ตอนที่ 227 จ้างฉันแค่ยี่สิบหยวนเนี่ยนะ
ตอนที่ 227 จ้างฉันแค่ยี่สิบหยวนเนี่ยนะ
ชื่อเรียกหลิวกุ้ยอิงที่ฟังดูสนิทสนมคุ้นเคยของเจียงกั๋วเซิ่งดึงดูดความสนใจของเสิ่นเถี่ยจวินกะทันหัน “กุ้ยอิง? ดูเหมือนจะเป็นชื่อเล่นสำหรับคนสนิทเรียกกัน คุณสนิทกับหล่อนด้วยเหรอ?”
เจียงกั๋วเซิ่งกระแอมไอแก้เก้อ “ไม่เท่าไหร่หรอก ผมแค่เคยไปกินเหลียงเฝิ่นที่แผงขายอาหารของหล่อนสองสามครั้งน่ะ”
“อ้อ”
เจียงกั๋วเซิ่งพูดต่อ “ไว้ผมจะบอกกุ้ยอิงทีหลัง ให้หล่อนทำเรื่องฟ้องร้องโรงพยาบาลร่วมกับคุณ ความประมาทเลินเล่อและความผิดพลาดของพวกเขาก่อให้เกิดความเสียหายต่อทั้งสองครอบครัวไม่น้อยเลย”
“พวกเขาจะฟ้องไปทำไม?” เสิ่นเถี่ยจวินตะคอกอย่างเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงชวนให้เข้าใจผิด “ลูกสาวของหล่อนเติบโตขึ้นมาในเมือง แถมตอนนี้ครอบครัวนั้นก็ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองแล้ว พวกเขายังต้องฟ้องร้องให้มันอะไรได้ขึ้นมา? ในเมื่อตัวเองเป็นผู้รับผลประโยชน์ ไม่มีประโยชน์ที่โจรจะฟ้องร้องจับโจรหรอกนะ”
“เหล่าเสิ่น คุณหมายความว่ายังไง?” เจียงกั๋วเซิ่งได้ยินความหมายโดยนัยจากคำพูดของเสิ่นเถี่ยจวิน “คุณกำลังสงสัยว่าหลิวกุ้ยอิงเป็นคนทำงั้นเหรอ?”
เสิ่นเถี่ยจวินเหลือบมองเขา เหยียดยิ้มเยาะเย้ย แทนที่คำตอบด้วยความเงียบ
เจียงกั๋วเซิ่งปกป้องหลิวกุ้ยอิงต่อไป “หล่อนเป็นผู้หญิงที่ซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบนะ ดูแล้วไม่ใช่คนที่จะลงมือทำเรื่องแบบนั้น”
“คนร้ายที่ไหนบ้างมีคำว่าร้ายเขียนอยู่บนใบหน้า? คุณเองก็อยู่ให้ห่างจากคนพวกนี้ซะ” เสิ่นเถี่ยจวินโบกมือ “เอาล่ะ แยกย้ายกลับไปทำงานต่อเถอะ”
เจียงกั๋วเซิ่งไม่สามารถล้วงความลับจากเสิ่นเถี่ยจวินได้ก็เริ่มเป็นกังวล
เป็นไปได้ไหมว่าหลิวกุ้ยอิงจะเป็นคนทำจริง ๆ?
