ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 199 เสิ่นเถี่ยจวินดูแปลกไป

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 199 เสิ่นเถี่ยจวินดูแปลกไป

ตอนที่ 199 เสิ่นเถี่ยจวินดูแปลกไป

เป็นเพราะคำขอโทษอย่างจริงใจของเซี่ยตงเมื่อครู่นี้ขณะที่ทุกคนนั่งอยู่รวมกันเพื่อรำลึกความหลังและพูดคุยกัน เซี่ยไห่มองตรงไปยังเซี่ยตงด้วยดวงตาที่ค่อย ๆ อ่อนแสงลง

ไฟที่ลุกโชนค้างอยู่ในใจเขามากว่ายี่สิบปีนั้นกำลังมอดลงไปช้า ๆ

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามักจะรู้สึกเสมอว่าเซี่ยตงจงใจทำให้เขาอับอาย แถมยังต้องอับอายต่อหน้าผู้หญิงที่ตัวเองชอบอีก ตอนนี้เมื่อลองครุ่นคิดอย่างจริงจัง เขาอาจจะไม่โกรธเซี่ยตงแล้ว แต่คงไม่อาจลืมปีแห่งความยากลำบากและช่วงเวลาที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองไปได้

เขายากจนมากจนต้องใส่กางเกงชั้นในที่เหลือใช้จากพี่สาว และเมื่อมันขาด เขาก็ต้องปะกางเกงชั้นในนั้นมาใส่ซ้ำ ๆ อีกหลายครั้ง

เขาไม่เคยอยากนึกถึงวันที่ยากลำบากเหล่านั้นเลยสักนิด และไม่เต็มใจที่จะให้อภัยเซี่ยตงได้ลง

เขาคิดเสมอว่าถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยตง คงไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องอับอายแค่ไหน และคงไม่ทำให้ตัวเองต้องอับอายต่อหน้าผู้หญิงที่เขารักด้วย

แต่ขณะนี้ ดูเหมือนเขาจะโล่งใจขึ้นมาก

ชีวิตครอบครัวของพวกเขาดีขึ้นมาพักใหญ่

ราวกับกางเกงของเขาที่ถูกเซี่ยตงถอดออกนั้น ได้ถูก ‘ใส่กลับคืน’ เรียบร้อยแล้ว

ทว่าเรื่องของสาวน้อยผู้น่ารักคนนั้น เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้หล่อนอยู่ที่ไหน

หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยหลานก็กลับมา

เซี่ยไห่มองไปทางเซี่ยหลาน ก่อนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเดินไปหาเพื่อกล่าวทักทาย “พี่หลาน ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”

เซี่ยหลานจับจ้องไปที่เซี่ยไห่ ดวงตาของหล่อนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เซี่ยไห่?”

“พี่หลาน ผมเอง”

ตอนที่เขาอยู่มัธยมต้น เซี่ยไห่เป็นสหายผู้ติดตามของเซี่ยอวี่กับเซี่ยหลาน ในช่วงมัธยมต้นเขามักจะออกไปเที่ยวกับสาว ๆ เหล่านี้

เวลานี้เมื่อเซี่ยหลานเห็นเซี่ยไห่ หลังจากแปลกใจแล้ว ดวงตาก็เต็มไปด้วยความเมตตาบราวนี่ออนไลน์

“เซี่ยไห่ เราไม่ได้เจอกันนานมาก ลมอะไรถึงหอบพัดนายมาถึงนี่ได้ล่ะ?”

“พี่หลาน เราไปนั่งคุยกันเถอะ”

เซี่ยหลานนั่งลงแล้วถามว่า “แล้วนี่นายมาถึงไห่เฉิงตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เซี่ยไห่ตอบกลับ “ก็ไม่นานนี้เอง ผมไปอยู่ที่เชินเฉิงมาก่อน แล้วเพิ่งได้กลับมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็วางแผนจะทำธุรกิจอยู่ที่นี่เลย”

“ฉันได้ยินมาว่าธุรกิจของนายค่อนข้างใหญ่เลยนะ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก คนมันต้องทำมาหากินนี่นา”

เซี่ยหลานถามไถ่เขาสักพัก แล้วถามถึงเซี่ยอวี่ว่า “พี่สาวนายเป็นยังไงบ้าง? ตั้งแต่หล่อนเป็นดาราดังก็ไม่เคยกลับมาเยี่ยมที่ไห่เฉิงเลย ฉันมักจะคิดถึงช่วงเวลาความสุขสมัยเรายังเป็นวัยรุ่นอยู่บ่อย ๆ“

เซี่ยไห่ยิ้มและตอบกลับ “หล่อนกำลังไปได้สวยเลย เป็นคนที่คลั่งไคล้อาชีพนี้มากคนหนึ่ง”

“แล้วเรื่องส่วนตัวของนายล่ะ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?” เซี่ยหลานถามต่อ

เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น เซี่ยไห่ถอนหายใจทันที “ผมไม่มีแผนจัดการเรื่องนั้นเลย”

ผู้เฒ่าเซี่ยเองก็กำลังฟังการสนทนาของพวกเขา จู่ ๆ ก็พูดด้วยน้ำเสียงในเชิงไม่ดีว่า “อย่าพูดถึงพี่สาวนายเลย นายเองเป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่นานมาแล้วก็ยังไม่รู้จักตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝาซะที พี่น้องพวกนี้จะมีครอบครัวกันเมื่อไหร่? ยื้อเวลาต่อไปแบบนี้ไม่กลัวทำให้แม่โกรธจนตายรึไง?”

เซี่ยเหลยฟื้นคืนชีวิตกลับมาได้ครึ่งหนึ่ง แต่ก็สูญเสียความสามารถในการแต่งงานและมีลูกไป ส่วนเซี่ยอวี่มุ่งเน้นไปที่อาชีพของเธอหลังจากเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัว

ส่วนน้องคนสุดท้องยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีแม้กระทั่งคนคุยเป็นตัวเป็นตน

เซี่ยไห่เอามือลูบสันจมูกแล้วอธิบาย “ลุงเซี่ย พอดีทุกคนก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานน่ะครับ”

ผู้เฒ่าเซี่ยถอนหายใจและไม่พูดอะไรอีก

ไม่ว่าอาชีพไหน การงานที่ยุ่งวุ่นวายถือเป็นข้อแก้ตัวทั้งหมด

“พี่ชายของนาย…” หลังจากเซี่ยหลานถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของเซี่ยอวี่ หล่อนก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่อดไม่ได้จริง ๆ จึงถามถึงเซี่ยเหลยด้วยความลังเล

เซี่ยไห่มองหล่อนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พี่หลาน ผมมาที่นี่วันนี้ก็เพราะเรื่องของพี่ใหญ่นี่แหละ”

“เกิดอะไรขึ้นกับเขา? เขาสบายดี่ไหม?”

“อาการฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว”

จากนั้นเซี่ยไห่ก็เล่าเรื่องของเซี่ยเหลยให้กับเซี่ยหลานฟัง

การคาดเดาในใจของเขาคือผู้หญิงที่ชื่ออิงจื่อน่าจะเป็นผู้หญิงที่มีความสำคัญต่อพี่ชายเขามาก การถามเรื่องนี้ต่อหน้าเซี่ยหลานอาจค่อนข้างโหดร้ายเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ถ้าเซี่ยหลานไม่ยอมปล่อยมือ หล่อนคงไม่แต่งงานกับใครและมีลูกง่าย ๆ แน่

“อิงจื่อ?”

หลังจากฟังเรื่องเล่าของอีกฝ่าย เซี่ยหลานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ภายใต้สายตาที่คาดหวังของทุกคน เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันไม่เห็นจะจำชื่อคนคนนี้ได้เลยแฮะ”

แล้วพูดต่อว่า “หรือว่าเป็นคนที่เขาพบหลังจากเข้าร่วมกองทัพ?”

“เพื่อนหลายคนในกองทัพเดียวกับเขาทยอยเสียชีวิตไปหมดแล้ว สองคนที่ผมสามารถติดต่อได้ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วมีข้อมูลจำกัดมาก อย่างกับผมพยายามงมเข็มในมหาสมุทรไม่มีผิด”

เซี่ยหลานมองไปทางเซี่ยไห่และพูดว่า “ฉันจำได้ว่าหลังจากที่เขาเข้าร่วมกองทัพ เขาเข้ารับราชการครั้งแรกที่เขตเทศมณฑลซีเหอ ก่อนที่เขาจะย้ายไปที่เขตสงคราม หรือนายลองไปสืบถามเรื่องของเขาช่วงครึ่งปีหลังในเมืองนั้นดูไหม?”

แน่นอนว่าเซี่ยหลานจำสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับเซี่ยเหลยได้ดีกว่าคนอื่นเสมอ

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยไห่ตอบกลับว่า “แต่ผมไม่รู้นี่สิ ผมจำไม่ได้จริง ๆ ว่าพี่ใหญ่ไปอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน”

“เราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาที่นั่นเลยสักนิด”

เซี่ยหลานมีสีหน้าดูมืดมนเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนั้น

หลังจากเซี่ยเหลยไปที่นั่น หล่อนพยายามสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับกองทัพเพื่อติดตามเขา

หลังออกจากบ้าน หล่อนก็ไม่เห็นเขาหรือแม้แต่คนอื่น ๆ ที่นั่นเลย ต่อมาเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น จึงวางแผนทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อย่างไรก็ตาม หลังจากชีวิตพลิกผันอยู่หลายครั้ง หล่อนก็ล้มเหลวในการเข้าร่วมกองทัพกับเขา

เพราะหล่อนได้รับมอบหมายให้ทำงานเป็นแพทย์รุ่นเยาว์ที่ศูนย์สุขภาพในเทศมณฑลจินซานแทน

อาจารย์จาง แม่ของเซี่ยหลานเดินออกมา เมื่อเซี่ยหลานเห็นแม่เดินมาใกล้ หล่อนก็เผลอลืมเรื่องที่คิดอยู่โดยไม่รู้ตัว

แม่ของหล่อนยังคงเป็นปัญหาในช่วงเวลาสำคัญจริง ๆ รู้สึกว่าแม่ทำให้ทุกคนลำบากใจไม่น้อย

“มา เรามากินข้าวกันเถอะ”

เซี่ยหลานลุกขึ้นไปช่วยเสิร์ฟอาหาร และทุกคนก็นั่งอยู่พร้อมหน้ากัน

อาจารย์จางดูใจดีก็จริง แต่รัศมีของคนเป็นอาจารย์นั้นเฉิดฉายมาก จนทุกคนก็รู้สึกกริ่งเกร็งเล็กน้อย

แม้แต่ผู้เฒ่าเซี่ยก็ยังนั่งนิ่งไม่พูดอะไร

“เอาล่ะ ทุกคนหยิบตะเกียบกันได้เลย” อาจารย์จางพูดด้วยรอยยิ้ม “นาน ๆ ทีเซี่ยไห่จะมาบ้านเรา แถมพวกลูกก็โตมาด้วยกัน แม่ล่ะดีใจมากที่ได้เห็นทุกคนกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในวันนี้”

ผู้เฒ่าเซี่ยถอนหายใจ “ใช่แล้ว เด็ก ๆ พวกนี้ไม่ได้มารวมตัวที่บ้านเราเกือบยี่สิบปีแล้ว ส่วนเซี่ยอวี่ก็เป็นดาราในฮ่องกง คงยากที่จะมีโอกาสได้พบกันอีก แต่แปลกใจจริง ๆ ที่วันนี้เซี่ยไห่มาบ้านเราได้ ทุกคนมีความสุขกันมากก็ถือเป็นเรื่องดี”

เมื่อเปรียบเทียบกับพ่อแม่แล้ว ดูเหมือนเซี่ยตงจะมีความสุขมากที่สุด

“จากนี้เหล่าเซี่ยคงจะต้องมาเยี่ยมหาบ่อย ๆ แล้วล่ะ ดูสิว่าพ่อแม่ฉันดีใจมากแค่ไหน” เขาตบไหล่เซี่ยไห่เบา ๆ และพูดอย่างจริงใจว่า “ฉันเองก็ดีใจมากเหมือนกัน”

เซี่ยไห่ปัดมืออีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย และไม่สนใจเขาเลย ก่อนมองไปทางผู้เฒ่าเซี่ยและอาจารย์จางแทน “ลุงเซี่ย ป้าจาง ไว้ผมจะมาเยี่ยมบ่อย ๆ แน่นอนครับ”

ขณะกำลังกินข้าวอยู่ เสิ่นเถี่ยจวินก็เข้ามา

ทันทีที่เสิ่นเถี่ยจวินเดินเข้ามาใกล้ประตู ขณะเหลือบไปเห็นเซี่ยไห่ เขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจำได้ว่าเขาเป็นใคร

อาจารย์จางเห็นเสิ่นเถี่ยจวิน ก็ทักทายเขาอย่างอบอุ่น “เถี่ยจวิน วันนี้มาเยี่ยมเหรอ? มากินข้าวด้วยกันก่อนเร็ว”

เฉินเจียเหอพยักหน้าเบา ๆ ไปทางเขาเช่นกัน

“แม่ครับ ผมกินข้าวมาแล้ว” เสิ่นเถี่ยจวินพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมรู้ว่าเซี่ยหลานจะแวะมาที่นี่ ก็เลยมารอรับเธอครับ”

เสิ่นเถี่ยจวินมองเซี่ยไห่ด้วยสีหน้าตกใจ “นายคือเซี่ยไห่เหรอ?”

“ผู้อำนวยการเสิ่น สวัสดีครับ”

“สวัสดี” เสิ่นเถี่ยจวินตอบรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนเดินมานั่งลงข้าง ๆ

เมื่อเห็นเซี่ยหลานพูดคุยและหัวเราะกับเซี่ยไห่ เขาจึงหรี่ตาลงมอง ปรากฎว่าวันนี้เซี่ยหลานกลับมาบ้านพ่อแม่เพื่อเจอเซี่ยไห่สินะ

เซี่ยไห่มาอยู่ในเมืองไห่เฉิงแบบนี้ แล้วพี่ชายของเขาล่ะ?

เนื่องจากการมาถึงของเสิ่นเถี่ยจวิน พวกเขาจึงหยุดพูดถึงเซี่ยเหลยชั่วคราวเพื่อป้องกันปัญหา

เสิ่นเถี่ยจวินไม่ได้มาที่บ้านพ่อตามานานเช่นกัน ผู้เฒ่าเซี่ยเลยไม่ค่อยพบหน้าเขาเท่าไร จึงถามเสิ่นเถี่ยจวินว่า “จริงสิ นายได้ทำสิ่งที่ฉันบอกไปครั้งที่แล้วหรือยัง?”

เสิ่นเถี่ยจวินมองไปทางผู้เฒ่าเซี่ยด้วยความสับสน “พ่อครับ กำลังพูดถึงเรื่องอะไรเหรอครับ?”

ผู้เฒ่าเซี่ยดูไม่ค่อยพอใจ “ก็เรื่องสอบสวนเบื้องหลังเกี่ยวกับเด็กคนนั้นผิดไง อย่าบอกนะว่าไม่มีอะไรคืบหน้า?”

ดวงตาของเสิ่นเถี่ยจวินกระพริบเล็กน้อย แต่แล้วก็อมยิ้ม “ผมกำลังตามอยู่ครับ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าจริง ๆ”

คำตอบของเสิ่นเถี่ยจวินทำให้ผู้เฒ่าเซี่ยไม่พอใจอย่างมาก “แล้วจะสอบสวนเสร็จตอนไหนล่ะ? แค่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนนายก็แค่ให้ความร่วมมือเท่านั้นเองนะ”

อาจารย์จางเหลือบมองเซี่ยหลาน พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พูดตามตรง สาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเพราะตัวพวกเขาเองทั้งนั้น จะไปสอบสวนให้ได้อะไรขึ้นมา?”

ถ้าเซี่ยหลานไม่ยืนกรานที่จะติดตามบผู้ชายนั้นไปสุดหล้าฟ้าเขียว จนสุดท้ายได้รับมอบหมายให้ไปทำงานอยู่ที่เมืองห่างไกลแห่งนั้น เรื่องราวต่าง ๆ จะออกมาเป็นแบบนี้ไหม?

“ที่รัก อย่าพูดถึงอดีตเลย การสืบสวนความจริงจะทำให้เด็ก ๆ ได้รับคำอธิบายด้วย เด็กทั้งสองคนตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ พวกเขาก็ต้องการความจริงด้วยเหมือนกัน”

ผู้เฒ่าเซี่ยบอกกับเซี่ยตงว่า “เซี่ยตง ถ้าพี่เขยของแกงานยุ่งมาก งั้นแกก็ช่วยไปจัดการเรื่องนี้แทนทีเถอะ”

เซี่ยตงพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับพ่อ”

เสิ่นเถี่ยจวินรีบปฏิเสธ “อย่าไปรบกวนน้องเขยเลยครับ ผมสามารถจัดการเองได้”

เฉินเจียเหอซึ่งกำลังกินข้าวอยู่ข้าง ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางเสิ่นเถี่ยจวิน

เขามักจะรู้สึกเสมอว่าทัศนคติของตัวเองที่มีต่อเรื่องนี้ค่อนข้างแปลกเล็กน้อย

ลูกสาวแท้ ๆ หายไปจากอ้อมอกพวกเขามายี่สิบปี ในฐานะพ่อ เขาควรเร่งสอบสวนความจริงเรื่องนี้อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นโดยเจตนาหรือความประมาทเลินเล่อของการจัดการจากทางโรงพยาบาล ก็ควรจะค้นหาข้อบกพร่องและให้คำอธิบายกับทุกคน เพื่อให้ฝ่ายผิดเป็นผู้รับผิดชอบและแบกรับผลทางกฎหมายตามสมควร

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องนี้เป็นพิเศษ

ในทางตรงกันข้าม หลิวกุ้ยอิงกลับให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับทางตำรวจในการรวบรวมหลักฐาน

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

มันแปลกก็ตอนที่คนตระกูลเสิ่นมาหานี่แหละ มีอะไรปิดบังกันอยู่หรือเปล่า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท