ตอนที่ 181 มีสาว ๆ นักเต้นไหม?
ตอนที่ 181 มีสาว ๆ นักเต้นไหม?
หลินเซี่ยตัดผมให้คุณย่าเฉินแล้ว จากนั้นจงใจใช้หวีไฟฟ้าหวีให้เป็นทรงดูทันสมัยเป็นอิสระ มองดูแล้วดูโก้คล้ายสาวตะวันตก
ส่วนโจวลี่หรงตัดผมสั้น เป็นทรงผมตามแบบฉบับของสตรีที่เป็นข้าราชการในช่วงปี 1980
หลินเซี่ยทราบดีว่าโจวลี่หรงเป็นคนหัวโบราณและเคร่งขรึมจริงจัง เธอจึงไม่กล้าเปลี่ยนทรงผมให้โดยไม่ได้รับอนุญาต
หญิงสาวเอ่ยขึ้นว่า “คุณป้าโจว ฉันจะตัดออกให้สั้นลงสักหน่อยนะคะ”
“ตกลง”
คุณย่าเฉินที่อยู่ด้านข้างมองดูผมสั้นประบ่าของโจวลี่หรงที่ไม่เคยเปลี่ยนทรงมาอย่างยาวนานก็ทนไม่ไหว จึงเอ่ยแนะนำ “เซี่ยเซี่ย เปลี่ยนทรงผมให้แม่สามีหน่อยเถอะ ตั้งแต่แต่งงานเข้าบ้านมาก็ตัดผมทรงนี้มาตลอด ทั้งยังไม่เคยเปลี่ยนมาหลายปีดีดับ ฉันเบื่อที่จะมองจะแย่”
หลินเซี่ยมองไปยังโจวลี่หรง “คุณป้าคิดเห็นยังไงคะ?”
โจวลี่หรงหัวเราะ “แบบนี้สะดวกดี ตอนเช้า ๆ หวีแค่สองสามทีก็ออกจากบ้านได้แล้ว”
“ฉันสามารถตัดผมทรงที่สบายกว่านี้ สระง่ายกว่านี้ให้ได้นะคะ ลองเปลี่ยนเป็นทรงผมอื่นที่แตกต่างเพื่อเปลี่ยนบุคลิกดูบ้าง คุณป้าอยากจะลองดูหน่อยไหม?”
มีทรงผมหลายรูปแบบที่ถูกติดไว้บนผนังร้านของหลินเซี่ย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการดัดผมที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้
ทรงผมที่เธอถนัดในยุคสมัยนี้ไม่มีภาพอ้างอิง
โจวลี่หรงลังเลเล็กน้อย ทว่าคุณย่าเฉินซึ่งอยู่ข้าง ๆ ทำการตัดสินใจแทนให้
“ลี่หรง ฟังเซี่ยเซี่ยเถอะ เปลี่ยนทรงผมดูบ้าง เธออายุเท่าไหร่กันเชียว อย่าทำตัวไร้ชีวิตชีวาให้มากนักเลย เมื่อถึงเวลาต้องทันสมัยก็ตามกระแสเสียบ้าง ดูอย่างอาสะใภ้รองสิว่านำสมัยแค่ไหน อย่าปล่อยให้หล่อนหัวเราะเยาะเธอไปตลอด”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม่สามี โจวลี่หรงจึงตัดสินใจ “ก็ได้ เธอจัดการเลือกเลย”
โจวลี่หรงอายุห้าสิบปี ทว่าตีนผมของหล่อนร่นขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว แถมหล่อนยังชอบรวบผมทั้งหมดให้อยู่หลังใบหู ซึ่งทำให้ดูแก่ไม่น้อย
“ค่ะ อย่างนั้นฉันจะตัดแล้วนะคะ”
หลินเซี่ยคิดทรงผมที่เหมาะสมสำหรับโจวลี่หรงมานานแล้ว
เนื่องจากหล่อนเป็นเสนาธิการ หญิงสาวจึงจะตัดผมทรงแบบเสนาธิการที่ดูภูมิฐานมากประสบการณ์
เพื่อจะปกปิดตีนผม จึงตั้งใจตัดผมสั้นพร้อมหน้าม้าปาดเอียง ก่อนจะใช้เครื่องเป่าผมช่วยเป่ายกโคนด้านบนขึ้นเพื่อให้ดูมีน้ำหนักและดูมีชีวิตชีวา
เมื่อหลินเซี่ยใช้กรรไกรตัดผม หัวใจของโจวลี่หรงก็บีบรัดแน่น
“สั้นขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลินเซี่ยกล่าวว่า “ตั้งใจตัดให้สั้นค่ะ”
ทั้งคุณย่าเฉินและโจวลี่หรงต่างก็เป็นคนมีวัฒนธรรม ในเวลาที่คนอื่นกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ พวกเขาจะพยายามไม่เข้ามารบกวน
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงจ้องมองไปยังกรรไกรของหลินเซี่ยที่กำลังตัดผมไปมา
โดยไร้ซึ่งเสียงพูดคุย
สีหน้าของโจวลี่หรงแสดงออกราวกับพร้อมยอมตายโดยไม่ยี่หระ
หลังจากที่ตัดผมเสร็จแล้ว หลินเซี่ยก็เป่าผมของหล่อนให้แห้ง ก่อนจะยิ้มให้คุณย่าเฉินพร้อมเอ่ยถาม “คุณย่า เป็นยังไงบ้างคะ?”