ถ้าสหายตำรวจบุกไปหาถึงหน้าประตูบ้าน ถ้าหล่อนเป็นคนทำจริง สุดท้ายคงหนีคุกตะรางไม่พ้น
เจียงกั๋วเซิ่งรีบกลับบ้าน วางแผนว่าจะขอให้เจียงอวี่เฟยมาถามหลินเซี่ยอีกที
…
หลังจากหลิวลี่ลี่ออกมาจากร้านของถังหลิงเมื่อวานนี้ หล่อนก็ตรงไปที่ร้านตัดผมของรัฐแล้วขอลาออกอย่างไม่รีรอ
หล่อนเป็นแค่เด็กฝึกงาน เมื่อบอกว่าต้องการลาออก ร้านตัดผมของรัฐก็ไม่รั้งเธอไว้ นอกจากนี้กิจการร้านตัดผมของรัฐค่อนข้างซบเซา แน่นอนว่าพวกเขาอยากหาทางลดค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว
หลังลาออก หลิวลี่ลี่ก็มาที่ร้านตัดผมของหลินเซี่ยในวันนี้โดยไม่หยุดพัก เพราะหวังจะได้เริ่มงานโดยทันที
หล่อนเดินเข้าไป เมื่อเห็นชุนฟางกำลังฝึกทำผมกับวิกผมบนหุ่นจำลอง หลิวลี่ลี่ก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้า “ชุนฟาง กำลังฝึกทำผมอยู่เหรอ?”
ชุนฟางเห็นหลิวลี่ลี่เดินเข้ามา เนื่องจากหมดความกังวลใจไปตั้งแต่เมื่อวาน จึงมุ่งความสนใจไปที่การดัดผมและตอบกลับไปเบา ๆ “อืม”
“เซี่ยเซี่ย ฉันมาแล้ว”
เมื่อหลิวลี่ลี่เห็นหลินเซี่ย หล่อนก็แทบวิ่งเข้าไปจับมือเธออย่างกระตือรือร้น
แต่กลับถูกหลินเซี่ยหลีกเลี่ยงด้วยความรังเกียจ
หลิวลี่ลี่ไม่สนใจ พูดอย่างกระตือรือร้นว่า “ฉันลาออกแล้ว”
หลินเซี่ยเลิกคิ้ว “ตัดสินใจเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ใช่ ฉันไปขอลาออกเมื่อวานตอนบ่าย วันนี้เพิ่งจะได้รับเอกสารยืนยันมา ฉันเป็นแค่เด็กฝึกงาน ขั้นตอนต่าง ๆ เลยรวดเร็วมาก”
หลิวลี่ลี่มองไปที่หลินเซี่ยด้วยความคาดหวังพร้อมกับถามว่า “เซี่ยเซี่ย ฉันขอเริ่มงานวันนี้เลยได้ไหม?”
“เริ่มงานเหรอ?” หลินเซี่ยเหลือบมองหล่อน พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเป็นแบบนั้น หลิวลี่ลี่ก็เริ่มใจเสีย สัมผัสได้ถึงกลิ่นทะแม่ง ๆ บางอย่าง “เธอคงไม่กลับคำพูดหรอกนะ?”
“ไม่แน่นอน”
หลินเซี่ยกอดอก มองดูหล่อนด้วยท่าทางที่เหนือกว่า ราวกับเป็นเจ้านายหน้าเลือด “เธอคงเห็นแล้วว่าร้านของฉันเป็นแค่ร้านขนาดเล็กเท่านั้น ดังนั้นฉันจะจ้างเธอให้มาช่วยสระผม จ่ายเงินให้ยี่สิบหยวนต่อเดือน เธอยินดีจะทำหรือเปล่าล่ะ?”
“ยี่สิบหยวน?!” หลิวลี่ลี่ทำหน้าเหมือนได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิต ทันใดนั้นก็กลับมาทำท่าทางหัวเสีย จ้องไปที่หลินเซี่ยและถามด้วยความไม่เชื่อ “เธอหมายความว่าไง? จ่ายเงินจ้างฉันแค่เดือนละยี่สิบหยวนเนี่ยนะ?”
หลินเซี่ยเห็นว่าผู้หญิงสมองน้อยตรงหน้าเปลี่ยนท่าทีเป็นหงุดหงิดไวปานวอก มุมปากก็โค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง
“ถูกต้อง เดือนละยี่สิบหยวน ส่วนพนักงานประจำ… แต่จากระดับความสามารถของเธอ ชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้ขยับเป็นพนักงานประจำหรอก” เธอกางมือออก มองดูหลิวลี่ลี่ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
เยาะเย้ย!
