ตอนที่ 191 เจ้าชายเจ้าเสน่ห์ของเธอมาแล้ว
ตอนที่ 191 เจ้าชายเจ้าเสน่ห์ของเธอมาแล้ว
เซี่ยไห่ดูยุ่งมาก หลังจากออกไปรับโทรศัพท์ เขาก็ไม่กลับเข้ามาอีกเลย
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียนต้าเฉิงก็นำชามและตะเกียบกลับมาคืน บอกว่าเจ้านายของพวกเขายังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จ และฝากให้เขามาขอบคุณหลิวกุ้ยอิงแทน
ตอนเซี่ยไห่รับโทรศัพท์เมื่อกี้แล้วเขาพูดชื่ออิงจื่อออกมา หลิวกุ้ยอิงที่ได้ยินชื่อนั้นก็เกิดอาการฟุ้งซ่านเล็กน้อย กระทั่งเฉียนต้าเฉิงเข้ามาหล่อนถึงกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง
วันที่ฝนตกพรำแบบนี้ ถนนแทบไม่มีใครสัญจรผ่าน ไม่ต้องพูดถึงลูกค้าที่มาเข้าร้านตัดผม
หลินเซี่ยขอให้ชุนฟางหัดจับโรลม้วนผม จากนั้นก็ทำการดัดและฝึกม้วนผมตามขั้นตอนที่เธอเพิ่งสอนไปในตอนเช้า
จากนั้นเธอก็พาเจียงอวี่เฟยไปที่ห้องเต้นรำของเซี่ยไห่เพื่อยืมใช้พื้นที่สำหรับฝึกเดินแบบ
ไม่เพียงแต่สถานที่จะกว้างขวางมากเท่านั้น ยังมีเครื่องเสียงเพื่อเปิดเพลงให้หล่อนสามารถเดินลงสะโพกตามจังหวะดนตรีอีกด้วย
หลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนก็เข้ามาเป็นผู้ชมด้วยเช่นกัน
ส่วนหลินจินซานกลายเป็นแฟนบอยตัวน้อย รับผิดชอบในการคุมเครื่องเสียง
“มาเถอะ คิดซะว่าสถานที่แห่งนี้เป็นรันเวย์ เดินแบบอย่างสง่างามและมั่นใจที่สุด”
เจียงอวี่เฟยถอดเสื้อคลุมของหล่อนออก วันนี้หล่อนสวมกางเกงยีนส์ขาบานและเสื้อสเวตเตอร์ตัวบางรัดรูป จากนั้นก็เริ่มเดินไปรอบ ๆ ห้องด้วยท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
ผู้คนยืนขนาบทั้งสองฝั่งผนัง ทำตัวเป็นผู้รับชมที่ดี
ทุกครั้งที่เจียงอวี่เฟยเดินหมุนตัวรอบหนึ่ง หลินจินซานจะปรบมือและโห่ร้องเชียร์เสียงดัง ทำให้เสียบรรยากาศเล็กน้อย
หลินเซี่ยส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำเตือน เขาจึงรีบหุบปากทันที
หลังการเดินแคทวอล์กจบลง เซี่ยไห่ที่คุยโทรศัพท์เสร็จก็เข้ามา เห็นหญิงสาวรูปร่างสูงสง่า หน้าตาโดดเด่น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “สหายคนนี้ สนใจมาทำงานพาร์ทไทม์ให้กับห้องเต้นรำของเราหรือเปล่า?”
“งานพาร์ทไทม์?” เจียงอวี่เฟยมองเซี่ยไห่ด้วยความสับสนแล้วถาม “เถ้าแก่เซี่ย อยากให้ฉันทำตำแหน่งอะไรที่นี่คะ?”
เซี่ยไห่ชี้ไปทางเวทีที่ปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว “หลังจากเราเปิดกิจการอย่างเป็นทางการ เธอก็ขึ้นไปแสดงอุ่นเครื่องบนเวทีตอนเย็นได้ ต้องเป็นอะไรที่แปลกใหม่น่าตื่นตาสำหรับผู้ชมแน่นอน เนื่องจากเธอเป็นเพื่อนของหลินเซี่ย รับรองเลยว่าเงินเดือนที่ฉันจ่ายให้ต้องเป็นที่น่าพอใจสำหรับเธอแน่”
เจียงอวี่เฟยยิ้มก่อนจะปฏิเสธ “เถ้าแก่เซี่ย ฉันคงทำงานนี้ไม่ได้ค่ะ”
หลินเซี่ยพูดเสริม “เถ้าแก่เซี่ย อวี่เฟยกำลังจะเข้าร่วมการประกวดนางแบบครั้งแรกในไห่เฉิง ระหว่างเก็บตัวจะให้หล่อนมาโชว์ตัวอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?”
