เดี๋ยวสิ!
เมื่อครู่นี้เขาได้ยินว่าอะไรนะ?!
ตี้จวินบอกให้พระอรหันต์นอนที่ไหนนะ
นอนหรือ?!
สามเณรน้อยพยายามประคองอาหารมังสวิรัติที่พระอรหันต์สั่งให้เขานำกลับมาไว้อย่างสุดชีวิต เขาตกใจจนตัวแข็งทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น!
โต้วจ้านเซิ่งฝู[1]กับเซียนมหาสมุทรที่นั่งอยู่ข้างๆ พวกเขาแทบจะสำลักเอาผักที่อยู่ในปากออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนั้น!
ดวงตาเป็นประกายทั้งสองคู่หันมองไปทางหงส์เพลิงในทันใด!
พวกเขาจะนอนด้วยกันเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ
อะไรจะพัฒนาความสัมพันธ์เร็วปานนี้ มันเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วจริงๆ หรือ!
หงส์เพลิงรู้สึกกระดากเมื่อเห็นสายตามากมายจ้องมองมาทางนางในระหว่างมื้ออาหาร มันส่งผลต่อระบบย่อยอาหารของนางมากทีเดียว
แต่
”ทำไมถึงต้องเป็นห้องท่านล่ะ” หงส์เพลิงเลิกคิ้ว ”ทำไมท่านไม่มานอนที่อารามของข้าแทน ที่นั่นสะดวกสบายมาก เมฆก็หนา”
ฝูงชน : …
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ที่นอนเสียหน่อย!
ประเด็นมันอยู่ที่ว่าพวกท่านทั้งสองจะหลับนอนร่วมกันต่างหาก เข้าใจหรือเปล่า!!!
”ข้าไม่ชินกับการนอนบนก้อนเมฆ” ชายหนุ่มชะงักไป ก่อนจะใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูของหงส์เพลิงว่า ”ยิ่งไปกว่านั้น ในคู่มือก็ยังมีเขียนเอาไว้ด้วยว่าผู้หญิงต้องมานอนที่ห้องของผู้ชาย”
หงส์เพลิงรู้เรื่องนี้เช่นกัน แต่พวกเขาจำเป็นต้องนอนด้วยกันจริงๆ หรือ
”เราควรคิดเสียว่ามันเป็นเพียงแค่ขั้นตอนขั้นตอนหนึ่งเท่านั้น ข้าไปที่ห้องท่าน อยู่ที่นั่นสักพัก แล้วจากนั้นข้าจะกลับอาราม” หงส์เพลิงพูดพร้อมกับมองมือที่อยู่ในมือของนาง นางเพิ่งตระหนักได้ในตอนนั้นเองว่ามือคู่นี้งดงามกว่ามือของนางเสียอีก ผู้ชายคนนี้เป็นศัตรูของคนทั้งโลกชัดๆ
ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อเขาได้ยินคำพูดของหงส์เพลิง แต่สายตาของเขากลับเย็นชา ”ข้าคิดว่าเราควรทำตามที่คู่มือว่าไว้อย่างเคร่งครัด คู่มือบอกว่าให้นอนค้างคืน”
”แต่การที่เราข้ามจากข้อเจ็ดไปข้อสิบเก้าทันทีทันใดเช่นนี้จะไม่เร็วเกินไปหรือ” ในน้ำเสียงของหงส์เพลิงมีความสงสัยแฝงอยู่
ริมฝีปากบางของชายหนุ่มเผยอขึ้น ”ด้วยสติปัญญาที่พวกเรามี ถึงจะเดินหน้าเร็วขึ้นก็คงไม่มีปัญหามิใช่หรือ”
”ที่ท่านพูดก็ถูก” หงส์เพลิงคิดมาตลอดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนฉลาด และนางก็ไม่ได้โง่เช่นกัน ดังนั้นมันย่อมไม่มีปัญหาที่จะเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์ให้เร็วขึ้น
เมื่อเห็นนางพยักหน้าอย่างจริงจัง ชายหนุ่มก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มที่อยู่ในดวงตาได้อีกต่อไป นึกไม่ถึงเลยว่านางจะเห็นด้วยจริงๆ
”ท่านหัวเราะอะไรหรือ”หงส์เพลิงเงยหน้าขึ้นแล้วเหลือบมองเขา ริมฝีปากบางของนางเบะออกเล็กน้อยและขับเน้นให้เห็นความโค้งมนที่อยู่บนใบหน้าด้านข้างของนางได้อย่างชัดเจน สีหน้านี้นับว่าหาได้ยากยิ่งนัก
สายตาของชายหนุ่มดูล้ำลึกขึ้น จากนั้นเขาจึงยื่นมือออกไปและหันใบหน้าของนางให้มองมาทางเขา
หงส์เพลิงมีปฏิกิริยาทันที นิ้วของนางออกแรงกำรอบข้อมือของเขาทันทีที่เห็นการเคลื่อนไหวนั้น
ในไม่ช้าชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บ แต่เขาก็ยังไม่ปล่อยมือนาง แทนที่จะทำเช่นนั้น เขากลับกระตุกริมฝีปากขึ้นอย่างซุกซน และตระหนักได้ว่าหากผู้หญิงคนนี้โมโหขึ้นมาจริงๆ คงไม่มีใครสามารถหยุดยั้งนางได้
