”อรหันต์ ท่านไม่ได้จะไปค้างที่ห้องของตี้จวินจริงๆ ใช่ไหมขอรับ” สามเณรน้อยขมวดคิ้วมุ่นขณะพยายามก้าวขาเล็กๆ สั้นๆ ของตัวเอง
หงส์เพลิงกำลังใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากชายหนุ่มรดน้ำต้นโพธิ์อยู่พอดี นางตอบเขาว่า ”แน่นอนว่าข้าพูดจริง”
”แต่ท่านไม่สามารถออกไปนอกดินแดนพระพุทธศาสนาได้นะขอรับ” สามเณรน้อยเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง ”ถ้าท่านออกไป ท่านจะไม่สบายนะขอรับ”
หงส์เพลิงหันไปมองสามเณรน้อย ”ตราบใดที่ข้าอยู่กับคนคนนั้น ข้าจะไม่เป็นอะไร”
”ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะขอรับ” สามเณรน้อยไม่เข้าใจ
หงส์เพลิงเปิดน้ำขวดที่สอง แล้วจึงเอ่ยว่า ”เพราะเขาไม่เคยเปลี่ยนใจมาเลื่อมใสศาสนานี้ เขาจึงไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพระพุทธศาสนา”
”มีคนที่ไม่เปลี่ยนใจมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาด้วยหรือขอรับ” สามเณรน้อยตาโตด้วยความไม่เชื่อ เขาคิดมาตลอดว่าคนเราต้องกลับใจมานับถือพระพุทธศาสนาเสียก่อน จึงจะสามารถกลายเป็นพระอรหันต์ได้
หงส์เพลิงย่อมรู้ว่าสามเณรน้อยคิดอะไรอยู่ นางหาวอย่างเกียจคร้านแล้วตอบว่า ”เขาแตกต่างจากคนอื่น เขาถูกสร้างขึ้นจากแก่นแท้ของฟ้าดิน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องเปลี่ยนมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา การจะเป็นเทพหรือจะเป็นพระอรหันต์นั้นล้วนแต่ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองทั้งสิ้น”
สามเณรน้อยตกตะลึงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ”เป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนจึงกล่าวกันว่าตี้จวินทรงพลังมาก”
”ที่จริงก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วย มีอีกหลายคนที่ถูกแก่นแท้ของฟ้าดินสร้างขึ้น แต่ชายคนนี้กลับเป็นเพียงคนคนเดียวที่พระพุทธศาสนาไม่สามารถทำอะไรเขาได้ พระพุทธศาสนาคิดที่จะเปลี่ยนเขามาตั้งแต่แรกแล้วเช่นกัน และจนกระทั่งวันนี้พวกเขาก็ยังพยายามทำให้เขายอมแพ้อยู่” หงส์เพลิงยิ้มเยาะราวกับไม่ยินดียินร้ายเมื่อพูดมาถึงประโยคสุดท้าย
กำลังเยาะเย้ยใคร? พระพุทธเจ้าหรือ?
สามเณรน้อยคิดว่าเขาคงตาฝาด เขาส่ายศีรษะเล็กๆ ของตัวเองไปมา และในที่สุดจึงสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างได้เมื่อเห็นหงส์เพลิงใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์ขวดที่สองรดน้ำต้นไม้ ”พระอรหันต์ขอรับ ทำไมวันนี้ท่านถึงใช้น้ำสองขวดรดน้ำต้นไม้ล่ะขอรับ”
”อ๋อ ก็เพราะข้าต้องออกไปค้างคืนข้างนอกน่ะสิ และถ้าห้องของตี้จวินอยู่สบาย ข้าอาจจะอยู่ต่ออีกสักสองวัน” หงส์เพลิงรู้สึกตื่นเต้นเพราะนางไม่เคยไปเยี่ยมใครมาก่อน ยิ่งกว่านั้น ที่ห้องของคนคนนั้นก็มีปีศาจอยู่เป็นจำนวนมาก เวลาที่นางว่าง นางก็สามารถให้อาหารพวกมันเหมือนให้อาหารปลาทองได้
หงส์เพลิงดูตื่นเต้น แต่สามเณรน้อยกลับตกใจอย่างมาก ”วันเดียวก็พอแล้วมิใช่หรือขอรับ ท่านคิดที่จะค้างถึงสองวันเลยหรือ?!”
”เจ้าควรไปเก็บสัมภาระให้ข้าได้แล้ว อย่าลืมเอาชุดนอนมาให้ข้าด้วยล่ะ” หงส์เพลิงยืนขึ้น หลังจากพูดประโยคนั้นจบ นางจึงหันไปพูดกับต้นโพธิ์เบาๆ ว่า ”ในเมื่อเขาเชิญข้าไปในฐานะแขก เช่นนั้นข้าควรเตรียมของฝากไปด้วยหรือเปล่า ช่างเถอะ อย่างไรเขาก็มีทุกอย่างอยู่แล้ว”
ไม่มีใครรู้ว่าหงส์เพลิงหมายความว่าอย่างไร
มีแค่ต้นโพธิ์ที่เข้าใจนาง
ตั้งแต่วันที่หงส์เพลิงตัวน้อยมาถึงภูเขาซวีหมี เวลาก็ผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว
ในที่สุด ก็มีใครสักคนที่อยากเป็นเพื่อนกับนาง
ในที่สุด นางก็ไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียว…
ตั้งแต่รุ่งสางจวบจนกระทั่งตะวันตกดิน
ต้นโพธิ์ยังกวัดแกว่งกิ่งก้านอยู่หน้าประตูแห่งพระอรหันต์ แต่ครั้งนี้ลมที่พัดเข้ามากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด
ท่ามกลางเสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตที่ลอยแว่วมาตามอากาศ เขาพัดม้วนกระดาษของหงส์เพลิงเปิดออกโดยไม่มีพระอรหันต์องค์ใดรู้สึกตัว
ความเย้ยหยันและความไม่เคารพยำเกรงต่อศาสนาที่ก่อตัวขึ้นในใจของหงส์เพลิง
ทั้งหมดล้วนแต่ถูกเขาปัดเป่าไป
มีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้นถึงจะทำให้นางมีเวลาได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
เพราะทันทีที่หงส์เพลิงถูกพบว่าเป็นกบฎ พระพุทธศาสนาก็จะบังคับให้นางกลับไปเกิดใหม่
นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้เพื่อคลายความอ้างว้างโดดเดี่ยวของนาง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่สามารถทำให้นางรู้แจ้งได้ก็ตาม…
บางทีอาจจะไม่มีใครรู้เลยก็ได้
รู้ถึงความรู้สึกในเวลานี้ของต้นโพธิ์ที่ยืนต้นอยู่ในทะเลแห่งก้อนเมฆอันกว้างใหญ่
มีอยู่ประโยคหนึ่งที่เขาไม่เคยบอกหงส์เพลิงมาก่อน
เขาจะช่วยเหลือให้นางได้ในทุกสิ่งที่นางต้องการ
ต่อให้วันหนึ่งนางจะต้องเจ็บปวดและกลับมาที่นี่ แต่เขาก็จะยังอยู่ตรงนี้เพื่อรอคอยนาง
แต่ต้นโพธิ์รู้ว่าคนคนนั้นจะไม่มีวันถอยหากนางได้ตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้ว…
คืนนั้น ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับ
ที่ภพสวรรค์นั้นแตกต่างจากโลกมนุษย์เพราะเพียงแค่ก้มหน้าลงก็สามารถมองเห็นทางช้างเผือกอันเต็มไปด้วยดวงดาวได้ทันที
ก่อนหน้านี้หงส์เพลิงเคยเห็นภาพนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่วันนี้มันกลับดูงดงามยิ่งกว่าปกติ
ค้างคืนที่ห้องของคนอื่นหรือ
นางคิดมาตลอดว่านางคงไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้น
แต่นางคาดไม่ถึงเลยว่า ความปรารถนาของนางจะเป็นจริงได้ในขณะที่นางยังมีชีวิตอยู่
สิ่งที่หงส์เพลิงตัวน้อยคิดอยู่ในเวลานั้นล้วนแต่เรียบง่าย
ยิ่งกว่านั้น นางก็ยังมีมารยาทมากพอที่จะถือของฝากติดมือไปด้วย ถึงพวกมันจะเป็นเพียงแค่อาหารปลาก็ตาม
อาหารปลาพวกนี้มีไว้ให้นางป้อนปีศาจเวลาที่นางเบื่อในตอนกลางคืน
เซียนที่มีหน้าที่ต้อนรับเห็นหงส์เพลิงเดินเข้ามา ท่าทางของพวกเขาเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอยู่ไม่มีผิด
คนที่กำลังอ้าปากหาวและขยี้ตาต่างพากันหยุดเคลื่อนไหวทันที แม้กระทั่งคนที่เดินผ่านไปก็ยังแทบสะดุดล้มหน้าคว่ำ!
”เร็วสิ รีบไปแจ้งเซียนทั้งหมดเร็วเข้า พระ พระอรหันต์หงส์เพลิงมาถึงแล้ว!”
”นางถืออะไรอยู่ในมือด้วย!”
”มันจะต้องเป็นอาวุธแน่ๆ! นางมาที่นี่เพื่อสู้กับตี้จวิน!”
”แต่ตี้จวินยังหลับอยู่นะ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี ทำอย่างไรดีล่ะ ไม่มีใครเป็นคู่มือของอรหันต์หงส์เพลิงได้!”
”ใจเย็นๆ! เจ้าเป็นเซียน เจ้าจะแตกตื่นไปทำไม”
”ถ้าเจ้าไม่แตกตื่น เช่นนั้นเจ้าก็ไปสู้กับนางสิ!”
”ข้า ข้า…”
หงส์เพลิงมองเหล่าเซียนที่กำลังพยายามถ่วงเวลา นางอยากถามทางกับพวกเขา แต่นางไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นางในระยะห้าฉื่อ
หงส์เพลิงมองไปทางซ้ายทีขวาที นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคว้าเซียนชั้นผู้น้อยคนหนึ่งเข้ามา
เซียนชั้นผู้น้อยกรีดร้องลั่น ”อรหันต์หงส์เพลิง ตระกูลของข้ายังมีทั้งเด็กและผู้อาวุโสอยู่ขอรับ อีกอย่าง ข้าก็ผอมกะหร่อง คงไม่สามารถต้านทานการโจมตีของท่านได้ ต่อให้ท่านอัดข้า ท่านก็คงไม่พอใจหรอกขอรับ!”
หงส์เพลิงยิ้ม และคิดว่าเซียนชั้นผู้น้อยผู้นี้น่าสนใจดีทีเดียว ”ใครบอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อชกต่อยกัน ตี้จวินอยู่ไหน”
”ตี้จวินไม่ได้อยู่ที่นี่ขอรับ เขาออกไปแล้ว จริงๆ นะขอรับ!” เซียนชั้นผู้น้อยกลัวว่าหงส์เพลิงจะไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงพยายามหาเหตุผลดีๆ มาพูดกับนางเพื่อหลีกเลี่ยงการลอบสังหารนี้ ”มีพ่อสื่อแม่สื่อหลายคนมาหาตี้จวินขอรับ ดังนั้นเขาก็เลยไปคุยกับคนพวกนั้น”
คิ้วสวยของหงส์เพลิงกระตุกขึ้น จากนั้นรอยยิ้มของนางก็ยิ่งเหยียดกว้าง ”เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนสุดท้ายที่โกหกข้ามีจุดจบเช่นใด”
เซียนชั้นผู้น้อยตัวแข็งทันทีที่ได้ยินเช่นนี้
”เอาล่ะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง บอกข้ามาว่าตี้จวินของเจ้าอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงของหงส์เพลิงทั้งอ่อนโยนและนุ่มนวล
แต่ยิ่งนางอ่อนโยนเท่าใด ความหวาดกลัวของเซียนชั้นผู้น้อยก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น เขายกนิ้วขึ้นก่อนจะชี้ข้ามไหล่ตัวเองไป
หงส์เพลิงยิ้มเมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ นางปล่อยเซียนคนนั้นไป แล้วส่งของที่อยู่ในมืออีกข้างให้กับเขา ”นี่เป็นของฝากสำหรับตี้จวิน”
”ของฝากหรือขอรับ” เซียนชั้นผู้น้อยไม่กล้ารับมัน เขาไม่เชื่อว่ามันจะเป็นของฝากจริงๆ นี่จะต้องเป็นกับดักแน่ๆ! เป็นไปได้หรือที่อรหันต์หงส์เพลิงจะนำของฝากมาให้กับตี้จวินของพวกเขา เจ้าสิ่งนี้อาจจะเป็นระเบิดก็ได้!
หงส์เพลิงชักมือกลับเมื่อเห็นว่าเขาไม่เคลื่อนไหว
ทีแรกนางตั้งใจว่าจะมาเยี่ยมเยือนด้วยความสุภาพเหมือนอย่างที่คนธรรมดาทำกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่เหมือนกับที่คิดเอาไว้…
เซียนชั้นผู้น้อยสังเกตเห็นว่าวันนี้หงส์เพลิงดูค่อนข้างแปลกไปจากปกติ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนถามขึ้นว่า ”อรหันต์มาที่นี่เพื่อนำของฝากมามอบให้กับตี้จวินจริงๆ หรือขอรับ”
หงส์เพลิงพยักหน้า แปลกหรือที่นางนำของฝากมาด้วย
เซียนชั้นผู้น้อยยังคงไม่เชื่อนาง
ตอนนั้นนั่นเองที่เซียนอาวุโสผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านใน เขารีบวิ่งเข้ามาเมื่อเห็นหงส์เพลิงยืนอยู่ข้างนอก ”พระอรหันต์ ทำไมท่านถึงรีบมาเช่นนี้ล่ะขอรับ ตี้จวินบอกว่าวันนี้ท่านจะมาค้างที่นี่ ข้าคิดว่าท่านจะมาหลังจากสวดมนต์เสร็จแล้วเสียอีก ข้ากำลังจะส่งคนไปรับท่านจากดินแดนพระพุทธศาสนาเพื่อพาท่านมาที่นี่อยู่พอดี”