คุณย่าเฉินยกนิ้วให้โป้งให้ทันที “ดูสดใสมาก ลี่หรง เธอคิดว่าไงล่ะ?”
โจวลี่หรงเพิ่งกล้าที่จะพินิจพิเคราะห์ตัวเองอย่างละเอียด
“สวยดีค่ะ แต่สั้นไปหน่อย”
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดูแล้วก็รู้สึกว่ามีชีวิตชีวากว่าเมื่อก่อน และด้วยเพราะมีผมหน้าม้าปิดบังหน้าผากเอาไว้ ทำให้รู้สึกราวกับว่าอายุของหล่อนลดลงไป
คุณย่าเฉินหัวเราะ “อย่าไปสนใจเรื่องสั้นไม่สั้นเลย ในสังคมปัจจุบันนี้ สหายผู้ชายต่างก็ไว้ผมยาวกันทั้งนั้น ไม่มีกฎเกณฑ์ใดที่บอกว่าสหายหญิงจะตัดผมสั้นไม่ได้”
ชุนฟางกำลังเรียนรู้กลวิธีต่าง ๆ ของหลินเซี่ยอยู่ข้าง ๆ และในตอนที่หลินเซี่ยเริ่มต้นลงกรรไกร ก็ทำเอาหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความตกใจ
คิดว่าหลินเซี่ยทำพลาดเสียอีก
ปรากฎว่าเธอตั้งใจตัดให้สั้นเป็นพิเศษ
“เซี่ยเซี่ย เธอเลิกงานกี่โมง?”
“คุณย่า ดูจากจำนวนคนที่รออยู่แล้ว คงเลิกงานเร็วไม่ได้หรอกค่ะ” หลินเซี่ยกล่าว จากนั้นแนะนำว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ”
“ได้ งั้นเราจะกลับไปทำกับข้าวกันก่อน แต่หลังจากเลิกงานแล้ว เธอกับเจียเหอต้องกลับไปที่บ้านนะ”
“ค่ะ”
หลินเซี่ยตะโกนเรียกเฉินเจียเหอให้มาส่งคุณย่าเฉินและโจวลี่หรง
เมื่อเฉินเจียเหอเข้ามาและพบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับแม่ของเขา ก็พลันแสดงสีหน้าประหลาดออกมา
“แม่ครับ แม่ก็ตัดผมด้วยเหรอ?”
“อืม ตัดซะหน่อย” โจวลี่หรงเปลี่ยนทรงผมอย่างกะทันหัน ทำให้รู้สึกเขินอายอยู่เล็กน้อย จึงยกมือขึ้นเพื่อจะจับผมไปทัดหูตามความเคยชิน ทว่าผลที่ออกมาคือไม่มีผมตรงนั้นให้รวบไปไว้หลังใบหูแล้ว
น่าอายกว่าเดิมเสียอีก
เฉินเจียเหอนั้นเป็นคนเคร่งขรึมจริงจังเหมือนแม่ของเขา ชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สวยมากเลยครับ”
คุณย่าเฉินหัวเราะ “ดูสิ เจียเหอยังบอกว่าสวยเลย”
“ไปเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งที่รถครับ”
ถังหลิงซึ่งกำลังตกแต่งร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนนั้นคอยจับตาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของร้านเสริมสวยอยู่ตลอด
เมื่อเห็นเฉินเจียเหอเดินนำคุณย่าเฉินและโจวลี่หรงออกมา หล่อนก็แทบจำพวกเขาไม่ได้
หลังจากได้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่ตัดผมสั้นคือโจวลี่หรง มุมปากของถังหลิงก็กระตุกเล็กน้อยพร้อมกับกระพริบตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นับตั้งแต่รู้จักกับโจวลี่หรง หล่อนไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรเลยมาตลอดยี่สิบปี
มาวันนี้เพื่อที่จะสนับสนุนหลินเซี่ย ถึงกับยอมเปลี่ยนทรงผมของตัวเองเชียวหรือ?
ไหนเคยบอกว่าไม่ชอบลูกสะใภ้หลินเซี่ยคนนี้อย่างไรล่ะ?
ไม่เพียงแต่โจวลี่หรงเท่านั้น เกือบทุกคนในตระกูลเฉินต่างก็มาตัดผมที่นี่
แม้แต่เฉินเจียซิ่งเองที่ไม่ลงรอยกับหลินเซี่ยก็ตัดผมที่นี่ด้วย
สีหน้าของถังหลิงมืดมนลง ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเสิ่นเสี่ยวเหมย
“เสี่ยวเหมย ฉันเพิ่งเห็นเจียซิ่งกับแม่สามีของเธอ”
ถังหลิงเอ่ยว่า “พวกเขามาตัดผมกันที่ร้านตัดผมของหลินเซี่ยกันหมด แม่สามีของเธอเปลี่ยนทรงผมทำเอาฉันแทบจะจำหล่อนไม่ได้”
“เธอว่าไงนะ? เฉินเจียซิ่งกับโจวลี่หรงให้หลินเซี่ยตัดผมให้งั้นเหรอ?”
ถังหลิงจึงบอกหล่อนในที่สุดว่าร้านของหลินเซี่ยเปิดกิจการวันนี้ ซึ่งนี่ก็เพียงพอที่จะทำให้เสิ่นเสี่ยวเหมยตกตะลึง
เมื่อได้ยินข่าวนี้ หญิงสาวก็โกรธจนแทบจะฉีกเอกสารบนโต๊ะ
“เธอทำงานเสร็จแล้วเหรอ?” ถังหลิงถาม
เสิ่นเสี่ยวเหมยกล่าวว่า “ใกล้จะเลิกงานแล้ว”
“อย่างนั้นพรุ่งนี้เธอก็มาที่นี่สิ ฉันกำลังตกแต่งร้านอยู่”
หลังเอ่ยจบ ถังหลิงก็กระตุกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะวางสายโทรศัพท์
……
วันนี้ห้องเต้นรำอยู่ระหว่างปรับแต่งแก้ไขจุดบกพร่องของอุปกรณ์ หลินเซี่ยเองก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวเบา ๆ
เมื่อลูกค้าคนสุดท้ายออกไป หลินเซี่ยจึงเอ่ยบอกชุนฟางว่า “ชุนฟาง วันนี้เราเลิกงานกันเร็วสักหน่อยเถอะ”
ชุนฟางมองเธอด้วยความประหลาดใจ “นี่เพิ่งจะสี่โมงกว่าเองนะ”
“วันนี้ฉันจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้วน่ะ จึงต้องเลิกงานเร็วสักหน่อยเพราะต้องกลับไปที่บ้านของเฉินเจียเหอ วันนี้ก็เลยเลิกงานเร็วหน่อย เธอเอากุญแจดอกนี้ไป”
“เธอไปเถอะ เดี๋ยวฉันเก็บกวาดร้านและปิดประตูให้เอง” ชุนฟางนั้นขยันขันแข็งมาก หล่อนไม่เคยหยุดอยู่นิ่งเลย
“ก็ได้ อย่างนั้นฉันไปเรียกเฉินเจียเหอที่ร้านข้าง ๆ ก่อน”
หลินเซี่ยมาถึงประตูร้านข้าง ๆ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเดินเข้าไป
ภายนอกดูเหมือนอาคารสองชั้นธรรมดา ๆ ทว่าด้วยการตกแต่งภายในทำให้รู้สึกราวกับสวรรค์ก็ไม่ปาน
เฉียนต้าเฉิงยืนอยู่บนบันไดเพื่อติดสายไฟบนผนัง เครื่องเสียงทั้งหมดล้วนถูกติดตั้งเตรียมพร้อมแล้ว
และการเก็บเสียงก็ทำได้ดีมาก อีกทั้งเซี่ยไห่ยังได้กว้านซื้อที่ดินข้าง ๆ ทำให้โดยพื้นฐานแล้วมันไม่รบกวนผู้ที่อยู่อาศัยในละแวกนี้
เฉินเจียเหอเป็นผู้คอยชี้แนะอยู่ด้านล่าง เมื่อเขาเห็นหลินเซี่ยเข้ามา ชายหนุ่มก็ยกยิ้มให้เธอ ก่อนจะกล่าวแนะเฉียนต้าเฉิงต่อ
