ตอนที่ 242 ผู้หญิงมีเลือดออกเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว
ตอนที่ 242 ผู้หญิงมีเลือดออกเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว
“เฉินเจียเหอ ฉันไม่ได้ขัดแข้งขัดขาหรือทำให้หล่อนล้มโดยตั้งใจจริง ๆ นะ หล่อนล้มลงกับพื้นก่อนที่ฉันจะทันได้เข้าไปด้วยซ้ำ”
“ผมเชื่อใจคุณ”
เฉินเจียเหอดึงหลินเซี่ยให้มานั่งลง จากนั้นถามย้ำอีกครั้ง “คุณบอกว่าวันนี้หล่อนกระตือรือร้นเป็นพิเศษ และยืนกรานจะให้คุณตัดผมให้ได้ พอคุณปฏิเสธ หล่อนกลับไม่ยอมออกไป?”
หลินเซี่ยพยักหน้า “ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นแปลว่าหล่อนจงใจไปหาเรื่องคุณถึงร้าน”
เฉินเจียเหอหรี่ตาอันเฉียบคมของเขา จากนั้นก็สรุปโดยตรงว่า “จุดประสงค์ของหล่อนคือการแกล้งล้มในร้าน จากนั้นก็โยนความผิดให้กับคุณ”
หลินเซี่ยรู้ดีว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยใส่ร้ายเธออย่างจงใจ แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่อย่างหนึ่ง “แต่ถึงยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นลูกของหล่อนแท้ ๆ คงไม่ถึงขั้นยอมเสียสละชีวิตเด็กทั้งคนเพื่อที่จะใส่ร้ายฉัน ถ้าอย่างนั้นทำไมล่ะ? หล่อนบังเอิญล้มเองงั้นเหรอ?”
หลังจากพูดจบ เธอก็ส่ายหัวทันที ไม่น่าใช่!
หล่อนไม่มีทางล้มบนพื้นราบง่าย ๆ แม้จะถูกคนจงใจผลักก็ตาม
พื้นคอนกรีตไม่ได้ถูกขัดเงาจนลื่นหัวแตกขนาดนั้น บนพื้นก็ไม่เปียก คนปกติจะไขว่คว้าหาที่ยึดไม่ทันเชียวเหรอถ้ารู้ว่าตัวเองกำลังจะล้ม?
เฉินเจียวั่งบอกว่า “สมมุติว่าสุขภาพร่างกายของหล่อนผิดปกติเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจนทำให้เด็กในท้องไม่รอด หล่อนก็เลยอาศัยโอกาสนี้โทษเธอล่ะ?”
คำพูดของเฉินเจียวั่งเปิดกรุความคิดของหลินเซี่ยจนกระจ่างทันที ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ จากนั้นเธอก็มองไปที่พี่น้องทั้งสองคนและโพล่งออกมาว่า “หรือว่าหล่อนไม่ได้ท้องตั้งแต่แรก?”
ทันทีที่หลินเซี่ยพูดแบบนี้ สองพี่น้องตระกูลเฉินก็มองหลินเซี่ยพร้อมกัน “ไม่ได้ท้องงั้นเหรอ?”
หลินเซี่ยยืนยันความคิด “ใช่ นับตั้งแต่หล่อนประกาศว่าตัวเองตั้งท้องก็เป็นเวลานานพอสมควร แต่หล่อนไม่เคยเข้ารับการฝากครรภ์เลย ตอนที่เรากลับมากินข้าวมื้อเย็นเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันได้ยินคุณย่าและคุณแม่ช่วยกันขอร้องให้เฉินเจียซิ่งพาเสิ่นเสี่ยวเหมยตรวจครรภ์”
เฉินเจียวั่งพยักหน้า “ใช่ ฉันก็ได้ยินเหมือนกัน พี่รองบอกว่าพี่สะใภ้รองยุ่งอยู่กับงาน และจะไปที่โรงพยาบาลในสัปดาห์หน้า”
ถ้าเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่เคยไปฝากครรภ์เลยจนถึงตอนนี้ ก็เท่ากับหล่อนเข้าใจผิดไปเองว่าตัวเองกำลังท้อง
“เป็นไปได้ไหมว่าเสิ่นเสี่ยวเหมยอาจไม่ได้ตั้งท้องตั้งแต่แรก จนในที่สุดหล่อนไม่สามารถปิดบังความจริงได้อีกต่อไป ก็เลยจงใจทำให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้? หรือบางทีหล่อนอาจรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าเข้าใจผิดไปเอง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมอธิบายให้ทุกคนฟัง เลยถือโอกาสที่ทุกคนรู้ว่าหล่อนท้องใส่ร้ายฉัน ถ้าฉันยอมรับผิด ไม่เพียงแต่หล่อนจะตกเป็นเหยื่อ แต่ฉันยังถูกทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกตราหน้าว่าเป็นคนใจร้าย ทำให้ครอบครัวคุณยอมรับฉันไม่ได้”
เมื่อเกิดข้อสงสัยขึ้นมาแล้ว หลังจากนั้นก็สามารถอนุมานและคาดเดาความน่าจะเป็นอื่น ๆ ได้สารพัด
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่ผิดปกติของเสิ่นเสี่ยวเหมย อย่างน้อยความเป็นไปได้ของเธอก็ควรจะถูกต้องสักอย่าง
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ใบหน้าที่เคร่งเครียดของเฉินเจียเหอก็มืดมนลงกว่าเดิม ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น และร่างกายก็แผ่รังสีรุนแรงอันน่าสะพรึงกลัว
หลินเซี่ยมีความคิดร้อยแปดอยู่ในหัวจนไม่สามารถนั่งนิ่งได้ “เราต้องไปตรวจสอบให้เร็วที่สุด ฉันไม่ยอมถูกกล่าวหาฝ่ายเดียวแน่ ฉันรู้สึกว่าปู่กับย่าของคุณไม่ค่อยเชื่อใจฉันเท่าไหร่ เพราะถึงยังไงอุบัติเหตุของเสิ่นเสี่ยวเหมยก็เกิดขึ้นในร้านของฉัน พวกเขาคงไม่พอใจฉันอยู่บ้าง”
เฉินเจียเหอจับมือเธอและปลอบเธอเบา ๆ “อย่ากังวลเลย มีผมอยู่ทั้งคน คุณจะไม่มีวันถูกกล่าวหาอย่างอยุติธรรม”
เฉินเจียวั่งลูบคางพลางวิเคราะห์จากด้านข้างว่า “ถ้าสมมติฐานของพี่เป็นจริง เสิ่นเสี่ยวเหมยไม่มีกำลังพอที่จะทำเรื่องใหญ่แบบนี้ด้วยตัวเองได้แน่ เป็นไปได้ไหมว่าหมอในโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องจะถูกติดสินบนล่วงหน้า? แต่เสิ่นเสี่ยวเหมยมีกำลังทรัพย์มากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ในสายตาของเฉินเจียวั่ง เสิ่นเสี่ยวเหมยเป็นแค่ผู้หญิงที่เอาแต่ใจและทำตัวหยิ่งผยองไปวัน ๆ ดูไม่มีความคิดซับซ้อนเจ้าเล่ห์แสนกลมากนัก
นอกจากนี้ โรงพยาบาลที่ว่าก็ไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของตระกูลเสิ่น แล้วหล่อนจะทำเรื่องทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร?
“ถ้าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง หล่อนต้องมีคนสมรู้ร่วมคิดแน่” หลินเซี่ยอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงรถตู้กระบะทึบที่จอดอยู่หน้าประตูร้านของถังหลิงตลอดช่วงเช้า และผู้หญิงสองคนที่รีบวิ่งเข้ามาช่วยทันทีที่เสิ่นเสี่ยวเหมยตะโกนเรียก
กระบวนการทุกอย่างราบรื่นเกินไป
เป็นการวางแผนแบบครบวงจร พวกหล่อนไม่คิดจะพึ่งพารถของคนอื่นด้วยซ้ำ
“คุณพอจะรู้จักใครที่อยู่ในโรงพยาบาลเหรินกวงบ้างไหม?” หลินเซี่ยถามเฉินเจียเหอ
“ผมขอโทรไปถามเย่ไป๋หน่อย”
เพื่อนหมอคนเดียวที่เฉินเจียเหอรู้จักคือเย่ไป๋ เขาจึงยืมโทรศัพท์ของเฉินเจียวั่งเพื่อโทรหาเย่ไป๋ทันที
ถึงแม้เย่ไป๋จะประจำการอยู่ในโรงพยาบาลไห่เฉิง แต่เขาต้องรู้จักเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในโรงพยาบาลอื่นในวงการเดียวกันอย่างแน่นอน
เย่ไป๋ได้ยินเฉินเจียเหอสอบถามเกี่ยวกับโรงพยาบาลเหรินกวง เขาก็ตอบกลับมาว่าพอจะมีเพื่อนร่วมชั้นปีและอดีตเพื่อนร่วมงานหลายคนเคยไปฝึกงานที่นั่น
เมื่อได้ยินว่าเย่ไป๋มีคนรู้จักอยู่ที่นั่น เฉินเจียเหอก็พูดทันทีว่า “เหล่าเย่ ถ้าสะดวกช่วยมาหาพวกเราที่บ้านพักในโรงงานหน่อย”
หลังจากวางสายแล้ว เฉินเจียเหอก็พาหลินเซี่ยออกไป
“มาเถอะ กลับไปที่บ้านพักในโรงงานกัน เย่ไป๋น่าจะไปถึงที่นั่นในอีกสักครู่ จากนั้นเราค่อยขอให้เขาช่วยสอบถามคนรู้จัก และตรวจสอบประวัติการรักษาของเสิ่นเสี่ยวเหมย”
เฉินเจียวั่งบอกว่าเขานอนไม่หลับ ดังนั้นจึงอยากออกไปกับพวกเขา
ขณะที่พวกเขาลงมาชั้นล่าง เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลพอดี
“พ่อ แม่ กลับมาแล้วเหรอครับ?”
สีหน้าของทั้งคู่ยังคงเคร่งขรึม ในโรงพยาบาลเมื่อสักครู่นี้ เสิ่นเสี่ยวเหมยเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญปานใจจะขาด กล่าวถึงการกระทำชั่วร้ายของหลินเซี่ยให้พวกเขาฟัง
ลูกสะใภ้ของพวกเขาแท้งลูก พวกเขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก ยิ่งเสิ่นเสี่ยวเหมยร้องไห้หนักแบบนั้น พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดใจ
“พวกลูกจะออกไปไหนกัน?” โจวลี่หรงถาม
เฉินเจียเหอตอบกลับ “เราจะกลับไปนอนที่โรงงาน”
เฉินเจิ้นเจียงมองเฉินเจียวั่งอย่างกังวล “เจียวั่งก็ไปด้วยเหรอ?”
“อืม”
ขณะพวกเขาทั้งสามกำลังจะออกไปข้างนอก เฉินเจิ้นเจียงก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พวกเธอไม่คิดจะถามเกี่ยวกับอาการของเสี่ยวเหมยด้วยซ้ำ หล่อนเสียลูกไปทั้งคน จนถึงตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ พวกเธอนี่แล้งน้ำใจเกินไปแล้ว”
ครู่นี้เสิ่นเสี่ยวเหมยร้องไห้หนักมาก จนแม้แต่เฉินเจิ้นเจียงซึ่งเป็นชายวัยกลางคนยังอดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้
ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความผิดของหลินเซี่ย แต่ในเมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายในครอบครัว อย่างน้อยพวกเขาก็ควรฝากความห่วงใยและถามไถ่กันบ้าง
“พ่อ ตอนที่หล่อนจงใจใส่ร้ายเซี่ยเซี่ย นอกจากจะแล้งน้ำใจแล้ว ยังเป็นคนเลวทรามมากอีกด้วย”
เฉินเจิ้นเจียงเริ่มอยู่ไม่สุข เฉินเจียเหอจึงพูดอย่างใจเย็น
“อย่าเอาแต่มองพวกเราแบบนั้น พรุ่งนี้ผมจะกลับมาให้คำอธิบายกับพวกคุณ ถ้าเซี่ยเซี่ยเป็นคนทำร้ายหลานของบ้านเราจริง ๆ ผมจะเป็นคนเดินไปมอบตัวหล่อนให้ตำรวจเอง”
หลังจากที่เฉินเจียเหอพูดจบ ทั้งสามคนก็ออกจากบ้าน
เมื่อผ่านห้องเต้นรำของเซี่ยไห่ เฉินเจียเหอก็ขึ้นไปบนชั้นสองแล้วเคาะประตู หู่จือหลับไปแล้ว ส่วนเซี่ยไห่ก็กังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพของหลินเซี่ยมาก ๆ เมื่อเขาเห็นเฉินเจียเหอ ก็รีบสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ทันที
เฉินเจียเหอลดระดับเสียงลง แล้วพูดว่า “ไปคุยกันที่บ้านฉันดีกว่า”
เซี่ยไห่มอบความไว้วางใจโดยฝากหู่จือไว้กับเฉียนต้าเฉิง บอกให้เขานอนเฝ้าอยู่ด้านข้าง จากนั้นจึงลงไปชั้นล่าง ตรงไปที่อาคารพักอาศัยพนักงานโรงงานเพื่อหารือกัน
เดิมทีหลินเซี่ยตั้งใจจะพาเซี่ยไห่ไปเยี่ยมแม่ของเธอในวันนี้ เมื่อเธอเห็นเซี่ยไห่จึงถามว่า “เถ้าแก่เซี่ย คุณยังไม่ได้เล่าเรื่องเสิ่นเสี่ยวเหมยให้พี่ชายฉันฟังใช่ไหมคะ?”
เซี่ยไห่อธิบาย “เสิ่นเสี่ยวเหมยล้มในร้านของเธอ เพื่อนบ้านทุกคนรู้กันหมด ฉันเลยบอกพี่ชายเธอแล้วว่าให้กลับไปบอกแม่ว่าขอเลื่อนนัด พรุ่งนี้เราค่อยจะไปกินอาหารเย็นที่นั่น”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็วางใจแล้ว”
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เย่ไป๋ก็มาถึงเช่นเดียวกัน
วันนี้เย่ไป๋สวมเสื้อนอกสีน้ำตาล เขาดูหล่อเหลาสะอาดสะอ้านสมกับที่เป็นนายแพทย์
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า?” ทันทีที่เย่ไป๋เข้ามาและเห็นเฉินเจียวั่ง เขาก็ถามโดยสัญชาตญาณ “เจียวั่งไม่สบายหรือเปล่า?”
เฉินเจียวั่งตอบว่า “หมอเย่ ผมสบายดีครับ”
เฉินเจียเหอค่อย ๆ เล่าให้เย่ไป๋ฟังเกี่ยวกับอุบัติเหตุการแท้งของเสิ่นเสี่ยวเหมย และข้อสงสัยของพวกเขา
เซี่ยไห่ที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจมาก “นายว่าไงนะ? นี่กำลังจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ท้องตั้งแต่แรกงั้นเหรอ?”
เซี่ยไห่ดูสับสน เขามองไปที่หลินเซี่ย และถามคำถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ “แต่หล่อนเลือดออกจริง ๆ นี่นา? หรือว่าหล่อนจงใจทำร้ายตัวเองเพื่อใส่ความเธอกัน?”
หลินเซี่ย “อย่าลืมสิว่าผู้หญิงมีเลือดออกเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว”
ผู้ชายทั้งสี่คน “!!!”
ในฐานะแพทย์วิชาชีพ เย่ไป๋สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าหลินเซี่ยหมายถึงอะไร
อาการของประจำเดือนสามารถหลอกลวงคนทั่วไปว่าเป็นการแท้งบุตรได้เช่นเดียวกัน ในเวลานั้นเสิ่นเสี่ยวเหมยอาจจะจงใจไม่ใส่ผ้าอนามัย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เซี่ยเซี่ยฉลาดมาก คิดตามเบาะแสทีละขั้นก็ไขปริศนาออกแล้ว
ไหหม่า(海馬)