นี่ถือเป็นการเยาะเย้ยซึ่งหน้า!
หลิวลี่ลี่หยุดเสแสร้งปั้นยิ้ม ใบหน้าของบิดเบี้ยวด้วยแรงอารมณ์ เกือบจะขยับตัวปรี่เข้าไปหาอีกฝ่ายแล้ว “หลินเซี่ย นี่แกหลอกฉันเหรอ?”
พออีกฝ่ายหยุดแสดงละคร หลินเซี่ยเองก็หยุดแสดงละครเหมือนกัน พูดด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “ฉันหลอกเธอตรงไหน? เธอกล้าแย้งไหมล่ะว่าระดับความสามารถของเธออยู่เหนือว่าระดับของเด็กฝึกงาน? เธอรู้ว่าตัวเองอาจถูกร้านตัดผมของรัฐเลิกจ้างสักวัน ก็เลยมาขอสมัครงานกับฉันเพื่อขโมยเคล็ดลับทางอาชีพ อีกไม่นานก็สร้างปัญหาให้ฉัน คิดว่าฉันยังเป็นหลินเซี่ยคนโง่เหมือนเมื่อก่อนเหรอ? ที่มองไม่ออกว่าคนอย่างเธอแกล้งพูดภาษาดอกไม้เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ฉันจ้างเธอด้วยเงินยี่สิบหยวน ถือเป็นเรตที่สูงมากสำหรับระดับความสามารถอย่างเธอแล้ว”
หลิวลี่ลี่ถูกหลินเซี่ยหลอกให้ลาออก ทำให้ตอนนี้กลายเป็นคนตกงาน จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองโง่เขลาที่เสียรู้
หล่อนตะคอกด้วยอารมณ์โกรธจัด “ทำไมเมื่อวานไม่บอกแต่แรกล่ะว่าไม่อยากจ้างฉัน?”
รอจนกระทั่งหล่อนลาออกก่อนถึงปฏิเสธ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นการจงใจโดยสิ้นเชิง
หลินเซี่ยตะคอกกลับ “ถ้าฉันพูดตั้งแต่เมื่อวาน เธอจะยอมลาออกง่าย ๆ เหรอ? นังโง่”
“ตกลงยอมรับค่าจ้างเดือนละยี่สิบหยวนไหม? ถ้าไม่งั้นก็เชิญออกไปซะ” หลินเซี่ยเปิดประตูอ้าค้างไว้ ส่งแขกออกไปโดยไม่เกรงใจ
หลิวลี่ลี่คิดทบทวน รู้สึกว่าหลินเซี่ยกำลังดูถูกว่าหล่อนมีค่าแค่เดือนละยี่สิบหยวน
ตอนแรกที่เข้าไปทำงานในร้านตัดผมของรัฐ เลวร้ายที่สุดก็ยังได้รับเงินเดือนละห้าสิบหยวน ตอนนี้เงินเพิ่มขึ้นเป็นแปดสิบหยวนแล้ว
แต่เธอกลับจ่ายให้แค่ยี่สิบหยวนเนี่ยนะ?
นี่มันต่างอะไรจากจ่ายเศษเงินให้ขอทานกัน?
หล่อนสะบัดผมหางม้าด้วยความโกรธ แล้วเดินสะบัดสะบิ้งจากไป
วันนี้ร้านของถังหลิงยังไม่เปิด ดังนั้นหลิวลี่ลี่จึงเดินจากไปทันทีหลังจากออกไปนอกร้านแล้ว
“ชุนฟาง นี่พอจะช่วยผ่อนคลายความโกรธได้บ้างไหม?” หลินเซี่ยมองไปที่ชุนฟางแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
ชุนฟางไม่เคยเห็นหลิวลี่ลี่หัวเสียขนาดนี้มาก่อน หล่อนพยักหน้าหงึก ๆ “อืม คลายโกรธไปได้เยอะเลย”
ในเวลาเดียวกันหล่อนก็กังวลมาก “เซี่ยเซี่ย หล่อนจะกลับมาแก้แค้นเธอทีหลังหรือเปล่า? หลิวลี่ลี่ไม่ใช่คนดี หล่อนต้องกลับมาสร้างปัญหาแน่นอน”
หลินเซี่ยหัวเราะเบา ๆ “เธอคิดว่าถ้าฉันยอมรับหล่อนเข้าทำงาน หล่อนจะไม่หาทางแก้แค้นพวกเราหรือไง?”
การเก็บศัตรูไว้ข้างกายจะนำไปสู่หายนะ
หากเธอคาดเดาไม่ผิด การที่หลิวลี่ลี่มาสมัครงานกับเธอ อาจเป็นความตั้งใจของผู้อยู่เบื้องหลังก็เป็นได้
หลิวลี่ลี่เป็นนังตัวแสบทิฐิสูง ถ้าไม่มีใครไปโน้มน้าวหรือให้ข้อเสนอที่ดีกว่า คนอย่างหล่อนไม่มีทางยอมลาออกจากร้านตัดผมของรัฐ และมาที่นี่เพื่อยอมจำนนต่อเธอง่าย ๆ
…
เรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อหลิวลี่ลี่กลับมาอีกครั้งในช่วงบ่าย
หล่อนเปลี่ยนทัศนคติที่ฉุนเฉียวและโกรธเคืองจากตอนเช้า กลับมาเชื่องช้าเหงาหงอยเหมือนลาง่วง
ทันทีที่เดินเข้ามา ผู้หญิงคนนี้ก็ทำหน้าราวกับตัวเองหมดสิ้นหนทาง พูดเบา ๆ ว่า “เซี่ยเซี่ย ฉันลองกลับไปคิดดูแล้ว เธอพูดถูก ฉันควรได้รับค่าจ้างแค่ยี่สิบหยวนต่อเดือนในฐานะเด็กฝึกงานจริง ๆ ตอนนี้แม้แต่ช่างฝีมือในร้านตัดผมของรัฐยังพากันลาออกเลย แล้วคนอย่างฉันจะไปหางานที่ไหนได้ สู้มาทำงานที่นี่ดีกว่า ค่าจ้างเดือนละยี่สิบก็เดือนละยี่สิบ”
หลินเซี่ย “!!!”
“ยี่สิบก็ยอมงั้นเหรอ?” เธอตกใจมาก
หลิวลี่ลี่ขบกรามแล้วพยักหน้า “ยอม”
หลินเซี่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนกลุ่มนั้นจะใจป้ำลงทุนขนาดนี้เพื่อส่งสายลับมาทำลายเธอ แม้แต่ค่าแรงที่น่าเกลียดที่สุดยังยอมศิโรราบ
ภายใต้การจ้องมองที่กระตือรือร้นของหลิวลี่ลี่ หลินเซี่ยได้แต่ยิ้มอ่อน และยังคงปฏิเสธอย่างหนักแน่น “ต้องขอโทษด้วย หลังจากเธอเดินสะบัดออกไปจากร้านฉันเมื่อเช้า ฉันก็รับสมัครเด็กใหม่มาแทนพอดี ร้านเล็ก ๆ ของเราไม่มีที่ว่างให้เธออีก”
“เธอ…” หลิวลี่ลี่แทบจะลุกไปทุบอีกฝ่าย “เมื่อเช้าเธอเพิ่งพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเธอพอใจจะจ้างฉันที่เดือนละยี่สิบหยวน?”