“เถ้าแก่เซี่ยช่างร่ำรวยเสียจริง”
เซี่ยไห่ยืนวางมาดเป็นผู้ประสบความสำเร็จ ชี้ไปยังเครื่องเสียงบนเวทีและไมโครโฟนที่ตั้งอยู่ตรงกลางแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “หลินเซี่ย เป็นยังไงบ้าง? การตกแต่งดูดีไหม”
หลินเซี่ยยกนิ้วโป้งให้ “ดีมากค่ะ”
ต้องยอมรับว่ารสนิยม ประสบการณ์ และทรัพยากรทางการเงินของผู้ชายคนนี้ล้วนเพียบพร้อม
เซี่ยไห่แนะนำสถานที่ให้เธอ “พวกคุณดู ด้านนั้นเป็นฟลอร์เต้นรำไว้สำหรับเต้นรอ ส่วนด้านนี้เป็นพื้นที่สำหรับผ่อนคลาย แยกจากกัน ด้านนี้อยู่ตรงข้ามเวที สามารถนั่งในบริเวณเลานจ์เพื่อชมการแสดงบนเวทีได้”
“เถ้าแก่เซี่ย ที่ตกแต่งหรูหราแบบนี้นี่คุณจะทำธุรกิจอย่างจริงจังหรือ…” ท่าทางของหลินเซี่ยแฝงไว้ด้วยนัยยะบางอย่าง
ดวงตาของเซี่ยไห่หรี่ลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามว่า “หมายความว่าอย่างไร?”
หลินเซี่ยปิดปากของเธอพลางกระแอมไอสองครั้ง แล้วเอ่ยถามหยั่งเชิงว่า “นักเต้นสาวอะไรทำนองนี้คงจัดเตรียมไว้พร้อมแล้วสินะคะ?”
เซี่ยไห่สั่นศีรษะ “ตอนนี้ยังไม่มี ใครก็ตามที่ต้องการเข้ามาเต้นก็เต้นได้เลย แล้วก็ร้องเพลงบนเวทีนั้นได้ เพียงแต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม”
“ไม่มีสาว ๆ นั่งดริงค์อะไรแบบนั้นเลยเหรอคะ?” หลินเซี่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยไห่ตัวแข็งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ในที่สุดจะเข้าใจว่าหลินเซี่ยหมายถึงอะไร เส้นสีดำสองสามเส้นพลันปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา แถมยังพูดไม่ออก “นี่ เธอรู้เรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“งั้นคุณก็บอกมาสิคะว่ามีหรือไม่มี?” หลินเซี่ยไล่ต้อน
เฉินเจียเหอซึ่งกำลังกำกับให้เฉียนต้าเฉิงดึงสายไฟอยู่ข้าง ๆ ก็สะกิดใจกับถ้อยคำของหลินเซี่ย เขาขยับเข้ามาสองก้าวเพื่อฟังการสนทนาของพวกเขา
เซี่ยไห่กลอกตา แล้วจึงเอ่ยตอบอย่างจริงจัง “ไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก เป็นแค่ดิสโก้เทค ใครเต้นเป็นก็มาเต้น ไม่มีบริการยุ่งเหยิงอะไรแบบนั้นหรอก”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยัยถังหลิงวางแผนอะไรอยู่หนอ จะใช้ยัยเสี่ยวเหมยเป็นเครื่องมือหรือเปล่า
คิดไปไกลเกินเซี่ยเซี่ย ทำแบบนั้นเถ้าแก่เซี่ยได้โดนฟ้องพอดีน่ะสิ
ไหหม่า(海馬)