“จริงเหรอ? เดี๋ยวนี้ในไห่เฉิงมีการประกวดนางแบบด้วยเรอะ?”
“ใช่ค่ะ เหมือนจะเป็นการจัดประกวดครั้งแรก”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เจียงอวี่เฟยพูด เซี่ยไห่ก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ “ถ้าอย่างนั้นเธอต้องฝึกฝนให้หนัก ห้องเต้นรำของพวกเรากว้างขวาง ต่อจากนี้ถ้าเธออยากฝึกก็มาใช้สถานที่ฝึกซ้อมได้ ให้พวกเขาสองคนช่วยเปิดเครื่องเสียงให้ ถ้าเธอทำผลงานได้โดดเด่นและเอาชนะใจกรรมการได้ ในอนาคตต้องกลายเป็นดาราดังแน่”
“ขอบคุณค่ะเถ้าแก่เซี่ย”
หลินเซี่ยมองไปที่เจียงอวี่เฟย ถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นยังไงบ้าง? วันนี้มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นไหม?”
เจียงอวี่เฟยสวมเสื้อคลุมกลับ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เซี่ยเซี่ย เธอคือสมบัติล้ำค่าของฉันจริง ๆ โชคดีที่เธอมีเพื่อนมากมาย แถมสถานที่ฝึกซ้อมที่นี่ก็ยอดเยี่ยมมาก พรุ่งนี้ฉันจะมาซ้อมเดินอีก”
หลินเซี่ยพยักหน้า “ได้ พรุ่งนี้เธอไปติดต่อเถ้าแก่เซี่ยด้วยตัวเองได้เลย พวกเขาน่าจะยังไม่เปิดทำการเร็ว ๆ นี้ เธอยืมใช้สถานที่ได้ตามต้องการ”
เมื่อเธอออกมาจากร้านข้าง ๆ ฝนก็หยุดตกแล้ว หลิวกุ้ยอิงวางแผนว่าจะพาหลินเยี่ยนกลับไปผสมแป้งแต่หัววัน พอดีกับวันนี้ร้านตัดผมไม่มีลูกค้า จึงคิดจะชวนหลินเซี่ยกลับบ้านไปพร้อมกัน
“แม่กับเสี่ยวเยี่ยนกลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันจะออกไปข้างนอกกับอวี่เฟยสักพักหนึ่ง ไว้พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปที่บ้านนะ”
หลิวกุ้ยอิงเหลือบมองเจียงอวี่เฟย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยความไม่สบายใจ “เซี่ยเซี่ย มานี่หน่อยสิ แม่มีอะไรอยากจะคุยกับลูก”
“บอกมาได้เลยค่ะแม่”
หลินเซี่ยถูกหลิวกุ้ยอิงลากเข้าไปในห้องที่กั้นไว้ด้านหลังร้าน
“แม่ มีเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้” หลินเซี่ยมองหลิวกุ้ยอิงซึ่งมีท่าทางเขินอาย ถามด้วยความสงสัย
หลิวกุ้ยอิงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่จะพูดตรง ๆ หลังจากลังเลอยู่นาน เธอก็กระซิบว่า “แม่ว่าจะเล่าอะไรบางอย่างให้ลูกฟัง”
“ช่วงนี้พ่อของอวี่เฟยมักจะไปที่ร้านของแม่เพื่อกินเหลียงเฝิ่นเป็นประจำ บางทีก็ซื้อของมาฝากแม่ด้วย พอกินเสร็จแล้วก็ไม่ยอมกลับไปทันที แต่มาถามคำถามต่าง ๆ นานาเรื่องนั้นเรื่องนี้ รบกวนการทำงานของแม่พอสมควร ลูกช่วยไปบอกอวี่เฟยเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยได้ไหม? บอกให้พ่อของหล่อนหยุดยุ่งกับแม่ซะที”
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “แม่ รองผู้อำนวยการโรงงานเจียงสนใจแม่อย่างออกหน้าออกตาแบบนี้ หมายความว่าเขากำลังพยายามจะจีบแม่น่ะสิ”
“มาตามจีบแม่ทำไมกัน? พวกเราต่างก็อายุมากแล้วกันทั้งคู่ กลัวคนอื่นเห็นแล้วจะมองเป็นเรื่องตลกซะเปล่า ๆ แม่ลำบากใจจะแย่ รีบไปบอกอวี่เฟยเถอะให้ปรามพ่อตัวเองไม่ให้มารังควานแม่อีก”
เห็นได้ชัดว่าการจีบสาวของรองผู้อำนวยการเจียงเป็นการรุกที่ทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ ทั้งยังเป็นภาระมากสำหรับหลิวกุ้ยอิง
หลินเซี่ยมองไปที่หลิวกุ้ยอิง และแนะนำอย่างจริงจัง “แม่ ถ้าอย่างนั้น แม่ลองรับเขาไว้พิจารณาสักคนดีไหม? ฉันคิดว่าเขาก็ไม่ได้แย่อะไรเลยนะคะ”
ทัศนคติของหลิวกุ้ยอิงนั้นหนักแน่น “จะดีหรือไม่ดีก็ไม่สำคัญสำหรับแม่ แม่ไม่มีแผนจะแต่งงานใหม่ ตอนนี้แม่แค่อยากทำงานหาเงินอย่างเดียว เก็บเงินไว้ให้พี่ชายแต่งภรรยา และเก็บสินเดิมบางส่วนไว้ให้เสี่ยวเยี่ยน อีกหน่อยหล่อนจะได้มีชีวิตที่ดีเมื่อแต่งออกไปอยู่บ้านสามีในอนาคต”
ในฐานะลูกสาว หลินเซี่ยก็หวังว่าหลิวกุ้ยอิงจะมีความสุขเช่นกัน ยังคงให้ความกระจ่างแก่หล่อนต่อไป “แม่คะ การแต่งงานใหม่ของแม่ไม่ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของพี่ชายหรอก ทุกคนสมควรมีชีวิตสมรสและชีวิตครอบครัวที่ดี”
“เซี่ยเซี่ย ตอนที่พ่อของลูกกับแม่แต่งงานกัน อย่าลืมว่านั่นคือการแต่งงานครั้งที่สองของเขา แม่ใช้เวลานานมากกว่าพี่ชายของลูกจะยอมรับแม่เป็นแม่เลี้ยง ตอนนี้พ่อของลูกมาจากไป ถ้าแม่หาพ่อเลี้ยงคนใหม่ให้เขา พี่ชายก็ต้องปรับตัวใหม่เหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องจำเป็นอะไรเลย อีกหน่อยถ้าเขาแต่งภรรยา แล้วคนอื่นไล่ถามลำดับญาติภายในครอบครัว คำอธิบายเรื่องพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงจะซับซ้อนเกินไป คราวนี้คนจะนินทากันให้ควั่ก เพราะฉะนั้นช่วยเคารพการตัดสินใจของแม่เถอะ”
“อย่าเอาคิดถึงพี่ชายกับเสี่ยวเยี่ยนไปเลยค่ะ ความสุขของตัวแม่เองก็สำคัญมากเหมือนกัน ตราบใดที่แม่มีความตั้งใจแบบนั้น ฉันสามารถไปอธิบายให้พี่ชายและเสี่ยวเยี่ยนได้ พวกเขาต้องเข้าใจแน่”
หลินเซี่ยไม่อยากให้หลิวกุ้ยอิงละทิ้งความสุขของตัวเองเพราะมัวใส่ใจความรู้สึกของลูก ๆ
หล่อนมีอายุแค่สี่สิบปี รองผู้อำนวยการโรงงานเจียงก็ยังมีสภาพร่างกายและฐานะที่ดีอยู่ ทั้งคู่อายุใกล้เคียงกัน ดังนั้นพวกเขาน่าจะเข้ากันได้ดี
“แม่ไม่มีความตั้งใจอะไรแบบนั้น และไม่อยากทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้เข้ากับครอบครัวสามีใหม่อีก แม่รู้สึกว่าชีวิตตอนนี้เต็มไปด้วยอิสระ แล้วก็สนุกมาก ได้ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง ปล่อยให้แม่อยู่ต่อไปแบบนี้โดยไม่มีเงื่อนไขหรือพันธนาการใด ๆ มาจำกัดเถอะ” หลิวกุ้ยอิงกำชับกับเธออย่างหนักแน่น “อย่าลืมบอกอวี่เฟยด้วยล่ะ ไปบอกพ่อของหล่อนว่าอย่ามายุ่งกับแม่อีก อย่าเสียเวลากับแม่ และอย่าเอาเวลาของเขามาเสียโดยเปล่าประโยชน์”
หลินเซี่ยมองดูหลิวกุ้ยอิงที่มีปณิธานแรงกล้า จินตนาการได้ว่าการเป็นแม่เลี้ยงในตระกูลหลินตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องยากแค่ไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในบ้านรายล้อมไปด้วยแม่สามี และน้องชายน้องสะใภ้จอมร้ายกาจ
ในเมื่อหล่อนอยากมีชีวิตที่อิสระ เช่นนั้นก็ปล่อยหล่อนไปเถอะ ด้วยรายได้ปัจจุบันของหลิวกุ้ยอิงจากการเปิดแผงลอย การหาเงินเลี้ยงดูตัวเองและหลินเยี่ยนแทบไม่ใช่ปัญหา อีกหน่อยเหลือแค่ลูก ๆ ทั้งสามคนคอยดูแลก็พอแล้ว
ชีวิตแต่งงานที่ไร้ความสุขถือเป็นเรื่องที่น่าหดหู่และกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ เธอจะไม่พยายามจับคู่ให้แม่ตัวเองอีก
“แม่ ฉันเข้าใจเจตนาที่แม่หมายถึงแล้วค่ะ”
เจียงอวี่เฟยรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ก่อนที่หลินเซี่ยและหลิวกุ้ยอิงจะออกมาจากหลังร้าน จากนั้นหลิวกุ้ยอิงและหลินเยี่ยนก็กลับไปที่บ้านของพวกหล่อนในตรอกถนนโฮ่วช่าง
หลินเซี่ยดูนาฬิกา เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว เธอขอให้ชุนฟางเลิกงานเร็วหน่อย เพราะเธอยังต้องออกไปข้างนอก
ชุนฟางบอกว่าหล่อนจะฝึกดัดผมในร้านต่อไป หลังจากทำผลงานออกมาเป็นที่น่าพอใจจะปิดร้านแล้วค่อยกลับ
“ไปเถอะ โจวอี้อาจจะมาถึงเร็วกว่ากำหนดก็ได้”
ทั้งสองขึ้นรถประจำทางไปยังร้านอาหารซื่อจี้เซียง จับจองตำแหน่งที่นั่งริมหน้าต่าง
“คุณป้าลากเธอไปคุยเรื่องอะไรหลังร้านกัน? ฉันรู้สึกว่าวันนี้หล่อนมองฉันด้วยสายตาแปลกๆ ด้วยแหละ”
“แม่มาคุยกับฉันอย่างจริงจังในวันนี้เกี่ยวกับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง หล่อนบอกว่าหล่อนไม่มีความตั้งใจที่จะแต่งงานใหม่จริง ๆ และฝากมาบอกเธอว่าอย่าปล่อยให้พ่อเสียเวลาเปล่าเลย”
“หา?” เมื่อเจียงอวี่เฟยได้ยินดังนั้น ใบหน้าขาวใสของหล่อนก็ไม่อาจซ่อนความผิดหวังไว้ได้ “แต่ฉันรู้สึกว่าพวกเขาเหมาะสมกันมากเลยนะ ไม่ง่ายเลยกว่าพ่อฉันจะได้เจอผู้หญิงที่เขาถูกใจจริง ๆ เรื่องนี้อาจทำให้เขาเสียใจมาก”
หลินเซี่ยพูด “ฉันว่าแม่พูดอย่างชัดเจนแล้ว ความเจ็บปวดระยะสั้นดีกว่าความเจ็บปวดระยะยาวเป็นไหน ๆ”
“ไหนเธอบอกฉันตรง ๆ ซิ เธอชอบโจวอี้หรือเปล่า?” หลินเซี่ยขยับเข้าไปใกล้เธอ แล้วถามด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ
“ทำไมถึงถามอะไรแบบนั้น?” เจียงอวี่เฟยเริ่มหน้าแดง เขินอายเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นมอง
น้ำเสียงของหลินเซี่ยแฝงความหมายบางอย่าง “ถ้าเธอชอบโจวอี้จริง ๆ และอยากพัฒนาความสัมพันธ์กับเขา ถ้าอย่างนั้นเธอควรฟังฉัน หยุดพยายามจับคู่พ่อตัวเองกับแม่ของฉันเถอะ ไม่งั้นความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราจะซับซ้อนเข้าไปใหญ่”
เจียงอวี่เฟยมองเธอด้วยความสับสน “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับโจวอี้ล่ะ?”
ก่อนที่หลินเซี่ยจะมีเวลาได้อธิบาย เธอก็เหลือบมองชายหนุ่มรูปงามที่เดินเข้ามาจากประตูร้านอาหาร ก่อนจะส่งสัญญาณให้เจียงอวี่เฟยว่า “เจ้าชายเจ้าเสน่ห์ของเธอเดินมาโน่นละ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นั่นสิ ถ้าเกิดพ่ออวี่เฟยได้คู่กับแม่หลินเซี่ย แล้วระหว่างอวี่เฟยกับโจวอี้จะนับญาติกันยังไง ลำดับญาติต้องยุ่งวุ่นวายแหงๆ เลย
ไหหม่า(海馬)