“นั่นเป็นเรื่องของเมื่อเช้า ฉันให้โอกาสแต่เธอไม่ยอมคว้าเอาไว้เอง ตอนนี้หมดโอกาสแล้ว”
หลิวลี่ลี่ไม่เหลืองานในร้านตัดผมของรัฐให้กลับไปพึ่งพาอีก หลินเซี่ยจึงไม่เสียเวลาเสวนากับหล่อนอีกต่อไป เปิดประตูส่งแขกเหมือนกับเมื่อเช้า “เชิญ”
“หลินเซี่ย นังงูพิษ ฝากไว้ก่อนเถอะ”
หลิวลี่ลี่แทบไม่ต่างอะไรจากไก่อ่อนที่พ่ายแพ้ สูญเสียความมั่นใจไปจนหมด
“ฉันจะรอแล้วกัน” หลินเซี่ยแสยะยิ้มอย่างดูถูก “ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะกลับมาเอาคืนจากฉันวันไหน”
ทันทีที่หลิวลี่ลี่จากไป ชุนฟางก็เดินเข้ามาถามอย่างสงสัย “เซี่ยเซี่ย ทำไมจู่ ๆ หล่อนถึงเปลี่ยนใจทำทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองจะได้รับเงินแค่ยี่สิบหยวนต่อเดือนล่ะ?”
หลิวลี่ลี่ไม่ใช่คนประเภทที่ยอมรับความอัปยศในระดับนี้ได้เสียเมื่อไร
หลินเซี่ยหัวเราะเยาะ “คงมีใครบางคนช่วยสมทบเงินเดือนส่วนต่างให้หล่อนน่ะสิ”
เพื่อแต่งตั้งหลิวลี่ลี่เป็นสายลับ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังหล่อนย่อมไม่สนว่าตัวเองต้องจ่ายหนักแค่ไหน
…
วันรุ่งขึ้น ร้านเสริมสวยของถังหลิงได้ฤกษ์เปิดทำการแล้ว รถยนต์ของผู้เฒ่าเสิ่นขับมาจอดเทียบริมถนน จากนั้นเสิ่นอวี้อิ๋งและคนอื่น ๆ ก็ก้าวลงจากรถ
เสิ่นเสี่ยวเหมยชี้ไปที่ป้าย ‘สงโถวไคฉื่อ’ ขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านเสริมสวยของถังหลิง แล้วหันไปเติมเชื้อไฟกับผู้เฒ่าเสิ่นว่า “คุณลุง ดูนั่นสิคะ นั่นร้านตัดผมของหลินเซี่ย ทำไมหล่อนถึงตั้งชื่อร้านว่า ‘เริ่มใหม่อีกครั้ง’ นี่ไม่ใช่การจงใจข่มตระกูลเสิ่นของเราหรอกเหรอ”
ผู้เฒ่าเสิ่นเห็นว่าหลินเซี่ยทำงานยุ่งอยู่ในร้านจากหน้าประตู ไม่รู้ว่าเธอเห็นพวกเขาหรือเปล่า เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่เงยหน้าขึ้นมามองเลย
เสิ่นเสี่ยวเหมยยังไม่หายโกรธ เอาแต่บ่นกับผู้เฒ่าเสิ่นต่อไป “ลุงเห็นหรือยังว่าเดี๋ยวนี้หล่อนหยิ่งขนาดไหน เห็นว่าลุงลงจากรถก็ไม่แม้แต่จะเข้ามาทักทาย คงคิดว่าร้านตัดผมของตัวเองยิ่งใหญ่มากมั้ง”
สีหน้าของผู้เฒ่าเสิ่นยิ่งน่าเกลียดเข้าไปใหญ่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ว้ายยย โดนหลอกให้ตกงานเตะฝุ่นแล้วยัยลิ่วล้อ กลับไปรับใช้นายใหม่เธอแล้วกันนะ
ยัยดอกเหมยเน่านี่ก็ยุไม่เลิก เหมือนชาติก่อนเคยเป็นบ่างอย่างไรอย่างนั้น
ไหหม่า(海馬)