แต่การได้ทำลายคนเช่นนางก็ยิ่งน่าสนุกมิใช่หรือ
หึๆ…
”ไม่มีอะไร ก็แค่มีสิ่งนี้ติดอยู่บนหน้าเจ้า” ชายหนุ่มเคลื่อนนิ้วลูบปลายจมูกของหงส์เพลิง พร้อมกับหยิบผมเส้นหนึ่งขึ้น
หงส์เพลิงคลายนิ้วออก แล้วจึงเอ่ยขึ้นหลังจากคิดทวนอยู่สองครั้งว่า ”ทีหลังเวลาที่ท่านจะเข้ามาใกล้ข้า ท่านควรบอกข้าเอาไว้ก่อน เพราะข้าเป็นคนลงมือฉับไวมากทีเดียว”
ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า ”หลังจากนี้เจ้าควรกลับไปเตรียมสัมภาระเสีย”
”ข้ายังต้องเตรียมสัมภาระด้วยหรือ” หงส์เพลิงเคี้ยวอาหารที่เขาตักให้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ นางไม่เคยไปเยี่ยมใครมาก่อน ดังนั้นแน่นอนว่านางย่อมทำตาโตด้วยความตกใจ
จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกเพลิดเพลินไปกับการป้อนอาหารให้คนอื่น ตราบใดที่คนคนนั้นมีท่าทางเหมือนกันกับหงส์เพลิงตัวน้อยตัวนี้ นางดูเงียบๆ เวลาที่ไม่ได้กินอะไร แต่ใบหน้าเฉยชาของนางจะพองขึ้นเวลาที่ได้กินข้าวขณะใช้ดวงตากระจ่างใสคู่งามนั้นจ้องมองเขา
สิ่งเดียวที่ทำลายความสนุกของเขาคือระยะเวลาที่สั้นเกินไป
ทางที่ดีที่สุดในการยืดระยะเวลาออกไปคือเขาจะต้องทำให้มั่นใจว่าเขาจะเป็นคนคนเดียวที่เหลืออยู่ในสายตาของนาง…
”เจ้าไปค้างคืน ดังนั้นแน่นอนว่าเจ้าต้องกลับไปเก็บสัมภาระ” ชายหนุ่มยิ้ม แล้วไล่นิ้วกลับไปยังกฎข้อที่ผ่านมาแล้ว ”ยิ่งกว่านั้น เราสามารถทำตามกฎที่ว่าไว้ทั้งหมดนี้ได้หากเจ้ามาค้างคืนกับข้า”
หงส์เพลิงมองจุดที่ชายหนุ่มชี้ ”จูบหน้าผาก? บอกราตรีสวัสดิ์? นอนหนุนตักอ่านหนังสือ? ท่านบอกเองมิใช่หรือว่าด้วยสติปัญญาของพวกเรา เราสามารถข้ามพวกมันไปได้”
”ข้าเพิ่งกลับมาคิดทบทวนดูอีกรอบเมื่อครู่นี้นี่เอง อย่างไรพวกมันก็เป็นสิ่งที่จะสามารถทำได้ก่อนนอน เช่นนั้นทำไมพวกเราไม่ลองทำกันดู” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็นและน่าเชื่อถือเหมือนกำลังบอกว่าพวกเขาควรคิดเสียว่ามันเป็นโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง
หงส์เพลิงไม่ชอบเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อย่างไรเกมนี้ก็ดูน่าสนุกดี ในเมื่อพวกเขาสามารถทำได้ พวกเขาก็ควรทำมันให้ครบทุกข้อ
”เข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะกลับไปเตรียมสัมภาระ” หงส์เพลิงไม่เคยค้างคืนข้างนอกมาก่อน สำหรับนางแล้ว นี่เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก
นางเชื่อข้าอีกแล้วหรือ ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆ เริ่มกลมขึ้นด้วยฝีมือตัวเอง เขาก็รู้สึกว่ามันช่างดูน่ารักอย่างคาดไม่ถึง…
ในเวลานั้น บรรดาปีศาจซึ่งเป็นกลุ่มเดียวที่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มก็ถึงกับพากันทำหน้าตาบิดเบี้ยว
ถึงพวกมันจะรู้มานานแล้วก็เถอะว่าตี้จวินเป็นคนไร้ยางอาย
แต่พวกมันก็นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้
เขาสามารถหลอกหงส์เพลิงได้ด้วยคำพูดไร้สาระอย่าง ”อย่างไรพวกมันก็เป็นสิ่งที่จะสามารถทำได้ก่อนนอน เช่นนั้นทำไมพวกเราไม่ลองทำกันดู”
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเขาอยากทำสิ่งที่ว่านั่นให้ครบทุกข้อ และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาบอกไปนางไปค้างที่ห้องเขาตั้งแต่แรก!
”พวกเจ้าเงียบเอาไว้เสียจะดีกว่า” ชายหนุ่มลดเสียงลง แล้วเตือนปีศาจที่อยู่ข้างหลังของเขา ”ข้าอาจจะหมดความอดทนเอาได้หากพวกเจ้าส่งเสียงหนวกหูเกินไป เจ้าก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าหมดความอดทน”
ปีศาจทุกตนปิดปากเงียบแล้วพร้อมใจกันกลบกลิ่นอายของตัวเองทันที
แต่หงส์เพลิงสังเกตเห็นอะไรบางอย่างได้ นางเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ”ท่านปล่อยปีศาจจากทะเลเลือดออกมาอีกแล้วหรือ”
”บางครั้งพวกมันก็ต้องการหายใจเหมือนกัน” ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม แล้วถามหงส์เพลิงที่อยู่ข้างๆ ว่า ”เอาถั่วอีกหรือเปล่า”
หงส์เพลิงส่ายหน้า แล้วตอบเบาๆ ว่า ”ข้าไม่ชอบของหวาน”
ทั้งสองต่างสนทนากันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
หายากนักที่จะได้เห็นตี้จวินยิ้มแย้มและมีความอดทนสูงเช่นนี้
สายตาของพระอรหันต์และเทพทุกองค์ล้วนแต่จับจ้องอยู่ที่ทั้งสอง พวกเขารู้สึกตกใจอย่างมากเสียจนรีบพากันดื่มต่อ!
”เจ้าไม่ชอบกินเนื้อเหมือนกันใช่ไหม” จู่ๆ ชายหนุ่มก็ถามนางราวกับเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
หงส์เพลิงตอบว่าใช่โดยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
ชายหนุ่มยิ้ม จากนั้นในดวงตาของเขาก็มีแสงสลัวๆ แสงหนึ่งวาบผ่าน จะเกิดอะไรขึ้นถ้านางได้กินเนื้อ ข้าอยากเห็นจริงๆ…
บรรดาปีศาจมองหน้ากันทันทีที่พวกมันรับรู้ได้ถึงความคิดของเขา
ตี้จวินอยากให้หงส์เพลิงกินเนื้อหรือ
นั่นมันผิดศีลมิใช่หรือ
หงส์เพลิงเป็นคนของพระพุทธศาสนา การกินเนื้อจึงขัดต่อศีลของศาสนาพุทธที่ว่าให้ละเว้นจากการเบียดเบียนชีวิตของผู้อื่น
แม้มือของนางจะเต็มไปด้วยเลือด แต่นางก็ทำเช่นนั้นเพื่อให้สรรพสัตว์ได้พ้นทุกข์
แต่การกินเนื้อสัตว์นั้นไม่เหมือนกัน…
มันแตกต่างกันจริงดังว่า หงส์เพลิงไม่เคยกินเนื้อมาก่อน นางเคยกินบะหมี่ที่โลกมนุษย์อยู่หนหนึ่ง แม้บะหมี่ชามนั้นจะไม่มีเนื้อสัตว์ แต่เส้นบะหมี่ก็ผ่านการลวกด้วยน้ำต้มกระดูกหมูมาก่อน หลังจากนั้นเมื่อนางกลับมาถึงดินแดนพระพุทธศาสนา นางก็อาเจียนออกมาอย่างรุนแรงจนนางรู้สึกราวกับถูกถลกหนังออกจากร่าง ทั้งยังสูญเสียเรี่ยวแรงไปจนหมด นั่นเป็นจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของนางที่ไม่มีใครรู้นอกจากต้นโพธิ์ และนางก็ไม่คิดที่จะให้ใครได้เห็นนางในสภาพเช่นนั้นอีก…
[1] เป็นชื่อเรียกของเทพองค์หนึ่ง