ฟัง ไม่อย่างนั้นคนทั้งสามต้องโดนเอารัดเอาเปรียบแน่!

จากนั้นก็มองเจ้าพวกที่มาสร้างปัญหาด้วยความขยะแขยง

คนแบบนี้เป็นตัวเนื้อร้ายสังคม พวกแกะดำ

เอาแต่มองฝ่ายเสี่ยวเถียนด้วยท่าทีมั่นใจ แต่ดันไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กคนนั้นถึงได้ไม่กลัวอะไรเลย

“หัวหน้าจู คุณว่าเด็กคนนั้นต้องเป็นพวกฉลาดใช่ไหมครับ?”

ชายร่างสูงผอมข้างหลัวหัวหน้าจูเอ่ยถาม

ต้องเป็นคนฉลาดแน่ ๆ เวลาแบบนี้ใครที่ไหนมันจะสงบเสงี่ยมได้ขนาดนั้น?

ทว่าหัวหน้าจูกลับไม่เข้าใจ

“อาจจะ แต่ในเมื่อไม่เห็นคุณค่างั้นก็อย่ามาโทษพวกเราแล้วกัน ไว้ค่อยส่งคนมาอีกทำให้พวกมันกลัวซะ!”

คนสั่งการบอกมาแล้วว่าหลังจบเรื่องให้จ่ายเงินก้อนหนึ่งให้พวกมัน

งานที่พวกเราทำถือว่ามั่นคง แต่เงินเดือนที่ได้กลับน้อยนิด พอแค่ให้ที่บ้านอยู่กิน เงินซื้อบุหรี่สักซองยังไม่มีเลย

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

ฟ่านชูฟาง เจ้าหน้าที่ไช่และถังผิงลงจากรถ

หญิงชราเดินเข้าไปถามเจ้าพวกนั้น “พวกคุณมาจากฝ่ายไหน?”

หัวหน้าจูไม่คิดว่าจะมีคนปรากฏตัวออกมาเพิ่ม ดูเหมือนกำลังจะตรวจสอบเรื่องราวด้วย

“เราจะมาจากไหนคุณไม่มีสิทธิ์รู้หรอกนะ!”

ฟ่านชูฟางไม่คิดเสียเวลา หมุนตัวเข้าไปในตึกทันที

ถึงทั้งสามจะไม่ได้รับอันตราย แต่คงหวาดกลัวไม่น้อยแน่ ๆ ต้องรีบเข้าไปปลอบ

เจ้าหน้าที่ไช่เหลือบมองคนพวกนั้นที่มีท่าทีราวกับว่าฉันคือผู้ชนะแล้วได้แต่หดหู่แทน!

อย่าว่าแต่ตกงานเลย เผลอ ๆ อาจจะตกอยู่ในอันตรายด้วยซ้ำ

เฮ้อ!

ดังสุภาษิตโบราณที่ว่าไว้ ‘ไม่มีใครหนีกรรมชั่วได้พ้น’ คนพวกนี้คือตัวอย่างที่ดีเลยไม่ใช่หรือไง?

อยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัวทำไมกัน?

หลังจากเข้ามาในตึก สิ่งที่เห็นคือหลานสาวกำลังคุยกับปู่ย่า

“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”

ทั้งสองตกใจมากตอนได้ยินเสียง

ฟ่านชูฟางมาได้ยังไงกัน?

หรือหลานเราหาคนมาช่วย?

ส่วนซูเสี่ยวเถียนที่เห็นถังผิงพลันถึงบางอ้อ

“ย่ารองมาได้ยังไงกันคะ?”

“เด็กคนนี้ ถ้าถังผิงไม่บอกย่า ย่าก็ไม่รู้หรอกว่าเกิดเรื่องใหญ่โตแบบนี้ขึ้นน่ะ!”

หญิงชรามองด้วยความโกรธ

“หนูรีบจนลืมนี่คะ”

“ถ้าปู่ย่าเป็นอะไรไป ปู่รองไม่เสียใจตายหรือไง? หรือถ้าหนูได้รับบาดเจ็บปู่รองไม่บ้าไปเลยเรอะ?”

เธอไม่กล้านึกเลยว่าตาแก่จะลงมืออะไรบ้างหากทั้งสามคนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

เขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง ไม่เคยใช้อำนาจปกป้องใครหากคนคนนั้นไม่ล้ำเส้น

“ย่ารองคงไม่ได้บอกปู่รองแล้วใช่ไหมคะ?” เด็กสาวรู้สึกเหมือนหนังตากระตุก

จากคำพูดท่านแสดงว่าบอกแล้วน่ะสิ!

“บอกแล้ว ย่าไม่มีปัญญาแก้ปัญหาส่วนนี้ได้หรอกนะ ถ้าตึกมันพังขึ้นมาปู่รองจะไม่ออกหน้าเลยหรือไง?”

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ [九个哥哥团宠小甜包]

Status: Ongoing
ซูเสี่ยวเถียนผู้มีชีวิตล้มลุกคลุกคลานได้ย้อนเวลามายังยุค 70 แล้วเกิดใหม่ในร่างเดิมครั้งเมื่ออายุ 7 ขวบ ผู้ซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยพี่ชายสุดคลั่งรักเก้าคน โดยการทะลุมิติในครั้งนี้มีระบบวิเศษติดตัวมาด้วย คือ ‘ระบบอ่านหนังสือ’ ซึ่งมาพร้อมกับห้องสมุดส่วนตัว เธอสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่มีปัญหาใดที่หนังสือไม่อาจแก้ไขได้ แต่หากแก้ไขไม่ได้ล่ะ? ก็อ่านหนังสือเพิ่มอีกสักสองเล่มแล้วกัน! หากว่ายังไม่พอก็อ่านเพิ่มอีกสักหลายเล่มหน่อย เธอไม่เพียงแต่อ่านมันคนเดียวเท่านั้น แต่ยังโน้มน้าวพี่ชายสุดแสบทั้งเก้าให้อ่านหนังสือกับเธออีกด้วย ทั้งยังชักชวนให้ผู้เป็นบิดาและมารดาให้มาอ่านหนังสือด้วย แม้แต่คุณปู่และคุณย่าก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้!เมื่อทำภารกิจสำเร็จ จะได้รับรางวัลเป็นของตอบแทน ยิ่งทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไร ก็จะได้รางวัลมากขึ้นเท่านั้น! ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจากการอ่านหนังสือจะทำให้เส้นทางชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท